
ติดตามเรื่องราวตอนที่แล้วได้จาก
ตอน1: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-I ตอนดีเลย์เดลี
http://pantip.com/topic/35118550
ตอน2: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-II ตอนกฏแห่งแรงดึงดูดที่ปันกอง
http://pantip.com/topic/35123718
ตอน3: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-III ตอนไปนูบราแบบแมนๆ Royal Enfield
http://pantip.com/topic/35127049
ตอน4: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-IV ตอน In Love In Leh
http://pantip.com/topic/35130597
จุดเปลี่ยน...
หลังจากที่เราใช้เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ในเลห์และรอบๆ กันห้าคนมา 3-4 วัน..
และแล้วจุดเปลี่ยนของเราก็เริ่มขึ้น เรื่องสำคัญอย่างแรกคือเรื่องกินที่เราจะไม่ได้กินอาหารไทยฝีมือเชฟโด่งต่อจากนี้ โด่งและปิงปองมีกำหนดการกลับก่อน และเราก็มีแผนเดินทางต่อไปยังคาร์กิล ซันสการ์
"ไม่อยู่ต่อเหรอ ไปเที่ยวด้วยกันต่อ"
"ไม่อ่ะพี่ โด่งคิดถึงบ้าน..โด่งชอบอยู่บ้าน"
"....." ???
เราเลยได้ฉลองอาหารเช้ามื้อสุดท้ายในเลห์ฝีมือโด่งด้วยเมนู..เนื้อควาย..
"โด่งไปตลาดเดินหาเนื้อหมู เนื้อไก่ ไม่มี เลยถามเค้าว่าที่นี่มีเนื้ออะไรที่แพงที่สุด.. เลยได้อันนี้มา"
มันเป็นเนื้อบดแพคมาในพลาสติดถุงยาวๆ คล้ายๆไส้กรอก เรามาอ่านกันทีหลังเพิ่งรู้ว่ามันเป็นเนื้อกระบือ
เพราะมันสาปมากกก จานนี้เลยต้องยกให้คนอินเดียที่ดูแลโรงแรมโดยที่เค้าดีใจมากสำหร้บจานนี้ สอนให้รู้ว่าของแพงที่สุดเป็นของดีของคนๆนึงแต่เป็นของที่ไม่ต้องการเลยของบางคน..
คืนก่อนจากลาเราเลยมีการตั้งวง คิดเลขด้วยวงป๊อกเด้ง ไพ่โกหกทดสอบว่าใครจะเป็นจ้าวแห่งการโกหก

และไพ่อื่นๆที่พอสรรหาคิดขึ้นมาได้ เป็นคืนที่สนุกสนานเฮฮากันคืนหนึ่งในเลห์
แผนที่คาดเดาไม่ได้
วันนี้เราไปหามาซู เจ้าของร้านเช่ามอเตอร์ไซค์และทัวร์ Virgo Adventure Holiday เพื่อต่อรองราคารถ ที่จะเช่าจากเลห์ไปจนถึงศรีนาการ์ ตามเส้นทางทั้งหมด 643 กม.
Leh-Lamuyuru-Kargil
Kargil-Rangdum-Padum-Kargil
Kargil-Sonamarg-Srinagar
เส้นทางจาก เลห์สู่ ศรีนาการ์ (Route from Leh-Srinakar)
เราลองถามราคารถเช่าจากเจ้าอื่นซึ่งได้ราคาที่แพงและก็บอกกับเราด้วยหน้าตาเคร่งเครียดว่า
"ตอนนี้เคอร์ฟิว ที่คาร์กิล"
"แทกซี่ในคาร์กิล ทำร้ายรถแทกซี่ที่วิ่งไปจากเขตเลห์ ทำให้ตำรวจประกาศเคอร์ฟิว และยังไม่ยืนยันว่าจะเริ่มวิ่งอีกเมื่อไหร่ ผมจะคอยเช็คให้ภายใน 2-3 วันนี้"
งานเข้า..
เคยเกริ่นให้ฟังตอนที่แล้วว่าที่นี่เค้ามีสหกรณ์แทกซี่ และอนุญาตให้วิ่งของเขตใครเขตมัน นอกจากจะได้ permit แต่เกิดเหตุการณ์ที่รถแทกซี่ในเลห์ซึ่งขึ้นกับเขตลาดักห์เข้าไปวิ่งให้กับนักท่องเที่ยวในแคว่นแคชเมียร์ ซึ่งจริงๆแล้วต้องต่อรถแทกซี่ที่คาร์กิลซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนรถในแคว้นแคชเมียร์
เราเลยต้องเลื่อนกำหนดเดิมอยู่ต่อที่นี่อีกหนึ่งวัน และกลับมาให้ มาซู ช่วยและจะเช็คว่าข้อมูลที่เราได้มาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ทางมาซู ก็ใช้เวลาติดต่อเช็คข้อมูลและ แนะนำว่ามีทางเดียวคืนไม่ใช้แทกซี่...แต่ให้ใช้รถส่วนตัวของเค้าแทนโดยที่ไม่ต้องไปเปลี่ยนรถแทกซี่ สุดท้ายเราเลยจำเป็นต้องเช่ารถส่วนตัว 7 วัน เพื่อไปถึงศรีนาการ์ในราคา 6 หมื่นรูปี ซึ่งเป็นราคาที่สูงโดยเป็นรถ SUV แนะนำว่าหากเดินทางเองเช่าแทกซี่โดยไปต่อรถที่คาร์กิลจะถูกกว่ากันมากโคยเส้นทางนี้ทั้งหมดราคาจะถูกลงกว่าครึ่ง แต่เราต้องรอรถที่กลับมาจากนูบราในวันพรุ่งนี้
วันนี้เราเลยต้องใช้เวลาอยู่ที่เลห์อีกวัน เป็นวันที่เราเดินเล่น ช้อปปิ้ง พักผ่อนเพื่อรอเวลาเดินทางพรุ่งนี้
นั่งรอมาซูเพื่อเจรจาเรื่องเช่ารถไปศรีนาการ์ ที่ Virgo Adventure Holidays
สาวน้อยอายุ 16 จากราชสถานมาทำงานรับเพ้นฮานา ตรงข้ามร้านของมาซู
ผลงานของเธอ ราคา 300 รูปี
ขายผลไม้บนถนน Main Bazaar Road, Leh
บรรยากาศบนถนน, Leh
ออกเดินทางสู่..ดินแดนโลกพระจันทร์
เช้านี้หลังจากส่งน้องทั้งสองแต่เช้ากลับบ้าน เรารู้สึกใจหายนิดหน่อย..
ความตื่นเต้นเริ่มต้นอีกครั้งหลังจากที่เรายึดเลห์เป็นจุดยุทธศาสตร์มา 4-5 วัน กองทัพเริ่มออกเดินทางจุดหมายที่เมืองคาร์กิลโดยระหว่างทางมี Lamayuru Gompa ประมาณ 100 กิโลเมตรจากเลห์เป็นจุดแรกที่แวะ
ก่อนมา มาซู ให้เราท่องชื่อนายตำรวจนายหนึ่งเผื่อเราเจอด่านตรวจระหว่างทาง ให้บอกว่าเรามาเพราะเป็นแขกของนายตำรวจใหญ่คนนั้น ! และกำชับว่าอย่าทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว !!
รถ SUV ที่เราใช้ออกเดินทางวันนี้
วิวข้างทางสู่ Lamayuru
Lamayury Gompa เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินสูงสามารถมองเห็นหมู่บ้านลามายูรู จุดเด่นคือเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในแคว้นลาดัก เป็นที่พำนักของลามะนิกายหมวกแดง พื้นที่ของลามายูรูเป็นลักษณะแห้งแล้ง ดินทรายสีน้ำตาลและเป็นพื่นที่ภูเขาสลับซับซ้อนเลยถูกเปรียบเปรยเหมือนผิวดวงจันทร์
เรามาถึงและเดินขึ้นไปถ่ายรูป หมุนกงล้อที่ตั้งอยู่โดยรอบ และมองวิวทิวทัศน์ลงมาก็รู้สึกเหมือนที่เค่าเปรียบเป็นผิวดวงจันทร์จริงๆ
Lamayuru Gompa
Lamayuru Gompa แบบใกล้ๆ
วิวเมื่อมองลงมา
ความขัดแย้ง..ที่ไม่รู้คำตอบ
ระหว่างทางที่ออกจากเลห์ คนขับรถเราคุยโทรศัพท์บ่อยมากจนเรารู้สึกรำคาญและไม่ปลอดภัย พอออกจาก lamayuru ก็คุยหนักขึ้นจนถึง Mulbekh หมู่บ้านเล็กๆ ระหว่างทางก่อนถึง Kargil เค้าจอดรถแวะพัก คุยโทรศัพท์ แล้วสักพักมาบอกว่า
"เราคงเข้า Kargil ไม่ได้ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า ...ผมจะหาที่พักแถวบ้านให้ก่อนคืนนึงแล้วค่อยรอดูพรุ่งนี้ครับ"
"เกิดอะไรขึ้นคะ"
"รถของเราเป็นทะเบียนของเลห์ ถ้าข้ามเขตไปอาจไม่สะดวก... "
จุดหยุดระหว่างทางที่ Mulbekh ที่ต้องเปลี่ยนเป็นรถกะป๊อ
เรารอดูเหตุการณ์สักพัก สุดท้ายยังไงเราไม่ขอหยุดและจะมุ่งหน้าเดินทางต่อไปให้ถึง Kargil เพราะเรามีจุดหมายอีกหลายแห่งที่ต้องไป เราให้คนขับรถเจรจาหารถอยู่นานจนได้รถมาเป็นรถกระป๋อโดยสารของหมู่บ้าน Mulbekh เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนจากรถ SUV เพื่อไปส่งที่ Kargil แทน ในที่สุดการเดินทางวันนี้เราไปถึงคาร์กิลได้ประมาณเกือบทุ่ม
Ka
rgil เมืองแห่งความขัดแย้งในอดีต
Kargil เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจาก Leh ในแคว้นลาดักห์ ห่างจากเลห์ 234 กม. สูงจากน้ำทะเล 2676 เมตร คาร์กิลห่างจากชายแดนปากีสถานไม่กี่กิโลเมตร เป็นจุดสมรภูม "Kargil War" ระหว่างอินเดียและปากีสถานในปี 1999
(อ่านเรื่องสงครามคาร์กิล ระหว่างอินเดียและปากีสถาน ต่อได้ใน
http://pantip.com/topic/30686197)
ประชาชนส่วนมากนับถืออิสลาม ตอนไปถึงก็เริ่มมืดมองไม่ค่อยเห็นอะไร ...ตามถนน ผู้คนออกมาเดินซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายมุสลิม ไม่ค่อยเห็นผู้หญิง บ้างก็นั่งจับกลุ่มกันคุยข้างถนน ไม่มีนักท่องเที่ยว
ถนนออกมืดๆ ไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟ เราสามครดูเป็นคนไม่เข้าพวกขึ้นมาทันที...มี ความรู้สึกกลัวขึ้นมาโดยไม่ตั้งตัว พอเดินได้นิดหน่อยเราเลยตัดสินใจรีบหาร้านอาหารเพื่อกินข้าวเย็นก่อนรีบเดินกลับที่พัก เพราะพรุ่งนี้เรามีนัดกับรถตี 4 เพื่อออกจากที่พักมุ่งหน้าสู่ Rungdum

ชาวมุสลิมในคาร์กิลที่เราถ่ายขากลับในตอนกลางวัน

สาวชาวพุทธธิเบตในคาร์กิล ที่อยู่ผสมผสานกับมุสลิมอย่างลงตัว
เส้นทางแห่งหุบเขาและดอกไม้บาน
เรา...ตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืด
ตอนตี 3 เพื่อนมาซูเจ้าของโรงแรมมาเคาะประตูเอากาแฟมาให้สามแก้ว และบอกให้เตรียมตัวไปก่อนสว่างเพื่อให้หลบเลี่ยงว่ามีนักท่องเที่ยวมาช่วงที่มีเหตุการณ์ฺประท้วงของสหกรณ์แทกซี่..... นี่มันเหมือนปฎิบัติการลับเพื่อหลบเลี่ยงการไล่ล่าอะไรสักอย่าง... สองข้างทาง มืดสนิทแต่ก็เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีใครมาแอบมาขว้างหินใส่เรา!!
ขับมาจนฟ้าเกือบสว่างถึงจุดด่านตรวจเข้าเขตรังดุมเพื่อตรวจพาสปอร์ต เราลงรถไปรอพร้อมกับลุ้นว่าหนทางผ่านไม่ติดขัด และก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เราผ่านได้โดยสะดวก..
จากนั้นเส้นทางบางช่วงเริ่มไม่เป็นถนนลูกรังอย่างตอนแรก รถวิ่งบนเส้นทางไหลผ่านของน้ำจากภูเขาเพียงแต่แห้งไม่มีน้ำ กระโดกกระเดกไปตลอดทางจนเราไม่กล้ากินอะไรเพราะกลัวมันจะกลับออกมา..(อ้วก...555) สภาพรถก็เป็นรถกระป๊อเล็ก 6 ที่นั่งขับโดย "อาลี" ที่เราให้ฉายาว่า "นักขับแห่งปารีส-ดักกา"..เพราะโดยสภาพรถและถนน อาลีต้องใช้ความสามารถในการเลี้ยงพวงมาลัยหลบเลี่ยงร่องถนนและหิน ให้รถแล่นผ่านไปได้โดยเส้นทางนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง..เล่นเอาก้นเราระบม แถมผอืดผะอม เปลี่ยนท่านั่งหลายท่า...
เรียกว่าเป็น"เส้นทางที่โหดที่สุด"ใน 22 วันใน india
เส้นทางสู่ Rangdum
ครั้นพอเข้าเขต Zanskar สภาพภูมิประเทศเริ่มเป็นหุบเขาสลับซับซ้อนสีเขียว มีลำธาร แม่น้ำ ไหลขนาบ บางช่วงมีดอกไม้ป่าสีม่วงบ้าง ชมพูบ้าง เหลืองบ้าง ทำให้นึกถึงฉากของภาพยนตร์ในเรื่องของเจ้าชายกับเจ้าหญิงแห่งหุบเขาดอกไม้บาน
อาลีขับ..อาหลับไม่ลงเลย..วิวสวยจนอดใจไม่ไหวต้องขอให้อาลีจอดบางช่วงเพื่อเก็บเป็นภาพความทรงจำมาฝากเพื่อนๆ และความทรงจำของตัวเอง ที่เอาขึ้นมาดูเมื่อไหร่ก็นึกย้อนกลับไปตอนความรู้สึกที่ยืนอยู่ท่ามกลางหุบเขาและดอกไม้..
ระหว่างทางของหุบเขาสวรรค์แห่ง Zanskar
เก็บบันทึกความงามของดอกไม้แห่ง Zanskar
ทุ่งหญ้าแห่ง Zanskar
เรามาถึงรังดุมกันประมาณเกือบ 11 โมง Rangdum เป็นหมู่เล็กจริงๆ มีครอบครัวไม่เกิน 30 ครอบครัว นับถือพุทธธิเบตมีสถูป กงล้อและหินมานี (Mani stone) ไม่มีอินเตอร์เนต เกสต์เฮ้าส์เป็นแบบ homestay มีแค่ส้วมหลุม แบบเปิดประตูออกไป มีที่วางขาให้คล่อมและก็หลุม ไม่มีน้ำ... ที่พักที่ดีที่สุดที่เราหาได้เป็นที่เดียวที่มีห้องน้ำ..แต่ไม่มีน้ำ.. ต้องไปโยกน้ำบาดาลและหิ้วกระป๋องเข้ามาใช้..เราเลยถือโอกาสไม่อาบน้ำ เพราะอุณหภูมิมีแค่เลขตัวเดียว..คือหนาววววมาากกกก ประมาณ 5 องศา พร้อมผ้าห่มพันปีในหีบเก็บของที่เราต้องเอาไปสลัดและตากแดดก่อนมาใช้
อาหารที่เราสั่งและเจียวไข่กินเองที่รังดุม[/center
[CR] [เลห์][ลาดักห์][ซันสการ์][แบคแพคเกอร์] 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-V ตอน เส้นทางสู่ Zanskar หุบเขาแห่งสวรรค์
ตอน1: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-I ตอนดีเลย์เดลี http://pantip.com/topic/35118550
ตอน2: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-II ตอนกฏแห่งแรงดึงดูดที่ปันกอง http://pantip.com/topic/35123718
ตอน3: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-III ตอนไปนูบราแบบแมนๆ Royal Enfield http://pantip.com/topic/35127049
ตอน4: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-IV ตอน In Love In Leh http://pantip.com/topic/35130597
จุดเปลี่ยน...
หลังจากที่เราใช้เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ในเลห์และรอบๆ กันห้าคนมา 3-4 วัน..
และแล้วจุดเปลี่ยนของเราก็เริ่มขึ้น เรื่องสำคัญอย่างแรกคือเรื่องกินที่เราจะไม่ได้กินอาหารไทยฝีมือเชฟโด่งต่อจากนี้ โด่งและปิงปองมีกำหนดการกลับก่อน และเราก็มีแผนเดินทางต่อไปยังคาร์กิล ซันสการ์
"ไม่อยู่ต่อเหรอ ไปเที่ยวด้วยกันต่อ"
"ไม่อ่ะพี่ โด่งคิดถึงบ้าน..โด่งชอบอยู่บ้าน"
"....." ???
เราเลยได้ฉลองอาหารเช้ามื้อสุดท้ายในเลห์ฝีมือโด่งด้วยเมนู..เนื้อควาย..
"โด่งไปตลาดเดินหาเนื้อหมู เนื้อไก่ ไม่มี เลยถามเค้าว่าที่นี่มีเนื้ออะไรที่แพงที่สุด.. เลยได้อันนี้มา"
มันเป็นเนื้อบดแพคมาในพลาสติดถุงยาวๆ คล้ายๆไส้กรอก เรามาอ่านกันทีหลังเพิ่งรู้ว่ามันเป็นเนื้อกระบือ
เพราะมันสาปมากกก จานนี้เลยต้องยกให้คนอินเดียที่ดูแลโรงแรมโดยที่เค้าดีใจมากสำหร้บจานนี้ สอนให้รู้ว่าของแพงที่สุดเป็นของดีของคนๆนึงแต่เป็นของที่ไม่ต้องการเลยของบางคน..
คืนก่อนจากลาเราเลยมีการตั้งวง คิดเลขด้วยวงป๊อกเด้ง ไพ่โกหกทดสอบว่าใครจะเป็นจ้าวแห่งการโกหก
แผนที่คาดเดาไม่ได้
วันนี้เราไปหามาซู เจ้าของร้านเช่ามอเตอร์ไซค์และทัวร์ Virgo Adventure Holiday เพื่อต่อรองราคารถ ที่จะเช่าจากเลห์ไปจนถึงศรีนาการ์ ตามเส้นทางทั้งหมด 643 กม.
Leh-Lamuyuru-Kargil
Kargil-Rangdum-Padum-Kargil
Kargil-Sonamarg-Srinagar
เส้นทางจาก เลห์สู่ ศรีนาการ์ (Route from Leh-Srinakar)
เราลองถามราคารถเช่าจากเจ้าอื่นซึ่งได้ราคาที่แพงและก็บอกกับเราด้วยหน้าตาเคร่งเครียดว่า
"ตอนนี้เคอร์ฟิว ที่คาร์กิล"
"แทกซี่ในคาร์กิล ทำร้ายรถแทกซี่ที่วิ่งไปจากเขตเลห์ ทำให้ตำรวจประกาศเคอร์ฟิว และยังไม่ยืนยันว่าจะเริ่มวิ่งอีกเมื่อไหร่ ผมจะคอยเช็คให้ภายใน 2-3 วันนี้"
งานเข้า..
เคยเกริ่นให้ฟังตอนที่แล้วว่าที่นี่เค้ามีสหกรณ์แทกซี่ และอนุญาตให้วิ่งของเขตใครเขตมัน นอกจากจะได้ permit แต่เกิดเหตุการณ์ที่รถแทกซี่ในเลห์ซึ่งขึ้นกับเขตลาดักห์เข้าไปวิ่งให้กับนักท่องเที่ยวในแคว่นแคชเมียร์ ซึ่งจริงๆแล้วต้องต่อรถแทกซี่ที่คาร์กิลซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนรถในแคว้นแคชเมียร์
เราเลยต้องเลื่อนกำหนดเดิมอยู่ต่อที่นี่อีกหนึ่งวัน และกลับมาให้ มาซู ช่วยและจะเช็คว่าข้อมูลที่เราได้มาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ทางมาซู ก็ใช้เวลาติดต่อเช็คข้อมูลและ แนะนำว่ามีทางเดียวคืนไม่ใช้แทกซี่...แต่ให้ใช้รถส่วนตัวของเค้าแทนโดยที่ไม่ต้องไปเปลี่ยนรถแทกซี่ สุดท้ายเราเลยจำเป็นต้องเช่ารถส่วนตัว 7 วัน เพื่อไปถึงศรีนาการ์ในราคา 6 หมื่นรูปี ซึ่งเป็นราคาที่สูงโดยเป็นรถ SUV แนะนำว่าหากเดินทางเองเช่าแทกซี่โดยไปต่อรถที่คาร์กิลจะถูกกว่ากันมากโคยเส้นทางนี้ทั้งหมดราคาจะถูกลงกว่าครึ่ง แต่เราต้องรอรถที่กลับมาจากนูบราในวันพรุ่งนี้
วันนี้เราเลยต้องใช้เวลาอยู่ที่เลห์อีกวัน เป็นวันที่เราเดินเล่น ช้อปปิ้ง พักผ่อนเพื่อรอเวลาเดินทางพรุ่งนี้
เช้านี้หลังจากส่งน้องทั้งสองแต่เช้ากลับบ้าน เรารู้สึกใจหายนิดหน่อย..
ความตื่นเต้นเริ่มต้นอีกครั้งหลังจากที่เรายึดเลห์เป็นจุดยุทธศาสตร์มา 4-5 วัน กองทัพเริ่มออกเดินทางจุดหมายที่เมืองคาร์กิลโดยระหว่างทางมี Lamayuru Gompa ประมาณ 100 กิโลเมตรจากเลห์เป็นจุดแรกที่แวะ
ก่อนมา มาซู ให้เราท่องชื่อนายตำรวจนายหนึ่งเผื่อเราเจอด่านตรวจระหว่างทาง ให้บอกว่าเรามาเพราะเป็นแขกของนายตำรวจใหญ่คนนั้น ! และกำชับว่าอย่าทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว !!
Lamayury Gompa เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินสูงสามารถมองเห็นหมู่บ้านลามายูรู จุดเด่นคือเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในแคว้นลาดัก เป็นที่พำนักของลามะนิกายหมวกแดง พื้นที่ของลามายูรูเป็นลักษณะแห้งแล้ง ดินทรายสีน้ำตาลและเป็นพื่นที่ภูเขาสลับซับซ้อนเลยถูกเปรียบเปรยเหมือนผิวดวงจันทร์
เรามาถึงและเดินขึ้นไปถ่ายรูป หมุนกงล้อที่ตั้งอยู่โดยรอบ และมองวิวทิวทัศน์ลงมาก็รู้สึกเหมือนที่เค่าเปรียบเป็นผิวดวงจันทร์จริงๆ
ความขัดแย้ง..ที่ไม่รู้คำตอบ
ระหว่างทางที่ออกจากเลห์ คนขับรถเราคุยโทรศัพท์บ่อยมากจนเรารู้สึกรำคาญและไม่ปลอดภัย พอออกจาก lamayuru ก็คุยหนักขึ้นจนถึง Mulbekh หมู่บ้านเล็กๆ ระหว่างทางก่อนถึง Kargil เค้าจอดรถแวะพัก คุยโทรศัพท์ แล้วสักพักมาบอกว่า
"เราคงเข้า Kargil ไม่ได้ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า ...ผมจะหาที่พักแถวบ้านให้ก่อนคืนนึงแล้วค่อยรอดูพรุ่งนี้ครับ"
"เกิดอะไรขึ้นคะ"
"รถของเราเป็นทะเบียนของเลห์ ถ้าข้ามเขตไปอาจไม่สะดวก... "
เรารอดูเหตุการณ์สักพัก สุดท้ายยังไงเราไม่ขอหยุดและจะมุ่งหน้าเดินทางต่อไปให้ถึง Kargil เพราะเรามีจุดหมายอีกหลายแห่งที่ต้องไป เราให้คนขับรถเจรจาหารถอยู่นานจนได้รถมาเป็นรถกระป๋อโดยสารของหมู่บ้าน Mulbekh เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนจากรถ SUV เพื่อไปส่งที่ Kargil แทน ในที่สุดการเดินทางวันนี้เราไปถึงคาร์กิลได้ประมาณเกือบทุ่ม
Kargil เมืองแห่งความขัดแย้งในอดีต
Kargil เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจาก Leh ในแคว้นลาดักห์ ห่างจากเลห์ 234 กม. สูงจากน้ำทะเล 2676 เมตร คาร์กิลห่างจากชายแดนปากีสถานไม่กี่กิโลเมตร เป็นจุดสมรภูม "Kargil War" ระหว่างอินเดียและปากีสถานในปี 1999
(อ่านเรื่องสงครามคาร์กิล ระหว่างอินเดียและปากีสถาน ต่อได้ใน http://pantip.com/topic/30686197)
ประชาชนส่วนมากนับถืออิสลาม ตอนไปถึงก็เริ่มมืดมองไม่ค่อยเห็นอะไร ...ตามถนน ผู้คนออกมาเดินซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายมุสลิม ไม่ค่อยเห็นผู้หญิง บ้างก็นั่งจับกลุ่มกันคุยข้างถนน ไม่มีนักท่องเที่ยว
ถนนออกมืดๆ ไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟ เราสามครดูเป็นคนไม่เข้าพวกขึ้นมาทันที...มี ความรู้สึกกลัวขึ้นมาโดยไม่ตั้งตัว พอเดินได้นิดหน่อยเราเลยตัดสินใจรีบหาร้านอาหารเพื่อกินข้าวเย็นก่อนรีบเดินกลับที่พัก เพราะพรุ่งนี้เรามีนัดกับรถตี 4 เพื่อออกจากที่พักมุ่งหน้าสู่ Rungdum
ชาวมุสลิมในคาร์กิลที่เราถ่ายขากลับในตอนกลางวัน
สาวชาวพุทธธิเบตในคาร์กิล ที่อยู่ผสมผสานกับมุสลิมอย่างลงตัว
เรา...ตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืด
ตอนตี 3 เพื่อนมาซูเจ้าของโรงแรมมาเคาะประตูเอากาแฟมาให้สามแก้ว และบอกให้เตรียมตัวไปก่อนสว่างเพื่อให้หลบเลี่ยงว่ามีนักท่องเที่ยวมาช่วงที่มีเหตุการณ์ฺประท้วงของสหกรณ์แทกซี่..... นี่มันเหมือนปฎิบัติการลับเพื่อหลบเลี่ยงการไล่ล่าอะไรสักอย่าง... สองข้างทาง มืดสนิทแต่ก็เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีใครมาแอบมาขว้างหินใส่เรา!!
ขับมาจนฟ้าเกือบสว่างถึงจุดด่านตรวจเข้าเขตรังดุมเพื่อตรวจพาสปอร์ต เราลงรถไปรอพร้อมกับลุ้นว่าหนทางผ่านไม่ติดขัด และก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เราผ่านได้โดยสะดวก..
จากนั้นเส้นทางบางช่วงเริ่มไม่เป็นถนนลูกรังอย่างตอนแรก รถวิ่งบนเส้นทางไหลผ่านของน้ำจากภูเขาเพียงแต่แห้งไม่มีน้ำ กระโดกกระเดกไปตลอดทางจนเราไม่กล้ากินอะไรเพราะกลัวมันจะกลับออกมา..(อ้วก...555) สภาพรถก็เป็นรถกระป๊อเล็ก 6 ที่นั่งขับโดย "อาลี" ที่เราให้ฉายาว่า "นักขับแห่งปารีส-ดักกา"..เพราะโดยสภาพรถและถนน อาลีต้องใช้ความสามารถในการเลี้ยงพวงมาลัยหลบเลี่ยงร่องถนนและหิน ให้รถแล่นผ่านไปได้โดยเส้นทางนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง..เล่นเอาก้นเราระบม แถมผอืดผะอม เปลี่ยนท่านั่งหลายท่า...
เรียกว่าเป็น"เส้นทางที่โหดที่สุด"ใน 22 วันใน india
ครั้นพอเข้าเขต Zanskar สภาพภูมิประเทศเริ่มเป็นหุบเขาสลับซับซ้อนสีเขียว มีลำธาร แม่น้ำ ไหลขนาบ บางช่วงมีดอกไม้ป่าสีม่วงบ้าง ชมพูบ้าง เหลืองบ้าง ทำให้นึกถึงฉากของภาพยนตร์ในเรื่องของเจ้าชายกับเจ้าหญิงแห่งหุบเขาดอกไม้บาน
อาลีขับ..อาหลับไม่ลงเลย..วิวสวยจนอดใจไม่ไหวต้องขอให้อาลีจอดบางช่วงเพื่อเก็บเป็นภาพความทรงจำมาฝากเพื่อนๆ และความทรงจำของตัวเอง ที่เอาขึ้นมาดูเมื่อไหร่ก็นึกย้อนกลับไปตอนความรู้สึกที่ยืนอยู่ท่ามกลางหุบเขาและดอกไม้..
เรามาถึงรังดุมกันประมาณเกือบ 11 โมง Rangdum เป็นหมู่เล็กจริงๆ มีครอบครัวไม่เกิน 30 ครอบครัว นับถือพุทธธิเบตมีสถูป กงล้อและหินมานี (Mani stone) ไม่มีอินเตอร์เนต เกสต์เฮ้าส์เป็นแบบ homestay มีแค่ส้วมหลุม แบบเปิดประตูออกไป มีที่วางขาให้คล่อมและก็หลุม ไม่มีน้ำ... ที่พักที่ดีที่สุดที่เราหาได้เป็นที่เดียวที่มีห้องน้ำ..แต่ไม่มีน้ำ.. ต้องไปโยกน้ำบาดาลและหิ้วกระป๋องเข้ามาใช้..เราเลยถือโอกาสไม่อาบน้ำ เพราะอุณหภูมิมีแค่เลขตัวเดียว..คือหนาววววมาากกกก ประมาณ 5 องศา พร้อมผ้าห่มพันปีในหีบเก็บของที่เราต้องเอาไปสลัดและตากแดดก่อนมาใช้