สวัสดีค่า
เรามาแชร์ประสบการณ์ท่องแดนใต้ สุราษฎร์ธานี ( เกาะเต่า -> ฟลูมูน -> สมุย)
ต้องขอโทษด้วยหากเราไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้มาก เพราะเป็นคนขี้ลืม ฮ่าๆ
การเดินทางครั้งนี้เกิดจากความจำเป็นบางอย่าง เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเดินทางมีเรื่องหลายเรื่องให้ต้องคิด ทั้งงานทั้งเรียนนทั้งเรื่องสถานการณ์ทางโน้นไม่สงบ แต่เราก็เลือกไปเพราะตกลงกับน้องสาวไว้แล้ว ถ้าเราไม่ไปน้องเราก็ไม่ได้ไป หรือถ้าปล่อยมันไปผจญภัยคนเดียวก็เป็นห่วง ปกติไม่ใช่คนดีแบบนี้นะ ปกติชั่ว ฮี่ๆๆ
ไหนๆเราก็จะเล่าเรื่องไปฟลูมูนแล้ว
เราเลยขออนุญาติเล่าทั้งทริปเลยนะกันเนอะ
ขอบอกก่อนอีกทีว่าวันนี้เราขอเล่าเกี่ยวกับเกาะเต่าก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่าฟลูมูนนะ แฮ่
พร้อมแล้ว ไปด้วยกันเลยค่ะ
วันที่ 1 วันแห่งการเดินทาง
รถไฟ (ขอนแก่น - กรุงเทพ) เดินทาง 21.06 น.
เครื่องบิน (กรุงเทพ - สุราษฎร์ธานี) เดินทาง 16.20 น. – 17.30 น.
เราเริ่มขึ้นรถไฟฟรีจากขอนแก่นไปกรุงเทพแบบ งงๆ ขึ้นครั้งแรก ทั้งตื่นเต้นระเเวงกลัวโน้นนี้นั้นเยอะเเยะ เราถึงไปถึงสถานีรถไฟสองทุ่มครึ่งโดยประมาณค่ะ เพื่อขอตั๋วรถไฟฟรี เเล้วก็เต็มมมม 555 แต่ก็ไปได้แบบไม่มีที่นั่งนะพี่เจ้าหน้าที่กล่าวไว้ เราก็โอเคนั่งพื้นก็ได้ จากนั้นเรานั่งรอรถไฟไปเรื่อยๆ เสวนาธรรมเรื่อยเปื่อย อยู่ๆ มีผู้ชายเดินมาคุยด้วย พี่เขาบอกเขามาคนเดียว เรารู้สึกตกใจนะ กลัวด้วย 55555555 ใคร ?? ตื่นตระหนกตกใจแบบเก็บอาการ พี่เขาผมยาวกว่าผู้ชายทั่วไป เอาตรงๆกลัวนะ แต่จะไม่คุยเกรงว่าเขาจะไม่พอใจ ฮือๆ คุยไปมา โลกดันกลมเขาเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่เรา ตอนนั้นรู้สึกโล่งอกนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ จนกระทั้งขึ้นรถไฟ เขาขอ Facebook พวกเราขอว่าเอาเฟสเขามาก่อน แล้วเราสองคนก็ส่องเฟสเขา พบว่าเป็นคนมีตัวตนบนโลกใบนี้จริงๆ เเล้วเป็นเพื่อนร่วมกันกับรุ่นพี่เราด้วย เราก็สบายใจขึ้นมาบ้าง ฮ่าๆ
รถไฟที่เรานั่งมาช้ากว่าปกติ ในตารางรถไฟฟรีจะเป็นรอบ 21.06 น. แต่ครั้งนี้เลทนานมากพอสมควร
เวลาประมาณสี่ทุ่มรถไฟมาถึง เราขึ้นรถไฟน่าจะเกือบคนสุดท้ายเพราะเราได้ตั๋วแบบไม่มีที่นั่ง เราขึ้นรถไฟเดินไปจนสุดขบวนมีที่ว่างเยอะแต่เราไม่กล้านั่ง กลัวไปแย่งที่เขา แฮ่ สุดท้ายเราก็เดินวกกลับมา เราตัดสินใจนั่ง แต่ก็แอบคิดนะว่าเราแย่งที่ใครไหม
จากนั่นก็หลับบ้างตื่นมาคุยกันบ้างตามประสา และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟดอนเมืองเวลาประมาณตีห้า พี่เขาบอกเราว่านี้คือเร็ว ปกติช้ากว่านี้ เรากับน้องร่ำลาพี่เขา โบกมือลา บายยยยย ๆๆๆๆ ดีใจที่ได้พบกัน ถ้าไม่เจอพี่เขาพวกเราคงไม่รู้ว่ามีสถานีรถไฟดอนเมือง คงไปลงสถานีอื่นแล้วต่อรถมาดอนเมืองอีกที ขอบคุณค่ะ
เมื่อถึงกรุงเทพเราเดินข้ามสะพานฝั่งสถานีรถไฟไปสนามบินดอนเมือง แล้วเดินเตาะเเตะๆไปเรื่อย เราขอข้ามไปตอนถึงสนามบินสุราษฎร์ฯเลยนะคะ
เราถึงสุราษฎร์ธานีเเดนใต้ เวลา 17.30 น เราเดินหารถไปขึ้นท่าเรือนอน มีคุณลุงคนนึงเดินมาถามว่า ไปไหน และเเนะนำให้ขึ้นรถทัวร์พันทิพย์ 100 บาท ถึงท่าเรือนอนไปเกาะเต่า *รถคันนี้เดินลงมาจากสนามบินจะเห็นเลยนะ*
เราขึ้นรถทัวร์ไปจนถึงท่าเรือ ไม่ต้องกลัวจะลงผิดที่นะคะ ให้บอกเจ้าหน้าที่บนรถไว้ว่าลงไหน พอถึงแล้วเขาจะประกาศบอกเราเอง คนสุราษฎร์ฯใจดีนะ
**นี้จะเป็นตั๋วรถและเรือนอนค่ะ**
----
เมื่อเราถึงท่าเรือ เดินตรงเข้าไปจะมีซุ้มขายตั๋วเรืออยู่เราได้มาในราคา 400 บาทถ้วน เรือแสนดีมณีทรัพย์ (จะได้เรือลำไหนขึ้นอยู่ที่เราไปวันไหน เขาจะสลับกันไปในแต่ละวัน) ออกเวลา 23.00 น แถวท่าเรือมีร้านอาหารติดอยู่หลายร้านเลยราคาก็ปกติ เราทานผัดไทกุ้งสดราคา 50 บาท ซื้อน้ำอีก 1 ขวด 10 บาท
น้องเรากินหอยทอดราคาเท่ากัน
(เราไม่ได้ถ่ายรูปอะไรไว้เท่าไหร่ ขอ อภัยด้วยนะคะ เรือก็ไม่ได้ถ่าย เราเคยหาข้อมูล มีคนเขียนกระทู้เกี่ยวกับเรือนอนไว้เยอะเลยลองหาดูนะคะ)
ตอนเราทานมีคุณยายเดินมาขายขนมอะไรสักอย่างคล้ายขนมเปี๊ยะ เราซื้อไว้เพราะเหมือนคุณยายบังคับเราให้ซื้อ ฮ่าๆ ได้ซื้อในอารมณ์งงๆ คุณยายบอกว่าซื้อหน่อยยายไปสบาย บลาๆ จากนั้นเราเดินไปเซเว่นเเถวๆนั้นโดยถามทางเเม่ค้า และเดินกลับมาท่าเรือ ก็ยังไม่ห้าทุ่มอยู่ดี เราไปนั่งแถวศาลาจนปวดตูดก็ยังไปห้าทุ่มอยู่ดี ไม่มีที่ไป และตอนนั้นเองมีคนสองคนกำลังเดินผ่านหน้าไปเรากับน้อง เราสอบถามเขาว่าเเถวนี้มีร้านอะไรให้นั่งไหมเช่น ร้านนมไรงี้ เขาบอกเราว่ามันไกลลลล จากนั้นก็คุยกันนิดหน่อยยย
เขาบอกเราว่าเรือมันออกสี่ทุ่มรึเปล่า เพื่อความแน่ใจเรากับน้องลุกไปถามคนขายตั๋ว สรุปแล้วลำนี้ออกห้าทุ่ม เราชะโงกหน้าไปทางเรือเห็นว่าสามารถเข้าไปนั่งข้างในเรือได้เลย โอเค มีที่อยู่ละ เรากับน้องเดินไปขึ้นเรือ นอนเล่นรอเรือออก ลุ้นว่าใครจะมานอนข้าง เบาะนอนค่อนข้างจะเล็กมากๆ ถ้าเป็นฝรั่งแซ่บๆคงดี อุ้ย ล้อเล่นนค่ะ อิอิ สักพักมีชายคนหนึ่งน่าจะอายุมากกว่าเราเดินมาทางนี้ ใช่ป่ะวะๆๆ คิดในใจ สรุปคือใช่เขานอนข้างเรา เขาถามเราว่าโอเคไหม เราก็โอเคไป ส่วนข้างน้องสาวเราเป็นคู่สามีภรรยา คือไม่มีคนไทยเลยนะบนเรือเท่าที่เราสังเกต ชายคนหนึ่งที่นอนข้างเราจะเปิดหน้าต่างเรือ เรากับน้องเคยพยายามเปิดเเล้วเปิดไม่ได้เลยบอกเขาว่ามันเปิดไม่ได้ นี้คือจุดเริ่มต้นของการพูดคุยกัน ได้ความว่าเขามาทำงานอยู่ที่ร้านอาหารบนเกาะเต่า เราได้แลกเบอร์กันไว้ เพราะเขาดูเป็นคนดี เขาบอกว่ามีอะไรจะได้ช่วยกันเขาอยู่บนเกาะนี้ จากนั้นเขาก็ถามเราว่าดื่มเบียร์ไหม เราก็บอกว่าดื่ม เรานึกว่าเขาถามว่าดื่มเบียร์เป็นไหม (เราฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง) แต่ไม่ใช่ค่ะ เขาลุกขึ้นยืนและเดินลงเรือไป เรากับน้องนั่ง งง จะไปไหนวะ สุดท้ายกลับมาพร้อมกระป๋องเบียร์กับไก่ย่าง เราอึ้งไปสักพัก นี้จะมอมกูหรอ 555 เราคิดบวกบ้างลบบ้างชีวิตจะได้ปลอดภัยอย่างว่ากันนะ ฮ่าๆ แต่เราก็กินไปป๋องนึงนะ เอิ้กกกๆ เขาก็บอกอีกป๋องๆอยู่นั่น เลยบอกตูจะอ้วกกเเล้วไม่ไหว ส่วนน้องเรากินไปสองป๋องแต่ก็ไม่มึนนะ หลับสบาย

เรือนอนที่เราเห็นกับตาเราว่ามันไม่น่ากลัวแบบที่วาดไว้นะ จะมีกลัวก็กลัวคนแปลกหน้าเฉยๆ แต่ก็อย่าถึงขั้นระเเวงให้ระวังตัวไว้เฉยๆละกันนะคะ ส่วนหน้าต่างเรือเปิดได้นะคะ แค่ตอนแรกเราเปิดผิดวิธี ปึกไปอีกกก ฮ่าๆ ในส่วนของห้องน้ำก็พอเข้าได้ไม่สะอาดไม่สกปรก แต่ไม่เข้าจะดีกว่า
คลิปที่เราถ่ายออกไปนอกเรือ
---
วันที่ 2 ลอยทะเลรอบเกาะเต่า
เราถึงเกาะเต่าเป็นเวลาตีห้าโดยประมาณค่ะ เรารู้สึกตัวเรือยังไม่จอด ยังคงแล่นอยู๋บรรยากาศดีมากๆ เรือไม่ได้โยกน่ากลัวเลยขับเบามาก ค่อนข้างจะฟินสำหรับเรา นั่งบนเรือพร้อมกับลมทะเลพัดอ่อนๆจากหน้าต่าง สดชื่นนนเมื่อได้รับกลิ่นอายทะเล จะเหม็นก็แต่ตัวเองไม่ได้อาบน้ำมาสองวัน 5555 สภาพอย่าได้เอ่ยถึง หลังจากลงเรือ ตอนแรกตกลงไว้ว่าจะให้รถของบังกะโลมารับเพราะเขามารับฟรีแต่เป็นรอบ 08.30 ซึ่งอีกนาน พอดีมีพี่คนขับเเท็กซี่เดินมา เสนอว่าจะไปส่งในราคาคนละ 100 บาท เราเลยตัดสินใจไป ด้วยความเหม็นตัวเองและถ้ารอกลัวจะไม่ทันทัวร์ต่างๆในรอบเช้า
เมื่อถึงบังกะโล ได้สอบถามข้อมูลพี่แท็กซี่ พี่เขาแนะนำทัวร์ดำน้ำให้ซึ่งจะพาไปเกาะนางยวนด้วย 500 บาท พร้อมรับส่งถึงที่ เรากับน้องขอเวลาพี่แกตัดสินใจ พี่แท็กซี่ให้เวลาตัดสินใจก่อนเก้าโมง พอถึงบังกะโลตอนเราเห็นชาวต่างชาติคู่รักนั่งรอหน้าบังกะโล คือบังกะโลยังไม่เปิด เราสองคนเลยเดินไปดูทะเลให้ชื่นใจก่อนเล็กน้อย เพราะมันใกล้ๆ ไม่ริมนะ แต่แค่เดินข้ามไปอีกโรงเเรมหนึ่งก็จะไปโผ่ลทะเล เดินเตาะแตะไปเจอหนูน้อยชาวฝรั่งถือพายกวักมือเรียกเราก็เดินไปหาน้องแก น้องชี้ๆอะไรสักอย่างเป็นคราบแดงๆ จุดๆ บนทรายกับทะเล เราตอบน้องว่าไม่รู้เหมือนกัน น้องยิ้มให้ คงเพราะสำเนียงเราประหลาดเกินไป หรือน้องไม่คุยกับคนแปลกหน้า 555555 ขนาดกับเด็กตูยังนก - -
สักพักเราก็เดินกลับ บังกะโลเปิดเเล้วค่าแต่ให้เช็คอิน 11.00 ให้ฝากของไว้ได้ เรากับน้องฝากของไว้ ด้วยความที่ไม่ได้อาบน้ำมาสองวัน เหมือนเขารับรู้หรือกลิ่นตัวเราเหม็นวะ เขาบอกอาบน้ำห้องนี้ก่อนได้นะ น้องเราเข้าไปอาบก่อน หลังจากนั้นเรากำลังจะไปอาบต่อ พี่ที่บังกะโลบอกเข้าได้เเล้วเขาออกแล้วทำความสะอาดแล้วเมื่อกี้ เราเลยได้ไปอาบที่ห้อง เวลาประมาณ 08.00 น. เรากับน้องตัดสินใจจองทัวร์พี่แท็กซี่
09.30 ออกเดินนทาง ฮิ้วววว ตื่นเต้นนน รถมารับเราและเลยไปรับแขกอีกสองคนเป็นฝรั่งหล่อออออแซ่บแต่มากับแฟน 555555
บรรยากาศที่พักของชาวต่างชาติคู่นี้มากๆ เราเลยไปถ่ายรูปแปปๆ จากนั้นไปขึ้นเรือ เขาเรียกเรืออะไรไม่แน่ใจเป็นเรือสามชั้น เราไปนั่งชั้นสอง ส่วนใครอยากอาบแดดแนะนำชั้นสามเปรียบเสมือนชั้นดาดฟ้าแหละ เรากับน้องว่ายน้ำไม่เป็นทั้งคู่นะแต่มาทัวร์ดำน้ำ ฮ่า เป็นบ้า
บนเรือมีผลไม้ น้ำเปล่า กาแฟ ไมโล ขนมถัง ให้กินฟรี ราคา 500 นี้รวมค่าข้าวมื้อเที่ยง
จุดดำน้ำที่ 1 เรียกว่า อ่าวฉลาม
จุดนี้คลื่นค่อนข้างแรง ฝรั่งน้อยใหญ่ จีน เกาหลี โดดน้ำตุ้มๆสนุกสนานนน น่าสนุกจังวะ ไกด์เดินมาถามว่าลงไหมาบอกลุงว่าว่ายน้ำไม่เป็น ลุงไกด์ใจดีมากจะพาลง แต่ลุงบอกจุดนี้ปะการังตายเกือบหมดแล้ว แต่อาจจะเห็นฉลามซึ่งเป็นฉลามที่ไม่ทำร้ายคนนะคะ แต่เราตัดสินใจลงจุดหน้า จุดนี้ขอถ่ายรูปวิวเพลินๆก่อน
จุดดำน้ำ 2 3 อ่าวลึก อ่าวหินวง
เรากับน้องลงไปดำน้ำใส่ชูชีพพร้อมอุปกรณ์ดำน้ำเรียก โดยมีห่วงยางให้จับและลอยตามลุงไป ณ จุดนั้นก็สงสารลุงที่ต้องมาลำบากด้วยแต่ลุงบอกว่าไม่เป็นไรลงเลย จะได้คุ้ม มันสวยมากจริงๆ มีปลาหลากสี ปะการัง ดอกไม้ทะเล สวยมากกกก ฟินไปนานค่ะ ดำอยู่หลายจุด แต่ละจุดใช้เวลาจุดละ 30 นาที
เที่ยงพักทานข้าว เป็นไข่ดาวและไก่กระเทียม อร่อยหรือหิวไม่สามารถแยกได้จริง หลังจากนั้นดำน้ำจุดที่ 4 ต่อ คืออ่าวม่วง
ถึงจุดสุดท้ายเรือก็แล่นไปยังเกาะนางยวน
สวยอีกแล้ว หัวใจจะวาย มีทะเลแหวกด้วย เขาปล่อยลงที่นี้ 2 ชม จะเดินตามไกด์หรือเดินเองก็ได้ เราเดินขึ้นไปจุดชมวิว
สูงมากหอบเลย คนเยอะมากๆ ลุงไกด์ใจดีบอกให้เดินลัดไปในป่าที่ไม่ใช่บันได เราเลยเดินไปถึงเร็ว เราค่อนข้างเตี้ยกว่าฝรั่งมากจึงได้รูปไม่ค่อยฟินมาก ซึ่งความจริงเเล้วเราถ่ายไม่สวยเองอย่าโทษใครเลย ฮ่าๆ เเล้วก็เดินเตาะแตะลง หันหลังมาอีกที น้องตูหาย สุดท้ายไปเจอกันข้างล่าง เราปีนลงบันไดทางเดินไปโขดหิน คือตรงนั้นมันสวยเราอยากเดินไปใกล้ๆ
เดินเล่นน้ำเล่นทราย จนจะหมดเวลาก็ขึ้นเรือกลับหน้าเขียวหน้าเเดง ฮ่าา
[CR] HOW TO ไปฟลูมูนยังไงให้นก !!!!!!!!! (เกาะเต่า - ฟลูมูน - สมุย)
เรามาแชร์ประสบการณ์ท่องแดนใต้ สุราษฎร์ธานี ( เกาะเต่า -> ฟลูมูน -> สมุย)
ต้องขอโทษด้วยหากเราไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้มาก เพราะเป็นคนขี้ลืม ฮ่าๆ
การเดินทางครั้งนี้เกิดจากความจำเป็นบางอย่าง เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเดินทางมีเรื่องหลายเรื่องให้ต้องคิด ทั้งงานทั้งเรียนนทั้งเรื่องสถานการณ์ทางโน้นไม่สงบ แต่เราก็เลือกไปเพราะตกลงกับน้องสาวไว้แล้ว ถ้าเราไม่ไปน้องเราก็ไม่ได้ไป หรือถ้าปล่อยมันไปผจญภัยคนเดียวก็เป็นห่วง ปกติไม่ใช่คนดีแบบนี้นะ ปกติชั่ว ฮี่ๆๆ
เราเลยขออนุญาติเล่าทั้งทริปเลยนะกันเนอะ
ขอบอกก่อนอีกทีว่าวันนี้เราขอเล่าเกี่ยวกับเกาะเต่าก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่าฟลูมูนนะ แฮ่
พร้อมแล้ว ไปด้วยกันเลยค่ะ
วันที่ 1 วันแห่งการเดินทาง
รถไฟ (ขอนแก่น - กรุงเทพ) เดินทาง 21.06 น.
เครื่องบิน (กรุงเทพ - สุราษฎร์ธานี) เดินทาง 16.20 น. – 17.30 น.
เราเริ่มขึ้นรถไฟฟรีจากขอนแก่นไปกรุงเทพแบบ งงๆ ขึ้นครั้งแรก ทั้งตื่นเต้นระเเวงกลัวโน้นนี้นั้นเยอะเเยะ เราถึงไปถึงสถานีรถไฟสองทุ่มครึ่งโดยประมาณค่ะ เพื่อขอตั๋วรถไฟฟรี เเล้วก็เต็มมมม 555 แต่ก็ไปได้แบบไม่มีที่นั่งนะพี่เจ้าหน้าที่กล่าวไว้ เราก็โอเคนั่งพื้นก็ได้ จากนั้นเรานั่งรอรถไฟไปเรื่อยๆ เสวนาธรรมเรื่อยเปื่อย อยู่ๆ มีผู้ชายเดินมาคุยด้วย พี่เขาบอกเขามาคนเดียว เรารู้สึกตกใจนะ กลัวด้วย 55555555 ใคร ?? ตื่นตระหนกตกใจแบบเก็บอาการ พี่เขาผมยาวกว่าผู้ชายทั่วไป เอาตรงๆกลัวนะ แต่จะไม่คุยเกรงว่าเขาจะไม่พอใจ ฮือๆ คุยไปมา โลกดันกลมเขาเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่เรา ตอนนั้นรู้สึกโล่งอกนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ จนกระทั้งขึ้นรถไฟ เขาขอ Facebook พวกเราขอว่าเอาเฟสเขามาก่อน แล้วเราสองคนก็ส่องเฟสเขา พบว่าเป็นคนมีตัวตนบนโลกใบนี้จริงๆ เเล้วเป็นเพื่อนร่วมกันกับรุ่นพี่เราด้วย เราก็สบายใจขึ้นมาบ้าง ฮ่าๆ
รถไฟที่เรานั่งมาช้ากว่าปกติ ในตารางรถไฟฟรีจะเป็นรอบ 21.06 น. แต่ครั้งนี้เลทนานมากพอสมควร
เวลาประมาณสี่ทุ่มรถไฟมาถึง เราขึ้นรถไฟน่าจะเกือบคนสุดท้ายเพราะเราได้ตั๋วแบบไม่มีที่นั่ง เราขึ้นรถไฟเดินไปจนสุดขบวนมีที่ว่างเยอะแต่เราไม่กล้านั่ง กลัวไปแย่งที่เขา แฮ่ สุดท้ายเราก็เดินวกกลับมา เราตัดสินใจนั่ง แต่ก็แอบคิดนะว่าเราแย่งที่ใครไหม
จากนั่นก็หลับบ้างตื่นมาคุยกันบ้างตามประสา และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟดอนเมืองเวลาประมาณตีห้า พี่เขาบอกเราว่านี้คือเร็ว ปกติช้ากว่านี้ เรากับน้องร่ำลาพี่เขา โบกมือลา บายยยยย ๆๆๆๆ ดีใจที่ได้พบกัน ถ้าไม่เจอพี่เขาพวกเราคงไม่รู้ว่ามีสถานีรถไฟดอนเมือง คงไปลงสถานีอื่นแล้วต่อรถมาดอนเมืองอีกที ขอบคุณค่ะ
เมื่อถึงกรุงเทพเราเดินข้ามสะพานฝั่งสถานีรถไฟไปสนามบินดอนเมือง แล้วเดินเตาะเเตะๆไปเรื่อย เราขอข้ามไปตอนถึงสนามบินสุราษฎร์ฯเลยนะคะ
เราถึงสุราษฎร์ธานีเเดนใต้ เวลา 17.30 น เราเดินหารถไปขึ้นท่าเรือนอน มีคุณลุงคนนึงเดินมาถามว่า ไปไหน และเเนะนำให้ขึ้นรถทัวร์พันทิพย์ 100 บาท ถึงท่าเรือนอนไปเกาะเต่า *รถคันนี้เดินลงมาจากสนามบินจะเห็นเลยนะ*
เราขึ้นรถทัวร์ไปจนถึงท่าเรือ ไม่ต้องกลัวจะลงผิดที่นะคะ ให้บอกเจ้าหน้าที่บนรถไว้ว่าลงไหน พอถึงแล้วเขาจะประกาศบอกเราเอง คนสุราษฎร์ฯใจดีนะ
**นี้จะเป็นตั๋วรถและเรือนอนค่ะ**
----
เมื่อเราถึงท่าเรือ เดินตรงเข้าไปจะมีซุ้มขายตั๋วเรืออยู่เราได้มาในราคา 400 บาทถ้วน เรือแสนดีมณีทรัพย์ (จะได้เรือลำไหนขึ้นอยู่ที่เราไปวันไหน เขาจะสลับกันไปในแต่ละวัน) ออกเวลา 23.00 น แถวท่าเรือมีร้านอาหารติดอยู่หลายร้านเลยราคาก็ปกติ เราทานผัดไทกุ้งสดราคา 50 บาท ซื้อน้ำอีก 1 ขวด 10 บาท
น้องเรากินหอยทอดราคาเท่ากัน
(เราไม่ได้ถ่ายรูปอะไรไว้เท่าไหร่ ขอ อภัยด้วยนะคะ เรือก็ไม่ได้ถ่าย เราเคยหาข้อมูล มีคนเขียนกระทู้เกี่ยวกับเรือนอนไว้เยอะเลยลองหาดูนะคะ)
ตอนเราทานมีคุณยายเดินมาขายขนมอะไรสักอย่างคล้ายขนมเปี๊ยะ เราซื้อไว้เพราะเหมือนคุณยายบังคับเราให้ซื้อ ฮ่าๆ ได้ซื้อในอารมณ์งงๆ คุณยายบอกว่าซื้อหน่อยยายไปสบาย บลาๆ จากนั้นเราเดินไปเซเว่นเเถวๆนั้นโดยถามทางเเม่ค้า และเดินกลับมาท่าเรือ ก็ยังไม่ห้าทุ่มอยู่ดี เราไปนั่งแถวศาลาจนปวดตูดก็ยังไปห้าทุ่มอยู่ดี ไม่มีที่ไป และตอนนั้นเองมีคนสองคนกำลังเดินผ่านหน้าไปเรากับน้อง เราสอบถามเขาว่าเเถวนี้มีร้านอะไรให้นั่งไหมเช่น ร้านนมไรงี้ เขาบอกเราว่ามันไกลลลล จากนั้นก็คุยกันนิดหน่อยยย
เขาบอกเราว่าเรือมันออกสี่ทุ่มรึเปล่า เพื่อความแน่ใจเรากับน้องลุกไปถามคนขายตั๋ว สรุปแล้วลำนี้ออกห้าทุ่ม เราชะโงกหน้าไปทางเรือเห็นว่าสามารถเข้าไปนั่งข้างในเรือได้เลย โอเค มีที่อยู่ละ เรากับน้องเดินไปขึ้นเรือ นอนเล่นรอเรือออก ลุ้นว่าใครจะมานอนข้าง เบาะนอนค่อนข้างจะเล็กมากๆ ถ้าเป็นฝรั่งแซ่บๆคงดี อุ้ย ล้อเล่นนค่ะ อิอิ สักพักมีชายคนหนึ่งน่าจะอายุมากกว่าเราเดินมาทางนี้ ใช่ป่ะวะๆๆ คิดในใจ สรุปคือใช่เขานอนข้างเรา เขาถามเราว่าโอเคไหม เราก็โอเคไป ส่วนข้างน้องสาวเราเป็นคู่สามีภรรยา คือไม่มีคนไทยเลยนะบนเรือเท่าที่เราสังเกต ชายคนหนึ่งที่นอนข้างเราจะเปิดหน้าต่างเรือ เรากับน้องเคยพยายามเปิดเเล้วเปิดไม่ได้เลยบอกเขาว่ามันเปิดไม่ได้ นี้คือจุดเริ่มต้นของการพูดคุยกัน ได้ความว่าเขามาทำงานอยู่ที่ร้านอาหารบนเกาะเต่า เราได้แลกเบอร์กันไว้ เพราะเขาดูเป็นคนดี เขาบอกว่ามีอะไรจะได้ช่วยกันเขาอยู่บนเกาะนี้ จากนั้นเขาก็ถามเราว่าดื่มเบียร์ไหม เราก็บอกว่าดื่ม เรานึกว่าเขาถามว่าดื่มเบียร์เป็นไหม (เราฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง) แต่ไม่ใช่ค่ะ เขาลุกขึ้นยืนและเดินลงเรือไป เรากับน้องนั่ง งง จะไปไหนวะ สุดท้ายกลับมาพร้อมกระป๋องเบียร์กับไก่ย่าง เราอึ้งไปสักพัก นี้จะมอมกูหรอ 555 เราคิดบวกบ้างลบบ้างชีวิตจะได้ปลอดภัยอย่างว่ากันนะ ฮ่าๆ แต่เราก็กินไปป๋องนึงนะ เอิ้กกกๆ เขาก็บอกอีกป๋องๆอยู่นั่น เลยบอกตูจะอ้วกกเเล้วไม่ไหว ส่วนน้องเรากินไปสองป๋องแต่ก็ไม่มึนนะ หลับสบาย
เรือนอนที่เราเห็นกับตาเราว่ามันไม่น่ากลัวแบบที่วาดไว้นะ จะมีกลัวก็กลัวคนแปลกหน้าเฉยๆ แต่ก็อย่าถึงขั้นระเเวงให้ระวังตัวไว้เฉยๆละกันนะคะ ส่วนหน้าต่างเรือเปิดได้นะคะ แค่ตอนแรกเราเปิดผิดวิธี ปึกไปอีกกก ฮ่าๆ ในส่วนของห้องน้ำก็พอเข้าได้ไม่สะอาดไม่สกปรก แต่ไม่เข้าจะดีกว่า
คลิปที่เราถ่ายออกไปนอกเรือ
---
วันที่ 2 ลอยทะเลรอบเกาะเต่า
เราถึงเกาะเต่าเป็นเวลาตีห้าโดยประมาณค่ะ เรารู้สึกตัวเรือยังไม่จอด ยังคงแล่นอยู๋บรรยากาศดีมากๆ เรือไม่ได้โยกน่ากลัวเลยขับเบามาก ค่อนข้างจะฟินสำหรับเรา นั่งบนเรือพร้อมกับลมทะเลพัดอ่อนๆจากหน้าต่าง สดชื่นนนเมื่อได้รับกลิ่นอายทะเล จะเหม็นก็แต่ตัวเองไม่ได้อาบน้ำมาสองวัน 5555 สภาพอย่าได้เอ่ยถึง หลังจากลงเรือ ตอนแรกตกลงไว้ว่าจะให้รถของบังกะโลมารับเพราะเขามารับฟรีแต่เป็นรอบ 08.30 ซึ่งอีกนาน พอดีมีพี่คนขับเเท็กซี่เดินมา เสนอว่าจะไปส่งในราคาคนละ 100 บาท เราเลยตัดสินใจไป ด้วยความเหม็นตัวเองและถ้ารอกลัวจะไม่ทันทัวร์ต่างๆในรอบเช้า
เมื่อถึงบังกะโล ได้สอบถามข้อมูลพี่แท็กซี่ พี่เขาแนะนำทัวร์ดำน้ำให้ซึ่งจะพาไปเกาะนางยวนด้วย 500 บาท พร้อมรับส่งถึงที่ เรากับน้องขอเวลาพี่แกตัดสินใจ พี่แท็กซี่ให้เวลาตัดสินใจก่อนเก้าโมง พอถึงบังกะโลตอนเราเห็นชาวต่างชาติคู่รักนั่งรอหน้าบังกะโล คือบังกะโลยังไม่เปิด เราสองคนเลยเดินไปดูทะเลให้ชื่นใจก่อนเล็กน้อย เพราะมันใกล้ๆ ไม่ริมนะ แต่แค่เดินข้ามไปอีกโรงเเรมหนึ่งก็จะไปโผ่ลทะเล เดินเตาะแตะไปเจอหนูน้อยชาวฝรั่งถือพายกวักมือเรียกเราก็เดินไปหาน้องแก น้องชี้ๆอะไรสักอย่างเป็นคราบแดงๆ จุดๆ บนทรายกับทะเล เราตอบน้องว่าไม่รู้เหมือนกัน น้องยิ้มให้ คงเพราะสำเนียงเราประหลาดเกินไป หรือน้องไม่คุยกับคนแปลกหน้า 555555 ขนาดกับเด็กตูยังนก - -
สักพักเราก็เดินกลับ บังกะโลเปิดเเล้วค่าแต่ให้เช็คอิน 11.00 ให้ฝากของไว้ได้ เรากับน้องฝากของไว้ ด้วยความที่ไม่ได้อาบน้ำมาสองวัน เหมือนเขารับรู้หรือกลิ่นตัวเราเหม็นวะ เขาบอกอาบน้ำห้องนี้ก่อนได้นะ น้องเราเข้าไปอาบก่อน หลังจากนั้นเรากำลังจะไปอาบต่อ พี่ที่บังกะโลบอกเข้าได้เเล้วเขาออกแล้วทำความสะอาดแล้วเมื่อกี้ เราเลยได้ไปอาบที่ห้อง เวลาประมาณ 08.00 น. เรากับน้องตัดสินใจจองทัวร์พี่แท็กซี่
09.30 ออกเดินนทาง ฮิ้วววว ตื่นเต้นนน รถมารับเราและเลยไปรับแขกอีกสองคนเป็นฝรั่งหล่อออออแซ่บแต่มากับแฟน 555555
บรรยากาศที่พักของชาวต่างชาติคู่นี้มากๆ เราเลยไปถ่ายรูปแปปๆ จากนั้นไปขึ้นเรือ เขาเรียกเรืออะไรไม่แน่ใจเป็นเรือสามชั้น เราไปนั่งชั้นสอง ส่วนใครอยากอาบแดดแนะนำชั้นสามเปรียบเสมือนชั้นดาดฟ้าแหละ เรากับน้องว่ายน้ำไม่เป็นทั้งคู่นะแต่มาทัวร์ดำน้ำ ฮ่า เป็นบ้า
บนเรือมีผลไม้ น้ำเปล่า กาแฟ ไมโล ขนมถัง ให้กินฟรี ราคา 500 นี้รวมค่าข้าวมื้อเที่ยง
จุดดำน้ำที่ 1 เรียกว่า อ่าวฉลาม
จุดนี้คลื่นค่อนข้างแรง ฝรั่งน้อยใหญ่ จีน เกาหลี โดดน้ำตุ้มๆสนุกสนานนน น่าสนุกจังวะ ไกด์เดินมาถามว่าลงไหมาบอกลุงว่าว่ายน้ำไม่เป็น ลุงไกด์ใจดีมากจะพาลง แต่ลุงบอกจุดนี้ปะการังตายเกือบหมดแล้ว แต่อาจจะเห็นฉลามซึ่งเป็นฉลามที่ไม่ทำร้ายคนนะคะ แต่เราตัดสินใจลงจุดหน้า จุดนี้ขอถ่ายรูปวิวเพลินๆก่อน
จุดดำน้ำ 2 3 อ่าวลึก อ่าวหินวง
เรากับน้องลงไปดำน้ำใส่ชูชีพพร้อมอุปกรณ์ดำน้ำเรียก โดยมีห่วงยางให้จับและลอยตามลุงไป ณ จุดนั้นก็สงสารลุงที่ต้องมาลำบากด้วยแต่ลุงบอกว่าไม่เป็นไรลงเลย จะได้คุ้ม มันสวยมากจริงๆ มีปลาหลากสี ปะการัง ดอกไม้ทะเล สวยมากกกก ฟินไปนานค่ะ ดำอยู่หลายจุด แต่ละจุดใช้เวลาจุดละ 30 นาที
เที่ยงพักทานข้าว เป็นไข่ดาวและไก่กระเทียม อร่อยหรือหิวไม่สามารถแยกได้จริง หลังจากนั้นดำน้ำจุดที่ 4 ต่อ คืออ่าวม่วง
ถึงจุดสุดท้ายเรือก็แล่นไปยังเกาะนางยวน
สวยอีกแล้ว หัวใจจะวาย มีทะเลแหวกด้วย เขาปล่อยลงที่นี้ 2 ชม จะเดินตามไกด์หรือเดินเองก็ได้ เราเดินขึ้นไปจุดชมวิว
สูงมากหอบเลย คนเยอะมากๆ ลุงไกด์ใจดีบอกให้เดินลัดไปในป่าที่ไม่ใช่บันได เราเลยเดินไปถึงเร็ว เราค่อนข้างเตี้ยกว่าฝรั่งมากจึงได้รูปไม่ค่อยฟินมาก ซึ่งความจริงเเล้วเราถ่ายไม่สวยเองอย่าโทษใครเลย ฮ่าๆ เเล้วก็เดินเตาะแตะลง หันหลังมาอีกที น้องตูหาย สุดท้ายไปเจอกันข้างล่าง เราปีนลงบันไดทางเดินไปโขดหิน คือตรงนั้นมันสวยเราอยากเดินไปใกล้ๆ
เดินเล่นน้ำเล่นทราย จนจะหมดเวลาก็ขึ้นเรือกลับหน้าเขียวหน้าเเดง ฮ่าา