เที่ยวเกาะเชจูเอง ยากกว่าที่คิด ทริปสั้น แต่หลงทางยาวนาน 13-15 เมษา 2559

ทริปนี้ขอแนะนำตัวเองว่าเป็นไกด์หมู ตามที่คุณแฟนได้ตั้งไว้ให้ เนื่องจากเป็นคนชอบภาษา ภูมิประเทศ ซีรี่ย์ รายการทีวี และอะไรหลายๆอย่างของเกาหลี

เกาะเชจู ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ที่คนที่ชื่นชอบความเป็นเกาหลีไม่ควรพลาด เป็นที่พักผ่อนสุดฮิตของคนเกาหลี และเป็นที่ฮันนีมูนที่ขึ้นชื่อด้วย จากที่ดูรายการและซีรี่ย์เกาหลีมาหลายครั้ง จึงทำให้ตัดสินใจว่า จะต้องมาซักครั้งให้ได้



เริ่มแรกก็ต้องมาตัดสินใจว่าจะมากะทัวร์ ในราคาย่อยเยา แต่แลกเข้ากับสถานที่ที่ไม่อยากไป และการบังคับโน้วน้าวขายของ กับการเดินทางลุยมาเอง ซึ่งได้อ่านรีวิวที่มาเที่ยวเองดูบ้าง เค้าก็บอกไม่ยากอย่างที่คิด แถมมาเที่ยวครั้งนี้ มีคุณแฟนติดสอยห้อยตามมาตัว เลยตัดสินใจ เอาว่ะ เที่ยวเองแล้วกัน

การเดินทางครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของคุณแฟนที่จะเดินทางมาเกาหลีใต้ ก็เลยตั้งใจว่าจะแวะที่โซลด้วย เพื่อให้นางได้เที่ยวหลากหลายแบบในครั้งเดียว โดยเริ่มแรกวางแผนไว้เดินทาง 12-17 เมษายน ตั้งใจจะจอง Jin air ที่เราเคยใช้บริการ จะถึงโซลในตอนเช้า ราคาประมาณ 13,000 บาท แล้วค่อยไปสนามบินกิมโป เพื่อเดินทางไปยังเกาะเชจูต่อ โดยได้ราคาโปรของ Jeju air ไปกลับ กิมโป-เกาะเชจู คนละ 2,000 บาท รวมน้ำหนักกระเป๋าแล้ว ไม่มีอาหารให้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ราคาโปรนี้เราจองได้ตอนช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้จองตั๋วไปเกาหลีเลย เพราะตั๋วของ Jin air ยังไม่ออก โดยจองไปวันที่ 13 เมษายน รอบ 12.35 น. เผื่อเวลาไว้ เผื่อเครื่องบินจากกรุงเทพไปดีเลย์

อุปสรรคแรกก็เจอขึ้น เมื่อเลยช่วงเดือนกุมภาเข้ามีนา Jin air ก็ยังไม่ออกตั๋ว ของสายการบินอื่น ราคาก็ขึ้นเรื่อยๆ จนไปเจอ T'way เดินทาง 12/4/59 ตอนตีหนึ่ง กลับวันที่ 18 เมษา ตอนเที่ยงคืน ในราคา 12,000 บาท ก็เลยตัดสินใจจองไป เพราะถ้าเลือกเดินทางคืนที่ 12 ราคาตั๋วจะเพิ่มขึ้น 4,000 บาท คิดว่าเอาไปเที่ยวเล่น จ่ายค่าที่พักเพิ่มก็ยังคุ้มกว่า

เรื่องการท่องเที่ยวในโซลเราจะไม่พูดถึงแล้วกัน เพราะก็พาคุณแฟนไปตามจุดแลนมาร์คต่างๆ

13 เมษายน 2559

คืนที่ 12 เมษา เราพักที่ Oragne hongdae guesthouse ที่พักเล็ก แต่ก็สมราคา แต่ห้องพักเราคือติดระเบียงรวม มีหน้าตาเห็นผู้คน แต่ผ้าม่านปิดไม่ได้ 555+ ต้องหาผ้ามาผูก ไม่โออ่ะ แต่ตัวห้องน้ำรวมก็สะอาดใช้ได้ ที่มาพักที่นี่ เพราะมาพักตามรุ่นพี่ เค้าเลือกที่นี่เพราะถูก ดูจากรีวิวว่าดี แต่ส่วนตัวคิดว่าเดินไกล ประมาณ 1 กิโล แล้วมันขึ้นเขาด้วยอ่ะ เลยรู้สึกลำบาก แถมพี่ที่มาด้วย เค้าก็เลือกห้องพักแบบเตียงสองชั้น แต่ได้นอนห้องรวมแบบ 4 คนอ่ะ เตียงสองชั้น 2 อัน อันนี้แย่อ่ะ เค้าจัดชนกะคนอื่น คืนเงินให้นะ คิดราคาเท่าห้องรวม แต่มันไม่โอเคเรื่องระบบการจัดการ แล้วก็เจ้าของเลี้ยงหมาไว้ ตัวใหญ่มากกกกก น่ากลัวมากกกก  คือเรากลัวหมาอ่ะ โชคดีที่พักแค่คืนเดียว

เช้าวันที่ 13 เมษา เราออกจากที่พักประมาณ 9.30 น. นั่งรถไฟฟ้า ไปสถานี Gimpo Int'l airport เป็นสายสีฟ้าไปสนามบิน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไม่ต้องเปลี่ยนสาย เมื่อเราเริ่มจาก  Hongik Univ พอมาถึงก็เจอลิฟต์เลย แนะนำกระเป๋าเยอะๆ ก็ขึ้นลิฟต์ไปเลย คนส่วนใหญ่เค้าก็ขึ้นกัน





จะไปสนามบินก็กดชั้น 4 เลยชั้นบนสุด



เดินออกไปก็เดินไปตามป้ายเลย จริงๆก็เดินตามคนที่ลากกระเป๋าไปก็ได้ เพราะเค้าก็จะไปสนามบินกัน 555+

พอเข้ามาในสนามบิน ก็ขึ้นไปที่ชั้น 2 จะเป็นชั้น Check in ก็ดูว่าเคาท์เตอร์เราอยู่ด้านไหน ของ Jeju air จะอยู่ด้านซ้ายมือเกือบสุด เมื่อเราหันหน้าเข้าสนามบิน หลังจาก Check in โหลดกระเป๋า ก็ขึ้นไปชั้น 3 เพื่อผ่านระบบรักษาความปลอดภัย และเข้า gate



ของ Jeju air อยู่ gate ที่ 15 มีที่ให้นั่งรอน้อยมาก แถมอยู่สุดตึกเลย แล้วก็ติดกะห้องสูบบุหรี่ด้วย ไฟลท์ก็ดีเลย์อีก





สรุปได้ออกเดินทางตอน 12.45 ไปถึงที่สนามบินเกาะเชจูก็เกือบๆบ่ายสอง

พอไปถึง ก็เดินตามมวลชนไป ส่วนใหญ่เค้าก็ไปรับกระเป๋ากัน จะอยู่ทางชั้น 2 เมื่อรับกระเป๋า เราก็เดินหาเค้าท์เตอร์ AJ rental car ที่เราได้จองผ่าน internet ไว้ เค้าท์เตอร์จะเป็นบู๊ทเล็กๆอยู่แถวๆ ประตูทางออกที่ 3 เมื่อไปถึงก็ยื่นใบจอง พาสปอร์ต และใบขับขี่สากล เค้าจะบอกให้เราไปที่ gate 5 หรือประตูทางเข้าออกที่ 5 แต่เราฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง รู้แค่ว่าจะมีรถจอดอยู่ที่ประตู 5 เลย ก็เดินไปกัน ตรงนี้แหละ เป็นความพลาดของเราครั้งที่ 2



เมื่อไปถึงประตู 5 เราก็เดินออกมาข้างนอก เห็นป้ายฝั่งตรงข้าม เขียนว่า Rental car ให้ไปทางขวา เรากับแฟนก็เลยเดินข้ามถนน แล้วไปทางด้านขวา ตรงนี้จะเป็นเหมือนตึกเล็กๆ มีเคาท์เตอร์เช่ารถมากมายหลายยี่ห้อ แต่ไม่มี AJ เลย ถามเคาท์เตอร์แถวนั้น เค้าก็บอกให้ไปประตู 5 ส่วนใหญ่ตรงนี้จะเป็นคนที่ไม่ได้จองล่วงหน้า แล้วมาเช่ารถบริเวณนี้

เราก็เดินกลับไปประตู 5 ตรงนี้จะเป็นพนักงานข้ามถนน เป็นผู้หญิงใส่ชุดสีแดง ยืนโบกรถ ให้หยุดเพื่อให้คนข้ามถนน เลยไปถามทางเค้า ทำให้รู้ว่า ให้มายืนรอที่ประตู 5 จะมี shuttle bus ของ AJ มารับไปยังตึกของ AJ ที่อยู่ทางอาคารอีกทีนึง



นี่คือรถที่เราจะขึ้นไป มีคนใช้บริการ AJ เยอะเหมือนกัน ขึ้นเต็มคันรถเลย ถ้ากระเป๋าใบใหญ่ๆก็ใส่ใต้ท้องรถได้ ไม่ใหญ่มากก็ถือขึ้นรถไป ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก็ถึงตึกของ AJ เมื่อลงจากรถก็ไปกดรับบัตรคิว



หลังจากนั้นก็รอเรียกคิว





โดยที่เค้าท์เตอร์นี้ ก็ยื่นเอกสารอีกครั้ง เค้าจะแจ้งว่า เราจองรถไว้ใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้องคืนเมื่อไหร่ เค้าเติมน้ำมันให้เต็มถัง ให้เติมเต็มถังกลับมาด้วย ที่เกาหลี จะเป็นน้ำมัน 2 ชนิดคือ แก๊สโซลีน กับอะไรก็ไม่รู้ ตอนแรกแฟนถามว่าชนิดไหน เค้าก็ตอบแก๊สโซลีนอย่างเดียว ไม่ได้เหมือนบ้านเราที่มีแบบ 91 95 ให้เลือกหลากหลาย พอเซ็นเอกสารอะไรเสร็จ เค้าจะบอกให้ไปรับรถด้านหน้า โดยรถจะจอดในช่องจอดรถที่เค้าบอกไว้ กุญแจรถเสียบไว้ในรถแล้ว ก็เข้าไปเปิดประตูเอารถได้เลย






เราเลือกรถคันเล็กสุด เพราะขับรถไม่เก่งมาก และขับคันใหญ่ไม่ถนัด ได้รถเป็น Chevrolet spark เป็นเกียร์ออโต้ สลับซ้ายขวากะเรา แต่เบรคกะคันเร่ง ก็เหมือนเดิม ทำให้พอประคับประคองได้ พอได้รถ ก็ให้ขับไปยังบริเวณเช็กรถ เค้ามีป้ายบอกไว้ ซึ่งเค้าจะเช็ครอบคัน และสอนการใช้ navigator ซึ่งความซวยอันดับ 2 เริ่มมา ก็พอได้ยินว่าไม่มีเขียนภาษาอังกฤษที่นี่ให้ใส่เป็นพิกัด GPS แผนเที่ยวเราจึงจดค่า GPS ทุกที่ไว้ แต่เครื่องนี้ดันไม่มีให้ใส่รหัส GPS แต่สอนให้ใส่เบอร์โทรแทน ซึ่งเค้าขอเบอร์โทรโรงแรมมาเป็นพิกัดให้เราเริ่มต้น

โรงแรมของเราอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากหนัก ขับรถประมาณ 10 นาทีก็ถึง จึงเหมาะกับการทดลองขับอย่างมาก เพราะแค่นี้ก็ได้ฝ่าไฟแดง เลี้ยวผิดช่อง ชิมลางไปแล้ว 555+ ใบสั่งคงส่งไปให้ที่ AJ หล่ะมั้ง



เราพักที่ Astar hotel คืนละ 2,9xxx บาท แต่ที่พักก็ดีสมราคามากๆ ห้องกว้าง มีเตียงนอนขนาดใหญ่ มีโต๊ะนั่งเล่น และโซฟา โต๊ะเครื่องแป้ง ทีวี ตู้เย็นมีน้ำเปล่าให้วันละ 2 ขวด ห้องน้ำก็มีทั้งอ่างอาบน้ำและฝักบัว อุปกรณ์พร้อมสบู่ ยาสระผม ครีมนวด ครีมทาตัว ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กผืนใหญ่




ชักโครกที่ใส่งานได้จริง ทั้งที่ฉีดเบา ฉีดหนัก ลมเป่าอุ่นๆ ห้องพักไม่ได้ถ่าย เพราะไปถึงก็โยนข้าวของ กลิ้งไปมา ทำลายความสวยงามไปซะหมด จากสนามบิน หลงวนหารถ จนขับรถมาถึงที่พัก ก็ใช้เวลาประมาณสี่โมงกว่าๆ

แผนเดิมตั้งใจว่าจะไปดูโขดหิน Youngduam และ หาด Hyeopjae จึงเป็นอันล้มเลิกไป เพราะเราไม่มีที่ใส่พิกัด GPS แล้วแบบโขดหินมันจะมีเบอร์โทรได้อย่างไร เบอร์โทรที่เค้าให้ไว้ในแนะนำที่เที่ยว ก็เป็นเบอร์ของสำนักงานท่องเที่ยว ก็เลยแบบไม่รู้จะไปไง รู้แค่ว่าอยู่ใกล้ๆโรงแรม วันแรกจึงท้อแท้ ขับรถคนละถนนก็ยาก จะใส่พิกัดไปจุดหมายก็ไม่เป็น ก็เลยขับรถวนมั่วๆไปหาร้านกิน ก็มาจบที่ร้านปิ้งย่างห่างใกล้ผู้คน จริงๆใกล้กับชายหาดอะไรก็ไม่รู้ แต่เราหิวมากๆ แถมโรคกระเพาะกำเริบ หลงทางอีก ไม่มีอารมณ์ชมวิวใดๆ



ให้สั่งขั้นต่ำ 2 ชุด ก็หมดค่าเนื้อหมูไป 24,000 วอน ขนาดชิ้นละประมาณ 200 g ข้าวถ้วยละ 1,000 วอน สั่งไป 3 ถ้วย หมดค่าอาหารมื้อแรกไป 27,000 วอน รวมกินทั้งเที่ยงและเย็น

วันนี้ก็เลยจบกับการท่องเที่ยวเกาะเชจู ไปด้วยความเหนื่อยล้า และหลงทาง 5555+

เห็นมั้ย เที่ยวเกาะเชจูเอง ยากกว่าที่คิดเนอะ แต่เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะเริ่มเที่ยวได้และ

การเดินทางวันที่ 2 >>> http://pantip.com/topic/35067376
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่