ถ้า The Lord of the Rings คือหนึ่งในวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างขึ้น The Hobbit ก็คือหนึ่งในนิยายการผจญภัยที่ดีที่สุดเช่นกัน ถ้าใครได้อ่านสิ่งที่โทลคีนเขียนใน The Lord of the Rings นั้นเราจะได้พบกับอารมณ์จริงจัง มืดหม่น แฝงไว้ด้วยปรัชญาเรียกได้ว่าเป็นเทพนิยายสำหรับผู้ใหญ่ แต่ใน The Hobbit นั้นจะต่างกันออกไปเพราะในเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยอารมณ์สนุกสนาน น่าตื่นเต้นเร้าใจเรียกได้ว่าเป็นเทพนิยายสำหรับเด็ก ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดจะนำเราไปสู่เรื่องราวอันยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
ในส่วนของเนื้อเรื่องของหนังก็ยังคงเป็นไปตามหนังสือไม่ได้มีการดัดแปลงอะไรมากมายนัก ใครที่อ่านหนังสือมาก่อนก็สามารถรู้เรื่องราวได้ว่าต่อมาจะเกิดอะไรขึ้น จะมีส่วนที่เพิ่มเข้ามาเช่นในตอนเปิดเรื่องที่จะมีเรื่องราวตอนที่สม็อกเข้าโจมตีเอเรบอร์ เรื่องราวเกี่ยวกับราดากัส และฉากในคฤหาสน์องเอลรอนด์ที่เราจะได้พบกับการประชุมลับของ เอลรอนด์ แกรนดัล์ฟ ซารูมาน และเลดี้การาเดรียล
บรรยากาศของการกลับไปที่มิดเดิลเอิร์ธคราวนี้เหมือนกลับไปบ้านเก่าที่คุ้นเคย แต่อารมณ์ของเรื่องราวในครั้งนี้นั้นไม่ใช่ความมืดหม่นที่รอคอยคนดู แต่เป็นความสนุกสนาน ตลก ตื้นเต้นมาแทน เพลงที่ร้องในหนังก็เพราะมากครับ
เป็นหนังที่สนุกมากครับ ผู้เขียนนั่งดูอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลาเลยทีดียว พอจบแล้วยังนึกในใจเลยว่าจบแล้วเหรอ คนที่ชอบหนังประเภทแอคชั่น ผจญภัยไม่ควรพลาดเลย
[รีวิวบ้านๆ]The Hobbit : An Unexpected Journey
ในส่วนของเนื้อเรื่องของหนังก็ยังคงเป็นไปตามหนังสือไม่ได้มีการดัดแปลงอะไรมากมายนัก ใครที่อ่านหนังสือมาก่อนก็สามารถรู้เรื่องราวได้ว่าต่อมาจะเกิดอะไรขึ้น จะมีส่วนที่เพิ่มเข้ามาเช่นในตอนเปิดเรื่องที่จะมีเรื่องราวตอนที่สม็อกเข้าโจมตีเอเรบอร์ เรื่องราวเกี่ยวกับราดากัส และฉากในคฤหาสน์องเอลรอนด์ที่เราจะได้พบกับการประชุมลับของ เอลรอนด์ แกรนดัล์ฟ ซารูมาน และเลดี้การาเดรียล
บรรยากาศของการกลับไปที่มิดเดิลเอิร์ธคราวนี้เหมือนกลับไปบ้านเก่าที่คุ้นเคย แต่อารมณ์ของเรื่องราวในครั้งนี้นั้นไม่ใช่ความมืดหม่นที่รอคอยคนดู แต่เป็นความสนุกสนาน ตลก ตื้นเต้นมาแทน เพลงที่ร้องในหนังก็เพราะมากครับ
เป็นหนังที่สนุกมากครับ ผู้เขียนนั่งดูอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลาเลยทีดียว พอจบแล้วยังนึกในใจเลยว่าจบแล้วเหรอ คนที่ชอบหนังประเภทแอคชั่น ผจญภัยไม่ควรพลาดเลย