สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ผมเจอแต่ปัญหาความขัดแย้งส่วนตัวในกลุ่มเพื่อนร่วมงานครับ ซึ่งผมว่ามันเป็นอะไรที่ซีเรียสกว่าเรื่องงานอีกนะ
เรื่องงานผิดพลาดพอแก้ไขได้ แต่สันดานคนเราจะไปแก้เขาได้ไง
เรื่องงานผิดพลาดพอแก้ไขได้ แต่สันดานคนเราจะไปแก้เขาได้ไง
สมาชิกหมายเลข 939639 ถูกใจ, [i]-jaO-Far ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1382991 ถูกใจ, อาราเล่ ณ สวนเอเดน ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1223760 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1333832 ถูกใจ, lovemelovemyself ถูกใจ, ฮอร์โมนความห่วงใย ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 919210 ถูกใจ, แม่กะทิพี่กระทะ ถูกใจรวมถึงอีก 49 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 79
ขอแชร์ ปสก. ในฐานะที่เคยเป็นลูกน้อง และเมื่อได้มาเป็นหัวหน้านะคะ
ตอนเป็นลูกน้อง - บริษัทญี่ปุ่น 6 ปี
เพื่อนๆ และหัวหน้าแผนกดีค่ะ ช่วยกันทำงาน สนิทสนมกัน แต่หัวหน้าญี่ปุ่นไม่ค่อยแฟร์ และแผนกเรามักมีปัญหากับเซลล์ เพราะการจัดการของเซลล์ที่แย่มาก รับปากลูกค้าส่งเดช และอื่นๆ ทำให้สุดท้ายต้องมาเร่งกับแผนกเราให้ช่วย รีบๆๆ ทำๆๆ ทำให้แผนแผนกเรารวนบ่อยๆ และในส่วนของเราเองหลายครั้งเราต้องรับหน้าลูกค้าแทนเพราะเซลล์โยนงานมา หรือติดต่อไม่ได้ เราต้องแก้ปัญหาให้ตลอดๆ แล้วที่เหลืออดคือ ทั้งๆที่เราทำงานเบื้องหลัง Support และแก้ไขปัญหาให้เซลล์บ่อยมากๆ แต่มาพีคสุดๆ ตรงที่ปีสุดท้ายก่อนเราได้งานใหม่ เราอยู่มาตั้งเกือบ 6 ปี นายญี่ปุ่นถึงได้เลื่อนให้เป็น Supervisor ในขณะที่เซลล์รุ่นน้องมาทำงานได้แค่ 2-3 ปี แล้วได้เลื่อนเป็นขั้นเดียวกัน แต่ๆๆๆๆ เงินเดือนขึ้นไม่เท่ากัน เราได้ขึ้น 3,000 แต่น้องเซลล์ได้ 8,000!? เราแบบเฮ้ย..ทั้งๆที่เราคอยแก้ปัญหาให้ตลอดเลยนะ น้องทำอะไร? เป็นเซลล์ที่ได้รับ PO จากลูกค้าแล้วเดินเอามาให้เราจัดการต่อ ให้เราคอนเฟริ์มการส่ง จัดส่ง ออกบิลสารพัดจนจบ เซลล์ทำอะไร???!!! เราเลยรู้สึกว่ามันไม่แฟร์นะ ถ้านายจะสนับสนุนเซลล์จนลืมพวกแผนกที่สนับสนุนเบื้องหลังไปแบบนี้ก็ขอบาย..
ตอนได้งานใหม่ - เป็นหัวหน้าแผนก บริษัทฝรั่ง
หลังจากที่เรานอยด์ๆ มาสักพัก..มี Head Hunter โทรมาค่ะ ให้ไปลองสัมภาษณ์ที่ใหม่ เราก็ไป ไม่มีอะไรจะเสียเนอะ..ลองดู อย่างน้อย ปสก. เรามากพอตัว เพราะจากทึ่เราต้องทำอะไรหลายๆ อย่างนั่นเอง..สุดท้ายได้งานค่ะ
ตัดสินใจไม่นาน ยื่นลาออก...อยู่ที่นี่ไปก็คงช้า ทำงานแทบตายนายกลับไม่ค่อยใส่ใจ
พออกมาที่ไหน คุมลูกน้องผู้ชายหมด...แต่เราสบายใจมาก เพราะเราอยู่กันแฟร์ๆ อีกอย่างเรามีบทเรียนจากตัวเราเองตอนเป็นลูกน้อง เราเข้าใจหัวอกเค้าค่ะ ดังนั้นเราเต็มที่กับลูกน้องเรามากหลายๆ เรื่อง..เช่น
1. การลา - ใครอยากลายาวไป ตปท. มาบอกเลย เราหาช่วงเวลาที่ให้ไปเที่ยวได้ 2-3 ช่วง คุณสะดวกช่วงไหนก็ไป
2. ตรงไปตรงมา และ ดันลูกน้อง - เราไม่ชอบคนเลียแข้งขา มันเฟค ดูออก..เราดูผลงาน ประเมินตามจริง ตามศักยภาพ เช่น ปีนี่เราเพิ่งประเมินลูกน้องคนนึงทำงานดีมาก บอกนายใหญ่ไป ไอเสนอให้ปรับตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนให้คนนี้ เพราะเขาไว้ใจได้ และพัฒนาตัวเองดี ไม่เคยมีปัญหาในงาน ปีหน้าหากมีโอกาส จะขอส่งเขาไปเทรนงาน ตปท. นะ
3. ให้เครดิตลูกน้อง - เราไม่ขโมยผลงานใคร ลูกน้องทำงานชิ้นนี้ก็บอกเลย ว่าคนนี้ได้ทำงานชิ้นนี้เรียบร้อย..ทำเป็นทีม ก็ใช้ "เรา" แฟร์ๆ ค่ะ
4. เรียกมาคุย - หากเราเห็นใครกินแรงเพื่อน เราเรียกมาคุยค่ะ เราไม่รอให้ลูกน้องอีกคนที่ลำบากต้องเอ่ยปากมาก่อน
5. ใครจะใช้เด็กเรา - ต้องมาบอกเราก่อน เราไม่ให้จู่ๆ เอาไปใช้งานอื่นๆ ลูกน้องแต่ละคนมีหน้าที่ต้องทำอยู่แล้ว
6. เถียงและออกหน้าแทนลูกน้อง - ถ้าน้องไม่ผิด เราสู้แทนค่ะ และเรางัดหลักฐานมาตอกอีกฝ่ายด้วย แต่ถ้าน้องผิดจริง ก็เรียกมาตักเตือนค่ะ ถามที่มาที่ไป ให้ไปขอโทษอีกฝ่ายด้วย
7. ลุยงานกับลูกน้อง - เราไม่เคยปล่อยให้ลูกน้องเผชิญอะไรตามลำพังนะ มีปัญหาอะไรเดินเข้ามาในห้องเราได้เสมอ เราช่วย แม่แต่งานกรรมกรเรายังลงไปช่วยเลยค่ะ มันเป็นการซื้อใจกันค่ะ
8. กระจายงาน - ให้ทุกคนได้เนื้องานที่พอดีตามศักยภาพ ไม่ให้ใคร Overload เกินไป ชัดเจน เท่าเที่ยมค่ะ (แต่ก็กำหนดไว้ด้วยว่า ใครต้อง back up ใครได้ด้วย กรณีใครลา ป่วย)
9.ทำอาหารมาเลี้ยงทีม ทำมาเยอะๆ แบ่งกันกินด้วยกัน สร้างสัมพันธ์ที่ดี
ที่สำคัญเราย้ำเสมอๆ กับทีมว่าขอแค่ให้เค้าทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ หาโอกาสพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ทุกคนต้อง Focus กับงานตัวเอง แต่ก็ต้อง Back up ให้อีกคนได้ เพราะถ้าใครขาด งานต้องเดินต่อ เราวางแผนแผนกให้ทุกคนทำงานง่าย และให้มีสมดุลชีวิตส่วนตัวกับงาน คิดถึงตัวเอง เราก็อยากมีเวลาเที่ยว+อยู่กับครอบครัว และทำงานมีความสุขค่ะ แล้วที่ทำงานมันจะน่าอยู่ ทีมเราไม่มีงี่เง่าค่ะ ไม่มีจู่ๆ โทรมาป่วยๆๆๆ นู่นนี่นั่น..ที่สำคัญเราสัมภาษณ์ลูกทีมประจำปีไป ทุกคนแฮปปี้กันในแผนก เราว่าเราก็ประสบความสำเร็จขั้นนึงแล้วค่ะ
ตอนเป็นลูกน้อง - บริษัทญี่ปุ่น 6 ปี
เพื่อนๆ และหัวหน้าแผนกดีค่ะ ช่วยกันทำงาน สนิทสนมกัน แต่หัวหน้าญี่ปุ่นไม่ค่อยแฟร์ และแผนกเรามักมีปัญหากับเซลล์ เพราะการจัดการของเซลล์ที่แย่มาก รับปากลูกค้าส่งเดช และอื่นๆ ทำให้สุดท้ายต้องมาเร่งกับแผนกเราให้ช่วย รีบๆๆ ทำๆๆ ทำให้แผนแผนกเรารวนบ่อยๆ และในส่วนของเราเองหลายครั้งเราต้องรับหน้าลูกค้าแทนเพราะเซลล์โยนงานมา หรือติดต่อไม่ได้ เราต้องแก้ปัญหาให้ตลอดๆ แล้วที่เหลืออดคือ ทั้งๆที่เราทำงานเบื้องหลัง Support และแก้ไขปัญหาให้เซลล์บ่อยมากๆ แต่มาพีคสุดๆ ตรงที่ปีสุดท้ายก่อนเราได้งานใหม่ เราอยู่มาตั้งเกือบ 6 ปี นายญี่ปุ่นถึงได้เลื่อนให้เป็น Supervisor ในขณะที่เซลล์รุ่นน้องมาทำงานได้แค่ 2-3 ปี แล้วได้เลื่อนเป็นขั้นเดียวกัน แต่ๆๆๆๆ เงินเดือนขึ้นไม่เท่ากัน เราได้ขึ้น 3,000 แต่น้องเซลล์ได้ 8,000!? เราแบบเฮ้ย..ทั้งๆที่เราคอยแก้ปัญหาให้ตลอดเลยนะ น้องทำอะไร? เป็นเซลล์ที่ได้รับ PO จากลูกค้าแล้วเดินเอามาให้เราจัดการต่อ ให้เราคอนเฟริ์มการส่ง จัดส่ง ออกบิลสารพัดจนจบ เซลล์ทำอะไร???!!! เราเลยรู้สึกว่ามันไม่แฟร์นะ ถ้านายจะสนับสนุนเซลล์จนลืมพวกแผนกที่สนับสนุนเบื้องหลังไปแบบนี้ก็ขอบาย..
ตอนได้งานใหม่ - เป็นหัวหน้าแผนก บริษัทฝรั่ง
หลังจากที่เรานอยด์ๆ มาสักพัก..มี Head Hunter โทรมาค่ะ ให้ไปลองสัมภาษณ์ที่ใหม่ เราก็ไป ไม่มีอะไรจะเสียเนอะ..ลองดู อย่างน้อย ปสก. เรามากพอตัว เพราะจากทึ่เราต้องทำอะไรหลายๆ อย่างนั่นเอง..สุดท้ายได้งานค่ะ
ตัดสินใจไม่นาน ยื่นลาออก...อยู่ที่นี่ไปก็คงช้า ทำงานแทบตายนายกลับไม่ค่อยใส่ใจ
พออกมาที่ไหน คุมลูกน้องผู้ชายหมด...แต่เราสบายใจมาก เพราะเราอยู่กันแฟร์ๆ อีกอย่างเรามีบทเรียนจากตัวเราเองตอนเป็นลูกน้อง เราเข้าใจหัวอกเค้าค่ะ ดังนั้นเราเต็มที่กับลูกน้องเรามากหลายๆ เรื่อง..เช่น
1. การลา - ใครอยากลายาวไป ตปท. มาบอกเลย เราหาช่วงเวลาที่ให้ไปเที่ยวได้ 2-3 ช่วง คุณสะดวกช่วงไหนก็ไป
2. ตรงไปตรงมา และ ดันลูกน้อง - เราไม่ชอบคนเลียแข้งขา มันเฟค ดูออก..เราดูผลงาน ประเมินตามจริง ตามศักยภาพ เช่น ปีนี่เราเพิ่งประเมินลูกน้องคนนึงทำงานดีมาก บอกนายใหญ่ไป ไอเสนอให้ปรับตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนให้คนนี้ เพราะเขาไว้ใจได้ และพัฒนาตัวเองดี ไม่เคยมีปัญหาในงาน ปีหน้าหากมีโอกาส จะขอส่งเขาไปเทรนงาน ตปท. นะ
3. ให้เครดิตลูกน้อง - เราไม่ขโมยผลงานใคร ลูกน้องทำงานชิ้นนี้ก็บอกเลย ว่าคนนี้ได้ทำงานชิ้นนี้เรียบร้อย..ทำเป็นทีม ก็ใช้ "เรา" แฟร์ๆ ค่ะ
4. เรียกมาคุย - หากเราเห็นใครกินแรงเพื่อน เราเรียกมาคุยค่ะ เราไม่รอให้ลูกน้องอีกคนที่ลำบากต้องเอ่ยปากมาก่อน
5. ใครจะใช้เด็กเรา - ต้องมาบอกเราก่อน เราไม่ให้จู่ๆ เอาไปใช้งานอื่นๆ ลูกน้องแต่ละคนมีหน้าที่ต้องทำอยู่แล้ว
6. เถียงและออกหน้าแทนลูกน้อง - ถ้าน้องไม่ผิด เราสู้แทนค่ะ และเรางัดหลักฐานมาตอกอีกฝ่ายด้วย แต่ถ้าน้องผิดจริง ก็เรียกมาตักเตือนค่ะ ถามที่มาที่ไป ให้ไปขอโทษอีกฝ่ายด้วย
7. ลุยงานกับลูกน้อง - เราไม่เคยปล่อยให้ลูกน้องเผชิญอะไรตามลำพังนะ มีปัญหาอะไรเดินเข้ามาในห้องเราได้เสมอ เราช่วย แม่แต่งานกรรมกรเรายังลงไปช่วยเลยค่ะ มันเป็นการซื้อใจกันค่ะ
8. กระจายงาน - ให้ทุกคนได้เนื้องานที่พอดีตามศักยภาพ ไม่ให้ใคร Overload เกินไป ชัดเจน เท่าเที่ยมค่ะ (แต่ก็กำหนดไว้ด้วยว่า ใครต้อง back up ใครได้ด้วย กรณีใครลา ป่วย)
9.ทำอาหารมาเลี้ยงทีม ทำมาเยอะๆ แบ่งกันกินด้วยกัน สร้างสัมพันธ์ที่ดี
ที่สำคัญเราย้ำเสมอๆ กับทีมว่าขอแค่ให้เค้าทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ หาโอกาสพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ทุกคนต้อง Focus กับงานตัวเอง แต่ก็ต้อง Back up ให้อีกคนได้ เพราะถ้าใครขาด งานต้องเดินต่อ เราวางแผนแผนกให้ทุกคนทำงานง่าย และให้มีสมดุลชีวิตส่วนตัวกับงาน คิดถึงตัวเอง เราก็อยากมีเวลาเที่ยว+อยู่กับครอบครัว และทำงานมีความสุขค่ะ แล้วที่ทำงานมันจะน่าอยู่ ทีมเราไม่มีงี่เง่าค่ะ ไม่มีจู่ๆ โทรมาป่วยๆๆๆ นู่นนี่นั่น..ที่สำคัญเราสัมภาษณ์ลูกทีมประจำปีไป ทุกคนแฮปปี้กันในแผนก เราว่าเราก็ประสบความสำเร็จขั้นนึงแล้วค่ะ
tigerkozho หลงรัก, Indy-gibbon ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1903596 หลงรัก, หนูเฌอ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 721707 ถูกใจ, madlyaek ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 743705 หลงรัก, ktg321 ถูกใจ, Musiclism ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
แชร์ไหม? เหตุการณ์ในออฟฟิตที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ เสียน้ำตา
เคยไหม ความรู้สึกที่ทุ่มเท เพื่องาน ผลรับที่ได้กลับไม่ใช่อย่างที่คิด
เคยไหม ต้องยอมรับผิด ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเอง
เคยไหม ที่เจ้านายไม่เคยฟังเหตุผล กันเลย
เคยไหม......... แชร์นะ ระบายนะ บ้างที เราอาจไม่ใช่คนเดียวที่เจอเหตุการณ์แบบนี้