ข้อสังเกตุถึงลักษณะ น่าจะเข้าข่าย คดีฆาตกรลบล้างเผ่าพันธ์

กระทู้สนทนา
การกำจัดทำลาย ทรัพยากรบุคคล (ปชช) โดยใช้วิถีทาง ด้านกระบวนการยุติธรรมภายใน เป็นความชอบธรรม และสิทธิการกระทำ เพื่อผลประโยชน์การควบคุมทางการเมือง หรือการปกครองในอนาจักรนั้น (ประเทศ หรือ กลุ่มบุคคล) ตามกฏกฎิกายุติธรรมสากล ที่ว่าด้วย สิทธิมนุษยชน ถือว่าเป็น คดีฆาตกรลบล้างเผ่าพันธ์ และเป็นพื้นฐานหลักที่ทำให้เกิดมีการก่อตั้ง กระบวนการยุติธรรมสากล ( ICC) ขึ้นมา ซึ่งประเทศไทย ก็เป็นประเทศหนึ่งที่ได้ลงนามเป็นสมาชิกเครือข่าย (สนธิสัญญากรุงโรม) เช่นกัน ครับ

ตามความเป็นจริงในปี ๕๓ ผู้นำประเทศ ในขณะนั้น ได้ยึดในสิทธิอำนาจโดยการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ในการบริหารสถานะการณ์ ของการชุมนุมเรียกร้อง ตามสิทธิตาม รธน.๕๐ โดยผลประโยชน์ก็คือการสร้างความเข็จราบ ต่อการต่อต้านระบบและลักษณะการปกครอง อันเป็นผลพวงที่มาจากการ ยึดครองอำนาจที่ไม่เป็นไปตามกฏหลักประชาธิปไตยสากล แต่เป็นเพียง ประชาธิปไตยตามจินตนาการไทยๆ ครับ

๑.) ในเมื่อ รัฐธรรมนูญ ที่อาจอ้างได้ว่า ได้รับความยินยอมจาก ประชามติเสียงข้างมาก จึงยึดได้ว่า เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ แต่จากความเป็นจริง ในเมื่อการทำประชามติที่อยู่ในสภาวะ ของการประกาศใช้ กฏอัยการศึก หรือ พรก.ฉุกเฉิน ฯลฯ ที่มีผลโดยตรงกับการริดรอนอิสสระภาพ ของการแสดงออก (ลงคะแนนเสียง) เป็นเหตุผลที่ชี้ชัดได้ว่า ประชามติเป็นโมฆะ หรือไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพ อันหมายถึงว่า รธน.๕๐ ที่ประกาศใช้นี้มิใด้มาจาก ประชามติตามระบอบประชาธิปไตย หรือ เป็น รธน. ที่ไม่มีความชอบธรรม นั่นเองครับ

๒.) ในเมื่อ การยกเลิก รัฐธรรมนูญ (รธน.๔๐) มาจากการวินิจฉัยยอมรับ จาก ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีการแต่งตั้งที่มิได้มาจาก หรืออยู่ในระบบประชาธิปไตย (ที่มาขององศ์ประกอบ และการตรวจสอบได้) ไม่เพียงเป็นการล้มร้าง รธน.๔๐ โดย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ชอบธรรมตาม รธน. เพียงอย่างเดียว ยังจะเป็นการสร้างอำนาจแฝงที่อยู่นอก รัฐธรรมนูญไปพร้อมกันด้วย ในเมื่อ รธน.๕๐ เป็นผลพวงที่มาจากยึดอำนาจในปี ๔๙ อันในแง่ของ ประชาธิปไตย จำต้องยึดถือว่า ปทท.ในระบบประชาธิปไตย สิทธิอันชอบธรรมของ รธน.๔๐ ยังคงอยู่ และ รธน.๕๐ เป็นโมฆะ หรือไม่มีสิทธิชอบธรรมมาแต่ต้น ครับ

๓.) ในเมื่อ รัฐธรรมนูญ (รธน.๕๐) เป็นผลพวงสืบทอด ที่มาจากการยึดอำนาจในปี ๔๙ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน การแก้ใข หรือ ยกเลิก ก็คือการปลดสภาวะของการถูกยึดอำนาจ ฉนั้นกระแสต่อต้าน จากฝ่ายยึดอำนาจจึงบังเกิดขึ้น การต่อสู้เพื่อเรียกร้อง ความเป็นประชาธิปไตย หรือความเป็นธรรม ตามกฏกฎิกาของผู้ยึดอำนาจ ที่มิใช่มาจากประชามติ (ประชาธิปไตย) เป็นสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติไม่ได้ เพราะความถูกต้อง (เป็นธรรม) จะอยู่แต่กับฝ่ายผู้คุมอำนาจ หรือผู้ร่าง รธน. (ผู้ชนะ) เท่านั้นครับ

๔.) ในเมื่อ ฝ่ายผู้คุมอำนาจถึงเรียกร้องให้ฝ่ายถูกยึดอำนาจทั้งหลาย ให้ต้องยอมรับ นิติรัฐ (กฏบัญญํติ รธน.) อย่างเคร่งครัด เพราะเป็นทางเดียวที่สามารถควบคุมอำนาจที่ยึดมาได้ต่อไป นั่นเอง การพิจารณา หรือตีความ ต่างๆ มิสามารถจะเป็นกลาง (ยุติธรรม) ได้ในเมื่อที่มา ๆ จากฝ่ายหนึ่ง (เลือกข้าง) แต่จะมีฝ่ายเดียวที่ถูกต้องเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็น กรณีลบล้าง สิทธิอำนาจที่ได้ยึดครองมา อย่างเช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สามารถพิจารณากรณีพิพาษได้ ทั้งๆ ที่ขาดสิทธิอันชอบธรรมตาม รธน.๕๐ (ขาด วิธีพิจารณา) สามารถรับกรณีพิจารณาโดยตรง  ทั้งๆ ที่ใน รธน.๕๐ ระบุขั้นตอนให้ผ่าน อัยการ เท่านั้น สามารถก้าวก่าย อำนาจรัฐสภา สามารถตีความหรือพิจารณาอย่างอิสสระ โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบใดได้ ฯลฯ เป็นต้นครับ

ในเมื่อ อดีตผู้นำ ใช้สิทธิอำนาจ พรก.ฉุกเฉิน มาเป็นเครื่องมือในการ ปราบปรามผู้ชุมนุม ในปี ๕๓ อันเป็นลักษณะคดี “คดีฆาตกรลบล้างเผ่าพันธ์” ไม่ใช่ “คดีฆาตรกรรม” จึงไม่ทราบว่า ปชช.ผู้เสียหาย จะให้ความหวังอย่างไร กับการ ใช้กระบวนการต่างๆ ของผลพวงที่มาจากการยึดอำนาจ เพื่อให้ได้มาซึ่ง ความเป็นธรรมและชอบธรรม ตามหลักมนุษย์ธรรม หรือ ประชาธิปไตยสากล ล๊ะครับ หรือมีฝ่ายยึดอำนาจใดๆ ในโลกที่เคยต้องอาญาตามกฎิกาที่ฝ่ายตนเองได้สร้างขึ้นมา เพราะแน่ล๊ะตามกฏกฎิกานี้ จะคุ้มครองให้เป็นฝ่ายถูกต้องและชอบธรรม เพียงแต่ฝ่ายผู้เสียหาย หรือฝ่ายที่ยังจำต้องอยู่ใต้อำนาจจะเป็นฝ่ายสูญเสียเพราะเนื่องจากการยอมรับนั่นเอง ครับ

ก่อนที่จะรำพึงเรียกร้องถึง ความเป็นธรรม หรือ ความยุติธรรมเสมอภาค ไม่ใช่อยู่ที่การเรียกร้องจาก กระบวนการยุติธรรม ที่ยังอยู่ในอุ้งอำนาจของ ผลพวงการยึดอำนาจปี ๔๙ แต่สิ่งที่สำคัญ ก็น่าจะอยู่ที่ การปลดผลพวงเหล่านี้ออกจากระบบประชาธิปไตยให้ได้เสียก่อน อันหมายถึงให้การถูกยึดอำนาจ จบสิ้นลงไป ก่อนที่จะเอา แง่มุมทางกฏหมาย หรือกระบวนการยุติธรรม มาเรียกร้อง ครับ เพราะคดีที่บังเกิดขึ้นเป็นคดีสากล (อยู่นอกเหนือ กฏบัญญัติภายในประเทศ) ทำให้การเรียกร้อง หาความเป็นธรรม มีความจำเป็นที่ต้อง เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสากล ได้เท่านั้น ส่วนการปลดแอก แทนที่จะเรียกร้องให้แก้ใข รธน.๕๐ ที่จะไม่แตกต่างอะไร กับการสืบต่อ ผลพวงของการยึดอำนาจปี ๔๙ เป็นอย่างมากได้เท่านั้น สมควรอย่างยิ่ง ที่จะเริ่มด้วยการคืนสู่การใช้ รธน.๔๐ ที่เป็น รัฐธรรมนูญ ในระบบประชาธิปไตยก่อนถูกเลิกใช้โดย ฝ่ายยึดอำนาจเสียก่อน อันจะทำให้การแก้ ฯลฯ เริ่มต้นและเป็นไปตาม ระบบประชาธิปไตย ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่