จะเริ่มเล่าทริปยังไงดี เพราะนี่ก็ไม่เคยรีวิว (เขียนครั้งแรก) เอาเป็นว่า ขอเล่าตามใจตัวเองหล่ะกัน
ต้องบอกว่ามีความประทับใจกับทริปในครั้งนี้มาก ตั้งแต่เริ่มจองตั๋วไปจนถึงวันสุดท้ายที่จะกลับ (มีความ Peak แทบทุกที่ ที่ไป)
ก็เลยอยากเขียนทริปนี้เพื่อเหมือนเป็นการบันทึกความทรงจำและเก็บภาพที่สวยงามเอาไว้
ยังไงก็อ่านไปเรื่อยๆนะ คิดว่าเหมือนอ่านนิยาย หรือนิทานก่อนนอนก็ได้ ง่วงก็นอน เบื่อก็วาง แล้วค่อยหยิบขึ้นมาอ่านใหม่
ไปๆเริ่มๆได้แล้วค่ะ
EP. 0 จุดเกิดเหตุ
เหตุเกิดจากเมื่อประมาณ มีนา 59 ที่ผ่านมาสายการบินสิงโตแอร์ได้ทำการจัดโปรโมชั่นบินลงทะเลใต้ในราคาที่ล่อตาล่อใจ
ชะนีน้อยสามนางจึงเกิดความกระหายอยากออกท่องโลกกว้าง
โดย ณ ตอนที่จองคิดแค่ว่าไปทั้งที ขอให้ได้ไปเที่ยวในช่วงที่มีอะไรที่น่าสนใจหน่อย
ตกลงกันอยู่สักพัก แล้วก็โทรไปหาเพื่อนอีกคน รายนั้นก็ตกลงที่จะไปทันที ไม่มีรีรอ
รวมๆแล้วนะตัดสินใจในการจะไปทริปนี้ใช้เวลาแค่ 20 นาทีโดยประมาณ (เร็วไปป่ะ)
ลงเอยด้วยการจองช่วงวันที่ 17-21 มิถุนายน 59 ไปสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นช่วงที่ Full Moon Party พอดี
ทำการกดให้ว่อง แล้วพุ่งตัวไปจ่ายตังค์ให้ไว
*** จุด Peak คือ เรากับเพื่อนอีกคนต้องพยายามเค้นตังค์ในกระเป๋าออกมาให้พอจ่ายค่าตั๋ว 3 คน ประมาณ 3000 กว่าบาท (ไป-กลับ) แล้วคือแถวนั้นไม่มีตู้เอทีเอ็ม ต้องมากดตังค์ข้างนอก ที่พีคกว่า คือ เรากับเพื่อนลุกไป โดยลืมกุญแจรถยาริสของเพื่อนไว้ตรงที่นั่ง แล้วก็รีบบึ่งไปจ่ายตังค์ที่เซเว่นอีกที่ ซึ่งใช้เวลาประมาณเกือบ 20 นาที โดยไม่เอะใจเลยว่าตัวเองลืมกุญแจไว้ แล้วเราก็มาส่งเพื่อนกลับหอที่เดิม พอมาถึงจุดเดิมที่นั่งอยู่ปุ๊ป ลุงที่ขายของอยู่ตรงนั้นก็พุ่งตัวเข้ามาหาเราสองคนทันที แล้วก็ยื่นกุญแจรถที่ลืมไว้ให้ เรานี่หน้าซีดเลย เกือบทำรถเพื่อนหายแล้วมั้ยตู ทำการขอโทษขอโพยเพื่อนและขอบคุณลุงอยู่สักพัก ก็แยกย้ายไปนอนฝันถึงทริปที่จะเกิดขึ้นอีก 3 เดือนข้างหน้า***
EP. 1 ไปค่ะ พี่สุชาติ
วันที่ 17/06/59 ออกเดินทาง – เข้าที่พัก – เที่ยวในเมือง (ป้ายาหอยนางรม,ตลาดศาลเจ้า)
เริ่มต้นการเดินทางไปดอนเมือง ในวันที่ฝนปรอย ๆ ชุ่มช่ำเล็กน้อย เรากับเพื่อนอีกคนใช้การเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ
เริ่มตั้งแต่ รถเมล์สาย 515 ศาลายา – อนุสาวรีย์ แล้วต่อด้วย BTS ไปลงที่จตุจักร และทำการต่อรถเมล์สาย A1 ไปลงตรงที่ดอนเมืองเลย
***
จุด Peak คือ เมื่อเรากับเพื่อนลงจาก BTS ระหว่างทางที่เดินอยู่บนสะพานเชื่อมที่จะลงไปรอรถเมล์ เราก็มองเห็นรถเมล์ สาย A1 แล่นเทียบท่าที่ป้ายรถเมล์ แล้วก็บอกกับเพื่อนว่า “เห้ย รถมาพอดี แต่ไม่เป็นไร ไม่ทันคันนี้ก็รออีกคันเนาะ” พูดจบปุ๊ป เพื่อนสาวของดิฉันเปลี่ยนอัตราเร็วของการเดินธรรมดาเป็นการเดินกึ่งวิ่งทันทีเลยค่า เอาไงหล่ะคะ ท่าทางนางจะขึ้นรถคันนี้ให้ได้ ก็เลยเปล่งเสียงให้สัญญาณนางออกไปว่า “ไปเลย ๆ ควบเลยๆ ” คิดว่าน่าจะดังพอสมควรนะ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหันมามองที่ต้นเสียงและเพื่อนเราที่กำลังควบอย่างรวดเร็ว
พีคยิ่งกว่า คือ ระหว่างที่เพื่อนสาวกำลังทำการควบเพื่อให้ทันก็ดันเจอมนุษย์ป้าเดินสลับฟันปลาด้วยอัตราการเดินที่ช้ามาก แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อนางแต่อย่างใด ใช้สกิลความคล่องตัวขั้นสูงทำการวิ่งซิกแซกฝ่ามนุษย์ป้ากลุ่มนั้นไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เราก้มลงสะพายกระเป๋าให้วิ่งได้สะดวกขึ้น พร้อมกับเปล่งเสียงร้องบอกว่าให้นางรอเราด้วย ไม่ทันแล้วค่ะ ไม่ใช่ไม่ทันรถนะ เราอ่ะวิ่งไม่ทันนางแล้วค่า นางถึงรถแล้วเรียบร้อย (เร็วอะไรเบอร์นั้นคะเพื่อน) สุดท้ายเราก็ขึ้นรถเมล์ทัน และถึงดอนเมืองก่อนเวลาเดินทาง เหลือเวลาเช็คอิน โหลดกระเป๋า ทานข้าว และรอหน้าเกทพอดิบพอดี ***
ถึงสุราษฎร์ฯแล้ว
เมื่อเท้าของชะนีน้อยสามนางก้าวลงเหยียบสนามบินสุราษฎร์ฯปุ๊ป ฝนก็ตั้งเค้าปั๊ป (คิดไงเที่ยวหน้าฝนว่ะเนี่ย 55)
ได้กระเป๋าปุ๊บ พี่ตอง นางฟ้าประจำทริป (ซึ่งเป็นพี่ที่สนิทกันมากของเพื่อนที่ไปด้วยกันอีกคน และคอยอำนวยความสะดวกให้เราทุกอย่างตลอดทริป) ก็ขับรถมาเทียบท่ารอรับพวกเราทันที
จุดหมายถัดไปคือ เอาของไปเก็บที่พัก และออกหาอะไรทานกัน
ที่พักของเราคือ The Centrino Hotel เป็นที่พักในตัวเมืองใกล้ ๆ โรงพยาบาลสุราษฎร์ฯ
ตกลงราคากันได้อยู่ที่ 750 บาท/คืน เราพักที่นี่ 2 คืน
เมื่อเอาของเข้าที่พักแล้ว มาถึงเมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ทั้งที มีรึจะพลาดการหาร้านอาหารทะเลทาน
พี่ตองเลยพาเรามาที่ร้านดังของที่นี่นั่นก็คือ ร้านป้ายา พวกเราก็จัดเลยคะ สั่งหอยมารัว ๆ
สมกับเป็นเมืองหอยใหญ่จริง ๆ ค่า ทั้งใหญ่ และสด ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย หอยนางรม 3 ฝา แค่ 100 บาทเอง
นี่แค่ออเดิร์ฟนะ ยังไม่ใช่มื้อหลัก เพราะมื้อหลักของเราอยู่ที่ ตลาดศาลเจ้า
แต่เนื่องจากวันที่เราไปฝนปรอย ๆ บรรยากาศเลยไม่ค่อยคึกคัก
แต่อาหารก็ยังมีความแน่นเนือง และหลากหลาย ก้าวขาเข้าตลาดปุ๊บ หิวปั๊บ
พวกเราจัดมื้อใหญ่ที่ร้านขนมจีนน้ำยาปู และอาหารอื่นๆ
ที่พี่ตองและเพื่อนอีกคนได้ทำการซื้อมาระหว่างรออาหารที่สั่ง อิ่ม อร่อย กันถ้วนหน้าค่า
เสร็จสิ้นภารกิจ อิ่มท้องกันทุกคน พวกเราก็เดินทางกลับที่พัก เพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวออกท่องเที่ยวในวันต่อไป
สถานีต่อไป เขื่อนเชี่ยวหลาน ค่า
[CR] รีวิว "ทริป ไปสุราษฏร์ทั้งที เที่ยวแค่ Full Moon Party ได้ไง" By.Enjoy your journeys
ต้องบอกว่ามีความประทับใจกับทริปในครั้งนี้มาก ตั้งแต่เริ่มจองตั๋วไปจนถึงวันสุดท้ายที่จะกลับ (มีความ Peak แทบทุกที่ ที่ไป)
ก็เลยอยากเขียนทริปนี้เพื่อเหมือนเป็นการบันทึกความทรงจำและเก็บภาพที่สวยงามเอาไว้
ยังไงก็อ่านไปเรื่อยๆนะ คิดว่าเหมือนอ่านนิยาย หรือนิทานก่อนนอนก็ได้ ง่วงก็นอน เบื่อก็วาง แล้วค่อยหยิบขึ้นมาอ่านใหม่
ไปๆเริ่มๆได้แล้วค่ะ
ชะนีน้อยสามนางจึงเกิดความกระหายอยากออกท่องโลกกว้าง
โดย ณ ตอนที่จองคิดแค่ว่าไปทั้งที ขอให้ได้ไปเที่ยวในช่วงที่มีอะไรที่น่าสนใจหน่อย
ตกลงกันอยู่สักพัก แล้วก็โทรไปหาเพื่อนอีกคน รายนั้นก็ตกลงที่จะไปทันที ไม่มีรีรอ
รวมๆแล้วนะตัดสินใจในการจะไปทริปนี้ใช้เวลาแค่ 20 นาทีโดยประมาณ (เร็วไปป่ะ)
ลงเอยด้วยการจองช่วงวันที่ 17-21 มิถุนายน 59 ไปสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นช่วงที่ Full Moon Party พอดี
ทำการกดให้ว่อง แล้วพุ่งตัวไปจ่ายตังค์ให้ไว
เริ่มตั้งแต่ รถเมล์สาย 515 ศาลายา – อนุสาวรีย์ แล้วต่อด้วย BTS ไปลงที่จตุจักร และทำการต่อรถเมล์สาย A1 ไปลงตรงที่ดอนเมืองเลย
*** จุด Peak คือ เมื่อเรากับเพื่อนลงจาก BTS ระหว่างทางที่เดินอยู่บนสะพานเชื่อมที่จะลงไปรอรถเมล์ เราก็มองเห็นรถเมล์ สาย A1 แล่นเทียบท่าที่ป้ายรถเมล์ แล้วก็บอกกับเพื่อนว่า “เห้ย รถมาพอดี แต่ไม่เป็นไร ไม่ทันคันนี้ก็รออีกคันเนาะ” พูดจบปุ๊ป เพื่อนสาวของดิฉันเปลี่ยนอัตราเร็วของการเดินธรรมดาเป็นการเดินกึ่งวิ่งทันทีเลยค่า เอาไงหล่ะคะ ท่าทางนางจะขึ้นรถคันนี้ให้ได้ ก็เลยเปล่งเสียงให้สัญญาณนางออกไปว่า “ไปเลย ๆ ควบเลยๆ ” คิดว่าน่าจะดังพอสมควรนะ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหันมามองที่ต้นเสียงและเพื่อนเราที่กำลังควบอย่างรวดเร็ว
ได้กระเป๋าปุ๊บ พี่ตอง นางฟ้าประจำทริป (ซึ่งเป็นพี่ที่สนิทกันมากของเพื่อนที่ไปด้วยกันอีกคน และคอยอำนวยความสะดวกให้เราทุกอย่างตลอดทริป) ก็ขับรถมาเทียบท่ารอรับพวกเราทันที
ที่พักของเราคือ The Centrino Hotel เป็นที่พักในตัวเมืองใกล้ ๆ โรงพยาบาลสุราษฎร์ฯ
ตกลงราคากันได้อยู่ที่ 750 บาท/คืน เราพักที่นี่ 2 คืน
พี่ตองเลยพาเรามาที่ร้านดังของที่นี่นั่นก็คือ ร้านป้ายา พวกเราก็จัดเลยคะ สั่งหอยมารัว ๆ
แต่เนื่องจากวันที่เราไปฝนปรอย ๆ บรรยากาศเลยไม่ค่อยคึกคัก
แต่อาหารก็ยังมีความแน่นเนือง และหลากหลาย ก้าวขาเข้าตลาดปุ๊บ หิวปั๊บ
พวกเราจัดมื้อใหญ่ที่ร้านขนมจีนน้ำยาปู และอาหารอื่นๆ
ที่พี่ตองและเพื่อนอีกคนได้ทำการซื้อมาระหว่างรออาหารที่สั่ง อิ่ม อร่อย กันถ้วนหน้าค่า
สถานีต่อไป เขื่อนเชี่ยวหลาน ค่า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น