อ่านสองตอนที่ผ่านมาได้จากตรงนี้เลยค่ะ
เมือง Yeppoon
http://pantip.com/topic/35865120
Middle Percy Island กับเมือง Mackay
http://pantip.com/topic/35867060
พอมีเวลาก็อยากจะมาเล่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใครมีเวลาแวะเข้าก็เชิญคุยกันตามอัธยาศัยนะคะ
ตั้งแต่กระทู้ก่อนๆ ดิฉันลืมพูดถึง Great Barrier Reef ไปค่ะ คือ แนวประการังนี้ จะเริ่มต้นเมือง Bundaberg ค่ะ ห่างจากเมืองออกไปทางตะวันออกประมาณ 50 ไมล์ทะเล ดังนั้น ตั้งแต่เมืองบันดาเบิร์กขึ้นไปจนถึงแคนส์และอีกหลายๆเมืองของออสเตรเรีย ก็คือแนวประการัง Great Barrier Reef นี่แหละค่ะ หรือในแผนที่จะเรียกสั้นๆว่า Reef
หลังจากที่อยู่เมืองแมคคายมาหนึ่งอาทิตย์ เอ๊ะหรือว่าสองอาทิตย์จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าเมืองแมคคายนี่เราเดินกันทุกวัน ฮาฮา จำได้ทุกมุม
เราเดินทางต่อค่ะ หลังจากนี้ต่อไป จะเป็น ทริปที่เป็นที่สุดของทริปเรา คิดไว้ว่า ถ้าไปไม่ถึงเมืองแคนส์ อย่างน้อยๆ ก็อยากไปจะเห็นที่นี่ ไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติแถวนี้
เขตนี้เขาจะเรียกว่า The Whitsundays ค่ะ คือสวรรค์ของนักล่องเรือ และสวรรค์ของทุกๆคนที่ชอบดำประการัง ชอบดูเกาะ ชอบเล่นน้ำทะเลที่อุ่นและสวยงาม
The Whitsundays นี้ จะมีเกาะเล็กเกาะน้อยทั้งหมดด้วยกัน 74 เกาะ มีคนอยู่บ้าง ไม่มีคนบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่บางเกาะนี่จะเป็นเกาะที่คนเยอะมาก และก็เป็นเกาะของผู้มีอันจะกิน เกาะที่พูดถึงนี่ก็คือ Hamilton Island และ อีกสองสามเกาะที่มีรีสอรท์ระดับหลายดาว เช่น Heyman, Day Dream และอื่นๆอีกสองสามเกาะ
เกาะพวกนี้เราจะไม่พูดถึงนะคะ เพราะมันเป็นเกาะที่มีคนอาศัยอยู่ มีรีสอร์ท มีโรงแรม สนามกอล์ฟ มีมารีน่า ที่พูดมาคือราคาแพงค่ะ อิอิ
เข้าเรื่องกันเลย เราออกจากแมคคายใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงก็ถึงเกาะ Brampton เกาะนี้เคยมีรีสอร์ทค่ะ แต่ปิดตัวไปเมื่อตอนที่เศรษฐกิจโลกไม่ได้เมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่ามีคนซ์้อไป แต่ยังไม่รู้ว่าจะเปิดอีกเมื่อไหร่ แต่เขาจ้างคนหนึ่งคน ให้มาดูแลค่ะ เฝ้ายามตรวจตา เพราะรีสอร์ทมีอุปกรณ์อะไรต่างๆครบหมด ห้องพักยังมีที่นอนวางอยู่เลย คือทิ้งไว้ที่เกาะนั่นแหละค่ะ เลยต้องจ้างให้คนมาเฝ้าไว้ กลัวคนเรือจะมาขโมย(หรือเปล่า ก๊ากกกก)
เดี๋ยวเอาแผนที่อันเดิมไปดูอีกนะคะ จะได้มองเห็นภาพว่าดิฉันพูดถึงนี่มันอยู่ที่ไหน
เกาะ Brampton ห่างจากเมือง Mackay ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ

เราพักที่เกาะนี้แค่สองวัน ดิฉันพาเด็กๆเดินสำรวจเกาะ ขึ้นลง สำรวจรีสอร์ท สนามบิน คือเดินกันเหนื่อยค่ะ ส่วนพ่อก็นั่งทำงานอยู่บนเรือ
รีสอร์ทร้างเลยมีแต่สระว่ายน้ำเก่าๆริมทะเล

ตอนนี้น้ำกำลังลงค่ะ จะเริ่มเห็นชายหาดที่กว้างขึ้น น้ำมันจะลงไปเยอะมากๆค่ะ ประมาณ ห้าเมตร มองเห็นรีสอร์ทไหมคะ มีเรือคนที่ดูแลรีสอร์ทจอดอยู่บนหาดเลย เวลาน้ำขึ้นเรือลำนี้ก็จะอยู่ในน้ำค่ะ

ลาเกาะนี้ไป เราก็เดินทางกันต่อไปค้างคืนกันที่ เกาะต่อไป แต่ตามทางนี่ก็จะมีเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายค่ะ
เกาะที่เราไปค้างกันคือ Linderman เป็นเกาะที่มีรีสอร์ทใหญ่โต แต่ก็ปิดตัวไปอีกเช่นกัน ได้ข่าวว่าชาวจีนมาซื้อไว้ ว่าจะเปิดใหม่ แต่ก็ยังเป็นแค่ข่าวลือ รีสอร์ทที่เกาะนี้เป็นของ Clubmaid ค่ะ แต่ตอนนี้ร้าง
พูดถึงเรื่องรีสอรท์แล้ว ก็ขอเล่านิดหนึ่งว่า สาเหตุที่โรงแรมหรือรีสอร์ทต่างๆปิดตัวไป สาเหตุหลักก็คือ โครงการคงจะไม่มีผลกำไรเท่าที่ควร การที่คนจะมาเที่ยวที่ๆแบบนี้ได้ ก็ต้องใช้ความพยายามนิดหน่อย ทั้งเครื่องบิน ทั้งรถ ทั้งเรือ กว่าจะมาถึง และห้องพักก็คงจะแพงตามไปอีก คนตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศกันแทนค่ะ ค่าเครื่องบินยังคงจะถูกกว่าดิ้นรนมาเที่ยวพวกเกาะต่างๆแถวนี้ แต่ยอมรับว่ามันสวยงามมากๆค่ะ
Plantation Bay ที่ Lindeman Island ค่ะ

ตื่นตอนเช้า ออกเดินทางต่อ

เราออกเดินทางต่อ ไปยัง Hook Island เพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีลมแรงมาก และมาจากทางเหนือ ที่เกาะฮุกนี้ จะมีที่ให้ทอดสมอที่สามารถบังลมมาจากทางเหนือได้เป็นอย่างดี ตรงนี้เรียกว่า Nara Inlet
มีเจ้านกค๊อกกาตู้มาทักทันทีหลังจากจอดเรือ

เรานอนที่นี่หนึ่งคืน รอให้ฝนหยุดและลมแรงๆหายก่อน ตอนเช้าเราก็เข้าไปจอดเรือที่มารีน่าของเมือง Airlie Beach
เมืองนี้เป็นฐานการท่องเที่ยวของ Whitsundays ค่ะ คือจะมีเรือเช่าเหมาลำให้เช่าหลายบริษัท ทั้งแบบมี Skipper หรือไม่มี มีเจ็ทสกีให้เช่า มีเรือโดยสารพาไปล่องชมวิวเกาะต่างๆ ไปดำดูประการัง ไปเล่นน้ำทะเลชายหาดที่สวยที่สุดในออสเตรเลียก็อยู่ที่นี่ คือกิจกรรมให้ทำเยอะมากๆค่ะ
จากที่สังเกตุก็เห็นว่า เรือเช่าเหมาลำแบบไม่มีคนขับจะเยอะมากๆค่ะ คือคนจะมาเช่ากันเอง ขนกันมาเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง มาช่วยกันแชร์ค่าเช่า เพราะมันจะแพงมากๆ ราคาขั้นต่ำเลยนะคะ คือแล้วแต่ชนิดของเรือ และขนาดของเรือค่ะ เริ่มต้นที่ 900 เหรียญต่อคืน ดังนั้น เราก็จะเห็นได้ว่าเรือแต่ละลำที่เขาเช่ากันมา จะมีคนเยอะมากๆ คือคงจะช่วยกันออกค่าเช่า ฮาฮา
มารีน่าที่เมือง Airlie Beac้ ชื่อว่า Abbel Point Marina ค่ะ ใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยจอดมาและก็แพงแต่ไม่ที่สุด
เรือสีน้ำเงินในรูปนั้นเป็นเรือเช่าเหมาลำ ซึ่งดิฉันเห็นแล้วก็อดใจไม่ไหวเลยถ่ายรูปมาดู ไปค้นหาในกูเกิ้ล(เรือแต่ละลำจะมีชื่อ) ก็ได้รู้ว่าลำนี้เขาเช่าตกอาทิตย์ละประมาณ สองแสนเหรียญกว่าๆ นี่ไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่นนะคะ หุหุ อ่ะนะ พาเศรษฐีเที่ยวพวกนั้นขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก แต่เงินขนาดนั้นคนธรรมดกว่าจะหาได้ก็อาจจะนานหลายปี

ที่นี่ มีชายหาด แต่ที่บอกไปเรื่องน้ำขึ้นน้ำลงมีระดับที่ต่างกันมาก ทำให้รัฐบาลสร้างสระว่ายน้ำริมทะเลไว้ให้คนเล่นน้ำแทนค่ะ
แบ๊คแพ๊คเกอร์จากทั่วทุกมุมโลกชอบมาเมืองนี้มาก สวรรค์ของคนหนุ่มสาวเลยแหละ

อยู่มารีน่าแค่สามคืนเราก็เดินทางต่อค่ะ มันแพงอยู่นานไม่ได้
เราขึ้นเหนือไปอีกประมาณ 20 ไมล์ทะเล ที่นี่จะเรียกว่า Cape Gloucester เป็นแหลมเล็กๆยื่นออกมา มีรีสอร์ทสองรีสอร์ทเปิดทำการ คนเรือก็จะมาทอดสมอนอนพักผ่อนกัน เล่นน้ำทะเล ออกไปดื่ม ไปทานอาหารที่ร้านอาหารในรีสอร์ท แต่แขกจากทางบกก็มานะคะ มาพักและมาทานอาหารกันเยอะเลยค่ะ เพราะแหลมนี้เงียบและสวยงามมาก
ลืมบอกไปว่า ตอนเดินทาง เราตกปลาได้ค่ะ เป็นปลาอินทรีย์ตัวใหญ่พอสมควร กินไปหลายวันเลยกว่าจะหมด ทำอาหารไปหลายอย่าง

ทอดมันปลาอินทรีย์ค่ะ

จานนี้เป็นทูน่ากระป๋องค่ะ ดิฉันไม่กล้ากินปลาที่ตกเองเท่าไหร่

กล้วยแขก ได้กล้วยน้ำหว้าจากตลาด คนไทยขาย หลายเจ้าด้วยค่ะ ไปไหนก็เจอแต่คนไทย ได้กินผักผลไม้ไทยๆ

ไปดูรูปของแหลมนี้กันค่ะ

ภายในรีสอร์ทถ้าเราไปนั่งดื่มหรือไปทานอาหาร เขาอนุญาตให้เราเล่นน้ำในสระได้ค่ะ

เราพักที่แหลมนี้ประมาณห้าวันค่ะ วันไหนขี้เกียจทำกับข้าวก็ไปฝากท้องไว้ที่รีสอร์ท(นานๆที)

หลังจากสนุกสนานกับการพักผ่อน เราก็เดินทางลงมาหาหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่อยู่ในเขตของเมือง Airlie Beach เหมือนเดิมค่ะ
นั่งเรือจากแหลมไปที่เกาะ Hayman ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของรีสอร์ทชื่อดัง One & only ถ้าใครอยากรู้ก็กูเกิ้ลไปดูนะคะ รีสอร์ทเศรษฐีค่ะ
เราไปดำดูประการังกันที่ Blue Pearl Bay ค่ะ บอกได้คำเดียวว่าสวยจับใจ ประการังหลากสี ปลาสวยงาม ที่ Whitsundays นี้มีที่ให้ดำประการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเยอะมากๆค่ะ ไม่ต้องออกไปไกลถึงแนวประการัง ก็สามารถเห็นของสวยๆงามๆได้ เสียดายเราไม่ได้เอากล้องใต้น้ำไปค่ะ ไม่มีรูปมาให้ดู
หาดนี้แหละค่ะ สีน้ำมันเป็นน้ำเงินเข้มมากๆเลยชื่อแบบนี้มั๊งนะ

เราค้างคืนเดียวก็ออกเดินทางต่อค่ะ ไปที่เกาะอื่นๆ อีกสองเกาะ แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปค่ะ พาเด็กๆไปเล่นน้ำเดินชายหาดกัน
ออกจากมารีน่ามาหลายคืนแล้ว เราก็ต้องกลับไปเติมน้ำและเติมอาหารค่ะ ไปค้างที่มารีน่าอีกสองคืน ก็กลับออกมาอยู่ที่เกาะกันเหมือนเดิม
เราไปทอดสมอกันที่ Sid Harbour ซึ่งเป็นเบย์ของเกาะ Whitsunday (สังเกตุไหมคะว่าไม่มีตัว S) คือ ในพื้นที่ของ Whitsundays จะมี 74 เกาะ และหนึ่งในนั้นก็จะเป็นเกาะนี้แหละค่ะ Whitsunday เกาะที่ใหญ่ที่สุด และมีเขาที่สูงที่สุดให้ปีนขึ้นไปชมวิว เรียกว่า Whitsunday Summit
สามีทำงานค่ะ ดิฉันพาเด็กๆเดินไปชมวิว ต้องบอกปีน เพราะมันลำบากนิดๆ และไกลมาก ใช้เวลาไปกลับ 4 ชั่วโมงค่ะ ลูดิฉันร้องไห้กัน เพราะเหนื่อยมาก และกลัวแมลงวันดูดเลือดกัน มันเต็มไปหมด อากาศมันร้อน แล้วที่เกาะต่างๆพวกนี้จะมีแมลงวันดูดเลือดเต็มไปหมดค่ะ(หน้าร้อนนะ)
ตอนที่เราเดินขึ้นเกาะไป มีเจอคนเดินอยู่ห้าหกคน พวกเขาบอก ลูกเธอคงจะเดินไม่ไหวหรอก มันไกล และลำบากมาก อาจจะไปได้ถึงครึ่งทาง แต่ขอบอก แม่มันอึด ลูกก็อึดด้วยค่ะ เด็กสองคนพิชิตยอดเขา Whitsunday Summit แบบทุลักทุเล ฮาฮา สงสารลูกจนถึงทุกวันนี้

หลังจากพักที่นี่สองคืน เราก็เปลี่ยนที่นอนไปเรื่อยๆ
ต่อนะคะ
ยังอยากจะเล่าเรื่องสี่ชีวิต
เมือง Yeppoon http://pantip.com/topic/35865120
Middle Percy Island กับเมือง Mackay http://pantip.com/topic/35867060
พอมีเวลาก็อยากจะมาเล่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใครมีเวลาแวะเข้าก็เชิญคุยกันตามอัธยาศัยนะคะ
ตั้งแต่กระทู้ก่อนๆ ดิฉันลืมพูดถึง Great Barrier Reef ไปค่ะ คือ แนวประการังนี้ จะเริ่มต้นเมือง Bundaberg ค่ะ ห่างจากเมืองออกไปทางตะวันออกประมาณ 50 ไมล์ทะเล ดังนั้น ตั้งแต่เมืองบันดาเบิร์กขึ้นไปจนถึงแคนส์และอีกหลายๆเมืองของออสเตรเรีย ก็คือแนวประการัง Great Barrier Reef นี่แหละค่ะ หรือในแผนที่จะเรียกสั้นๆว่า Reef
หลังจากที่อยู่เมืองแมคคายมาหนึ่งอาทิตย์ เอ๊ะหรือว่าสองอาทิตย์จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าเมืองแมคคายนี่เราเดินกันทุกวัน ฮาฮา จำได้ทุกมุม
เราเดินทางต่อค่ะ หลังจากนี้ต่อไป จะเป็น ทริปที่เป็นที่สุดของทริปเรา คิดไว้ว่า ถ้าไปไม่ถึงเมืองแคนส์ อย่างน้อยๆ ก็อยากไปจะเห็นที่นี่ ไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติแถวนี้
เขตนี้เขาจะเรียกว่า The Whitsundays ค่ะ คือสวรรค์ของนักล่องเรือ และสวรรค์ของทุกๆคนที่ชอบดำประการัง ชอบดูเกาะ ชอบเล่นน้ำทะเลที่อุ่นและสวยงาม
The Whitsundays นี้ จะมีเกาะเล็กเกาะน้อยทั้งหมดด้วยกัน 74 เกาะ มีคนอยู่บ้าง ไม่มีคนบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่บางเกาะนี่จะเป็นเกาะที่คนเยอะมาก และก็เป็นเกาะของผู้มีอันจะกิน เกาะที่พูดถึงนี่ก็คือ Hamilton Island และ อีกสองสามเกาะที่มีรีสอรท์ระดับหลายดาว เช่น Heyman, Day Dream และอื่นๆอีกสองสามเกาะ
เกาะพวกนี้เราจะไม่พูดถึงนะคะ เพราะมันเป็นเกาะที่มีคนอาศัยอยู่ มีรีสอร์ท มีโรงแรม สนามกอล์ฟ มีมารีน่า ที่พูดมาคือราคาแพงค่ะ อิอิ
เข้าเรื่องกันเลย เราออกจากแมคคายใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงก็ถึงเกาะ Brampton เกาะนี้เคยมีรีสอร์ทค่ะ แต่ปิดตัวไปเมื่อตอนที่เศรษฐกิจโลกไม่ได้เมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่ามีคนซ์้อไป แต่ยังไม่รู้ว่าจะเปิดอีกเมื่อไหร่ แต่เขาจ้างคนหนึ่งคน ให้มาดูแลค่ะ เฝ้ายามตรวจตา เพราะรีสอร์ทมีอุปกรณ์อะไรต่างๆครบหมด ห้องพักยังมีที่นอนวางอยู่เลย คือทิ้งไว้ที่เกาะนั่นแหละค่ะ เลยต้องจ้างให้คนมาเฝ้าไว้ กลัวคนเรือจะมาขโมย(หรือเปล่า ก๊ากกกก)
เดี๋ยวเอาแผนที่อันเดิมไปดูอีกนะคะ จะได้มองเห็นภาพว่าดิฉันพูดถึงนี่มันอยู่ที่ไหน
เกาะ Brampton ห่างจากเมือง Mackay ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ
เราพักที่เกาะนี้แค่สองวัน ดิฉันพาเด็กๆเดินสำรวจเกาะ ขึ้นลง สำรวจรีสอร์ท สนามบิน คือเดินกันเหนื่อยค่ะ ส่วนพ่อก็นั่งทำงานอยู่บนเรือ
รีสอร์ทร้างเลยมีแต่สระว่ายน้ำเก่าๆริมทะเล
ตอนนี้น้ำกำลังลงค่ะ จะเริ่มเห็นชายหาดที่กว้างขึ้น น้ำมันจะลงไปเยอะมากๆค่ะ ประมาณ ห้าเมตร มองเห็นรีสอร์ทไหมคะ มีเรือคนที่ดูแลรีสอร์ทจอดอยู่บนหาดเลย เวลาน้ำขึ้นเรือลำนี้ก็จะอยู่ในน้ำค่ะ
ลาเกาะนี้ไป เราก็เดินทางกันต่อไปค้างคืนกันที่ เกาะต่อไป แต่ตามทางนี่ก็จะมีเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายค่ะ
เกาะที่เราไปค้างกันคือ Linderman เป็นเกาะที่มีรีสอร์ทใหญ่โต แต่ก็ปิดตัวไปอีกเช่นกัน ได้ข่าวว่าชาวจีนมาซื้อไว้ ว่าจะเปิดใหม่ แต่ก็ยังเป็นแค่ข่าวลือ รีสอร์ทที่เกาะนี้เป็นของ Clubmaid ค่ะ แต่ตอนนี้ร้าง
พูดถึงเรื่องรีสอรท์แล้ว ก็ขอเล่านิดหนึ่งว่า สาเหตุที่โรงแรมหรือรีสอร์ทต่างๆปิดตัวไป สาเหตุหลักก็คือ โครงการคงจะไม่มีผลกำไรเท่าที่ควร การที่คนจะมาเที่ยวที่ๆแบบนี้ได้ ก็ต้องใช้ความพยายามนิดหน่อย ทั้งเครื่องบิน ทั้งรถ ทั้งเรือ กว่าจะมาถึง และห้องพักก็คงจะแพงตามไปอีก คนตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศกันแทนค่ะ ค่าเครื่องบินยังคงจะถูกกว่าดิ้นรนมาเที่ยวพวกเกาะต่างๆแถวนี้ แต่ยอมรับว่ามันสวยงามมากๆค่ะ
Plantation Bay ที่ Lindeman Island ค่ะ
ตื่นตอนเช้า ออกเดินทางต่อ
เราออกเดินทางต่อ ไปยัง Hook Island เพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีลมแรงมาก และมาจากทางเหนือ ที่เกาะฮุกนี้ จะมีที่ให้ทอดสมอที่สามารถบังลมมาจากทางเหนือได้เป็นอย่างดี ตรงนี้เรียกว่า Nara Inlet
มีเจ้านกค๊อกกาตู้มาทักทันทีหลังจากจอดเรือ
เรานอนที่นี่หนึ่งคืน รอให้ฝนหยุดและลมแรงๆหายก่อน ตอนเช้าเราก็เข้าไปจอดเรือที่มารีน่าของเมือง Airlie Beach
เมืองนี้เป็นฐานการท่องเที่ยวของ Whitsundays ค่ะ คือจะมีเรือเช่าเหมาลำให้เช่าหลายบริษัท ทั้งแบบมี Skipper หรือไม่มี มีเจ็ทสกีให้เช่า มีเรือโดยสารพาไปล่องชมวิวเกาะต่างๆ ไปดำดูประการัง ไปเล่นน้ำทะเลชายหาดที่สวยที่สุดในออสเตรเลียก็อยู่ที่นี่ คือกิจกรรมให้ทำเยอะมากๆค่ะ
จากที่สังเกตุก็เห็นว่า เรือเช่าเหมาลำแบบไม่มีคนขับจะเยอะมากๆค่ะ คือคนจะมาเช่ากันเอง ขนกันมาเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง มาช่วยกันแชร์ค่าเช่า เพราะมันจะแพงมากๆ ราคาขั้นต่ำเลยนะคะ คือแล้วแต่ชนิดของเรือ และขนาดของเรือค่ะ เริ่มต้นที่ 900 เหรียญต่อคืน ดังนั้น เราก็จะเห็นได้ว่าเรือแต่ละลำที่เขาเช่ากันมา จะมีคนเยอะมากๆ คือคงจะช่วยกันออกค่าเช่า ฮาฮา
มารีน่าที่เมือง Airlie Beac้ ชื่อว่า Abbel Point Marina ค่ะ ใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยจอดมาและก็แพงแต่ไม่ที่สุด
เรือสีน้ำเงินในรูปนั้นเป็นเรือเช่าเหมาลำ ซึ่งดิฉันเห็นแล้วก็อดใจไม่ไหวเลยถ่ายรูปมาดู ไปค้นหาในกูเกิ้ล(เรือแต่ละลำจะมีชื่อ) ก็ได้รู้ว่าลำนี้เขาเช่าตกอาทิตย์ละประมาณ สองแสนเหรียญกว่าๆ นี่ไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่นนะคะ หุหุ อ่ะนะ พาเศรษฐีเที่ยวพวกนั้นขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก แต่เงินขนาดนั้นคนธรรมดกว่าจะหาได้ก็อาจจะนานหลายปี
ที่นี่ มีชายหาด แต่ที่บอกไปเรื่องน้ำขึ้นน้ำลงมีระดับที่ต่างกันมาก ทำให้รัฐบาลสร้างสระว่ายน้ำริมทะเลไว้ให้คนเล่นน้ำแทนค่ะ
แบ๊คแพ๊คเกอร์จากทั่วทุกมุมโลกชอบมาเมืองนี้มาก สวรรค์ของคนหนุ่มสาวเลยแหละ
อยู่มารีน่าแค่สามคืนเราก็เดินทางต่อค่ะ มันแพงอยู่นานไม่ได้
เราขึ้นเหนือไปอีกประมาณ 20 ไมล์ทะเล ที่นี่จะเรียกว่า Cape Gloucester เป็นแหลมเล็กๆยื่นออกมา มีรีสอร์ทสองรีสอร์ทเปิดทำการ คนเรือก็จะมาทอดสมอนอนพักผ่อนกัน เล่นน้ำทะเล ออกไปดื่ม ไปทานอาหารที่ร้านอาหารในรีสอร์ท แต่แขกจากทางบกก็มานะคะ มาพักและมาทานอาหารกันเยอะเลยค่ะ เพราะแหลมนี้เงียบและสวยงามมาก
ลืมบอกไปว่า ตอนเดินทาง เราตกปลาได้ค่ะ เป็นปลาอินทรีย์ตัวใหญ่พอสมควร กินไปหลายวันเลยกว่าจะหมด ทำอาหารไปหลายอย่าง
ทอดมันปลาอินทรีย์ค่ะ
จานนี้เป็นทูน่ากระป๋องค่ะ ดิฉันไม่กล้ากินปลาที่ตกเองเท่าไหร่
กล้วยแขก ได้กล้วยน้ำหว้าจากตลาด คนไทยขาย หลายเจ้าด้วยค่ะ ไปไหนก็เจอแต่คนไทย ได้กินผักผลไม้ไทยๆ
ไปดูรูปของแหลมนี้กันค่ะ
ภายในรีสอร์ทถ้าเราไปนั่งดื่มหรือไปทานอาหาร เขาอนุญาตให้เราเล่นน้ำในสระได้ค่ะ
เราพักที่แหลมนี้ประมาณห้าวันค่ะ วันไหนขี้เกียจทำกับข้าวก็ไปฝากท้องไว้ที่รีสอร์ท(นานๆที)
หลังจากสนุกสนานกับการพักผ่อน เราก็เดินทางลงมาหาหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่อยู่ในเขตของเมือง Airlie Beach เหมือนเดิมค่ะ
นั่งเรือจากแหลมไปที่เกาะ Hayman ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของรีสอร์ทชื่อดัง One & only ถ้าใครอยากรู้ก็กูเกิ้ลไปดูนะคะ รีสอร์ทเศรษฐีค่ะ
เราไปดำดูประการังกันที่ Blue Pearl Bay ค่ะ บอกได้คำเดียวว่าสวยจับใจ ประการังหลากสี ปลาสวยงาม ที่ Whitsundays นี้มีที่ให้ดำประการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเยอะมากๆค่ะ ไม่ต้องออกไปไกลถึงแนวประการัง ก็สามารถเห็นของสวยๆงามๆได้ เสียดายเราไม่ได้เอากล้องใต้น้ำไปค่ะ ไม่มีรูปมาให้ดู
หาดนี้แหละค่ะ สีน้ำมันเป็นน้ำเงินเข้มมากๆเลยชื่อแบบนี้มั๊งนะ
ออกจากมารีน่ามาหลายคืนแล้ว เราก็ต้องกลับไปเติมน้ำและเติมอาหารค่ะ ไปค้างที่มารีน่าอีกสองคืน ก็กลับออกมาอยู่ที่เกาะกันเหมือนเดิม
เราไปทอดสมอกันที่ Sid Harbour ซึ่งเป็นเบย์ของเกาะ Whitsunday (สังเกตุไหมคะว่าไม่มีตัว S) คือ ในพื้นที่ของ Whitsundays จะมี 74 เกาะ และหนึ่งในนั้นก็จะเป็นเกาะนี้แหละค่ะ Whitsunday เกาะที่ใหญ่ที่สุด และมีเขาที่สูงที่สุดให้ปีนขึ้นไปชมวิว เรียกว่า Whitsunday Summit
สามีทำงานค่ะ ดิฉันพาเด็กๆเดินไปชมวิว ต้องบอกปีน เพราะมันลำบากนิดๆ และไกลมาก ใช้เวลาไปกลับ 4 ชั่วโมงค่ะ ลูดิฉันร้องไห้กัน เพราะเหนื่อยมาก และกลัวแมลงวันดูดเลือดกัน มันเต็มไปหมด อากาศมันร้อน แล้วที่เกาะต่างๆพวกนี้จะมีแมลงวันดูดเลือดเต็มไปหมดค่ะ(หน้าร้อนนะ)
ตอนที่เราเดินขึ้นเกาะไป มีเจอคนเดินอยู่ห้าหกคน พวกเขาบอก ลูกเธอคงจะเดินไม่ไหวหรอก มันไกล และลำบากมาก อาจจะไปได้ถึงครึ่งทาง แต่ขอบอก แม่มันอึด ลูกก็อึดด้วยค่ะ เด็กสองคนพิชิตยอดเขา Whitsunday Summit แบบทุลักทุเล ฮาฮา สงสารลูกจนถึงทุกวันนี้
หลังจากพักที่นี่สองคืน เราก็เปลี่ยนที่นอนไปเรื่อยๆ
ต่อนะคะ