สวัสดีอีกครั้งนะครับ
จากที่ผมเคยลงกระทู้ว่าจะเล่าแชร์ประสบการณ์การเป็นพ่อค้าตลาดนัดในกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/34899990
ผมคงตื่นเต้นเรื่องแต่งงานมากไปหน่อย ผมเลยเน้นเล่าแต่เรื่องชีวิตตัวเอง ก็ขอน้อมรับคอมเมนท์ของทุกคนมาปรับปรุงนะครับ กระทู้นี้ผมขอแก้ตัวโดยการเล่าประสบการณ์ของผม(และของแฟนนิดหน่อย)ในเรื่องของการเป็นพ่อค้า และประสบปัญหาต่างๆ นะครับ จะพยายามเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายที่สุดแล้วกันนะครับ
อย่างที่บอกว่า ผมเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นงานออฟฟิศหรืองานขายของ แตกต่างจากแฟนผม ซึ่งมีประสบการณ์การเป็นแม่ค้าที่แพลตินัมมาตั้งแต่สมัยเรียนไม่จบ ในช่วงที่ผมเคว้งคว้างอยู่นั้น อี๊ของผมก็มาเล่าให้ฟังว่า เค้าได้ไปรับเคสมือถือมาขายที่ตลาดนัดกลางคืนวันศุกร์ที่จตุจักร ขายอยู่แป๊บเดียว ได้เงินมาหกพันบาท นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมคิดได้ว่างานขายของแบบนี้ก็ทำเงินให้ผมได้เช่นกัน จากที่ผมไม่เคยสนใจอาชีพของแฟน ผมก็หันไปปรึกษาเธอ เธอก็แนะนำให้ผมเริ่มต้นจากการเป็นพ่อค้าตลาดนัด จนมาเปิดร้านเป็นเรื่องเป็นราวในปัจจุบัน
การขายของในตลาดนัดแบบไม่มีทุนรอนมากมายถือว่าทำเงินได้มากพอที่จะทำให้ผมฮึดสู้ที่จะตั้งใจทำอาชีพนี้ต่อไป ปัญหาหลักๆ ที่ผมพบในช่วงนี้คือ
1. ผมรู้ตัวว่าผมมีปัญหาเรื่องรสนิยมการเลือกของ ผมเลือกได้แค่ว่า ผมจะขายอะไร แต่ไม่สามารถเลือกของที่ถูกใจคนหมู่มากมาขายได้ ทางแก้: ยกให้แฟนเป็นคนเลือกของ ส่วนผมทำหน้าที่เป็นแรงงานและจัดการเรื่องซื้อขายเก็บเงินไป
2. ทำเลไม่แน่นอน ในแต่ละสัปดาห์ ผมต้องมาจัดตารางชีวิตว่าจะซื้อของเมื่อไหร่ ขนไปขายที่ไหน ออกกี่โมง เผื่อเวลาเท่าไหร่ เพราะตารางการขายของของผมไม่แน่ไม่นอน ขึ้นอยู่กับล็อคว่างแค่ไหน (ผมไม่ใช่พ่อค้าที่เซ็นต์สัญญายาวๆ) และเวลาการขายของเป็นกลางวันแสกๆ ซึ่งอาการร้อนอบอ้าวมาก มีเวลาขายแค่สั้นๆ ทำให้ต้องแข่งกับเวลา ใช้สมาธิในการทำงานสูงมากในช่วงขาย ทางแก้: ทำใจครับ เพราะธรรมชาติการขายของตลาดนัดเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
3. รายได้ ถือว่าพอเลี้ยงตัวเองไปได้แบบวันๆ ครับ ไม่ถึงขั้นเอาดีในอนาคตอย่างจริงจังได้ ทางแก้: ขยายร้าน เพิ่มช่องทางการมองเห็นให้ลูกค้า
พอผมเริ่มขายของไปได้สักพัก ผมก็เริ่มคิดการณ์ใหญ่ อยากจะมีร้านเป็นของตัวเองอย่างจริงจัง ประจวบเหมาะกับในตอนนั้นแฟนผมก็เซ้งร้านที่แพลตินัม ผมจึงตัดสินใจขอเงินคุณแม่มาลงทุนเปิดร้านร่วมกับแฟนอย่างจริงจัง ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของผมเลยล่ะครับ จากที่เคยใช้ชีวิตไปวันๆ พอมาเริ่มเปิดร้าน มันมีพื้นที่เป็นชิ้นเป็นอัน มีปัญหาต้องแก้จริงจัง มีเรื่องให้รับผิดชอบเยอะแยะ ชีวิตพลิกเลยครับ
เดี๋ยวตอนหน้าผมมาต่อเรื่องการเปิดร้าน การเลือกทำเล และปัญหาที่พบนะครับ
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
แชร์ประสบการณ์พ่อค้าตลาดนัด จากวันที่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ ภาค2 ต่อจากกระทู้เดิมครับ!!!
จากที่ผมเคยลงกระทู้ว่าจะเล่าแชร์ประสบการณ์การเป็นพ่อค้าตลาดนัดในกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/34899990
ผมคงตื่นเต้นเรื่องแต่งงานมากไปหน่อย ผมเลยเน้นเล่าแต่เรื่องชีวิตตัวเอง ก็ขอน้อมรับคอมเมนท์ของทุกคนมาปรับปรุงนะครับ กระทู้นี้ผมขอแก้ตัวโดยการเล่าประสบการณ์ของผม(และของแฟนนิดหน่อย)ในเรื่องของการเป็นพ่อค้า และประสบปัญหาต่างๆ นะครับ จะพยายามเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายที่สุดแล้วกันนะครับ
อย่างที่บอกว่า ผมเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นงานออฟฟิศหรืองานขายของ แตกต่างจากแฟนผม ซึ่งมีประสบการณ์การเป็นแม่ค้าที่แพลตินัมมาตั้งแต่สมัยเรียนไม่จบ ในช่วงที่ผมเคว้งคว้างอยู่นั้น อี๊ของผมก็มาเล่าให้ฟังว่า เค้าได้ไปรับเคสมือถือมาขายที่ตลาดนัดกลางคืนวันศุกร์ที่จตุจักร ขายอยู่แป๊บเดียว ได้เงินมาหกพันบาท นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมคิดได้ว่างานขายของแบบนี้ก็ทำเงินให้ผมได้เช่นกัน จากที่ผมไม่เคยสนใจอาชีพของแฟน ผมก็หันไปปรึกษาเธอ เธอก็แนะนำให้ผมเริ่มต้นจากการเป็นพ่อค้าตลาดนัด จนมาเปิดร้านเป็นเรื่องเป็นราวในปัจจุบัน
การขายของในตลาดนัดแบบไม่มีทุนรอนมากมายถือว่าทำเงินได้มากพอที่จะทำให้ผมฮึดสู้ที่จะตั้งใจทำอาชีพนี้ต่อไป ปัญหาหลักๆ ที่ผมพบในช่วงนี้คือ
1. ผมรู้ตัวว่าผมมีปัญหาเรื่องรสนิยมการเลือกของ ผมเลือกได้แค่ว่า ผมจะขายอะไร แต่ไม่สามารถเลือกของที่ถูกใจคนหมู่มากมาขายได้ ทางแก้: ยกให้แฟนเป็นคนเลือกของ ส่วนผมทำหน้าที่เป็นแรงงานและจัดการเรื่องซื้อขายเก็บเงินไป
2. ทำเลไม่แน่นอน ในแต่ละสัปดาห์ ผมต้องมาจัดตารางชีวิตว่าจะซื้อของเมื่อไหร่ ขนไปขายที่ไหน ออกกี่โมง เผื่อเวลาเท่าไหร่ เพราะตารางการขายของของผมไม่แน่ไม่นอน ขึ้นอยู่กับล็อคว่างแค่ไหน (ผมไม่ใช่พ่อค้าที่เซ็นต์สัญญายาวๆ) และเวลาการขายของเป็นกลางวันแสกๆ ซึ่งอาการร้อนอบอ้าวมาก มีเวลาขายแค่สั้นๆ ทำให้ต้องแข่งกับเวลา ใช้สมาธิในการทำงานสูงมากในช่วงขาย ทางแก้: ทำใจครับ เพราะธรรมชาติการขายของตลาดนัดเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
3. รายได้ ถือว่าพอเลี้ยงตัวเองไปได้แบบวันๆ ครับ ไม่ถึงขั้นเอาดีในอนาคตอย่างจริงจังได้ ทางแก้: ขยายร้าน เพิ่มช่องทางการมองเห็นให้ลูกค้า
พอผมเริ่มขายของไปได้สักพัก ผมก็เริ่มคิดการณ์ใหญ่ อยากจะมีร้านเป็นของตัวเองอย่างจริงจัง ประจวบเหมาะกับในตอนนั้นแฟนผมก็เซ้งร้านที่แพลตินัม ผมจึงตัดสินใจขอเงินคุณแม่มาลงทุนเปิดร้านร่วมกับแฟนอย่างจริงจัง ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของผมเลยล่ะครับ จากที่เคยใช้ชีวิตไปวันๆ พอมาเริ่มเปิดร้าน มันมีพื้นที่เป็นชิ้นเป็นอัน มีปัญหาต้องแก้จริงจัง มีเรื่องให้รับผิดชอบเยอะแยะ ชีวิตพลิกเลยครับ
เดี๋ยวตอนหน้าผมมาต่อเรื่องการเปิดร้าน การเลือกทำเล และปัญหาที่พบนะครับ
ขอบคุณที่อ่านนะครับ