เดียวดายใต้เงาจอ (เรื่องสั้น ตอนสั้นๆ หลายตอนจบ) 4, 5

กระทู้สนทนา
4.

นอกจากสำนวนกระบี่ที่เหมาะสม บทบรรยายลื่นไหล ไม่มาก ไม่น้อย แล้ว ยังสมควรมีสิ่งใด ความตื่นเต้น หวาดเสียวใช่สมควรมีอยู่ในกระบวนท่าที่เลอเลิศด้วยหรือไม่ ผู้คนใช่ชมชอบหลีกหนีจากชีวิตประจำวันอันน่าเบื่อ แสวงหาความตื่นเต้นแม้เพียงในจินตนาการอย่างนั้นหรือ

ความตื่นเต้นในประกายกระบี่สมควรเป็นเยี่ยงไร ใช่ต้องสร้างสภาวะคับขัน บีบคั้นหัวใจผู้คนจนเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือถึงกับต้องลืมตัวกลั้นลมหายใจใช่หรือไม่

เมื่อคนแปลกหน้าทั้งห้าต่างนั่งลงที่โต๊ะของตน ภายใต้ความเงียบงันที่คล้ายรอคอยการแตกประทุอย่างไร้เหตุผลอยู่นั้น ในใจของทุกผู้ต่างก็มี กระบวนท่าที่หนึ่ง ปรากฏขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“ไม่ทราบ นายท่านทั้งสองที่พึ่งมาถึงต้องการสุราอาหารใดหรือไม่”

ที่ลงมือก่อนกลับไม่ใช่หนึ่งในห้า แต่เป็น เสี่ยวเอ้อ(พนักงานบริการ)ชรา หน้าตาสัตย์ซื่อผู้หนึ่งซึ่งเดินออกมาจากด้านใน มันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่าแต่สะอาด บนไหล่ขวาพาดไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่งซึ่งใช้เช็ดถูโต๊ะเก้าอี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะเป็นโรงเตี๊ยมในสถานที่แปลกประหลาดปานใดต่างไม่อาจขาดแคลนเสี่ยวเอ้อเช่นนี้ผู้หนึ่ง

กระบวนท่าที่ยังไม่ได้ลงมือภายในใจของทุกผู้ ล้วนถูกทำลายลงพร้อมกัน หรือเสี่ยวเอ้อผู้นี้จะเป็นเซียนวิเศษ ยอดคนเร้นกาย ที่เพียงเอ่ยวาจาก็สามารถสยบผู้คนได้

“ร้านแห่งนี้ย่อมมีน้ำชา น้ำไม่ว่าร้อนหรือเย็นย่อมสามารถดับความกระหาย แต่หากพวกท่านสั่งสุราอาหาร ย่อมช่วยเสริมส่งกิจการซอมซ่อแห่งนี้”

มันรีบยิ้มประจบพร้อมยกกาน้ำร้อนใบโตในมือขึ้นเติมใส่กาน้ำชาใบเล็กบนโต๊ะของนักบู๊ไร้นามอย่างคล่องแคล่ว น้ำร้อนพวยพุ่งเป็นสาย ไอขาวฟุ้งกระจาย เสี่ยวเอ้อผู้นี้นับว่ามีมือที่มั่นคงคู่หนึ่ง ใช่เป็นเพราะต้องยกกาน้ำร้อน ยกอาหารจานโตอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเท่านั้นหรือไม่

“ขอหมี่เนื้อวัวชามใหญ่” เส้นทางข้างหน้ายังไม่อาจรู้ มันย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะเติมท้องให้เต็มไว้ก่อน

ยังมีสายตาอีกสองคู่ที่จับจ้องมองดูเสี่ยวเอ้ออยู่เงียบๆ หลวงจีนชรานั้นยังคงหลับตานิ่ง ส่วนสารถีผู้มาใหม่กลับเอาแต่เหม่อมองออกนอกหน้าต่าง จนเมื่อเสี่ยวเอ้อคิดเติมกาน้ำชาบนโต๊ะของสารถี มันจึงโบกมือไล่โดยไม่หันมามอง

“นำสุรามาให้เรา...ขอเป็นสุราทั่วไป”

สุราทั่วไป ย่อมหมายถึงสุราราคาถูกที่สุด แต่ไม่ว่าจะถูกหรือแพง สุราก็คือสุรา เคยมียอดคน มังกรโบราณ ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า 'ในโลกนี้มีของเหลวที่ล้ำค่าอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ของเหลวที่ว่าย่อมเป็นสุรา' หากมีคนคิดถกเถียงกับท่านว่า น้ำ ย่อมนับเป็นของเหลวที่ล้ำค่าเช่นกัน ท่านก็จะตอบว่า

'ท่านต้องกินข้าวดื่มน้ำจึงมีชีวิต แต่ข้าวใช่เป็นของล้ำค่าหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงบอกว่าในโลกนี้มีเพียงสุราที่ใช้ราดรดทุกข์ ให้ลืมสิ้นทุกสิ่งได้ชั่วคราวเท่านั้นที่นับว่าล้ำค่า' ในยามนั้นดวงตาของท่านจะหรี่เล็กลง แต่ประกายกลับยิ่งโดดเดี่ยวเจิดจ้า 'เนื่องเพราะนอกจากนั้นแล้วก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ท่านลืมเลือนเรื่องที่ไม่ต้องการจดจำได้ตลอดกาล'

“ไม่ทราบว่านายท่านต้องการกับแกล้มสิ่งใดหรือไม่” สารถีโบกมืออีกครั้ง เสี่ยวเอ้อก็ไม่ว่าอันใด เพียงยิ้มประจบ ก้มหัวพร้อมเดินจากไปราวกับไม่รับรู้ถึงบรรยากาศผิดปกติในที่นี้

นักพรตพลันลงมือแล้ว

5.

เป้าหมายของนักพรต คือบุรุษสูงวัยที่มีเพียงช่องทางเดินกางกั้นไว้ ที่จู่โจมออกไม่ใช่ศาสตราพิสดาร แต่เป็นตะเกียบในมือคู่นั้น ปลายตะเกียบขยับย้ายไปมาอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ก่อเกิดเป็นจุดแต้มมากมายเลียนคล้ายกลุ่มดาวที่โคจรเคลื่อนไปบนฟ้าสวรรค์ หลอมรวมเป็น ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวเหนือ ขึ้นชุดหนึ่ง ที่มีขั้นตอน ซึ่งทั้งแน่นอน ทั้งแม่นยำ

ดาวเหนือทั้งเจ็ดนั้นประกอบด้วย แก่นหลัก โลก ตัวละคร เหตุการณ์ ปมขัดแย้ง คับขัน คลี่คลาย

“มีมือกระบี่ผู้หนึ่งเรียกขานตนเองว่า ผู้หวังพ่าย ไม่ทราบสหายท่านนี้เคยได้ยินมาบ้างหรือไม่” นักพรตกลับเอ่ยถามอย่างไร้เรื่องราว

'เร่ร่อนเดียวดายสุดขอบฟ้า หวังเพียงพบพานความแพ้พ่าย'

ผู้ร่ายลำนำเช่นนี้ที่แท้แล้วคิดมุ่งหวังสิ่งใด ใช่เป็นความสงบ ความพ่ายแพ้ หรือที่แท้แล้วจะเป็นสิ่งตรงกันข้าม ใช่แฝงความอวดโอ่ ใช่ต้องการการยอมรับเชิดชูอยู่หรือไม่ บนถนนสายเก่าแก่ใช่มีข้อความเยี่ยงนี้อยู่มากมายหรือไม่

บุรุษสูงวัยพลันยกชูจอกสุราในมือขึ้น เป็นสุราเปี่ยมจอก ในจอกสุรานี้ยังแฝงไว้ด้วยบางสิ่ง ทั้ง จังหวะ และ ทิศทาง คล้ายเป็นกระบี่ไร้สภาพสองสายเข้าปะทะกันอย่างหวาดเสียว นี่ย่อมเป็น เก้ากระบี่เดียวดาย ของผู้หวังพ่ายแล้ว เก้ากระบี่นี้ใช่แตกต่างจากค่ายกลดาวเหนือทั้งเจ็ดหรือไม่ คำตอบย่อมทั้ง ใช่ และ ไม่ใช่

เก้ากระบี่เดียวดายใช้ออกเพื่อทำลายศาสตราทุกชนิด หากคิดทำความเข้าใจ ทางที่ดีควรต้องทราบว่ามันถูกคิดค้นขึ้นอย่างไร หากต้องการทำลายเพลงกระบี่ มีแต่ต้องทำความเข้าใจในกระบี่ หากคิดทำลายเพลงดาบ ย่อมต้องซึมซับวิถีแห่งดาบ แม้แต่อาวุธลับ ก็มีวิถีของมันอยู่เช่นกัน แต่สุดท้าย กลับมีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่นับเป็นแกนของเก้ากระบี่

หนึ่งคือ ไม่ยึดติด อีกหนึ่งคือ การเปลี่ยนแปลง

“เราย่อมเคยได้ยิน”

ตะเกียบในมือนักพรตพลันบิดกลับอย่างรวดเร็ว ทบทวนใช้ค่ายกระบี่อย่างรัดกุม “ท่านรู้จัก”

จอกสุราเคลื่อนหาริมฝีปากของบุรุษสูงวัยอย่างพลิกแพลง สุราแม้เปี่ยมจอก การดำเนินเรื่องแม้ยอกย้อน สับสน แต่สุรากลับไม่หกออกมาแม้แต่หยดเดียว “ย่อมรู้จัก รู้จักอย่างยิ่ง”

ตะเกียบในมือของนักพรตหักลงแต่กลางคัน “...ที่แท้ก็เป็นท่าน”

ผู้หวังพ่ายแหงนคอดื่มสุราหมดจอกในคำเดียว “ย่อมเป็นเรา” คำ เรา ยังไม่ทันจบ จอกสุราในมือก็แยกออกราวกับถูกฟันด้วยคมกระบี่ รอยยิ้มของมันก็คล้ายแย้มขึ้นเล็กน้อย

“นักพรต ท่านมาตามหาเรา”

“เราเพียงคิดมอบสิ่งหนึ่งให้กับท่าน” คำตอบของนักพรตยิ่งทำให้รอยยิ้มของผู้หวังพ่ายเผยกว้างขึ้น “สิ่งที่ท่านเพียรค้นหามานานเนิ่น”

นักบู๊ไร้นามไม่รู้ว่าเป็นบุญวาสนา หรือคราเคราะห์ที่ต้องมาติดอยู่ท่ามกลางการต่อสู้เยี่ยงนี้ แต่มันก็ยังพยายามขบคิด ค่ายกระบี่เจ็ดดาวเหนือ เก้ากระบี่เดียวดาย เหล่านี้นับเป็นเพลงกระบี่เยี่ยงไร เป็นวิถีการเล่าเรื่องเยี่ยงไร ใช่สามารถทำให้เหนือล้ำกว่านี้ได้หรือไม่

หลวงจีนที่เคยนั่งนิ่งพลันเคลื่อนไหวลงมืออีกคนแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่