สวัสดีครับ

สำหรับคนที่เข้ามาอ่านทุกคน
นี่ไม่ใช่กระทู้รีวิว มันเป็นบันทึกการเดินทางล้วนๆ
เพราะงั้นมันอาจจะมีไม่รายละเอียดว่า ค่าใช่จ่ายเท่าไร อะไรยังไงบ้าง ยังไงก็ขออะไร เฮ้ย อภัย มาด้วยนะครับ

ภาค2 http://pantip.com/topic/34511609
กระทู้ก่อนหน้า
ไม่ใครไปเมื่อไม่มีใครไปด้วย ก็ไปมันคนเดียวที่ภูสอยดาว Part 1
http://www.thetrippacker.com/th/review/location/8378
ไม่ใครไปเมื่อไม่มีใครไปด้วย ก็ไปมันคนเดียวที่ภูสอยดาว Part 2
http://www.thetrippacker.com/th/review/location/8393
ไม่ใครไปเมื่อไม่มีใครไปด้วย ก็ไปมันคนเดียวที่ภูสอยดาว Part 3
http://www.thetrippacker.com/th/review/location/8408
"เชียงใหม่อีกละ" หลายๆคนคงอ่านหัวข้อกระทู้แล้วคงจะคิดแบบนี้ หึ หึ ผมเองก็คิดอย่างนี้เหมือนกันแต่ก็อยากจะเขียนไว้ ไม่ใช่เป็นกระทู้รีวิวอะไรมากมาย แต่ผมอยากสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่กลัวที่จะเดินทางคนเดียว กล้าที่จะไป กล้าที่จะออกเดินทาง โลกข้างนอกมันกว้าง กว้างกว่าที่เราจะมานั่งบ่นๆว่า "รู้อย่างนี้น่าจะเดินทางตั้งนานแล้ว"
"ลาพักร้อนนี้ ตูจะไปไหนดีวะ?" มันเป็นคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อผมทำเรื่องขอลาพักร้อนที่ทำงานได้ ตั้งแต่วันที่ 14-29 พ.ย
เอาไงดีวะ ลาได้ตั้งหลายวัน

อยากขับรถเตอร์มอไซเที่ยวแบบยาวๆ ไปไหนดีวะ หลังจากที่ ยืนคิด นั่งคิด นอนคิด คลานคิด(เฮ้ยๆก็คิดเยอะไป)

เอาวะ!! ไปเชียงใหม่

แหละ ไม่เคยขับรถไป ไป

คนเดียวนี่แหละ ไปหาคนรู้จักเอาข้างหน้า(อีกละ) แล้วเชียงใหม่ มันมีที่เที่ยวอะไรบ้างวะ พอเปิดพันทิปหาที่เที่ยวเชียงใหม่ ฮึ่มมมมม สถานที่แต่ละแห่ง คนรีวิวเพียบ ก็ดูข้อมูลไปเรื่อยๆ ที่เที่ยวแต่ละแห่ง นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ เอาที่ๆคนไปน้อยๆ สวยๆลำบากหน่อยๆยิ่งดี
ก็ไปเจอกับกระทู้ รีวิว ดอยหลวงเชียงดาว เฮ้ยใช้ได้ว่ะ เดิน 8.5 กิโล เฮ้ย เชิลๆ สบายๆ เอาๆไปๆ แล้วไปคนเดียว ค่ารถที่จะพาขึ้นไปและรับกลับ 1800!!

แม่เจ้า ไปคนเดียวโดนค่ารถเต็มๆ(teen)

เอาไงดีวะ ชวนใครก็ไม่มีใครว่างเลย ลองชวนคนในพันทิปดีกว่า 555 เพื่อจะได้มีคนมาหารค่ารถ ก็ได้ผู้โชกร้ายเข้ามาติดกับผม 2 คนด้วยกัน 555
เอาล่ะได้คนที่จะไปด้วยแล้วทีนี้ มาเรื่องงบประมาณที่จะเอาไปใช้ในการเดินทางครั้งนี้กัน งานนี้ผมทุบหม้อข้าว หม้อแกงกันเลยทีเดียว

ฮึ่มมมมม เห็นอย่างนี้ก็ได้มา3พันกว่าๆเลยนะครับ เก็บมาตั้ง3เดือน
เอาล่ะ มาเริ่มเดินทางกัน


เนื่องจากทริปนนี้ผมจะเริ่มต้นเดินทางจากบ้านเกิดของผมซึ่งอยู่ที่น่าน ระว่างทางผมจะแวะที่เที่ยวต่างๆเรื่อยๆไป
เห็นอย่างนี้ ขับจริงๆ 500 กว่ากิโล

งง Google map คุณหลอกดาว
วันเริ่มต้นการเดินทาง 15 พ.ย
ผมเริ่มต้นการเดินทางเช้าวันอาทิตย์อันสดใส สายลมหนาวพัดผ่านเบาๆ ไหว้พระขอพร แล้วออกเดินทาง
ทางบ้านผมห่อข้าวเช้ามาให้ด้วย ผมจึงตั้งใจจะไปกินข้าวเช้าที่น้ำตกธารสวรรค์ เป็นจุดหมายแรก เส้นทางที่ผมไปทางค่อนข้างคดเคี้ยวและทางเละๆบ้าง หากจะไปแนะนำให้ระมัดระวังหน่อยนะครับ
ขับมาสักพักช่วงระหว่าง อ.สองแคว - พะเยา วิวระหว่างขางทางสวยดีนะครับ สายหมอกจางๆ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้ตรงที่เป็นไร่ข้าวโพดเป็นทุ่งหญ้าก็ยังดี ไร่ข้าวโพดกลืนกินหลายๆส่วนของจังหวัดน่านไปมาก ป่าไม่หายไปหมด เห็นแล้วน่าหดหู่จริงๆ น่าเสียดาย
ระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านผ่านไปมา ผมก็โบกมือทักทายกับชาวบ้านยิ้มทั้กทายไป เหมือนคนเป็นบ้า

เอ้าๆ ไปๆ เดินทางต่อหนทางยังอีกยาวไกล ทั้งโค้งหักศอก หักแล้วหักอีก หักจนหน้าผมจะหักตามโค้งแล้ว คนที่เมารถผมนี้สงสารจริงๆ
ถึงแล้วครับระหว่างทาง กับจุดชมวิวก่อนจะถึงพะเยา แวะพักซะหน่อยๆ
เก็กซะหน่อยๆ

มุมกว้างบ้างนะครับ
ระหว่างนั้นก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเซลพี่กัน
"น้องๆช่วยถ่ายรูปให้พี่หน่อย"
ครับๆ 1 2 3

ยิ้มหน่อยครับ อีกรูปนะครับ . . .
ไปๆเดินทางกันต่อๆ ระหว่างทางไปเจอบึงน้ำข้างทาง เก็บภาพกันๆ
หลังจากที่เข้ามายังหมู่บ้าน จะมีป้ายบอกทางไปยังน้ำตกตลอดทำให้เราเดินทางค่อนข้างง่ายไปไม่ยาก แต่ก็หวั่นๆหลงอยู่พอสมควร
08.20 ถึงแล้วครับ กับน้ำตก ธารสวรรค์ จุดหมายแรกของการเดินทางนี้ เพราะว่ามาถึงช่วงเช้าๆ ผมเลยกลายเป็นคนแรกที่มายังที่ทำการ 555 เจ้าหน้าที่ทำหน้างงๆ เห็นผมขับรถเข้ามา
"น้องมาคนเดียวกะพี่ก็นึกกว่ามาเป็นกลุ่มๆ"
"มาคนเดียวปี๋ แอ่วคนเดียวม่วนดี" ^^
พี่เจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าต้องไปจอดรถที่ไหนร้านค้าอยู่ตรงไหนต้องเดินไปเท่าไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากที่เข้ามาแนะนำ เพราะบางทีนักท่องเที่ยวอาจจะพลาดจุดสวยๆที่นักท่องเที่ยวไม่ทราบ เป็นรื่องที่ดีจริงๆ

จากที่จอดรถจะต้องเดินเข้าไปยังน้ำตกประมาณ 500 เมตร บรรยากาศร่มรื่น อากาศกำลังสบาย แต่มันวังแวงอย่างบอกไม่ถูก 555 นั่งกินข้าวคนเดียวหลอนๆกันไป
ระหว่างสะพานจะมองเห็นน้ำตกชัดเจน
กับข้าวของที่บ้านห่อมาแบบจุใจ 55 เยอะมาก กินไปฟังเสียงน้ำตก เสียงนกเสียงกา เพลินๆ
อิ่มแล้ว เดินดูรอบๆบริเวณน้ำตกกันดีกว่า
มองดูป้ายบอก "น้ำตกชั้นที่1ลึก 6 เมตร" ที่แรกกะจะเอาเท้าไปแช่ เปลียนใจยืมมองดูความงามของมันแทนละกัน
มุมกว้างของน้ำตกกันบ้าง
ระหวางตรงกลางมีต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านอยู่นะครับ ดูร่มรื่นมาก แต่ถ้ามาคนเดียวจะไปอะไรที่น่ากลัวนิดหน่อย แต่ผมชินๆละ เพราะมีแต่ผมคนเดียวมาตั้งนาน 55
ระหว่างทางลงไปน้ำตก จะมีกรงนกยุงอยู่ทางขวามือนะครับ เลยเดินเข้าไปดู ด้านหน้ากรงมีป้ายเตือน
เชี่ยย . . . มันโหดขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไม่เชื่อ อย่างนี้ต้องเดินเข้าไปดู
ความรู้สึกแรก มันไม่กลัวเราเลยเหรอวะ มันก็ทำท่าทางสงสัย ยิ่งเข้าใกล้ มันก็ยิ่งส่งสัยใหญ่ จนแทบจะแหกกรงเขามาหาผม 555

เอามือยื่น(แล้วตูจะยื่นไปทำไม)เข้าไปหามัน มันจิกใหญ่เลย ก็เล่นกะมันอยู่พักหนึ่ง เอามือหลบเวลามันจิกไปมา เพลินๆดี

เอาล่ะ อยู่ที่นี่มานานแล้วได้เวลาเตรียมตัวเดินทางต่อกันดีกว่า หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลยิ่งนัก เก็บกระเป๋า ลุยๆ จุดหมายต่อไป "
หล่มภูเขียว"
หล่มภูเขียว อยู่ที่ อ.งาว จ.ลำปาง เป็นแหล่งน้ำกลางหุบเขา เป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ น้อยคนจะรู้จัก หน้าตาจะประมาณนี้

ผมเห็นรูปนี้ ผมอยากไปมาก อยากจะรู้ว่ามันจะสวยแบบนี้ไหม ตั้งใจจะไปเต็มที่ เลยมุ่งตรงไปยัง อ.งาว โดยผ่านหน้า ม. พะเยา ลงไป ระหว่างทางสภาพอากาศไม่เป็นใจ สงสัยเทวดาจะกลัวผมร้อน เลยเทฝนกระหน่ำลงมา ผมนี้แทบจะหลบไม่ทันกันเลยทีเดียว
"เมฆก้อนเท่านี้ ลุยไปเดี๋ยวก็คงพ้นละ" พูดไม่ทันขาดขำ หนักครับ!! หนักมาขึ้นเรื่อยๆ เชี่ยยยยยยเอ้ยยยยย . . . ไม่ไหวแล้ววว กลัวกล้องกะโทรศัพพัง มองหาบ้านคน ขอเข้าไปหลบฝน กะจะเจอบ้านคน ไปเจอบ้านร้างซะงั้น

เอาวะ หลบฝนละกัน เดี๋ยวก็ไปละ

ยังดีนึกว่าจะนั่งหลบฝนฟังเพลงเหงาๆ มีหมากะไก่ เป็นเพื่อน ก็ดีว่ะ ดีกว่าอยู่คนเดียวเวลานี้ 555

ชุ่มฉ่ำกันไป

รออยู่นานจนจะหลับ ฝนก็ซาลงไป อากาศจากเย็นๆ ตอนนี้หนาว หนาวยัน

หดเลยทีเดียว
ไป เดินทางต่อ พอถึง อ.งาว มันเป็นร่องรอยของฝนที่พึ่งตกไป ฮึ่มมมมมม อะไรกันวะเนี่ย แล้วทางไปหล่มจะเป็นยังไงวะ

ระหว่างทางจะมีป้ายบอกตลอด แต่ไม่ใช่ป้ายใหญ่นะครับ เป็นป้ายปักตามทาง บอกทางไปหล่มภูเขียวตลอด ตรงแยกก็จะมีบอกตลอด หาไม่ยากครับ
พอเข้าไปหมูบ้าน ทางเริ่มจะเละขึ้นไปเรื่อยๆ 2 ข้างทางก็เป็นทุ่งนาชาวบ้านตลอด ตอนที่ผมขับเข้าไปก็ไปเจอชาวบ้านคนหนึ่ง ขับมอไซโซนิกที่แปลงล้อเป็นล้อวิบาก ก็จดรถคุยกันพักหนึ่ง(คุยภาษาพื้นเมืองกัน มีซับไทยประกอบเพื่อความเข้าใจนะครับ)
"จะไปตี้ไดครับนี่" (จะไปที่ไหนครับนี่)
"หล่มภูเขียวครับ แฮ่มใกล๋ก่ครับ" (หล่มภูเขียวครับ อีกไกลมั้ย)
"โค๊ะ!! จะไปแต้กะนี่ ตางมันบ่ค่อยจะดีหนา ฝนมันกำลังต๊กไปตะกี้นิ" (จะไปจริงเหรอ ทางมันไม่ค่อยจะดีนะฝน ฝนมันกำลังตกไปตะกี้นิ)
"ลองไปผ่อครับ ไหนๆก็มาแล้วบ่อยากเสียเที่ยว" (ลองไปดูครับ ไม่อยากเสียเที่ยว)
"ระวังโตยเน้อ ตางมันบ่ดี รถใหญ่ ยางก็เป็นแบบทางเรียบ" (ระวังด้วยนะ ทางมันไม่ดี รถใหญ่ ยางเป็นทางเรียบ)
จากนั้น ผมก็ลองขบไปได้สักพัก รถพี่เขาก็นำลิ่วไปเลย ส่วนผมก็สะบัดเซไปมา 55 นึกอยากได้พวก Crf คงจะสนุกน่าดู จนมาถึงจุดนี้

จบกัน

คุณไม่ได้ไปต่อ

ผมไม่อยากนึกภาพตอนที่ผมลุยไป ถ้าผมพลาด รถก็ห
[CR] ที่นั่นมันมีอะไร? ตอน ชายหนึ่งคน กับมอเตอร์ไซหนึ่งคัน ไปหลงทางที่ "เชียงใหม่"
https://www.facebook.com/Therewithwhat
ภาค2 http://pantip.com/topic/34511609
กระทู้ก่อนหน้า
ไม่ใครไปเมื่อไม่มีใครไปด้วย ก็ไปมันคนเดียวที่ภูสอยดาว Part 1 http://www.thetrippacker.com/th/review/location/8378
ไม่ใครไปเมื่อไม่มีใครไปด้วย ก็ไปมันคนเดียวที่ภูสอยดาว Part 2 http://www.thetrippacker.com/th/review/location/8393
ไม่ใครไปเมื่อไม่มีใครไปด้วย ก็ไปมันคนเดียวที่ภูสอยดาว Part 3 http://www.thetrippacker.com/th/review/location/8408
"ลาพักร้อนนี้ ตูจะไปไหนดีวะ?" มันเป็นคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อผมทำเรื่องขอลาพักร้อนที่ทำงานได้ ตั้งแต่วันที่ 14-29 พ.ย
เอาไงดีวะ ลาได้ตั้งหลายวัน
เอาวะ!! ไปเชียงใหม่
ก็ไปเจอกับกระทู้ รีวิว ดอยหลวงเชียงดาว เฮ้ยใช้ได้ว่ะ เดิน 8.5 กิโล เฮ้ย เชิลๆ สบายๆ เอาๆไปๆ แล้วไปคนเดียว ค่ารถที่จะพาขึ้นไปและรับกลับ 1800!!
เอาล่ะได้คนที่จะไปด้วยแล้วทีนี้ มาเรื่องงบประมาณที่จะเอาไปใช้ในการเดินทางครั้งนี้กัน งานนี้ผมทุบหม้อข้าว หม้อแกงกันเลยทีเดียว
ฮึ่มมมมม เห็นอย่างนี้ก็ได้มา3พันกว่าๆเลยนะครับ เก็บมาตั้ง3เดือน
เอาล่ะ มาเริ่มเดินทางกัน
เนื่องจากทริปนนี้ผมจะเริ่มต้นเดินทางจากบ้านเกิดของผมซึ่งอยู่ที่น่าน ระว่างทางผมจะแวะที่เที่ยวต่างๆเรื่อยๆไป
เห็นอย่างนี้ ขับจริงๆ 500 กว่ากิโล
วันเริ่มต้นการเดินทาง 15 พ.ย
ผมเริ่มต้นการเดินทางเช้าวันอาทิตย์อันสดใส สายลมหนาวพัดผ่านเบาๆ ไหว้พระขอพร แล้วออกเดินทาง
ทางบ้านผมห่อข้าวเช้ามาให้ด้วย ผมจึงตั้งใจจะไปกินข้าวเช้าที่น้ำตกธารสวรรค์ เป็นจุดหมายแรก เส้นทางที่ผมไปทางค่อนข้างคดเคี้ยวและทางเละๆบ้าง หากจะไปแนะนำให้ระมัดระวังหน่อยนะครับ
ขับมาสักพักช่วงระหว่าง อ.สองแคว - พะเยา วิวระหว่างขางทางสวยดีนะครับ สายหมอกจางๆ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้ตรงที่เป็นไร่ข้าวโพดเป็นทุ่งหญ้าก็ยังดี ไร่ข้าวโพดกลืนกินหลายๆส่วนของจังหวัดน่านไปมาก ป่าไม่หายไปหมด เห็นแล้วน่าหดหู่จริงๆ น่าเสียดาย
ระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านผ่านไปมา ผมก็โบกมือทักทายกับชาวบ้านยิ้มทั้กทายไป เหมือนคนเป็นบ้า
ถึงแล้วครับระหว่างทาง กับจุดชมวิวก่อนจะถึงพะเยา แวะพักซะหน่อยๆ
เก็กซะหน่อยๆ
มุมกว้างบ้างนะครับ
ระหว่างนั้นก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเซลพี่กัน
"น้องๆช่วยถ่ายรูปให้พี่หน่อย"
ครับๆ 1 2 3
ไปๆเดินทางกันต่อๆ ระหว่างทางไปเจอบึงน้ำข้างทาง เก็บภาพกันๆ
หลังจากที่เข้ามายังหมู่บ้าน จะมีป้ายบอกทางไปยังน้ำตกตลอดทำให้เราเดินทางค่อนข้างง่ายไปไม่ยาก แต่ก็หวั่นๆหลงอยู่พอสมควร
08.20 ถึงแล้วครับ กับน้ำตก ธารสวรรค์ จุดหมายแรกของการเดินทางนี้ เพราะว่ามาถึงช่วงเช้าๆ ผมเลยกลายเป็นคนแรกที่มายังที่ทำการ 555 เจ้าหน้าที่ทำหน้างงๆ เห็นผมขับรถเข้ามา
"น้องมาคนเดียวกะพี่ก็นึกกว่ามาเป็นกลุ่มๆ"
"มาคนเดียวปี๋ แอ่วคนเดียวม่วนดี" ^^
พี่เจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าต้องไปจอดรถที่ไหนร้านค้าอยู่ตรงไหนต้องเดินไปเท่าไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากที่เข้ามาแนะนำ เพราะบางทีนักท่องเที่ยวอาจจะพลาดจุดสวยๆที่นักท่องเที่ยวไม่ทราบ เป็นรื่องที่ดีจริงๆ
จากที่จอดรถจะต้องเดินเข้าไปยังน้ำตกประมาณ 500 เมตร บรรยากาศร่มรื่น อากาศกำลังสบาย แต่มันวังแวงอย่างบอกไม่ถูก 555 นั่งกินข้าวคนเดียวหลอนๆกันไป
ระหว่างสะพานจะมองเห็นน้ำตกชัดเจน
กับข้าวของที่บ้านห่อมาแบบจุใจ 55 เยอะมาก กินไปฟังเสียงน้ำตก เสียงนกเสียงกา เพลินๆ
อิ่มแล้ว เดินดูรอบๆบริเวณน้ำตกกันดีกว่า
มองดูป้ายบอก "น้ำตกชั้นที่1ลึก 6 เมตร" ที่แรกกะจะเอาเท้าไปแช่ เปลียนใจยืมมองดูความงามของมันแทนละกัน
มุมกว้างของน้ำตกกันบ้าง
ระหวางตรงกลางมีต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านอยู่นะครับ ดูร่มรื่นมาก แต่ถ้ามาคนเดียวจะไปอะไรที่น่ากลัวนิดหน่อย แต่ผมชินๆละ เพราะมีแต่ผมคนเดียวมาตั้งนาน 55
ระหว่างทางลงไปน้ำตก จะมีกรงนกยุงอยู่ทางขวามือนะครับ เลยเดินเข้าไปดู ด้านหน้ากรงมีป้ายเตือน
เชี่ยย . . . มันโหดขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไม่เชื่อ อย่างนี้ต้องเดินเข้าไปดู
ความรู้สึกแรก มันไม่กลัวเราเลยเหรอวะ มันก็ทำท่าทางสงสัย ยิ่งเข้าใกล้ มันก็ยิ่งส่งสัยใหญ่ จนแทบจะแหกกรงเขามาหาผม 555
เอามือยื่น(แล้วตูจะยื่นไปทำไม)เข้าไปหามัน มันจิกใหญ่เลย ก็เล่นกะมันอยู่พักหนึ่ง เอามือหลบเวลามันจิกไปมา เพลินๆดี
เอาล่ะ อยู่ที่นี่มานานแล้วได้เวลาเตรียมตัวเดินทางต่อกันดีกว่า หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลยิ่งนัก เก็บกระเป๋า ลุยๆ จุดหมายต่อไป "หล่มภูเขียว"
หล่มภูเขียว อยู่ที่ อ.งาว จ.ลำปาง เป็นแหล่งน้ำกลางหุบเขา เป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ น้อยคนจะรู้จัก หน้าตาจะประมาณนี้
ผมเห็นรูปนี้ ผมอยากไปมาก อยากจะรู้ว่ามันจะสวยแบบนี้ไหม ตั้งใจจะไปเต็มที่ เลยมุ่งตรงไปยัง อ.งาว โดยผ่านหน้า ม. พะเยา ลงไป ระหว่างทางสภาพอากาศไม่เป็นใจ สงสัยเทวดาจะกลัวผมร้อน เลยเทฝนกระหน่ำลงมา ผมนี้แทบจะหลบไม่ทันกันเลยทีเดียว
"เมฆก้อนเท่านี้ ลุยไปเดี๋ยวก็คงพ้นละ" พูดไม่ทันขาดขำ หนักครับ!! หนักมาขึ้นเรื่อยๆ เชี่ยยยยยยเอ้ยยยยย . . . ไม่ไหวแล้ววว กลัวกล้องกะโทรศัพพัง มองหาบ้านคน ขอเข้าไปหลบฝน กะจะเจอบ้านคน ไปเจอบ้านร้างซะงั้น
ยังดีนึกว่าจะนั่งหลบฝนฟังเพลงเหงาๆ มีหมากะไก่ เป็นเพื่อน ก็ดีว่ะ ดีกว่าอยู่คนเดียวเวลานี้ 555
ชุ่มฉ่ำกันไป
รออยู่นานจนจะหลับ ฝนก็ซาลงไป อากาศจากเย็นๆ ตอนนี้หนาว หนาวยัน
ไป เดินทางต่อ พอถึง อ.งาว มันเป็นร่องรอยของฝนที่พึ่งตกไป ฮึ่มมมมมม อะไรกันวะเนี่ย แล้วทางไปหล่มจะเป็นยังไงวะ
ระหว่างทางจะมีป้ายบอกตลอด แต่ไม่ใช่ป้ายใหญ่นะครับ เป็นป้ายปักตามทาง บอกทางไปหล่มภูเขียวตลอด ตรงแยกก็จะมีบอกตลอด หาไม่ยากครับ
พอเข้าไปหมูบ้าน ทางเริ่มจะเละขึ้นไปเรื่อยๆ 2 ข้างทางก็เป็นทุ่งนาชาวบ้านตลอด ตอนที่ผมขับเข้าไปก็ไปเจอชาวบ้านคนหนึ่ง ขับมอไซโซนิกที่แปลงล้อเป็นล้อวิบาก ก็จดรถคุยกันพักหนึ่ง(คุยภาษาพื้นเมืองกัน มีซับไทยประกอบเพื่อความเข้าใจนะครับ)
"จะไปตี้ไดครับนี่" (จะไปที่ไหนครับนี่)
"หล่มภูเขียวครับ แฮ่มใกล๋ก่ครับ" (หล่มภูเขียวครับ อีกไกลมั้ย)
"โค๊ะ!! จะไปแต้กะนี่ ตางมันบ่ค่อยจะดีหนา ฝนมันกำลังต๊กไปตะกี้นิ" (จะไปจริงเหรอ ทางมันไม่ค่อยจะดีนะฝน ฝนมันกำลังตกไปตะกี้นิ)
"ลองไปผ่อครับ ไหนๆก็มาแล้วบ่อยากเสียเที่ยว" (ลองไปดูครับ ไม่อยากเสียเที่ยว)
"ระวังโตยเน้อ ตางมันบ่ดี รถใหญ่ ยางก็เป็นแบบทางเรียบ" (ระวังด้วยนะ ทางมันไม่ดี รถใหญ่ ยางเป็นทางเรียบ)
จากนั้น ผมก็ลองขบไปได้สักพัก รถพี่เขาก็นำลิ่วไปเลย ส่วนผมก็สะบัดเซไปมา 55 นึกอยากได้พวก Crf คงจะสนุกน่าดู จนมาถึงจุดนี้
จบกัน