สืบรักจับหัวใจเอฟบีไอ [Yaoi] บทที่ 10 ข่าวร้าย

กระทู้สนทนา
http://pantip.com/topic/35680709


บทที่ 10 ข่าวร้าย

              6:25 นาฬิกา

              ไซรัสมองตัวเลขบนจอสมาร์ตโฟนและถอนใจออกมาเบา ๆ ก่อนวางมันลง หากเป็นเช้าของวันปกติ เขาจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอย่างกระปรี้กระเปร่า ทว่าวันนี้มันแตกต่างไปจากทุกวัน

              เพราะมันไม่ใช่วันปกติ

              เอฟบีไอหนุ่มเลื่อนสายตามองไปยังประตูห้องนอน อีกครั้ง จากจำนวนที่นับไม่ถ้วน เพราะตั้งแต่ดับไฟ เขาทำแบบเดียวกันนี้มาเกือบตลอดทั้งคืน มาผล็อยหลับเอาก็ตอนรุ่งสางเพราะร่างกายล้าจนทนไม่ไหว ที่ต้องตื่นก็เนื่องมาจากเสียงกุกกักของนกพิราบ พอดูนาฬิกาถึงรู้ว่าเขาหลับไปได้แค่ชั่วโมงเดียว

              ลมหายใจถูกผ่อนออกมาเบา ๆ นี่เขาบ้าหรือเปล่าที่เฝ้าวนเวียนคิดถึงแต่หน้าของอเล็กซ์จนไม่เป็นอันหลับอันนอน ทั้งที่ได้อยู่ร่วมห้องกันตลอดคืนจะมีก็แค่บานประตูที่ขวางกั้นกลางเอาไว้ แต่ตอนเช้าก็ต้องเจอหน้ากันอยู่ดี แล้วทำไมถึงยังคะนึงหาราวกับคู่รักที่อยู่กันคนละฟากฟ้าแบบนี้     

              เดี๋ยว อะไรนะ คู่รัก ?

              หัวใจของไซรัสกระตุกกับความคิดนั้นก่อนลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วเริ่มลำดับความคิดของตัวเองใหม่ ไล่ตั้งแต่การพบอเล็กซ์ครั้งแรกมาจนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เขายอมรับว่าถูกชะตากับเด็กคนนี้แต่มันเป็นแค่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้นไม่ใช่เรื่องรักใคร่อะไรสักหน่อย

              แล้วภาพร้อนฉ่าที่เฝ้าหลอกหลอนมาตลอดทั้งคืนล่ะ คืออะไร ? อีกส่วนของจิตใจเอ่ยถาม จินตนาการระหว่างผู้ชายด้วยกันมันใช่แบบนี้ที่ไหน เขาควรยอมรับกับตัวเองว่าการพยายามหาทางใกล้ชิดอเล็กซ์ไม่ได้เป็นเพียงแค่มิตรภาพ หากมีความหมายมากกว่านั้น ซึ่งน่าจะเป็น....

              แกร๊ก !

              เสียงลูกบิดประตูทำลายความคิดที่กำลังก่อตัว ไซรัสหันไปทางต้นเสียงซึ่งก็พบอเล็กซ์กำลังยืนหัวยุ่งส่งยิ้มหวานให้

              “อรุณสวัสดิ์ครับคุณไซรัส” เขาเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงร่าเริงเช่นทุกครั้ง หากมีความเขินอายจาง ๆ บนใบหน้า ทำเอาชายหนุ่มถึงกับใจเต้น

              “อรุณสวัสดิ์” ตอบรับด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูเคร่งขรึม อเล็กซ์มองอีกฝ่ายที่ยังอยู่ในชุดนอนเช่นเดียวกับตัวเองก่อนเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ

              “เอ่อ คุณจะใช้ห้องน้ำก่อนก็ได้นะครับ”

              “ผมยังตื่นไม่เต็มตา เชิญคุณก่อน” ไซรัสพูดพร้อมกับเสยผมที่อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงไม่แพ้กันให้เข้ารูป พอเห็นอเล็กซ์ยังคงยืนลังเลจึงถามเสียงดุ “มัวโอ้เอ้อะไรอยู่ อย่าบอกนะว่าจะรออาบพร้อมผม”

              ประโยคหลังทำให้เด็กหนุ่มเบิกตาโต ความร้อนไล่เป็นริ้วขึ้นไปตามใบหน้าเมื่อเห็นสายตาฉายความนัยบางอย่างจากอีกฝ่าย เขารีบส่ายหน้าเหมือนปฏิเสธทั้งที่จริงแล้วมันเป็นการสะบัดศีรษะเพื่อไล่ภาพชวนให้ใจเต้นออกจากหัว

              “ม ไม่ใช่นะครับ” อเล็กซ์หยุดคำพูด กลืนน้ำลายเพื่อระงับความตื่นเต้น “งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

              พูดจบเด็กหนุ่มจึงรีบเดินเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนจนเกือบจะชนบานประตู ไซรัสมองตามอย่างนึกเอ็นดูกึ่งขบขัน

              “น่ารักเป็นบ้า”

              พึมพำกับตัวเองและถอนใจออกมาอีกครั้งก่อนลุกขึ้นจัดหมอนบนโซฟาให้เข้าที่ เสร็จแล้วจึงถอดเสื้อนอนออกจนเหลือแต่กางเกงขาสั้น ยืนบิดตัวสะบัดแขนขาเพื่อไล่ความเมื่อยล้า จากนั้นจึงออกกำลังกายเบา ๆ ด้วยการวิดพื้นมือเดียวสลับซ้ายขวาข้างละร้อย ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมากหากเทียบกับวันอื่น ความจริงแล้วนอกจากวิดพื้นเขาจะต้องฟิตร่างกายด้วยการยกตุ้มน้ำหนัก และฟุตเวิร์คพร้อมกับการชกลมเพื่อให้คงความคล่องแคล่วเป็นการตบท้าย แต่เพราะอเล็กซ์อยู่ด้วย เขาจึงจำต้องยุติการออกกำลังกายไว้ที่ซิทอัพซึ่งทำได้แค่ห้าสิบครั้งเท่านั้น     

              “ว้าว ! คุณออกกำลังกายแบบนี้ทุกเช้าเลยหรือครับ” อเล็กซ์ซึ่งไม่รู้ว่ามายืนดูตั้งแต่เมื่อไหร่เอ่ยด้วยความทึ่ง ตาจ้องแผ่นหลังที่อัดแน่นไปด้วยมวลกล้ามเนื้ออย่างชื่นชม แต่พออีกฝ่ายหันหน้ามา หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงขึ้น เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนอกกำลังไหลลงไปตามร่างกาย ผ่านลอนกล้ามท้องอันแข็งแกร่งซึมหายไปในขอบกางเกง อเล็กซ์รีบสูดลมหายใจเพื่อระงับความประหม่าและรีบเบนสายตาไปยังรอยสักบนไหล่ที่กำลังขยับไปมาของไซรัส

              “อือ” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ก่อนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่า “เสร็จแล้วใช่ไหม”

              ทั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังตัวเปียกแต่ก็อดถามไม่ได้ พออเล็กซ์รับคำเบา ๆ ว่าครับ เขาจึงเดินตรงลิ่วเข้าห้องน้ำ และเป็นอีกครั้งที่ไซรัสต้องขังตัวเองเอาไว้ในนั้นเพื่อระงับความร้อนแปลก ๆ ที่วิ่งพล่านไปทั่วกาย ผ่านไปราวสิบนาทีพอจิตใจสงบเขาจึงปิดฝักบัว แต่พอโผล่หน้าออกจากห้องน้ำชายหนุ่มต้องมุ่นคิ้วเมื่อจมูกสัมผัสกับกลิ่นหอมของเบคอนทอดลอยคลุ้งออกมาจากครัว

              “ทำอะไรน่ะ” เอ่ยถามด้วยเสียงค่อนไปทางดุ อเล็กซ์ชะงักมือที่กำลังพลิกอะไรบางอย่างในกระทะก่อนหันมาตอบ

              “ผมกำลังเตรียมมื้อเช้าครับ”

              “ไม่ได้ขอให้คุณทำสักหน่อย” ไซรัสรีบออกตัวแต่เด็กหนุ่มส่ายหน้า

              “ครับ แต่ผมคิดว่าคุณน่าจะไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน เลยถือวิสาสะจัดการให้ อย่ามัวเสียเวลาคุยอยู่เลยครับ คุณต้องไปทำงานส่วนผมก็ต้องกลับร้าน รีบแต่งตัวแล้วออกมากินพร้อมกันดีกว่า”

              ท่าทางที่เหมือนแม่บ้านกำลังทำอาหารให้สามีช่างน่ารักเสียจนไซรัสอดยิ้มไม่ได้ เขามองเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับการพลิกเบคอนในกระทะ ใจหนึ่งอยากเข้าไปกอดแล้วหอมแก้มแทนคำขอบคุณสักฟอด แต่พอคิดได้ว่าขืนทำแบบนั้นอาจโดนตะหลิวฟาดกลับมา

              เอาไว้วันหลังดีกว่า

              ชายหนุ่มคิดก่อนเดินเข้าห้องเพื่อแต่งตัว พอออกมาก็พบว่าอเล็กซ์กำลังตกแต่งอาหารขั้นตอนสุดท้ายอยู่พอดี

              “เชิญนั่งเลยครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม และวางจานอาหารที่ยังมีควันลอยกรุ่นลงบนโต๊ะ   

              “อะไรน่ะ” ไซรัสถามพลางมองมื้อเช้าตรงหน้า อเล็กซ์ยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบด้วยความภูมิใจ

              “เบรกฟาสต์เบเกิลคลับ” พูดพร้อมกับวางจานในส่วนของตัวเอง พอเห็นสีหน้าที่กำลังแสดงออกถึงความสงสัยของเอฟบีไอหนุ่มแล้วจึงอธิบาย “ผมเห็นเจอเบเกิลกับเบค่อนในตู้เย็นเลยคิดเมนูนี้ขึ้นมาได้น่ะครับ วิธีทำก็ไม่ยาก แค่ทาครีมชีส โปะเบคอนทอดกับไข่ลงไป ปิดท้ายด้วยอโวคาโด เหยาะเกลือนิดพริกไทยหน่อยก็ใช้ได้ ถ้ามีแซลมอนรมควันด้วยละก็รับรองเลยว่าจะอร่อยมากกว่านี้”

              พูดพลางรินชาร้อนให้กับไซรัส “มันเป็นอาหารที่เหมาะกับชามากเลยครับ”

              กลิ่นอันทรงพลังของเอิร์ลเกรย์ฟุ้งกระทบจมูก ชายหนุ่มยอมรับว่าเบเกิลเป็นขนมปังที่เข้ากับชาก็จริงแต่ตอนนี้เขาอยากจับอเล็กซ์วางไว้ในจานแล้วกินเป็นเมื้อเช้ามากกว่า

              “ไม่รีบกินมันจะเย็นหมดนะครับ”

              เสียงอเล็กซ์ดึงความคิดที่กำลังกระเจิงกลับเข้าตัว ไซรัสพยักหน้าก่อนตัดมื้อเช้าส่งเข้าปาก ความนุ่มเหนียวของเบเกิล ความเค็มของเบคอนและความมันของครีมชีสเข้ากันอย่างลงตัว ชายหนุ่มถึงกับตัดคำที่สองตามในทันที

              “ใช้ได้มั้ยครับ” คนทำเอ่ยถามด้วยความกังวลเพราะเห็นอีกฝ่ายนั่งกินแบบไม่พูดไม่จา แทนที่จะตอบให้ตรงคำถาม ไซรัสกลับมองแก้วของเด็กหนุ่มที่มีเพียงน้ำเปล่าก่อนพูด    

              “จะดื่มน้ำส้มก็ได้นะ ผมอนุญาต”

              เขารู้ว่าอเล็กซ์เห็นกล่องน้ำส้มในตู้เย็น แต่ความเกรงใจทำให้ไม่กล้าหยิบ แทนที่จะทำตามคำบอก เด็กหนุ่มกลับเอียงคอน้อย ๆ พร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจเพราะคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเขาทำงานร้านกาแฟ คงชอบดื่มกาแฟเช่นเดียวกัน

              “ทำไมถึงคิดว่าผมจะดื่มน้ำส้ม”

              “เพราะคุณไม่ดื่มกาแฟ”

              อเล็กซ์กะพริบตาปริบด้วยความสนเท่ห์ที่ไซรัสรู้ถึงนิสัยส่วนนี้ของเขาด้วย ใช่ เขาทำงานร้านกาแฟก็จริงแต่ไม่เคยแตะต้องเจ้าเครื่องดื่มประเภทนี้เลย

              “คุณรู้ได้ยังไงกันครับ” เด็กหนุ่มถามเพราะจำได้ว่าไม่เคยบอกให้อีกฝ่ายรู้เลยสักครั้ง ไซรัสยักไหล่ราวกับสิ่งที่กล่าวออกมาเป็นเรื่องปกติ

              “ผมไม่ได้กลิ่นมันจากตัวคุณ”

              เป็นคำตอบที่เหนือความคาดหมายและน่าตระหนก ใบหน้าของอเล็กซ์ร้อนผ่าวขึ้นมาในทันทีเมื่อคิดว่าถูกคนตรงหน้าลอบสูดกลิ่นร่างกาย  

              “คุณแอบดมตัวผมด้วยหรือครับ!”

              “ไม่ได้แอบสักหน่อย” ไซรัสพูดเสียงเรียบก่อนตัดอาหารใส่ปากอีกชิ้น เคี้ยวเรื่อย ๆอย่างไม่รีบร้อน “อีกอย่างผมพูดว่าได้กลิ่น”

              “แล้วมันต่างกันตรงไหน” อเล็กซ์ถามเสียงค่อนไปทางห้วนเพราะเริ่มโมโหตงิดกับท่าทางของชายหนุ่ม ไซรัสไม่ตอบในทันที เขายื่นส้อมที่มีเบคอนกับชีสไปจ่อตรงจมูกของคนที่กำลังนั่งหน้างอ

              “นี่เรียกว่าได้กลิ่น” ชายหนุ่มพูดสั้น ๆพร้อมกับชักส้อมกลับ วางมีดยื่นมือไปคว้าไหล่ของอเล็กซ์ดึงเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่และผลักออกก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “ส่วนนี่คือการดม”

              การกระทำอันอุกอาจทำให้อเล็กซ์หน้าแดงซ่าน     

              “คุณไซรัส !”

              “อะไร ?” อีกฝ่ายขานรับหน้าซื่อแต่ดวงตากลับทอประกายวิบวับ สร้างความกวนประสาทจนเด็กหนุ่มโกรธจนเกือบจะหาคำพูดไม่ถูก

              “ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ !”

              เอฟบีไอหนุ่มแกล้งทำเป็นเลิกคิ้วตีหน้าเซ่อ

              “ผมแค่อธิบายความแตกต่างให้คุณฟัง” รอยยิ้มผุดบนมุมปาก ดวงตาเรียวหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ “จะให้ทำอีกครั้งก็ได้ถ้าคุณไม่เข้าใจ”

              “พอเลยผมเข้าใจแล้ว !” อเล็กซ์กระแทกเสียงและรีบก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบความนัยบางอย่างที่กำลังทอมาจากนัยน์ตาคมดุของไซรัส ใจเต้นโครมครามมือไม้สั่นจนต้องบีบเอาไว้เพื่อระงับอารมณ์  แน่ล่ะ โดนผู้ชายด้วยกันหอมแก้มแบบนั้นเป็นใครก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

              เดี๋ยวสิ ! เขาควรจะโกรธมากกว่านะ ไม่ใช่เขินอายแบบนี้

              พอนึกได้ก็หันไปทางตัวก่อเรื่องแต่กลับพบว่าเขาไม่อยู่ แต่พอหันหน้าไปอีกด้านก็พบว่าไซรัสกำลังวางแก้วเปล่าลงข้างจานของเขาและรินน้ำส้มให้

              “เอ้า ดื่มซะ ไม่พอเพิ่มได้นะ”

              พูดหน้าตายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนวางกล่องน้ำส้มไว้ให้ พอเดินกลับไปนั่งที่เพื่อกินอาหารต่อจู่ ๆเขาก็พูด

              “ขอโทษนะ”

              คำนั้นทำให้ความวุ่นวายในหัวของอเล็กซ์คลายลง เด็กหนุ่มหันไปมองอีกฝ่ายเพราะคิดว่าเขาคงหมายถึงเรื่องที่เกิดเมื่อครู่

              “ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ แต่คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”

              “ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น” ไซรัสกล่าวเรียบ ๆและถอนใจออกมาก่อนเงยหน้าขึ้นจ้องอเล็กซ์ “ทั้งที่คุณอุตส่าห์สละเวลาไปส่งอาหารให้ที่สำนักงาน แถมยังจัดการชาเป็นพิเศษ ผมยังจะ...”

              เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย “ขอโทษ”

              นั่นเองที่ทำให้อเล็กซ์นึกได้ว่าไซรัสกำลังหมายถึงท่าทางกับคำพูดที่ออกแนวใจร้ายที่ตัวเองทำเมื่ออาทิตย์ก่อน ที่จริงแล้วเขาโกรธแค่สองสามวันแรกเท่านั้นแต่พอมานั่งใคร่ครวญให้ดี ทั้งไซรัสและทีมเอฟบีไอกำลังเครียดกับการควานหาตัวฆาตกร เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเผลอหลุดแสดงกริยาไม่ดีออกมาบ้าง ยกเว้นแคลร์ เอฟบีไอสาวที่ยังคงความเพี้ยนไว้ได้อย่างคงเส้นคงวา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม  

              อันที่จริงอเล็กซ์อยากแกล้งไซรัสด้วยการต่อว่าอะไรนิดหน่อยแต่พอเห็นสีหน้าจริงจังที่แสดงออกมาแล้ว เขากลับใจอ่อนทำไม่ลง

              “คุณกำลังยุ่ง โดนเรียกออกมาแบบนั้นไม่โกรธก็แปลกละครับ” เด็กหนุ่มพูดไปตามความจริง แต่ไซรัสกลับสั่นศีรษะ

              “แต่คุณไม่รู้เรื่องด้วย_” ไซรัสพยายามอธิบายแต่อเล็กซ์กลับตัดบทเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่มากไปกว่านั้น

              “เรื่องมันผ่านไปแล้ว และคุณก็ขอโทษแล้วด้วย แต่ผมจะยังไม่รับจนกว่าอาหารจานนั้นจะหมด”  

              เด็กหนุ่มใช้มีดชี้ตรงไปยังจานของไซรัส อีกฝ่ายนิ่งไปอึกใจก่อนคลี่ยิ้มออกมาจาง ๆ

              “ตกลง ผมจะเลียให้เกลี้ยงเลย”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่