1. ป่าสงวนแห่งชาตินั้น บุคคลใดจะครอบครองไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ครอบครอง
แต่ในบางพื้นที่ ราชการอาจผ่อนผันให้ประชาชนเข้าไปทำกินได้ แต่ผู้เข้าไปทำกินจะขาย โอน ไม่ได้
หากเลิกทำกิน ราชการก็เอาคืน และพิจารณาว่าจะผ่อนผันให้ผู้ใดเข้าทำกินต่อไปหรือไม่
2. หากผู้ได้รับการผ่อนผันเข้าไปทำกินในป่าสงวนแห่งชาติ ขายผืนดินที่ได้รับการผ่อนผันเข้าทำกินให้ใคร
การซื้อขายนั้นก็เป็นโมฆะ ผู้ขายขายโดนไม่มีสิทธิ์ ผู้ซื้อซื้อแล้วก็ไม่มีสิทธิ์ครอบครอง ขัดกฎหมายทั้งผู้ซื้อผู้ขาย
3. สมีอิสระ ใช้วิธีให้มูลนิธิธรรมอิสระ บริษัทบุญกุศล บริษัทพฤกชเวช เข้าไปดำเนินการซื้อที่ดินที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ
แน่นอน ราคาย่อมถูก เพราะใครก็รู้ว่าเป็นที่ดินที่ซื้อขายถ่ายโอนไม่ได้
4. ทั้งมูลนิธิธรรมอิสระ บริษัทบุญกุศล บริษัทพฤกชเวช
มีที่อยู่ที่เดียวกันกับวัดอ้อน้อย 125/1 ม.17 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน นครปฐม
5. ทั้งมูลนิธิธรรมอิสระ บริษัทบุญกุศล บริษัทพฤกชเวช ไม่มีชื่อของสมีอิสระเกี่ยวข้อง
ไม่ว่าในตำแหน่งใด ๆ เหมือนสมีอิสระไม่มีบทบาทในสามองค์กรนั้นแต่อย่างใด
6. เมื่อซื้อที่ดินแล้ว สมีอิสระก็อ้างว่าตัวเองเข้าไปปลูกผ่า ฟื้นฟูป่า อ้างเป็นการถวาย อ้างมีส่วนราชการเข้าร่วมด้วย
7. การกระทำของสมีอิสระ หากจะมีใครเอาผิด ผู้เอาผิดสมีได้ ก็คือผู้ครอบครองที่ดิน ไม่ใช่ทางราชการ
ผู้ครอบครอง จะครอบครองผิดหรือถูกกฎหมาย ก็ถือว่าเป็นผู้ครองครอง มีสิทธิ์ในที่ดินนั้น
8. เมื่อสมีเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนที่มูลนิธิและสองบริษัทครอบครองอยู่ แน่นอนก็ย่อมไม่มีการแจ้งความบุกรุกแต่อย่างใด
ทางราชการก็เอาผิดไม่ได้ เพราะสมีไม่ได้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติของรัฐ แต่บุกรุกป่าสงวนที่มีผู้ถือครอง
9. หากราชการจะเอาผิด ก็เอาผิดหนึ่งมูลนิธิ กับสองบริษัท ที่ครอบครองป่าสงวนอย่างผิดกฎหมาย
ไม่มีอำนาจเอาผิดสมีอิสระ
10 เมื่อสมีอ้างว่าเข้าไปปลูกป่า มีอะไรรับประกัน ว่าจะไม่มีการสอดไส้ปลูกสมุนไพร ปลูกพืชที่ใช้ประโยชน์ได้
เพราะบริษัทพฤกชเวช เป็นบริษัทผลิตสินค้าที่ทำจากสมุนไพร บริษัทบุญกุศลจำหน่าย มูลนิธิรับผลประโยชน์
11 การดำเนินการของสมีอิสระ เป็นวิธีเจ้าเล่ห์ เลี่ยงควาผิดทางกฎหมาย เอาดีใส่ตน อ้างหน้าซื่อตาใสว่ามุ่งทำดี
แต่ไม่เอ่ยถึงความเกี่ยวพันกับมูลนิธิ กับสองบริษัท ซึ่งสมีก็แถได้ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะไม่มีชื่อ ไม่มีบทบาท ไม่มีอิทธิพล
12 หากอยากปลูกป่า ทำไมต้องเข้าครอบครอง รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎหมาย ฟ้องเขาไปทั่วว่าคนนั้นผิดกฎหมายข้อนั้นข้อนี้
และจะไม่รู้เชียวเหรอว่า ป่าสงวนน่ะ ครอบครองไม่ได้
นี่ตือความเจ้าเล่ห์ อ้างปลูกป่า แล้วเข้าไปครอบครองป่าสงวนแห่งชาติอย่างเนียน ๆ
13 กฎหมายห้ามผู้ใดครอบครอง แค่นี้ สมีอิสระก็ไม่ควรทำแล้ว แต่เจ้าเล่ห์ ไม่มีชื่อตัวเองครอบครอง
แต่อ้างปลูกป่า บังหน้า สร้างภาพ ส่วนมูลนิธิกับสองบริษัทก็เงียบ ทั้งที่ควรเป็นผู้ออกมาชี้แจง
14 เรื่องนี้ สุดท้าย ราชการก็ยึดคืนจากมูลนิธิกับสองบริษัท ส่วนสมีอิสระก็ไม่มีส่วนผิดใด ๆ
(ใครก็ตามที่ครอบครอง จะผิดกฎหมายก็ตาม หากมีผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ครอบครอง ก็สามารถฟ้องข้อหาบุกรุกได้
กรณีสมีอิสระ เมื่อผู้ครอบครองไม่ว่า ไม่เอาผิด สมีอิสระก็ไม่มีความผิด ทางราชการก็ทำอะไรสมีไม่ได้
เพราะทางราชการ หากจะเอาผิด ก็เอาผิดผู้ครอบครอง ไม่ใช่เอาผิดสมีที่เข้าไปในพื้นที่ป่าสงวน)
สรุปแล้ว สมีก็ใช้วิธีฉลาดแกมโกง หาผลประโยชน์ใส่ตน เอาดีใส่ตน เลี่ยงข้อกฎหมาย
ไม่มีชื่อ ไม่มีบทบาททางนิตินัย ในมูลนิธิ ในสองบริษัท แต่ในทางพฤตินัย ใครก็รู้ก็เห็นว่า สมีอิสระคุมหมด
อย่างวัดอ้อน้อย สมีอิสระก็ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ไม่มีตำแหน่ง เป็นแค่พระลูกวัด
แต่ใครไม่รู้ ว่าสมีคุมวัด
เรื่องนี้ หากไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ แอบแฝง ก็ให้มูลนิธิและสองบริษัทคืนที่ดินป่าสงวนให้ราชการ
ไม่ใช่มาดื้อดึง มาทำอ้างดีว่าปลูกป่า ๆ อยู่แบบนี้ แถมอ้างเบื้องสูง
การครอบครองป่าสงวนอย่างผิดกฎหมายแล้วอ้างปลูกป่าถวายเบื้องสูง เป็นเรื่องไม่เข้าท่าจริง ๆ
หากอยากปลูกป่า ก็ทำเรื่องประสานกับทางราชการ กับหน่วยงานต่าง ๆ ขอเข้าไปปลูก ขอเข้าไปดูแล
ไม่ใช่กว้านซื้อ ครอบครอง กลายเป็นอาณาจักรส่วนตน ใครเข้าไปยุ่งไม่ได้ ใครเข้าไปก็โดนข้อหาบุกรุกทันที
แล้วอ้างว่าปลูกป่า อ้างว่าทำคุณประโยชน์ให้บ้านเมือง
เมื่อที่มาไม่ถูกต้อง วิธีการไม่ถูกต้อง จะอ้างว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องได้อย่างไร
โรบินฮู้ด อยู่ป่าน็อตติงแฮมโน่น ไม่ใช่ป่าที่เชียงใหม่
เลิกเจ้าเล่ห์ซะทีสมีโล้น
แค่เรื่องใส่ร้ายว่าการ์ดเสื้อแดงเข้าไปในธรรมกายก็ร้ายแรงเกินพอแล้วสำหรับคนที่อยู่ในเพศสมณะ
ไม่เห็นรู้สึกอาย กลับแสดงท่าทีซะอีกว่า ข้าเจ้าเล่ห์เหนือกว่าเอ็ง
ช้า ๆ ชัด ๆ กับความเจ้าเล่ห์ของสมีอิสระ ในเรื่องการยึดครองป่าสงวนแห่งชาติอย่างผิดกฎหมาย
แต่ในบางพื้นที่ ราชการอาจผ่อนผันให้ประชาชนเข้าไปทำกินได้ แต่ผู้เข้าไปทำกินจะขาย โอน ไม่ได้
หากเลิกทำกิน ราชการก็เอาคืน และพิจารณาว่าจะผ่อนผันให้ผู้ใดเข้าทำกินต่อไปหรือไม่
2. หากผู้ได้รับการผ่อนผันเข้าไปทำกินในป่าสงวนแห่งชาติ ขายผืนดินที่ได้รับการผ่อนผันเข้าทำกินให้ใคร
การซื้อขายนั้นก็เป็นโมฆะ ผู้ขายขายโดนไม่มีสิทธิ์ ผู้ซื้อซื้อแล้วก็ไม่มีสิทธิ์ครอบครอง ขัดกฎหมายทั้งผู้ซื้อผู้ขาย
3. สมีอิสระ ใช้วิธีให้มูลนิธิธรรมอิสระ บริษัทบุญกุศล บริษัทพฤกชเวช เข้าไปดำเนินการซื้อที่ดินที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ
แน่นอน ราคาย่อมถูก เพราะใครก็รู้ว่าเป็นที่ดินที่ซื้อขายถ่ายโอนไม่ได้
4. ทั้งมูลนิธิธรรมอิสระ บริษัทบุญกุศล บริษัทพฤกชเวช
มีที่อยู่ที่เดียวกันกับวัดอ้อน้อย 125/1 ม.17 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน นครปฐม
5. ทั้งมูลนิธิธรรมอิสระ บริษัทบุญกุศล บริษัทพฤกชเวช ไม่มีชื่อของสมีอิสระเกี่ยวข้อง
ไม่ว่าในตำแหน่งใด ๆ เหมือนสมีอิสระไม่มีบทบาทในสามองค์กรนั้นแต่อย่างใด
6. เมื่อซื้อที่ดินแล้ว สมีอิสระก็อ้างว่าตัวเองเข้าไปปลูกผ่า ฟื้นฟูป่า อ้างเป็นการถวาย อ้างมีส่วนราชการเข้าร่วมด้วย
7. การกระทำของสมีอิสระ หากจะมีใครเอาผิด ผู้เอาผิดสมีได้ ก็คือผู้ครอบครองที่ดิน ไม่ใช่ทางราชการ
ผู้ครอบครอง จะครอบครองผิดหรือถูกกฎหมาย ก็ถือว่าเป็นผู้ครองครอง มีสิทธิ์ในที่ดินนั้น
8. เมื่อสมีเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนที่มูลนิธิและสองบริษัทครอบครองอยู่ แน่นอนก็ย่อมไม่มีการแจ้งความบุกรุกแต่อย่างใด
ทางราชการก็เอาผิดไม่ได้ เพราะสมีไม่ได้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติของรัฐ แต่บุกรุกป่าสงวนที่มีผู้ถือครอง
9. หากราชการจะเอาผิด ก็เอาผิดหนึ่งมูลนิธิ กับสองบริษัท ที่ครอบครองป่าสงวนอย่างผิดกฎหมาย
ไม่มีอำนาจเอาผิดสมีอิสระ
10 เมื่อสมีอ้างว่าเข้าไปปลูกป่า มีอะไรรับประกัน ว่าจะไม่มีการสอดไส้ปลูกสมุนไพร ปลูกพืชที่ใช้ประโยชน์ได้
เพราะบริษัทพฤกชเวช เป็นบริษัทผลิตสินค้าที่ทำจากสมุนไพร บริษัทบุญกุศลจำหน่าย มูลนิธิรับผลประโยชน์
11 การดำเนินการของสมีอิสระ เป็นวิธีเจ้าเล่ห์ เลี่ยงควาผิดทางกฎหมาย เอาดีใส่ตน อ้างหน้าซื่อตาใสว่ามุ่งทำดี
แต่ไม่เอ่ยถึงความเกี่ยวพันกับมูลนิธิ กับสองบริษัท ซึ่งสมีก็แถได้ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะไม่มีชื่อ ไม่มีบทบาท ไม่มีอิทธิพล
12 หากอยากปลูกป่า ทำไมต้องเข้าครอบครอง รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎหมาย ฟ้องเขาไปทั่วว่าคนนั้นผิดกฎหมายข้อนั้นข้อนี้
และจะไม่รู้เชียวเหรอว่า ป่าสงวนน่ะ ครอบครองไม่ได้
นี่ตือความเจ้าเล่ห์ อ้างปลูกป่า แล้วเข้าไปครอบครองป่าสงวนแห่งชาติอย่างเนียน ๆ
13 กฎหมายห้ามผู้ใดครอบครอง แค่นี้ สมีอิสระก็ไม่ควรทำแล้ว แต่เจ้าเล่ห์ ไม่มีชื่อตัวเองครอบครอง
แต่อ้างปลูกป่า บังหน้า สร้างภาพ ส่วนมูลนิธิกับสองบริษัทก็เงียบ ทั้งที่ควรเป็นผู้ออกมาชี้แจง
14 เรื่องนี้ สุดท้าย ราชการก็ยึดคืนจากมูลนิธิกับสองบริษัท ส่วนสมีอิสระก็ไม่มีส่วนผิดใด ๆ
(ใครก็ตามที่ครอบครอง จะผิดกฎหมายก็ตาม หากมีผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ครอบครอง ก็สามารถฟ้องข้อหาบุกรุกได้
กรณีสมีอิสระ เมื่อผู้ครอบครองไม่ว่า ไม่เอาผิด สมีอิสระก็ไม่มีความผิด ทางราชการก็ทำอะไรสมีไม่ได้
เพราะทางราชการ หากจะเอาผิด ก็เอาผิดผู้ครอบครอง ไม่ใช่เอาผิดสมีที่เข้าไปในพื้นที่ป่าสงวน)
สรุปแล้ว สมีก็ใช้วิธีฉลาดแกมโกง หาผลประโยชน์ใส่ตน เอาดีใส่ตน เลี่ยงข้อกฎหมาย
ไม่มีชื่อ ไม่มีบทบาททางนิตินัย ในมูลนิธิ ในสองบริษัท แต่ในทางพฤตินัย ใครก็รู้ก็เห็นว่า สมีอิสระคุมหมด
อย่างวัดอ้อน้อย สมีอิสระก็ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ไม่มีตำแหน่ง เป็นแค่พระลูกวัด
แต่ใครไม่รู้ ว่าสมีคุมวัด
เรื่องนี้ หากไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ แอบแฝง ก็ให้มูลนิธิและสองบริษัทคืนที่ดินป่าสงวนให้ราชการ
ไม่ใช่มาดื้อดึง มาทำอ้างดีว่าปลูกป่า ๆ อยู่แบบนี้ แถมอ้างเบื้องสูง
การครอบครองป่าสงวนอย่างผิดกฎหมายแล้วอ้างปลูกป่าถวายเบื้องสูง เป็นเรื่องไม่เข้าท่าจริง ๆ
หากอยากปลูกป่า ก็ทำเรื่องประสานกับทางราชการ กับหน่วยงานต่าง ๆ ขอเข้าไปปลูก ขอเข้าไปดูแล
ไม่ใช่กว้านซื้อ ครอบครอง กลายเป็นอาณาจักรส่วนตน ใครเข้าไปยุ่งไม่ได้ ใครเข้าไปก็โดนข้อหาบุกรุกทันที
แล้วอ้างว่าปลูกป่า อ้างว่าทำคุณประโยชน์ให้บ้านเมือง
เมื่อที่มาไม่ถูกต้อง วิธีการไม่ถูกต้อง จะอ้างว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องได้อย่างไร
โรบินฮู้ด อยู่ป่าน็อตติงแฮมโน่น ไม่ใช่ป่าที่เชียงใหม่
เลิกเจ้าเล่ห์ซะทีสมีโล้น
แค่เรื่องใส่ร้ายว่าการ์ดเสื้อแดงเข้าไปในธรรมกายก็ร้ายแรงเกินพอแล้วสำหรับคนที่อยู่ในเพศสมณะ
ไม่เห็นรู้สึกอาย กลับแสดงท่าทีซะอีกว่า ข้าเจ้าเล่ห์เหนือกว่าเอ็ง