บอกรัก...

บอกรัก


สายป่านสีชมพู


เสียงนาฬิกาปลุกที่ผมตั้งไว้ในโทรศัพท์ดังขึ้นตอนหกโมงเช้า

“วันนี้เป็นวันหยุดขอต่ออีกหน่อยเถอะ”  ด้วยความที่ยังรู้สึกเพลียๆ ผมเลยเกเรไม่อยากจะลุก  คว้าหมอนมาอุดหูจนทุกอย่างเงียบไป  

แต่แล้วเจ้าเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง  

เพียงแต่...เพลงเตือนนี่มันไม่ใช่การตั้งปลุกนี่!

ผมค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบต้นเสียงมาจากโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง  นี่มัน!...วันนี้ก้อยกลับจากอเมริกานี่นา  ผมตาสว่างขึ้นมาทันทีทันใดก่อนจะทะยานออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว  เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงช่วงเวลาสำคัญกำลังจะมาถึง

ผมยังจำวันที่ก้อยจะเดินทางได้ดี  เธอบอกผมว่าจะไปสองปี  นี่กี่ปีแล้วผมก็ไม่ได้ใส่ใจจำ  แต่เมื่อปฏิทินในโทรศัพท์เตือน...ผมก็ต้องไปรับก้อยที่สนามบิน
    
ทุกที่ที่ผมเดินผ่านมันเต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย  เคาน์เตอร์แมนชั่นตรงประตูทางออกจากตึกถึงแม้เมื่อหลายปีก่อนจะไม่ใช่พนักงานคนเดิมที่อยู่ข้างใน  แต่ผมก็จำได้...วันนั้นก้อยพาผมมาที่นี่ในวันที่ผมมีเงินติดตัวแค่แปดร้อยกว่าบาท  เธอบอกผมว่านี่เป็นของขวัญสำหรับโปรแกรมเมอร์คนใหม่  แล้วก้อยก็ยื่นกุญแจห้องเบอร์สามร้อยสิบห้าให้
    
ในครั้งนั้นผมเพิ่งเรียนจบด้วยความไฟแรงอยากหาเงินด้วยตัวเองสักที  หลังจากได้เอกสารทางการศึกษาผมก็ไม่ยอมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด  ไปขออาศัยอยู่ห้องเช่าเก่าๆ กับลูกพี่ลูกน้องที่วันๆ นั่งเฝ้าแต่กระดานหุ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์  

เงินของผมที่ติดตัวมาก็พร่องจากกระเป๋าสตางค์ไปทุกวันเพราะค่าใช้จ่ายระหว่างสัมภาษณ์งาน...ที่แล้วที่เหล่า...

กว่าจะได้งานก็ไม่เหลือเงินพอจะเช่าที่พักใกล้ที่ทำงาน...และก้อยก็คือคนที่ออกค่ามัดจำสามเดือนสำหรับแมนชั่นที่ผมอยู่นี้  ถึงแม้เธอจะไม่มีโอกาสได้อยู่ที่นี่เลยก็ตาม...

ผมนั่งมอเตอร์ไซค์วินออกจากหน้าที่พักมาถึงปากซอยเพื่อต่อแท็กซี่ไปสนามบิน  แต่...ก้อยกลับเมืองไทยทั้งทีผมไปตัวเปล่าๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่  

ผมเดินเลี้ยวซ้ายจากปากซอยตรงดิ่งไปยังร้านดอกไม้คูหาที่สามทันที

“มีกุหลาบขาวไหมครับ”  แน่นอนว่ามันคือดอกไม้ที่ก้อยชอบ  ผมอยากได้ติดมือไปสักช่อ  ถึงแม้ในร้านจะมีดอกไม้สดหลากหลายสายพันธุ์และสีสัน  ทั้งใส่แจกัน จัดเป็นช่อ หรือร้อยเป็นมาลัย กระทั่งทำเป็นพวงหรีด  ซึ่งมีให้เห็นอยู่เต็มร้าน

“มีค่ะ  จะเอาเป็นช่อหรือเอาเป็นดอกคะ”  หญิงวัยกลางคนถามกลับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรหลังจากเงยหน้าขึ้นมาจากแจกันกุหลาบแดงที่กำลังจัดอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง

“อยากได้เป็นช่อน่ะครับ”  ผมยิ้มตอบเจ้าของร้าน  “ที่นี่รับส่งดอกไม้ด้วยหรือเปล่าครับ”

“หมายถึงส่งตามที่อยู่หรือเปล่าคะ”

“ใช่ครับ”

“ส่งค่ะ...แต่มีบวกค่าส่งด้วยนิดหน่อยค่ะ  ไม่รับส่งต่างจังหวัดนะ”
    
ผมกำลังคิดถึงก้อยเมื่อสมัยเรียนมหา'ลัย  ผมจะแกล้งทำเป็นลืมวันสำคัญของเธอทุกครั้งก่อนจะทำให้ประหลาดใจด้วยการส่งของขวัญและกุหลาบขาวไปให้ที่บ้านตอนเย็น  ผมชอบอาการก้อยตอนงอนผมที่สุด  แม้จะพยายามแกล้งถามเธอว่าเป็นอะไรแต่เจ้าหล่อนก็จะไม่ยอมบอก  และจะพยายามทำตัวเหมือนปกติแต่ก็ไม่ปกติ  ผมว่าก้อยน่ารักดี...
    
แท็กซี่พาผมเดินทางไปพร้อมกับกุหลาบขาวช่อใหญ่ในมือ  ก้อยจะต้องดีใจมากแน่ๆ ที่แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแต่ผมก็ไม่เคยลืมว่าเธอชอบดอกอะไร
    
ถึงสนามบินแล้ว  คนอื่นๆ ที่มายืนบริเวณนี้ก็คงมาด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างกันกับผมเท่าไหร่  ถ้าไม่มารอรับญาติหรือคนรู้จัก  ก็คงเป็นคนรัก...ผมมารอคนรัก...

ผมกำลังลุ้นว่าก้อยจะเดินออกมาเป็นคนที่เท่าไหร่  จะเป็นยังไงถ้าเธอมาเจอผม  คนรักผมจะทำหน้ายังไงนะ  ผมอ้วนขึ้นหรือเปล่าโทรมไปไหมในตอนนี้  แล้วก้อยล่ะเธอจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า...
    
ดูเหมือนหนุ่มใส่แว่นแต่งตัวดีคนนั้นจะเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายที่มากับเที่ยวการบินนี้  ไม่ใช่ก้อย...ก้อยไม่ได้กลับเมืองไทย...
    
ก็...ใช่...มันเป็นอย่างที่ผมคิด  ผมมารอคนที่ไม่มีวันกลับมาหาผม  เธออาจจะกลับมาเพื่อเจอครอบครัวหรือคนอื่นๆ ด้วยเที่ยวบินไหนสักเที่ยว  ที่ไม่ใช่รอบนี้และวันที่เธอบอกกับผมว่าจะกลับมา
    
ไม่รู้เหมือนกันว่ากี่ปีแล้วที่ผมมารับก้อยในวันนี้ทุกครั้ง  เพราะผมไม่เคยเปลี่ยนวันสำคัญวันนี้จากโทรศัพท์มือถือ  ...แต่ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
    
“เอ็กซ์ยังรักก้อยเหมือนเดิมนะ”  ผมเอ่ยประโยคนี้ก่อนจะเดินออกจากสนามบิน...

...
    
“จอดตรงบ้านรั้วสีฟ้าข้างหน้าเลยครับ”  เมื่อแท็กซี่พาผมเลี้ยวเข้าซอยมาได้สักสิบนาที  ผมก็เอ่ยขึ้นเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย
    
ผมกดกริ่งที่ประตูบ้านไปสองครั้งคนที่ผมมาเจอก็เปิดประตูออกมา  “พี่เอ็กซ์...ทำไมวันนี้ได้มาถึงนี่ล่ะคะ”
    
น้องแก้วรุ่นน้องที่ทำงานของผมนั่นเอง  เธอทำหน้าประหลาดใจในชุดสาวออฟฟิศ...คงเพิ่งเลิกงานกลับมาถึงบ้าน

ผมยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าก่อนจะเอ่ยทักทาย  “พี่เพิ่งมาจากสนามบิน”

ก่อนที่ผมจะเอ่ยคำพูดต่อไปก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาจอดที่หน้าบ้าน

“ผมมาส่งดอกไม้ครับ”  เด็กหนุ่มคนขับเดินมาพร้อมกับกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ตรงเวลาที่ผมนัดไว้

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากก้อยไปเรียนต่อที่อเมริกา  เราติดต่อกันสักพัก...หลังจากนั้นความห่างเหินก็แยกผมและเธอห่างจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนระยะทางที่ก้อยอยู่ไกลจากผม  จนในที่สุดผมก็ไม่ได้คุยกับเธออีกเลย  ผมจำไม่ได้ว่ารู้สึกตัวว่าไม่มีคนรักอีกแล้วในตอนไหน  ความเจ็บมันอาจจะค่อยๆ ถูกฝังไปพร้อมกับเวลาที่เดินผ่านไปไม่ยอมหยุด  

วันนี้ผมเพียงแค่อยากสะสางเรื่องราวของก้อยที่ยังค้างอยู่ในใจ  ก่อนจะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับคนที่พร้อมจะให้โอกาสผมได้...  “บอกรัก”
    

*********************


เรื่องนี้พิเศษตรงที่ผมลองเขียนให้ต่ำกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคำดูอ่ะครับ...ไม่รู้จะจืดไปไหม...^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่