>> ตอนที่ 1 - เฮเทอร์ (1/2)
http://pantip.com/topic/35130752 , (2/2)
http://pantip.com/topic/35135027
>> ตอนที่ 2 - เต็มใจ (1/2)
http://pantip.com/topic/35143236
เสียงจากด้านล่างเงียบไปพักใหญ่แล้ว แต่ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสยังคงประทับนิ่งอยู่หน้ากองไฟ ทรงหลับพระเนตรแต่มิได้เข้าสู่ภวังค์หลับ พระกรรณคอยสดับเสียงอื่นนอกเหนือจากเสียงถ่านไม้ที่ปะทุอยู่เบื้องหน้า
ในที่สุด เสียงหนึ่งก็ดังแว่วแทรกขึ้นมาเพียงแผ่วเบา ไม่ใช่เสียงแมลงราตรี ไม่ใช่เสียงของสัตว์ร้ายที่อยู่ไกลออกไป แต่เป็นบางอย่างแหวกพงหญ้าอยู่ใกล้ๆนี่เอง เมื่อม้าของพระองค์ส่งเสียงครางเพียงเล็กน้อย จึงทรงผินพระพักต์กลับไปดู
ท่ามกลางความมืด เงาดำของคนสองคนตะคุ่มอยู่ใกล้ม้าของพระองค์ ทรงประทับรอจนเจ้าของเงาเดินออกมาสู่แสงอันน้อยนิดของพระจันทร์เสี้ยวบนฟ้า จึงปรากฏชัดว่าเจ้าของเงาทั้งสองเป็นคนคุ้นเคยที่ทรงรอมาเกือบทั้งวัน
องค์ฟาโรห์ค่อยๆประทับยืน ด้วยไม่ต้องการรบกวนคนที่กำลังหลับสนิทอยู่เบื้องพระปฤษฏางค์ แต่ละย่างก้าวจึงเป็นไปด้วยความระวังยิ่ง
เมื่อลงมาถึงเบื้องล่าง เสียงกรนของยาตูที่ดังก้องอยู่ในห้องนั้นชวนให้นึกรำคาญนัก ฟาโรห์ทรงสาวพระบาทไปยังพระอาชาซึ่งเจ้าของเงาทั้งสองยืนรออยู่
เมื่อไปใกล้ คนที่ยืนรอก็คุกเข่าลงกับพื้น ถวายความเคารพสูงสุด
“เหตุใดจึงช้านัก”
ตรัสห้วนๆคล้ายไม่พอพระทัย
บุรุษทั้งสองหยัดกายขึ้นยืน คนที่ตัวเล็กกว่าอีกคนเล็กน้อยเป็นฝ่ายกล่าวตอบฟาโรห์
“ข้าน้อยมาเจอครั้งหนึ่งแล้วตอนหัวค่ำ ทันกับที่ตาแก่ขี้เมาหอบเบียร์ขึ้นไปบนดาดฟ้าพอดี เห็นนายท่านยอมยกแก้วร่วมดื่ม ก็เลยนึกว่านายท่านกำลังสนุกสนาน จึงชวนอูเบนคอยให้ตานั่นหลับก่อน ถึงได้ออกมาอีกขอรับ แล้วเหตุใดจึงไม่กลับไปเล่าขอรับ”
ฟาโรห์ทรงมองจาฮาล หนึ่งในองครักษ์คนสนิทที่แม้จะดูร่างเล็กเมื่อยืนเทียบกับเฮอร์-อูเบน แต่ความจริงแล้วเมื่ออยู่โดดๆ จาฮาลมีร่างกายสมส่วนสง่างาม ผมตัดสั้นเกรียนเช่นเดียวกับพระองค์และเฮอร์-อูเบน ใบหน้าของชายหนุ่มดูอ่อนเยาว์อยู่เป็นนิจ ด้วยเป็นคนร่าเริงอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญ พูดมาก จนแทบตลอดเวลาอีกด้วย ตอนนี้พระองค์กำลังอยู่ในคราบชาวบ้านทั่วไป คำที่จาฮาลพูดกับพระองค์จึงต้องปรับไปอย่างรู้งาน
“ตอนสายข้าช่วยหญิงคนหนึ่งไว้ นางอ่อนเพลียเกินกว่าจะเดินทางได้”
“อ้อ”
จาฮาลพยักหน้ารับ แต่น้ำเสียงยังคงแสดงความสงสัย ก่อนเสนอ
“เช่นนั้น ก็กลับตอนนี้เลยดีไหมขอรับ”
“ไม่” ตรัสตอบทันที “นางหลับแล้ว”
“โอ้” เสียงอุทานของจาฮาลนั้นน่าจะเกิดจากการเสแสร้งมากกว่าตกใจจริงๆ “เอ่อ ก็ ถ้าพานางกลับไปนอนพักที่ที่ประทับน่าจะ ‘สบาย’ และ ‘สะดวก’ กว่านะ ขอรับ ตรงนั้นพื้นอาจจะแข็งไปหน่อย ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มเจื่อนลงเมื่อไม่มีใครร่วมหัวเราะด้วย ฟาโรห์ทรงถอนพระปัสสาสะเล็กน้อยก่อนมีบัญชา
“พวกเจ้าจงไปหาที่พักที่วาเซต ที่สะอาด สะดวก และปลอดภัย ให้นาง ข้าคงไปถึงช่วงบ่ายและนางควรได้ที่พักทันที”
“เหตุใดไม่นำนางเข้าไปอยู่ด้วยเลยเล่า ขอรับ” จาฮาลถามขึ้นมา
“ไม่ ยังไม่ถึงเวลา” ตอบแค่นั้นก่อนสั่งงาน “พวกเจ้าไปได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกันชานเมืองวาเซต”
จาฮาลหันไปสบตากับเฮอร์-อูเบนเล็กน้อย ฟาโรห์ทรงรู้ว่าองครักษ์ของพระองค์ยังไม่กระจ่างในพระประสงค์นัก แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะขยายความใด
ในที่สุด เฮอร์-อูเบน ผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ และใบหน้างดงามคมคายจนเป็นที่ต้องตาหญิงสาวทั่วทั้งวัง หรืออาจจะทั้งเมือง ก็พูดออกมา
ด้วยนิสัยพูดน้อยสวนทางกับความหล่อเหลา นี่จึงเป็นคำพูดคำแรกและคำสุดท้ายของชายหนุ่มในคืนนี้
“ขอรับ นายท่าน”
เฮอร์-อูเบนกล่าวแล้วก็ย่อตัวห่างออกไป จาฮาลจึงต้องย่อตัวเลี่ยงไปตาม องค์ฟาโรห์จึงผินพักต์เสด็จกลับสู่เพิงพักซึ่งมีคนคนหนึ่งนอนอยู่เพียงเดียวดาย
>>ความทรงจำใต้ผืนทราย ตอนที่ 2 - เต็มใจ (2/2)<<
>> ตอนที่ 2 - เต็มใจ (1/2) http://pantip.com/topic/35143236
เสียงจากด้านล่างเงียบไปพักใหญ่แล้ว แต่ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสยังคงประทับนิ่งอยู่หน้ากองไฟ ทรงหลับพระเนตรแต่มิได้เข้าสู่ภวังค์หลับ พระกรรณคอยสดับเสียงอื่นนอกเหนือจากเสียงถ่านไม้ที่ปะทุอยู่เบื้องหน้า
ในที่สุด เสียงหนึ่งก็ดังแว่วแทรกขึ้นมาเพียงแผ่วเบา ไม่ใช่เสียงแมลงราตรี ไม่ใช่เสียงของสัตว์ร้ายที่อยู่ไกลออกไป แต่เป็นบางอย่างแหวกพงหญ้าอยู่ใกล้ๆนี่เอง เมื่อม้าของพระองค์ส่งเสียงครางเพียงเล็กน้อย จึงทรงผินพระพักต์กลับไปดู
ท่ามกลางความมืด เงาดำของคนสองคนตะคุ่มอยู่ใกล้ม้าของพระองค์ ทรงประทับรอจนเจ้าของเงาเดินออกมาสู่แสงอันน้อยนิดของพระจันทร์เสี้ยวบนฟ้า จึงปรากฏชัดว่าเจ้าของเงาทั้งสองเป็นคนคุ้นเคยที่ทรงรอมาเกือบทั้งวัน
องค์ฟาโรห์ค่อยๆประทับยืน ด้วยไม่ต้องการรบกวนคนที่กำลังหลับสนิทอยู่เบื้องพระปฤษฏางค์ แต่ละย่างก้าวจึงเป็นไปด้วยความระวังยิ่ง
เมื่อลงมาถึงเบื้องล่าง เสียงกรนของยาตูที่ดังก้องอยู่ในห้องนั้นชวนให้นึกรำคาญนัก ฟาโรห์ทรงสาวพระบาทไปยังพระอาชาซึ่งเจ้าของเงาทั้งสองยืนรออยู่
เมื่อไปใกล้ คนที่ยืนรอก็คุกเข่าลงกับพื้น ถวายความเคารพสูงสุด
“เหตุใดจึงช้านัก”
ตรัสห้วนๆคล้ายไม่พอพระทัย
บุรุษทั้งสองหยัดกายขึ้นยืน คนที่ตัวเล็กกว่าอีกคนเล็กน้อยเป็นฝ่ายกล่าวตอบฟาโรห์
“ข้าน้อยมาเจอครั้งหนึ่งแล้วตอนหัวค่ำ ทันกับที่ตาแก่ขี้เมาหอบเบียร์ขึ้นไปบนดาดฟ้าพอดี เห็นนายท่านยอมยกแก้วร่วมดื่ม ก็เลยนึกว่านายท่านกำลังสนุกสนาน จึงชวนอูเบนคอยให้ตานั่นหลับก่อน ถึงได้ออกมาอีกขอรับ แล้วเหตุใดจึงไม่กลับไปเล่าขอรับ”
ฟาโรห์ทรงมองจาฮาล หนึ่งในองครักษ์คนสนิทที่แม้จะดูร่างเล็กเมื่อยืนเทียบกับเฮอร์-อูเบน แต่ความจริงแล้วเมื่ออยู่โดดๆ จาฮาลมีร่างกายสมส่วนสง่างาม ผมตัดสั้นเกรียนเช่นเดียวกับพระองค์และเฮอร์-อูเบน ใบหน้าของชายหนุ่มดูอ่อนเยาว์อยู่เป็นนิจ ด้วยเป็นคนร่าเริงอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญ พูดมาก จนแทบตลอดเวลาอีกด้วย ตอนนี้พระองค์กำลังอยู่ในคราบชาวบ้านทั่วไป คำที่จาฮาลพูดกับพระองค์จึงต้องปรับไปอย่างรู้งาน
“ตอนสายข้าช่วยหญิงคนหนึ่งไว้ นางอ่อนเพลียเกินกว่าจะเดินทางได้”
“อ้อ”
จาฮาลพยักหน้ารับ แต่น้ำเสียงยังคงแสดงความสงสัย ก่อนเสนอ
“เช่นนั้น ก็กลับตอนนี้เลยดีไหมขอรับ”
“ไม่” ตรัสตอบทันที “นางหลับแล้ว”
“โอ้” เสียงอุทานของจาฮาลนั้นน่าจะเกิดจากการเสแสร้งมากกว่าตกใจจริงๆ “เอ่อ ก็ ถ้าพานางกลับไปนอนพักที่ที่ประทับน่าจะ ‘สบาย’ และ ‘สะดวก’ กว่านะ ขอรับ ตรงนั้นพื้นอาจจะแข็งไปหน่อย ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มเจื่อนลงเมื่อไม่มีใครร่วมหัวเราะด้วย ฟาโรห์ทรงถอนพระปัสสาสะเล็กน้อยก่อนมีบัญชา
“พวกเจ้าจงไปหาที่พักที่วาเซต ที่สะอาด สะดวก และปลอดภัย ให้นาง ข้าคงไปถึงช่วงบ่ายและนางควรได้ที่พักทันที”
“เหตุใดไม่นำนางเข้าไปอยู่ด้วยเลยเล่า ขอรับ” จาฮาลถามขึ้นมา
“ไม่ ยังไม่ถึงเวลา” ตอบแค่นั้นก่อนสั่งงาน “พวกเจ้าไปได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกันชานเมืองวาเซต”
จาฮาลหันไปสบตากับเฮอร์-อูเบนเล็กน้อย ฟาโรห์ทรงรู้ว่าองครักษ์ของพระองค์ยังไม่กระจ่างในพระประสงค์นัก แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะขยายความใด
ในที่สุด เฮอร์-อูเบน ผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ และใบหน้างดงามคมคายจนเป็นที่ต้องตาหญิงสาวทั่วทั้งวัง หรืออาจจะทั้งเมือง ก็พูดออกมา
ด้วยนิสัยพูดน้อยสวนทางกับความหล่อเหลา นี่จึงเป็นคำพูดคำแรกและคำสุดท้ายของชายหนุ่มในคืนนี้
“ขอรับ นายท่าน”
เฮอร์-อูเบนกล่าวแล้วก็ย่อตัวห่างออกไป จาฮาลจึงต้องย่อตัวเลี่ยงไปตาม องค์ฟาโรห์จึงผินพักต์เสด็จกลับสู่เพิงพักซึ่งมีคนคนหนึ่งนอนอยู่เพียงเดียวดาย