สวัสดีครั้งที่ 2
ครั้งแรกกับรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ด้วยตัวเอง ก่อนอื่นขอขอบคุณผู้สนับสนุนค่าเครื่องบินและที่พักอย่างเป็นทางการ...คุณแม่ข้าพเจ้าเองเจ้าคะ คิคิ คุณแม่อยากไปลูกเป็นไกด์ให้ได้นะคะ คิคิ
มาต่อจาก Part 1
http://pantip.com/topic/35152475 เลยคะ ไม่คิดว่าจะไม่พอ ยิ่งพิมพ์ความประทับใจเริ่มหลั่งไหล่เข้ามาเรื่อยๆ
จะว่าไปตั้งแต่ออกเดินทางเมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ว่าจะเก็บท้องมากินไข่ดำก็ไม่ได้กิน
"ไปหาอะไรกินกันเถอะแม่ เดินแถวๆ นี้แหละ"
เราเลือกร้านที่มีเจ้าของร้านเป็นแม่ครัวเองออกมาเรียกลูกค้าถึงนอกประตู แบบนี้สิ สปีริทของแม่ครัวร้านอาหาร แล้วด้วยความหิวโหยเราก็ไม่ได้ถ่ายภาพร้านกับบรรยากาศมา เฮอะ! ตลอดอะ ร้านนี้ราคาโอเคสุดละ ร้านอื่นแพงนะ น่าจะเป็นธุรกิจครอบครัว มีแม่ครัวแค่ 2 คน มีเคาท์เตอร์เป็นไม้ และมีโต๊ะนั่งแค่ 3 ชุด ทั้งหมด 12 ที่นั่ง บรรยากาศประมาณว่า เฮ้ย! กุได้มากินแบบเทรดดิชันนอลด้วยหละ เข้าเรื่องอาหารเถอะ เดี๋ยวไม่จบ
จานแรก ข้าวไข่ออมเร็ตจานมหึมา

จานสอง ข้าวไข่ออมเร็ตแกงกะหรี่
กินข้าวเสร็จแล้ว เราก็ไปเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบอะชิ (ไอชิ) กันเถอะ ดอกซากุระที่นี่ยังมีให้เห็นเยอะเลย เกือบตัดใจแล้วว่าจะไม่ได้เห็น


คนญี่ปุ่นมาตกปลาที่นี่เยอะมาก มีพาครอบครัวมาเดินเล่น ปิ๊กนิ๊ก พาน้องหมามาเดินก็มี แต่ไม่ได้ถ่ายน้องหมาไว้อะกลัวละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเขา

คาเฟ่โปรโมทของที่นี่ ทำไม อร่อยหรอ เราไม่ได้เข้าอะ แม่ไม่ชอบกาแฟ

เช็คพ๊อยกันรึยังคะ?
โดยรวมเราอยู่ที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมง (แม่เริ่มเจ็บขาแระ เดินขึ้นเดินลงเนินเยอะ) รวมกินข้าวด้วย แล้วเรานั่งเรือโจรสลัดกลับไปขึ้นกระเช้าเหมือนเดิม (คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมากมาย คิคิ)

ขากลับนี่คนเยอะนะคะแถวคนรอยาวเหมือนเดิม แต่เราก็ไม่แคร์ คิคิ

ได้ภาพใกล้ขึ้นมาอีกนิด รู้มั๊ยเราลืมถ่ายคู่กับฟูจิ (อีกแล้ว!!!!!) =*=!

ปล่อยแม่ขาไปเซลฟี่เองแล้วคะ
มาถึงท่าเรือเราจึงได้ภาพคู่เรือสองลำนี้มา (แทนฟูจิ ยังเคืองตัวเอง)
เรากลับไปยังสถานีโกราเช่นเดิม ลงจากรถเคเบิ้ลคาร์ พวกเรากะจะกลับที่พักกันเลยแต่ว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ที่สถานีโกราเลี้ยวขวามือมีที่เดินเที่ยวอีก เราเลยเดินผ่านเจ้าหน้าที่เข้าไป มีร้านขายของฝากมากมาย เดินเลยออกมาเป็นถนนซึ่งมีป้ายรถประจำทางไปเอาท์เล็ตและจุดอื่นๆ

แต่แล้ว....เฮ้ย....นี่คืออะไร???!!!

ดงซากุระชัดๆ!! ถ่ายคะ รีบเลยแม่! เดี๋ยวซากุระร่วงหมด(?) ประโยคหลังเราเติมเองนะคะ

ไม่ต้องมีภาพเรามีแม่และสีหน้าของแม่เราก็ฟินแล้วคะ ปลื้มใจ

จุดนี้คอมเฟิร์ม ซากุระยังเต็มต้นจริงๆ
ถ่ายรูปเป็นที่พอใจ กลับคะ ผ่านอุโมงค์นี้ด้วย จำชื่อไม่ได้แล้วอะคะ

แวะสถานีนี้คะ จะลงสถานีอื่นด้วยก็เดินไม่ไหวแล้ว

ด้านหลังตรงนั้นเหมือนจะเป็นถ้ำ แต่แม่บอกว่าอย่าเดินเข้าไป อันตราย... ทำไมอะ แม่บอกว่า คนที่ลงพร้อมเราเมื่อกี้แม่เห็นเค้าดึงเพื่อนเอาไว้ไม่ให้เดินเข้าไป ใจเราเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เลยอะ โพล้เพล้แล้วด้วย เค้าเปิดไฟแล้ว

หลังจากนั้นเราก็มารอรถไฟออกจากที่นี่กัน ระหว่างนั้นเราก็เดินริมทางรถไฟเล่น ไม่มีไรหรอก อยากซึมซับอะ รถไฟฝั่งตรงข้ามมาแล้ว

สักพักเราก็ได้ขึ้นรถไฟคะ

ค่าตั๋วไป - กลับรวม 580 x 4 = 2,320 Yen
จะเห็นได้ว่า มาอยู่แล้ว 2 วัน เรากับแม่กินข้าวไปคนละ 2 มื้อเท่านั้น ไม่ใช้ประหยัดนะคะ อันนี้พูดจริง ตื่นเช้าออกจากโรงแรม เดินเที่ยวๆๆ กว่าจะได้กินก็บ่ายกว่า เร็วสุดก็เที่ยง อีกมื้อมันก็เหนื่อยจนกินไม่ลงเหมือนพึ่งกินมาแล้วจุกอะ เรากับแม่เลยหาซื้อของกินเล่นที่ Lawson ขึ้นไปกินบนห้องคะ ไม่หิวจริงๆ
อุดหนุนสตอเบอร์รี่ของน้องคุมะมงมาด้วย 2 แพ็ค 680 เยนเอง คนเยอะมากเค้ามาตั้งขายแถวๆ สถานีฟูจิซาวะ เหมือนได้ฟรีแบบที่เห็นในการ์ตูนที่ต้องแย่งกันซื้อเลยคะ อันนี้ไม่ได้ถ่ายไว้อีก พยายามแทรกตัวเองเข้าไปเพื่อซื้อสตอเบอร์รี่ (ประเด็นที่เข้าไปคือสตอเบอร์รี่ตราคุมะมงซิ)
วันที่ 17 เมษายน 59 Kamakura Trip
เช้านี้ตื่นขึ้นมาหนาวเหน็บกว่าทุกวัน 11 องศา! ลมแรงมากๆ ไม่แรงปานกลางนะคะ 6 โมงเช้าเราเดินไปสถานีฟูจิซาวะเพื่อถามทางไปสาย Enoshima ซึ่ง...ใกล้สุดๆ ไม่คิดอีกนั้นแหละว่านอนโรงแรมนี้แล้วสถานี 2 ที่จะอยู่ใกล้กันแบบเดินแค่ 100 เมตร สถานีฟูจิซาวะอยู่ซ้าย Enoshima อยู่ขวา เลี้ยวขวาขึ้นสะพานลอยปุ๊ปถึงแระ Check-Out เรียบร้อยฝากกระเป๋าไว้ที่ front ไปเที่ยวโล้วววว
ซึ้อตั๋วแบบมั่นใจมาก 1 Day Pass 600 Yen x 2 = 1,200 Yen เราจะไปเกาะแมวด้วย รอก่อนนะน้องแมว เรากำลังหลอกแม่ให้ตามเราไป คิคิ (ชั่วร้ายที่สุด)
สถานีแรกคือ Hase-dera Station ไปไหว้พระใหญ่ไดบุซึคะ ลงสถานีเดินออกมาแล้วตรงตามถนนไปเลยคะ ใครดูแผนที่บนกระดาษแล้วงง หน้าสถานีมีป้ายแผนที่เบ้อเร่อเลย ดูที่นั่นก็ได้

มีป้ายตามเส้นทางที่เดินด้วย ถนนแคบระวังรถนะคะ สายๆ แล้วรถเยอะ

ที่นี่สวยดี

เดินเลยมาหน่อยเดียวถึงแยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายไปเลยคะ วัดฮาเสะ-เดระ อยู่ในซอยนั้นมองไกลๆ ถ้าไม่สังเกตุคงไม่รู้ว่าเป็นวัด

ไม่ได้เข้านะคะ ลมเริ่มแรงมากขึ้น วันนี้เราใส่กระโปรงยาว มันยังกระพือขึ้นมาได้อะ (หน้าด้านไว้ เราเจอพวกเธอแค่ครั้งเดียว ฮาๆๆๆ) เดินกลับออกมาเลี้ยวซ้ายเดินหน้าตามเดิม ไม่ไกลเจอวัดใหญ่แล้ว

ฝนตกหนักคะ นั่งรอฝนหยุดก่อน แม่เราก็เตรียมพร้อมเสื้อฝนและร่ม

ฝนเริ่มซาเราเดินออกไปที่อื่นต่อ พอดีมีน้องนักเรียนคงมาทัศนศึกษา คณะครูกำลังถ่ายรูป เราก็ถ่ายน้องเค้ามาด้วย น่ารักดี

จบที่ไหว้พระใหญ่ไดบุทสึ เดินฝ่าสายฝนกลับมาขึ้นรถไฟที่เดิม
เราไปต่อกันที่สุดปลายทางรถไฟ Kamakura Station

บนลางรถไฟมีสัญลักษณ์รถไฟสาย Enoshima ด้วยคะ น่ารักจัง

เค้าว่ามีถนนคนเดิน Komachi-Dori เราก็เดินไปเรื่อยๆ อย่างไรทิศทาง แล้วในที่สุดเราก็วนมาถึงอุโมงค์ข้ามไปยังถนนคนเดินคะ ซึ่งถ้าเดินจริงๆ พอออกมาจากสถานีคามาคุระ ทางขวามือเดินไปนิดเดียวก็ถึงอุโมงค์คะ ตอนนี้ฝนตกหนักนะคะ กางร่ม จับกระโปรงไว้!!
เสาโทริอิด้านหลังคุณแม่เป็นถนนคนเดินคะ

เราหาอะไรกินที่นี่กันเถอะ จะบ่าย 2 แล้ว

กินกันที่นี่คะ อร่อย (รู้สึกเข้าร้านไหนก็อร่อย)

กินอิ่มแล้วฝนยังตกอยู่เลย จะไปไหนก็ไม่ได้แม้มีร่ม (ร่มสามท่อนของไทยใช้กับที่นี่มิได้นะคะ พังคะ) กินแบบสโลวโมชั่นมากๆ สุดท้ายต้องเดินกลับไปขึ้นรถไฟไป Enoshima Island

ดูได้แค่นี้นะคะ ไปไม่ได้ลมแรงเกินความคาดหมาย เสียใจจุง เสียดาย 600 เยน ไปแค่ 2 สถานีเอง งึมๆ
กลับโรงแรม เดินทางต่อเข้าโตเกียวคะ
****
[CR] [รีวิว] 5 วัน พาแม่เที่ยว ประเทศญี่ปุ่น Part 2
ครั้งแรกกับรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ด้วยตัวเอง ก่อนอื่นขอขอบคุณผู้สนับสนุนค่าเครื่องบินและที่พักอย่างเป็นทางการ...คุณแม่ข้าพเจ้าเองเจ้าคะ คิคิ คุณแม่อยากไปลูกเป็นไกด์ให้ได้นะคะ คิคิ
มาต่อจาก Part 1 http://pantip.com/topic/35152475 เลยคะ ไม่คิดว่าจะไม่พอ ยิ่งพิมพ์ความประทับใจเริ่มหลั่งไหล่เข้ามาเรื่อยๆ
จะว่าไปตั้งแต่ออกเดินทางเมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ว่าจะเก็บท้องมากินไข่ดำก็ไม่ได้กิน
"ไปหาอะไรกินกันเถอะแม่ เดินแถวๆ นี้แหละ"
เราเลือกร้านที่มีเจ้าของร้านเป็นแม่ครัวเองออกมาเรียกลูกค้าถึงนอกประตู แบบนี้สิ สปีริทของแม่ครัวร้านอาหาร แล้วด้วยความหิวโหยเราก็ไม่ได้ถ่ายภาพร้านกับบรรยากาศมา เฮอะ! ตลอดอะ ร้านนี้ราคาโอเคสุดละ ร้านอื่นแพงนะ น่าจะเป็นธุรกิจครอบครัว มีแม่ครัวแค่ 2 คน มีเคาท์เตอร์เป็นไม้ และมีโต๊ะนั่งแค่ 3 ชุด ทั้งหมด 12 ที่นั่ง บรรยากาศประมาณว่า เฮ้ย! กุได้มากินแบบเทรดดิชันนอลด้วยหละ เข้าเรื่องอาหารเถอะ เดี๋ยวไม่จบ
จานแรก ข้าวไข่ออมเร็ตจานมหึมา
จานสอง ข้าวไข่ออมเร็ตแกงกะหรี่
กินข้าวเสร็จแล้ว เราก็ไปเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบอะชิ (ไอชิ) กันเถอะ ดอกซากุระที่นี่ยังมีให้เห็นเยอะเลย เกือบตัดใจแล้วว่าจะไม่ได้เห็น
คนญี่ปุ่นมาตกปลาที่นี่เยอะมาก มีพาครอบครัวมาเดินเล่น ปิ๊กนิ๊ก พาน้องหมามาเดินก็มี แต่ไม่ได้ถ่ายน้องหมาไว้อะกลัวละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเขา
คาเฟ่โปรโมทของที่นี่ ทำไม อร่อยหรอ เราไม่ได้เข้าอะ แม่ไม่ชอบกาแฟ
เช็คพ๊อยกันรึยังคะ?
โดยรวมเราอยู่ที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมง (แม่เริ่มเจ็บขาแระ เดินขึ้นเดินลงเนินเยอะ) รวมกินข้าวด้วย แล้วเรานั่งเรือโจรสลัดกลับไปขึ้นกระเช้าเหมือนเดิม (คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมากมาย คิคิ)
ขากลับนี่คนเยอะนะคะแถวคนรอยาวเหมือนเดิม แต่เราก็ไม่แคร์ คิคิ
ได้ภาพใกล้ขึ้นมาอีกนิด รู้มั๊ยเราลืมถ่ายคู่กับฟูจิ (อีกแล้ว!!!!!) =*=!
ปล่อยแม่ขาไปเซลฟี่เองแล้วคะ
มาถึงท่าเรือเราจึงได้ภาพคู่เรือสองลำนี้มา (แทนฟูจิ ยังเคืองตัวเอง)
เรากลับไปยังสถานีโกราเช่นเดิม ลงจากรถเคเบิ้ลคาร์ พวกเรากะจะกลับที่พักกันเลยแต่ว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ที่สถานีโกราเลี้ยวขวามือมีที่เดินเที่ยวอีก เราเลยเดินผ่านเจ้าหน้าที่เข้าไป มีร้านขายของฝากมากมาย เดินเลยออกมาเป็นถนนซึ่งมีป้ายรถประจำทางไปเอาท์เล็ตและจุดอื่นๆ
แต่แล้ว....เฮ้ย....นี่คืออะไร???!!!
ดงซากุระชัดๆ!! ถ่ายคะ รีบเลยแม่! เดี๋ยวซากุระร่วงหมด(?) ประโยคหลังเราเติมเองนะคะ
ไม่ต้องมีภาพเรามีแม่และสีหน้าของแม่เราก็ฟินแล้วคะ ปลื้มใจ
จุดนี้คอมเฟิร์ม ซากุระยังเต็มต้นจริงๆ
ถ่ายรูปเป็นที่พอใจ กลับคะ ผ่านอุโมงค์นี้ด้วย จำชื่อไม่ได้แล้วอะคะ
แวะสถานีนี้คะ จะลงสถานีอื่นด้วยก็เดินไม่ไหวแล้ว
ด้านหลังตรงนั้นเหมือนจะเป็นถ้ำ แต่แม่บอกว่าอย่าเดินเข้าไป อันตราย... ทำไมอะ แม่บอกว่า คนที่ลงพร้อมเราเมื่อกี้แม่เห็นเค้าดึงเพื่อนเอาไว้ไม่ให้เดินเข้าไป ใจเราเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เลยอะ โพล้เพล้แล้วด้วย เค้าเปิดไฟแล้ว
หลังจากนั้นเราก็มารอรถไฟออกจากที่นี่กัน ระหว่างนั้นเราก็เดินริมทางรถไฟเล่น ไม่มีไรหรอก อยากซึมซับอะ รถไฟฝั่งตรงข้ามมาแล้ว
สักพักเราก็ได้ขึ้นรถไฟคะ
ค่าตั๋วไป - กลับรวม 580 x 4 = 2,320 Yen
จะเห็นได้ว่า มาอยู่แล้ว 2 วัน เรากับแม่กินข้าวไปคนละ 2 มื้อเท่านั้น ไม่ใช้ประหยัดนะคะ อันนี้พูดจริง ตื่นเช้าออกจากโรงแรม เดินเที่ยวๆๆ กว่าจะได้กินก็บ่ายกว่า เร็วสุดก็เที่ยง อีกมื้อมันก็เหนื่อยจนกินไม่ลงเหมือนพึ่งกินมาแล้วจุกอะ เรากับแม่เลยหาซื้อของกินเล่นที่ Lawson ขึ้นไปกินบนห้องคะ ไม่หิวจริงๆ
อุดหนุนสตอเบอร์รี่ของน้องคุมะมงมาด้วย 2 แพ็ค 680 เยนเอง คนเยอะมากเค้ามาตั้งขายแถวๆ สถานีฟูจิซาวะ เหมือนได้ฟรีแบบที่เห็นในการ์ตูนที่ต้องแย่งกันซื้อเลยคะ อันนี้ไม่ได้ถ่ายไว้อีก พยายามแทรกตัวเองเข้าไปเพื่อซื้อสตอเบอร์รี่ (ประเด็นที่เข้าไปคือสตอเบอร์รี่ตราคุมะมงซิ)
วันที่ 17 เมษายน 59 Kamakura Trip
เช้านี้ตื่นขึ้นมาหนาวเหน็บกว่าทุกวัน 11 องศา! ลมแรงมากๆ ไม่แรงปานกลางนะคะ 6 โมงเช้าเราเดินไปสถานีฟูจิซาวะเพื่อถามทางไปสาย Enoshima ซึ่ง...ใกล้สุดๆ ไม่คิดอีกนั้นแหละว่านอนโรงแรมนี้แล้วสถานี 2 ที่จะอยู่ใกล้กันแบบเดินแค่ 100 เมตร สถานีฟูจิซาวะอยู่ซ้าย Enoshima อยู่ขวา เลี้ยวขวาขึ้นสะพานลอยปุ๊ปถึงแระ Check-Out เรียบร้อยฝากกระเป๋าไว้ที่ front ไปเที่ยวโล้วววว
ซึ้อตั๋วแบบมั่นใจมาก 1 Day Pass 600 Yen x 2 = 1,200 Yen เราจะไปเกาะแมวด้วย รอก่อนนะน้องแมว เรากำลังหลอกแม่ให้ตามเราไป คิคิ (ชั่วร้ายที่สุด)
สถานีแรกคือ Hase-dera Station ไปไหว้พระใหญ่ไดบุซึคะ ลงสถานีเดินออกมาแล้วตรงตามถนนไปเลยคะ ใครดูแผนที่บนกระดาษแล้วงง หน้าสถานีมีป้ายแผนที่เบ้อเร่อเลย ดูที่นั่นก็ได้
มีป้ายตามเส้นทางที่เดินด้วย ถนนแคบระวังรถนะคะ สายๆ แล้วรถเยอะ
ที่นี่สวยดี
เดินเลยมาหน่อยเดียวถึงแยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายไปเลยคะ วัดฮาเสะ-เดระ อยู่ในซอยนั้นมองไกลๆ ถ้าไม่สังเกตุคงไม่รู้ว่าเป็นวัด
ไม่ได้เข้านะคะ ลมเริ่มแรงมากขึ้น วันนี้เราใส่กระโปรงยาว มันยังกระพือขึ้นมาได้อะ (หน้าด้านไว้ เราเจอพวกเธอแค่ครั้งเดียว ฮาๆๆๆ) เดินกลับออกมาเลี้ยวซ้ายเดินหน้าตามเดิม ไม่ไกลเจอวัดใหญ่แล้ว
ฝนตกหนักคะ นั่งรอฝนหยุดก่อน แม่เราก็เตรียมพร้อมเสื้อฝนและร่ม
ฝนเริ่มซาเราเดินออกไปที่อื่นต่อ พอดีมีน้องนักเรียนคงมาทัศนศึกษา คณะครูกำลังถ่ายรูป เราก็ถ่ายน้องเค้ามาด้วย น่ารักดี
จบที่ไหว้พระใหญ่ไดบุทสึ เดินฝ่าสายฝนกลับมาขึ้นรถไฟที่เดิม
เราไปต่อกันที่สุดปลายทางรถไฟ Kamakura Station
บนลางรถไฟมีสัญลักษณ์รถไฟสาย Enoshima ด้วยคะ น่ารักจัง
เค้าว่ามีถนนคนเดิน Komachi-Dori เราก็เดินไปเรื่อยๆ อย่างไรทิศทาง แล้วในที่สุดเราก็วนมาถึงอุโมงค์ข้ามไปยังถนนคนเดินคะ ซึ่งถ้าเดินจริงๆ พอออกมาจากสถานีคามาคุระ ทางขวามือเดินไปนิดเดียวก็ถึงอุโมงค์คะ ตอนนี้ฝนตกหนักนะคะ กางร่ม จับกระโปรงไว้!!
เสาโทริอิด้านหลังคุณแม่เป็นถนนคนเดินคะ
เราหาอะไรกินที่นี่กันเถอะ จะบ่าย 2 แล้ว
กินกันที่นี่คะ อร่อย (รู้สึกเข้าร้านไหนก็อร่อย)
กินอิ่มแล้วฝนยังตกอยู่เลย จะไปไหนก็ไม่ได้แม้มีร่ม (ร่มสามท่อนของไทยใช้กับที่นี่มิได้นะคะ พังคะ) กินแบบสโลวโมชั่นมากๆ สุดท้ายต้องเดินกลับไปขึ้นรถไฟไป Enoshima Island
ดูได้แค่นี้นะคะ ไปไม่ได้ลมแรงเกินความคาดหมาย เสียใจจุง เสียดาย 600 เยน ไปแค่ 2 สถานีเอง งึมๆ
กลับโรงแรม เดินทางต่อเข้าโตเกียวคะ
****