ผู้พันซาดิสม์ บทที่ 1

กระทู้สนทนา
ผู้พันซาดิสม์ บทนำ http://pantip.com/topic/35817141

ผู้พันซาดิสม์  บทที่ 1

พลได้ส่งเอกสารสมัครเป็นครูฝึกมาล่วงหน้าแล้ว และได้รับการต้อนรับจากทางค่ายเป็นอย่างดี ทางค่ายได้นัดมารายงานตัวก่อนที่จะให้ฝึกทหารประจำการ
วันนี้เป็นวันที่พลต้องมารายงานตัวเพื่อเข้าประจำการเป็นครูฝึกทหาร สำหรับประเทศทมิฬแล้ว ผู้ชายทุกคนต้องเป็นทหารเมื่ออายุครบ 20 บริบูรณ์

ประเทศทมิฬเป็นประเทศเล็กๆที่อยู่ติดกับประเทศไทย (อุตรดิตถ์และเลย) และประเทศลาว (ไชยบุรี) มีพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางกิโลเมตร  มีประชากรทั้งหมดประมาณ 10 ล้าน

พลและพจน์เป็นประชากรของประเทศนี้โดยกำเนิด วันนี้เขาขับมอเตอร์ไซค์เพื่อมารายงานตัวเป็นครูฝึก เขาใส่ชุดทหารลายพรางและสะพายเป้ลายพราง
พอรถของเขาเลี้ยวเข้ามาที่ค่ายทหารแห่งนี้ เขาก็นำรถไปจอด แล้วก็เดินมาตรงที่มีทหารจำนวนห้านายยืนรอเขาอยู่ พลเดินไปใกล้ทหารกลุ่มนั้นแล้วยืนนิ่ง เขาพอจะเดาได้ว่าพวกนี้เป็นครูฝึกรุ่นพี่ที่ขอมารับน้องครูฝึกทหารใหม่อย่างเขา

ทหารคนกลางที่พลเรียกมันในใจว่า “ไอ้หน้าโหด” พูดขึ้นเป็นครั้งแรก “วิ่งรอบสนาม 20 รอบ” มันหมายถึงสนามด้านหน้าค่ายตรงที่พวกมันยืนอยู่ พลไม่ได้พูดตอบอะไร เขาเตรียมจะวางเป้เพื่อที่จะวิ่ง แต่ไอ้หน้าโหดได้ทัดทานไว้ “ไม่ต้องวางเป้ เมิงวิ่งพร้อมเป้ไปเลย”

ได้ยินดังนั้น พลเลยเอาเป้มาสะพายเหมือนเดิม ถึงเป้จะค่อนข้างหนัก แต่รบพิเศษอย่างเขาสามารถวิ่งพร้อมเป้ได้อย่างสบาย พลวิ่งไปเรื่อยๆจนครบ 20 รอบสนาม เขามีอาการเหนื่อยหอบเพียงเล็กน้อย พอวิ่งครบ เขาก็มายืนหน้าไอ้หน้าโหดในท่าตรงเพื่อรับคำสั่งต่อ

ไอ้หน้าโหดออกคำสั่งต่อตามที่เขาได้คาดไว้ “วิดพื้น 100 ครั้ง” พลทำท่าวิดพื้นท่าเตรียม เขาวิดพื้นพร้อมกับสะพายเป้ไปด้วย ในการวิดพื้นแต่ละครั้ง เขาจะนับไปด้วย เสียงดังฟังชัดและดูห้าวมาก เสียงของพลออกทุ้มและห้าวสมชายชาตรี พอวิดพื้นจนครบ 100 ครั้ง เขาก็ลุกขึ้นยืนในท่าตรงต่อหน้าไอ้หน้าโหด

ไอ้หน้าโหดยิ้มอย่างโหดๆ “ตามกูมา”

ไอ้หน้าโหดกับพรรคพวกของมันเดินขึ้นบันไดไปบนใต้ตึกบัญชาการ พอพลเดินตามขึ้นไปก็จะเห็นว่าด้านหน้าเป็นสนามที่ใหญ่โตมาก แต่มันมีความแปลกอยู่อย่างตรงที่มีคนเอาหินแหลมหลายร้อยก้อนมาวางไว้เป็นทางยาว สุดทางที่อยู่ค่อนข้างไกลมีทหารยืนอยู่ประมาณสามนาย พลพอจะเดาออกว่าพวกนี้ทำทางหินแหลมไว้ทำไม

“ถอดเครื่องแบบเมิงออก” ไอ้หน้าโหดออกคำสั่ง

พลหันไปมองหน้ามัน พลยืนนิ่ง มันก็มองพลนิ่ง ตาไม่กะพริบ พลวางเป้ลงบนพื้น แล้วถอดเสื้อชั้นนอกและชั้นในออก หลังจากนั้นก็ถอดรองเท้าคอมแบท ถอดถุงเท้า แล้วจึงถอดกางเกงออกจนเหลือกางเกงในเพียงตัวเดียว พอถอดเครื่องแบบออกหมดแล้ว พลก็กลับมายืนในท่าตรง

ไอ้หน้าโหดไม่นึกว่าพลจะมีหุ่นล่ำและบึกบึนถึงเพียงนี้ กล้ามอกของพลค่อนข้างหนาแต่ไม่หนาเหมือนพวกเพาะกาย กล้ามแขนกำลังพอดีและดูแกร่ง หน้าท้องของพลมีซิกแพคเห็นได้ชัดเจน ทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังพลจะเห็นรูปร่างของพลได้ชัดมากว่าช่วงบนค่อนข้างใหญ่ แต่ตรงเอวคอดอย่างสวยงาม
ไอ้หน้าโหดยิ้มอย่างโหดๆอีกครั้งก่อนจะออกคำสั่ง “เมิงเดินไปยืนตรงทางหินตรงนั้น”

พลเดินด้วยเท้าเปล่า พอก้าวแรกได้สัมผัสหินแหลมพวกนั้น พลเริ่มรู้สึกเจ็บที่เท้าขึ้นมาทันที พอไปยืนบางทางหิน พลยืนนิ่งรอรับคำสั่งต่อไป
“หมอบ” ไอ้หน้าโหดออกคำสั่งต่อ

พลหมอบตามคำสั่ง พอหมอบลงไป ร่างกายของเขาสัมผัสกับก้อนหินแหลมทันที เขารู้สึกเจ็บมาก
“ลุก” ไอ้หน้าโหดสั่งลุก

“กูอยากให้หมอบกลางอากาศแล้วให้ร่างกายเมิงลงไปกระแทกพื้นหิน”
พลมองหน้าไอ้หน้าโหดนิ่ง

“หมอบ” ไอ้หน้าโหดสั่งหมอบอีกครั้ง พลกระโดดหมอบกลางอากาศแล้วทิ้งร่างกายลงไปกระแทกพื้นหินทำให้เขาเจ็บปวดมาก แต่รบพิเศษอย่างเขาทนได้เสมอ

ไอ้หน้าโหดออกคำสั่งต่อ “เอามือไพล่หลังแล้วแถกปลาหมอไปจนสุดทาง”

พลปฏิบัติตาม เขาเอามือไพล่หลังแล้วค่อยๆเอาหน้าอกแถกตัวไปเรื่อยๆบนพื้นหินแหลม ถึงจะเจ็บมาก แต่พลต้องเล่นตามเกมไปก่อน เขาอยากเข้ามาสืบว่าทำไมพจน์ถึงโดนหนักขนาดนั้นจนเสียชีวิต มีใครเกี่ยวข้องบ้าง พออยากสืบโดยละเอียดก็ต้องยอมเล่นตามเกมของไอ้พวกจอมโหด พลพอจะรู้มาบ้างว่าค่ายทหารในประเทศของเขามักจะมีรับน้องในลักษณะนี้ แต่ของที่นี่ค่อนข้างโหดและก็ไม่รู้ว่าเขาจะเจออะไรอีกบ้าง

พจน์เองคงจะโดนแบบนี้เหมือนกัน แต่พจน์ชอบการเป็นทหารมากและใฝ่ฝันอยากเป็นรบพิเศษตั้งแต่ยังเด็ก โดนแค่นี้ เขารับมือไหวแน่ ตอนเด็กๆ พลกับพจน์มักจะมีเรื่องชกต่อยกันเป็นประจำ เขาอายุห่างกันประมาณปีเศษ จึงสนิทกันมาก แต่เป็นการสนิทที่แทบจะไม่ค่อยพูดกัน

ต่างคนต่างรู้ว่าแต่ละคนชอบการเป็นทหารและชอบชกต่อย เขาทั้งสองจึงหาเรื่องกันเป็นประจำ พ่อของพวกเขามองออกว่าทั้งคู่เล่นกัน แต่ก็ต่อยกันจริง แต่แม่เอง พอเห็นแล้วก็ลมใส่แทบทุกครั้ง พลกับพจน์ชอบชกต่อยกันจนพ่อต้องซื้อกระสอบทรายมาไว้ที่บ้าน แต่ทั้งคู่ไม่นิยมชกกระสอบ แต่นิยมชกกันเองมากกว่า

จนทั้งคู่อายุประมาณ 11-12 ปี พ่อกับแม่ก็แยกทางกัน พลอยู่กับพ่อ ส่วนพจน์ไปอยู่กับแม่ แล้วอีกประมาณ 10 ปี ทั้งคู่ก็มาเจอกันในวงการทหาร จนได้มาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในหน่วยรบพิเศษซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ฝึกโหดมาก ขณะที่พละกำลังคิดว่าเขาจะมาเป็นครูฝึกทหารดีไหม เพื่อนสนิทของเขาก็แจ้งข่าวมาว่าพจน์เสียชีวิตแล้ว

พลแถกตัวไปจนสุดทาง พอจนสุดทางหินแล้ว เขายังนอนนิ่ง โดยยังนอนอยู่บนหินแหลม เขามองเห็นรองเท้าคอมแบทที่อยู่ข้างหน้า รองเท้านั้นก็นิ่งไม่ขยับ ยังไม่มีคำสั่งใดๆออกมาจากเจ้าของรองเท้านั้น พลนิ่งรอด้วยอาการสงบ จนนายทหารคนนั้นออกคำสั่ง แต่ไม่ได้สั่งเขา แต่สั่งลูกน้องอีกสองนายแทน
“กระทืบมัน”

พอสิ้นคำสั่ง นายทหารสองนายก็มารุมกระทืบหลังของพล การกระทืบหลังทำให้ช่วงหน้าอกและหน้าท้องจะไปโดนหินแหลมเข้าอย่างจัง พลคิดว่าตรงหน้าอกเขาน่าจะเป็นแผลบ้างแล้ว เพราะหินแต่ละก้อนก็แหลมมาก
“หยุด” นายทหารคนนั้นออกคำสั่งลูกน้องมันให้หยุด

ตอนนี้บรรยากาศรอบข้างตกอยู่ในความเงียบ
พลเองก็นิ่งเงียบรอเวลา
นายทหารคนนั้นคงอยากเห็นผลงานของเขาแล้ว จึงออกคำสั่งพล
“ลุก”

พลลุกขึ้นมายืนในท่าตรง เขากำลังประจันหน้ากับผู้พัน ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของค่ายทหารแห่งนี้

ผู้พันรู้สึกดีที่ทุกอย่างเต็มไปตามคาด เพราะตามตัวของพลมีริ้วรอยถลอกเต็มไปหมด ส่วนตรงหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจะมีเลือดซิบๆหลายรอย ผู้พันรู้สึกมีความสุขมากที่เห็นครูฝึกทหารใหม่สะบักสะบอมถึงเพียงนี้ ผู้พันยังไม่พูดอะไร แต่จ้องหน้าพลตาไม่กะพริบ พลเองก็จ้องหน้าผู้พันเหมือนกัน
ผู้พันคนนี้หน้าตาเหี้ยมโหดมาก มันทำให้พลคิดถึงฮิตเลอร์ เขาน่าจะเป็นคนที่โหดร้ายมาก แต่เพื่อให้การสืบเรื่องพจน์กระจ่างแก่ใจเขา พลจึงต้องยอมทุกอย่างและกล้าเผชิญกับความโหดทั้งปวงด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง

ผู้พันซาดิสม์ออกคำสั่งต่อ
“เอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย”

พลทำตาม ไม่นานนัก ทหารกลุ่มแรกเดินมาพร้อมด้วยไม้หน้าสามติดมือมาด้วยคนละอัน เมื่อมาถึงก็เอาไม้หน้าสามมารุมฟาดพลโดยเล็งการฟาดแค่สามถึงสี่จุดคือบริเวณหน้าอก หน้าท้อง ตรงแผ่นหลัง ต้นขา และก็ตรงก้น การฟาดแรงถึงระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้แรงถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย เป็นการฟาดเน้นเฉพาะจุด ฟาดย้ำบ่อยๆเพื่อให้ร่างกายตรงนั้นเกิดรอยช้ำ
“พอ”
ผู้พันออกคำสั่งให้ลูกน้องหยุดการกระทำ

ผู้พันจ้องหน้าพลแล้วพูดว่า “ขอต้อนรับสู่ค่ายทหารของกู” พอพูดจบเขาก็เดินจากไป ไอ้หน้าโหดหันมาพูดกับพล ซึ่งพลเองยังอยู่ในท่ายืนเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย

ไอ้หน้าโหดพูดกับเขา “เดี๋ยวกูจะพาเมิงไปที่ห้องพัก”

พลเอามือลง หันไปมองด้านหน้าค่าย เสื้อผ้าของเขาและเป้ยังวางอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครถือมาให้ พละกำลังจะก้าวขาเดินไปทางพื้นสนามหญ้า แต่ไอ้หน้าโหดเอามือดันอกเขาไว้

“แถกปลาหมอมา ก็ต้องแถกปลาหมอกลับสิวะ”

ไอ้หน้าโหดนี่โหดไม่แพ้ผู้พันเลย พลคิดในใจระหว่างมองหน้ามัน แล้วเขาก็ยอมทำตามที่มันสั่ง เขาต้องยอมทำตามเกมของพวกซาดิสม์นี้ไปก่อน พลกำลังจะนอนคว่ำลง แต่ไอ้หน้าโหดไม่พอใจ

“เมิงลืมไปแล้วเหรอ กระโดดหมอบกลางอากาศไง จำไม่ได้เหรอวะ”

พลคิดในใจว่า ไอ้หน้าโหดนี่โคตรซาดิสม์เลย ขนาดร่างกายเขาบอบช้ำขนาดนี้ มันยังอยากจะให้เขาโดดหมอบกลางอากาศอีก พจน์มาตกอยู่ในท่ามกลางคนพวกนี้ได้ยังไง เขาต้องสืบให้รู้ให้ได้ว่าพจน์สมัครมาเองหรือโดนใครส่งมา แต่เรื่องนั้นเอาไว้ที่หลัง ตอนนี้ต้องทำตามคำสั่งของไอ้หน้าโหดนี่ก่อน

พลยอมโดดหมอบกลางอากาศลงไปกระแทกพื้นหินแหลม พอโดนเท่านั้น มันเจ็บปวดทรมานมาก แต่เขาต้องอดทนให้ได้ เขาเป็นพวกรบพิเศษที่เคยเจอความโหดมามากกว่านี้ ความโหดระดับนี้ เขารับไหวอยู่แล้ว เขาต้องแถกตัวกลับไปยังจุดเดิม

พอถึงจุดเดิม ไอ้หน้าโหดสั่งให้เขาลุก ตอนนี้ร่างกายเขาบริเวณหน้าอกและหน้าท้องมีรอยถลอกเลือดซิบๆเต็มไปหมด ลูกน้องไอ้หน้าโหดเดินเอาของบางอย่างมาให้เขา มันเป็นกระปุกเกลือสี่กระปุก ไอ้หน้าโหดให้ลูกน้องของมันถือกระปุกเกลือคนละหนี่งกระปุกก่อนจะหันมาออกคำสั่งพล
“เอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย”

พลทำตาม เมื่อไอ้หน้าโหดพยักหน้า ลูกน้องของมันก็มารุมล้อมตัวพล แล้วเอาเกลือมาทาตามเนื้อตัวของพล โดยมีการเน้นตรงจุดที่มีเลือดซิบๆเป็นพิเศษ พลแสบมาก แต่เขาไม่ร้อง เขาทนได้ ไอ้หน้าโหดยิ้มโหดๆอย่างมีความสุข
“ละเลงเกลือให้ทั่วตัวมัน”

ไอ้หน้าโหดออกคำสั่งซ้ำ พลปวดแสบปวดร้อนไปทั่วตัว พรุ่งนี้คงมีรอยช้ำไปทั่วตัวเขา แต่เขายังมีเวลาสามวันก่อนจะฝึกทหารใหม่ เขาคิดว่าร่างกายของเขาคงฟื้นทัน

พอสาแก่ใจ ไอ้หน้าโหดจึงยอมให้พลขนเสื้อผ้ากับเป้เดินตามมันไปที่ห้องพัก พลเลือกที่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าเพราะตอนนี้ร่างกายของเขาปวดแสบไปทั้งตัว เขาจึงเดินหิ้วเสื้อผ้า เป้ ถุงเท้าและรองเท้าตามไอ้หน้าโหดไป พอถึงห้องพัก ไอ้หน้าโหดพูดกับเขาว่า
“เมิงเจ๋งมาก สมกับเป็นรบพิเศษ กูนับถือนะ”

แล้วไอ้หน้าโหดก็เดินจากไป
พลนั่งพักบนเตียงเก่าๆ ถึงไอ้หน้าโหดจะโหดร้ายกับเขา แต่มันไม่น่าเกี่ยวกับการทารุณกรรมพจน์ แต่เพื่อความไม่ประมาท เขาหยิบสมุดโน้ตมาจดรายชื่อผู้ต้องสงสัยไว้ก่อน
1.    ไอ้หน้าโหด
2.    ผู้พัน
ส่วนพวกลูกน้องพวกนั้น พลไม่ใส่ใจเลย แต่การที่จะทำให้ร่างกายของพจน์บอบช้ำมากถึงขนาดนั้น มันน่าจะต้องมีคนจำนวนมากมาร่วมด้วย แต่ถ้ามีเพียงสองสามคน พวกมันจะต้องโหดร้ายกับพจน์มาก เพราะดูจากสภาพศพ พจน์น่าจะโดนรุมทรมานอยู่นาน ร่างกายถึงบอบช้ำถึงขนาดนั้น พลอยากรู้มากๆว่าพวกมันเป็นใครจะได้ประเมินว่าต้องจัดการคนไหนบ้าง
พลตัดสินใจแล้วว่าจะเผชิญความโหดทุกรูปแบบเพื่อรอคอยวันนั้น.

โปรดติดตามตอนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่