คอลัมน์ สัมมนา: '4G มา'ประเทศชาติได้ประโยชน์
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559
ปลายปีที่ผ่านมาวงการสื่อสารโทรคมนาคมไทยเปลี่ยนผ่านจากยุคสัมปทานสู่ยุคใบอนุญาต และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. โดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค. ได้จัดประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2 รอบ คือ คลื่น 1800 กับ คลื่น 900 รวม 4 ใบอนุญาต เพื่อเข้าสู่ยุค 4 G ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่มาพร้อมกับคำถามว่า "ใครจะได้ประโยชน์" จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ด้วยเหตุผลข้างต้น หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ จึงได้จัดสัมมนาในหัวข้อ "4G มาใครได้ประโยชน์?" เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมี พ.อ.ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการ กทค. และรองประธานกสทช. นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และ นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มทรู ร่วมขึ้นเวทีสัมมนาแสวงหาคำตอบด้วยกัน
สปีดส่งข้อมูลเพิ่ม 1 พันเท่า
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ประธาน กทค. เปิดประเด็นสัมมนาว่า ระบบการสื่อสารด้วยเสียงเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 หรือ ปี 2553 เนื่องจากมีการเปลี่ยนระบบ 3G ครั้งแรกของโลกใช้งานครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นและฮ่องกง จนมาถึงปี 2558 เริ่มใช้ 4G อย่างเต็มรูปแบบเรียก 4G LTE Advance ทำให้การส่งข้อมูลข่าวสารเร็วขึ้นเกือบพันเท่า การส่งข้อมูลข่าวสารมีการเปลี่ยนแปลงไปหมด สมัยก่อนรัฐควบคุมประเทศควบคุมประชาชน แต่ในวันนี้รัฐเริ่มสูญเสียให้ประชาชน เพราะมีความสามารถหาข้อมูลได้ด้วยตัวเอง โลกกำลัง disruption (หยุดชะงัก) ปีนี้เป็นปีแรกที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และภายใน 5 ปี มีธุรกิจบางธุรกิจที่ต้องล้มหายตายจากไป นั่นก็คือ สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น ร้านหนังสือในประเทศสหรัฐฯต้องปิดตัวลง และจะไม่เห็นร้านหนังสือบนแผงหรืออยู่ข้างถนนอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น คือความสำคัญยิ่งกับคำว่า 4G
4G แทรกตัวอยู่ในทุกธุรกิจ
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เพราะ 4G คือ แพลตฟอร์มโมบายที่สามารถแทรกตัวอยู่ในทุกธุรกิจ และแทรกตัวไปในธุรกิจที่ไม่เคยมีแพลตฟอร์มนี้เกิดขึ้นมาก่อนจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และการเข้าถึงเซอร์วิสของแบงก์แบบเรียลไทม์
"อันนี้เป็นสิ่งบอกเหตุว่าทุกคนต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ทุกคนเป็นห่วง แจส (บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ชนะการประมูลคลื่น 900 ใบอนุญาต ที่ 1 วงเงิน 7.56 หมื่นล้านบาทแต่ไม่สามารถชำระค่าใบอนุญาตงวดแรกพร้อมวางแบงก์การันตี) จะมาจ่าย(ค่าใบอนุญาต) หรือไม่จ่ายมา ห่วงสิ่งที่ไม่น่าเป็นห่วง ต้องห่วงธุรกิจตัวเองว่าล้มหายตายจากไปหรือไม่"
ชี้ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ใบอนุญาตกสทช. ประสบความสำเร็จ
ไม่เพียงเท่านี้ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ยังบอกต่อไปอีกว่า ช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานเข้าสู่ระบบใบอนุญาต ถือว่า กสทช. ประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ กสทช. ทั้งในกิจการโทรคมนาคมและกิจการกระจายเสียง ทำให้ผู้ประกอบการใหม่เกิดขึ้นโดยไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)และบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ส่วนเงินที่ได้รับจากค่าคลื่นความถี่ส่งตรงถึงรัฐ ขณะที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเมื่อได้ค่าสัมปทานจะนำเงินส่วนหนึ่งไปบริหารองค์กรแล้วค่อยเอาเงินเข้าประเทศ
"หน้าที่ของ กสทช. คือ ดึงเงินทั้งหมดที่เกิดขึ้นเข้าหลวง รัฐไม่ต้องทำหน้าที่ลงทุน เพราะบริษัททำหน้าที่ลงทุนแทนใบอนุญาตระยะเวลา 15 ปี เอกชนใช้เงินลงทุนถึง 7 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นวิธีการคิดเปลี่ยนแปลงไปมีการแข่งขันที่เท่าเทียมกันไม่ใช่ว่าใครได้สัมปทานของ แคท และ ทีโอที เหมือนกันแต่ส่วนแบ่งต่างกัน"
ก้าวเข้าสู่ ศก.ดิจิตอล
ด้าน นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของเอไอเอส และ นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร ของ บมจ.ทรู มีมุมมองที่คล้ายกันว่า ประเทศชาติได้ประโยชน์ทางตรง คือ รัฐได้เงินค่าคลื่นความถี่ ส่วนผลทางอ้อม คือ การวางโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศก้าวกระโดด ทั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน ระบบโลจิสติกส์ ขณะที่ในหมวดสื่อสารเข้ากระบวนการเชื่อมโยงทำให้ปริมาณข้อมูลเกิดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการส่งข้อมูลความเร็วสูงเกิดขึ้นมากมายมหาศาล
"ถ้าจะให้คนเข้าถึง 4G ได้มากสุดอุปกรณ์ต้องมีราคาต่ำลงมาไม่เช่นนั้นการเปลี่ยนอุปกรณ์ 4G ช้าทำให้คนที่ใช้ 4G ไปแล้วกับคนที่ยังไม่เปลี่ยนมาใช้ 4G เกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะอุปกรณ์ต่อไปจะมีระบบเซ็นเซอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์สื่อสารภายในบ้านโดยจะมีซิม 4G เชื่อมต่อไว-ไฟ" นายศุภชัยฉายภาพผลเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึงจากการเข้าสู่ยุค 4G
"วันนี้โลกเข้าสู่ดิจิตอลแล้วการที่ประชาชนได้ 4G ขึ้นมาทุกอย่างมีของอยู่บนชั้น เช่น ระบบการศึกษาผ่านทางไกล ระบบแพทย์ทางไกลผ่านระบบไร้สาย เป็นต้น เมื่อมีโครงข่าย 4G สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง อุตสาหกรรมทุกอุตสาหกรรมได้ประโยชน์หมด ในอดีตการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทีวี แต่ขณะนี้มีการใช้สื่อโฆษณาผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมแบบบรอดแคสต์มีส่วนแบ่งตลาดแล้ว 10% จากสื่อทีวี แต่ต่อไปจะเพิ่มอีกเท่าไหร่ตรงนี้น่าสนใจ" นายสมชัยชี้ให้เห็นโอกาสใหม่ของธุรกิจสื่อสาร
นอกจากนี้นายศุภชัย ยังบอกอีกว่า รัฐบาลควรสนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะบิ๊กบอย อย่างเฟซบุ๊ก ยาฮู และ ทวิตเตอร์ ฯลฯ เข้ามาตั้งศูนย์พัฒนาวิจัยดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมีสิทธิพิเศษเพื่อดึงดูดให้มาลงทุน เพราะคนไทยมีความรู้ความสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้แต่ต้องเพิ่มทักษะองค์ความรู้เพิ่มเติมเพื่อเป็นศูนย์กลางประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยรัฐบาลจัดตั้งกองทุนขึ้นมาและสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ซึ่งมีความรู้ความสามารถไม่แพ้ประเทศเกาหลี และสหรัฐอเมริกา
เสนอรัฐนำคลื่นออกมาประมูล
นายสมชัยเติมมุมมองว่า ในอดีตมีการถกเถียงระหว่างฟิกไลน์ หรือโทรศัพท์พื้นบ้าน หรือไร้สาย ใครจะมา แต่พอ 10 ปีผ่านไปจบที่โมบาย และต่อมามีการถกเถียงเรื่องคอมพิวเตอร์ หรือพีซี จะมาแต่พอ 5 ปีหลัง แอปเปิล ออกไอแพด แต่อุปกรณ์ทุกอย่างผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่จนมีอัตราเติบโต 100% แต่โทรศัพท์พื้นฐานเติบโต 20-25% ดังนั้น 4G มีส่วนช่วยผลักดันทุกอย่างก้าวกระโดด สิ่งต่างๆ เหล่านี้รัฐบาลต้องรีบสนับสนุนการใช้เครือข่ายระบบไร้สาย
ที่ผ่านมา กสทช. ทำดีอยู่แล้วหลังจากนำคลื่นความถี่ 1800-900 ออกมาประมูล แต่วันนี้รัฐที่มีคลื่นอยู่ในมือต้องรีบนำออกมาเปิดประมูลจะเกิดประโยชน์มากมายมหาศาล เพราะอีก 5 ปีข้างหน้าโมบายจะถูกเรียกว่า everything is digital เนื่องจากในอนาคตข้างหน้าคนจะมีเลขหมายโทรศัพท์และดีไวซ์ จำนวน 11 ชิ้น
สอดคล้องกับแนวความคิดของ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กสทช. มีแนวความคิดเปิดประมูลคลื่นเพิ่มเติม เพราะคลื่นความถี่ในวันนี้ต้องมี 50 เมกะเฮิรตซ์ต่อ 1 โอเปอเรเตอร์ เนื่องจากในปี 2563 มีการพยากรณ์ชัดเจนและถูกมาตลอดนั่นคือจะมีการใช้ดาต้าสูงขึ้น 20 เท่าตัว แต่ภายใน 3-5 ปีนับจากนี้หากไม่มีการขยายคลื่นความถี่การใช้งานด้านดาต้าจะอืดมาก ดังนั้นหน้าที่ของ กสทช. ต้องนำคลื่นออกมาประมูลทั้งคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ คลื่นความถี่ 2600 เมกะเฮิรตซ์ และ คลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ของ ดีแทค ที่จะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2561 เพราะหากคลื่นความถี่มีจำนวนจำกัดอีก 3 ปีข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
และทั้งหมด คือ มุมมองและคำตอบจากบุคคลแถวหน้าวงการสื่อสารโทรคมนาคมของไทย ที่สรุปว่า "4G มาประเทศชาติได้ประโยชน์"
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 (หน้า 1,4)
ข่าวอื่นๆ
ทรูฯ ลังเลประมูล 4G ใหม่ หลังได้ไลเซ่นส์ใบแรกไปแล้ว/รับมีภาระต้นทุน
http://pantip.com/topic/34988090
เจาะแคมเปญ 'หัวเว่ย' ในยุคลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
http://pantip.com/topic/34988225
ดันแจก 'อีคูปอง' ทีวีดิจิทัลลอตใหม่จัดซื้อระบบพ.ค.- 'กสท.' ยันโครงข่ายได้ตามแผน
http://pantip.com/topic/34988037
คอลัมน์ สัมมนา: '4G มา' ประเทศชาติได้ประโยชน์
คอลัมน์ สัมมนา: '4G มา'ประเทศชาติได้ประโยชน์
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559
ปลายปีที่ผ่านมาวงการสื่อสารโทรคมนาคมไทยเปลี่ยนผ่านจากยุคสัมปทานสู่ยุคใบอนุญาต และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. โดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค. ได้จัดประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2 รอบ คือ คลื่น 1800 กับ คลื่น 900 รวม 4 ใบอนุญาต เพื่อเข้าสู่ยุค 4 G ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่มาพร้อมกับคำถามว่า "ใครจะได้ประโยชน์" จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ด้วยเหตุผลข้างต้น หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ จึงได้จัดสัมมนาในหัวข้อ "4G มาใครได้ประโยชน์?" เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมี พ.อ.ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการ กทค. และรองประธานกสทช. นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และ นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มทรู ร่วมขึ้นเวทีสัมมนาแสวงหาคำตอบด้วยกัน
สปีดส่งข้อมูลเพิ่ม 1 พันเท่า
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ประธาน กทค. เปิดประเด็นสัมมนาว่า ระบบการสื่อสารด้วยเสียงเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 หรือ ปี 2553 เนื่องจากมีการเปลี่ยนระบบ 3G ครั้งแรกของโลกใช้งานครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นและฮ่องกง จนมาถึงปี 2558 เริ่มใช้ 4G อย่างเต็มรูปแบบเรียก 4G LTE Advance ทำให้การส่งข้อมูลข่าวสารเร็วขึ้นเกือบพันเท่า การส่งข้อมูลข่าวสารมีการเปลี่ยนแปลงไปหมด สมัยก่อนรัฐควบคุมประเทศควบคุมประชาชน แต่ในวันนี้รัฐเริ่มสูญเสียให้ประชาชน เพราะมีความสามารถหาข้อมูลได้ด้วยตัวเอง โลกกำลัง disruption (หยุดชะงัก) ปีนี้เป็นปีแรกที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และภายใน 5 ปี มีธุรกิจบางธุรกิจที่ต้องล้มหายตายจากไป นั่นก็คือ สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น ร้านหนังสือในประเทศสหรัฐฯต้องปิดตัวลง และจะไม่เห็นร้านหนังสือบนแผงหรืออยู่ข้างถนนอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น คือความสำคัญยิ่งกับคำว่า 4G
4G แทรกตัวอยู่ในทุกธุรกิจ
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เพราะ 4G คือ แพลตฟอร์มโมบายที่สามารถแทรกตัวอยู่ในทุกธุรกิจ และแทรกตัวไปในธุรกิจที่ไม่เคยมีแพลตฟอร์มนี้เกิดขึ้นมาก่อนจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และการเข้าถึงเซอร์วิสของแบงก์แบบเรียลไทม์
"อันนี้เป็นสิ่งบอกเหตุว่าทุกคนต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ทุกคนเป็นห่วง แจส (บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ชนะการประมูลคลื่น 900 ใบอนุญาต ที่ 1 วงเงิน 7.56 หมื่นล้านบาทแต่ไม่สามารถชำระค่าใบอนุญาตงวดแรกพร้อมวางแบงก์การันตี) จะมาจ่าย(ค่าใบอนุญาต) หรือไม่จ่ายมา ห่วงสิ่งที่ไม่น่าเป็นห่วง ต้องห่วงธุรกิจตัวเองว่าล้มหายตายจากไปหรือไม่"
ชี้ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ใบอนุญาตกสทช. ประสบความสำเร็จ
ไม่เพียงเท่านี้ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ยังบอกต่อไปอีกว่า ช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานเข้าสู่ระบบใบอนุญาต ถือว่า กสทช. ประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ กสทช. ทั้งในกิจการโทรคมนาคมและกิจการกระจายเสียง ทำให้ผู้ประกอบการใหม่เกิดขึ้นโดยไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)และบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ส่วนเงินที่ได้รับจากค่าคลื่นความถี่ส่งตรงถึงรัฐ ขณะที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเมื่อได้ค่าสัมปทานจะนำเงินส่วนหนึ่งไปบริหารองค์กรแล้วค่อยเอาเงินเข้าประเทศ
"หน้าที่ของ กสทช. คือ ดึงเงินทั้งหมดที่เกิดขึ้นเข้าหลวง รัฐไม่ต้องทำหน้าที่ลงทุน เพราะบริษัททำหน้าที่ลงทุนแทนใบอนุญาตระยะเวลา 15 ปี เอกชนใช้เงินลงทุนถึง 7 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นวิธีการคิดเปลี่ยนแปลงไปมีการแข่งขันที่เท่าเทียมกันไม่ใช่ว่าใครได้สัมปทานของ แคท และ ทีโอที เหมือนกันแต่ส่วนแบ่งต่างกัน"
ก้าวเข้าสู่ ศก.ดิจิตอล
ด้าน นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของเอไอเอส และ นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร ของ บมจ.ทรู มีมุมมองที่คล้ายกันว่า ประเทศชาติได้ประโยชน์ทางตรง คือ รัฐได้เงินค่าคลื่นความถี่ ส่วนผลทางอ้อม คือ การวางโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศก้าวกระโดด ทั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน ระบบโลจิสติกส์ ขณะที่ในหมวดสื่อสารเข้ากระบวนการเชื่อมโยงทำให้ปริมาณข้อมูลเกิดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการส่งข้อมูลความเร็วสูงเกิดขึ้นมากมายมหาศาล
"ถ้าจะให้คนเข้าถึง 4G ได้มากสุดอุปกรณ์ต้องมีราคาต่ำลงมาไม่เช่นนั้นการเปลี่ยนอุปกรณ์ 4G ช้าทำให้คนที่ใช้ 4G ไปแล้วกับคนที่ยังไม่เปลี่ยนมาใช้ 4G เกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะอุปกรณ์ต่อไปจะมีระบบเซ็นเซอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์สื่อสารภายในบ้านโดยจะมีซิม 4G เชื่อมต่อไว-ไฟ" นายศุภชัยฉายภาพผลเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึงจากการเข้าสู่ยุค 4G
"วันนี้โลกเข้าสู่ดิจิตอลแล้วการที่ประชาชนได้ 4G ขึ้นมาทุกอย่างมีของอยู่บนชั้น เช่น ระบบการศึกษาผ่านทางไกล ระบบแพทย์ทางไกลผ่านระบบไร้สาย เป็นต้น เมื่อมีโครงข่าย 4G สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง อุตสาหกรรมทุกอุตสาหกรรมได้ประโยชน์หมด ในอดีตการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทีวี แต่ขณะนี้มีการใช้สื่อโฆษณาผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมแบบบรอดแคสต์มีส่วนแบ่งตลาดแล้ว 10% จากสื่อทีวี แต่ต่อไปจะเพิ่มอีกเท่าไหร่ตรงนี้น่าสนใจ" นายสมชัยชี้ให้เห็นโอกาสใหม่ของธุรกิจสื่อสาร
นอกจากนี้นายศุภชัย ยังบอกอีกว่า รัฐบาลควรสนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะบิ๊กบอย อย่างเฟซบุ๊ก ยาฮู และ ทวิตเตอร์ ฯลฯ เข้ามาตั้งศูนย์พัฒนาวิจัยดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมีสิทธิพิเศษเพื่อดึงดูดให้มาลงทุน เพราะคนไทยมีความรู้ความสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้แต่ต้องเพิ่มทักษะองค์ความรู้เพิ่มเติมเพื่อเป็นศูนย์กลางประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยรัฐบาลจัดตั้งกองทุนขึ้นมาและสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ซึ่งมีความรู้ความสามารถไม่แพ้ประเทศเกาหลี และสหรัฐอเมริกา
เสนอรัฐนำคลื่นออกมาประมูล
นายสมชัยเติมมุมมองว่า ในอดีตมีการถกเถียงระหว่างฟิกไลน์ หรือโทรศัพท์พื้นบ้าน หรือไร้สาย ใครจะมา แต่พอ 10 ปีผ่านไปจบที่โมบาย และต่อมามีการถกเถียงเรื่องคอมพิวเตอร์ หรือพีซี จะมาแต่พอ 5 ปีหลัง แอปเปิล ออกไอแพด แต่อุปกรณ์ทุกอย่างผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่จนมีอัตราเติบโต 100% แต่โทรศัพท์พื้นฐานเติบโต 20-25% ดังนั้น 4G มีส่วนช่วยผลักดันทุกอย่างก้าวกระโดด สิ่งต่างๆ เหล่านี้รัฐบาลต้องรีบสนับสนุนการใช้เครือข่ายระบบไร้สาย
ที่ผ่านมา กสทช. ทำดีอยู่แล้วหลังจากนำคลื่นความถี่ 1800-900 ออกมาประมูล แต่วันนี้รัฐที่มีคลื่นอยู่ในมือต้องรีบนำออกมาเปิดประมูลจะเกิดประโยชน์มากมายมหาศาล เพราะอีก 5 ปีข้างหน้าโมบายจะถูกเรียกว่า everything is digital เนื่องจากในอนาคตข้างหน้าคนจะมีเลขหมายโทรศัพท์และดีไวซ์ จำนวน 11 ชิ้น
สอดคล้องกับแนวความคิดของ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กสทช. มีแนวความคิดเปิดประมูลคลื่นเพิ่มเติม เพราะคลื่นความถี่ในวันนี้ต้องมี 50 เมกะเฮิรตซ์ต่อ 1 โอเปอเรเตอร์ เนื่องจากในปี 2563 มีการพยากรณ์ชัดเจนและถูกมาตลอดนั่นคือจะมีการใช้ดาต้าสูงขึ้น 20 เท่าตัว แต่ภายใน 3-5 ปีนับจากนี้หากไม่มีการขยายคลื่นความถี่การใช้งานด้านดาต้าจะอืดมาก ดังนั้นหน้าที่ของ กสทช. ต้องนำคลื่นออกมาประมูลทั้งคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ คลื่นความถี่ 2600 เมกะเฮิรตซ์ และ คลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ของ ดีแทค ที่จะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2561 เพราะหากคลื่นความถี่มีจำนวนจำกัดอีก 3 ปีข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 (หน้า 1,4)
ข่าวอื่นๆ
ทรูฯ ลังเลประมูล 4G ใหม่ หลังได้ไลเซ่นส์ใบแรกไปแล้ว/รับมีภาระต้นทุน
http://pantip.com/topic/34988090
เจาะแคมเปญ 'หัวเว่ย' ในยุคลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
http://pantip.com/topic/34988225
ดันแจก 'อีคูปอง' ทีวีดิจิทัลลอตใหม่จัดซื้อระบบพ.ค.- 'กสท.' ยันโครงข่ายได้ตามแผน
http://pantip.com/topic/34988037