.................สวัสดีค่ะ เรื่องราวต่อไปนี้ คือเรื่องจริงแบบไม่มีต่อเติม มันอาจจะไม่ดราม่าหนักมากนัก แต่มันก็เจ็บปวดปางตายอยู่นะ อ่านๆไป อาจจะนึกว่า เอ๊ะ นี่ฉันกำลังอ่านนิยายอยู่รึปล่าว 55555555+ แต่มันคือเรื่องจริงค่ะ อยากเอามาแชร์ประสบการณ์ที่คบกับผู้ชายที่ใครๆบอกว่าเป็นคนดีมาก รักแฟนมากในสายตาคนรอบข้าง แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่เลย ... *-*
....แจ้งก่อนนะว่า....เคยลงไปแล้ว แต่เอามาลงใหม่....เผื่อใครเคยอ่าน คือเราอยากให้หลายๆคนได้อ่านจริงๆ..........
เริ่มล่ะน๊า
ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นวันแรกที่เค้า (สมมุติชื่อว่าชื่อ เล ล่ะ กัน แล้วสมมุติชื่อเราว่า เฟิร์ส) เลเข้ามาจีบเรา จีบสดๆบนรถเมล์ โดยมีกระเป๋ารถ รู้เห็นเป็นใจ เค้าบอกว่า....รู้รึปล่าวว่ามองมาเกือบ 2 ปี แล้ว เราก็พอรู้ๆ ล่ะ ก็ขึ้นรถเมล์สายนี้ประจำ ก็เห็นนั่งมองตลอด แต่พยายามไม่สนใจ เพราะเราก็ค่อนข้างหน้าตาดี มีคนมาจีบเรื่อยๆ เค้าก็จีบตรงๆเลยนะ ขอเบอร์ เราก็ใจง่าย ตกลงเป็นแฟนกับเค้าทันทีที่เค้าโทรกลับมาคุยด้วยเลย (แบบว่าแอบชอบเหมือนกันแต่หยิ่ง รอมาจีบเอง 5555+ ) ก็ตามประสาคนคบกันใหม่ๆ ช่วงนั้นตัวติดกันมาก เจอกันแทบทุกวัน ไปรับไปส่ง แต่ก็ทะเลาะกันบ่อยมาก ช่วงนั้นเราถือว่าเรามีตัวเลือกเยอะ เลยเอาแต่ใจ ยิ่งเค้าหวงก็ยิ่งชอบแกล้งให้เค้าหึง เค้าก็ไม่พูดไม่ว่า เป็นเราซะมากกว่าที่วีนเหวี่ยงเวลาเค้าเสียใจ แล้วเงียบไม่พูดด้วย จนคบกันได้ปีนึง เค้าก็บอกเราว่า พ่อเค้า ให้เค้าสมัครไปเกณฑ์ทหาร (ตอนนั้นอายุ18เอง) เราก็ตามใจเค้า เพราะว่าเราเองก็ยุ่งๆเรื่องเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย ก็พอเข้าใจว่าคงไม่มีเวลามาเจอกันหรอก ถ้าเราเรียนมหาลัย เลยไม่คิดไรมาก ดูเค้าก็แอบน้อยๆใจนะ ที่เราไม่ค่อยสนใจเค้า ก็ยอมรับนะว่า มันแค่ชอบเค้า แล้วก็รู้สึกรักนะ แต่ยังไม่ค่อยมาก เป็นความรู้สึกดีมากกว่าที่เค้าดูแลเอาใจใส่เราดีมาก จนถึงเวลาที่เค้าไปจริงๆ ยอมรับเลยว่าช่วง 3 เดือนแรกที่เค้าไป แล้วไม่สามารถติดต่อได้ ไม่รู้ว่าเค้าอยู่ไหน มันทรมาณมาก ร้องไห้แทบทุกวัน รู้ตัวเลย ว่ารักเค้ามากแค่ไหน ไอ้อารมณ์แบบ แค่สามเดือนเอง มันไม่มีเลย เลยตั้งใจว่า ถ้าเค้ากลับมา จะรักเค้าให้มากๆ จะไม่ทำให้เค้าเสียใจอีกแล้ว
แต่เราก็พลาดจนได้ เพราะพอมหาวิทยาลัยเปิดเทอม ความเหงาด้วยมั้ง พอมีใครมาจีบ เราก็คุยด้วยหมด แต่ไม่เคยปิดบังนะ ว่ามีแฟนแล้ว ก็ช่วงนั้น เป็นช่วงที่ใกล้จะครบสามเดือนพอดี แฟนเราแอบเก็บเศษตังตามโรงอาหาร รวบรวมมาหยอดตุ้โทรหาเรา(เค้าบอกเราตอนที่ได้เจอกัน) เราน้ำตาไหลเลย จนถึงวันที่เค้าให้ญาติไปเยี่ยมได้ เราก็ติดเรียน ไปไม่ได้ เค้าก็เลยโทรมาหาเรา ก็คุยกันแบบคิดถึงมาก เค้าก็ถามเราว่านอกใจเค้าบ้างรึปล่าว เราก็เลยเล่าให้ฟังทั้งหมด ก็ดูเหมือนเค้าไม่ได้โกรธอะไร เราก็เหมือนยิ่งได้ใจ เริ่มให้คนอื่นไปส่งขึ้นรถกลับบ้าน เริ่มคุยกับคนอื่นมากขึ้น คือช่วงเวลานั้น เราทำร้ายจิตใจเค้าสารพัด บอกเค้าว่าจะไปทานข้าวกลางวันด้วย ก็ไม่ไป เค้าก็รอเก้อ แบบเยอะมากอ่ะ แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนที่ ไม่พูด เราก็เลยไม่รู้ว่าเค้าโกรธ คิดด้วยซ้ำว่าเค้ารักเรา ไม่โกรธเราหรอก มีแต่เราอ่ะ ที่โกรธเค้า
จนวันนึง เราโทรศัพท์คุยกับเค้า โกรธไรเค้าไม่รู้ ก็ตามสไตล์เราอ่ะ เราวีน เค้านิ่ง นิ่งไปสักพัก เค้าก็พูดเสียงสั่นๆว่า....ก็ใช่สิ เลมันไม่ดีเหมือนนที่เฟิร์สคุยอยู่นี่.....แล้ววางสายไป เท่านั้นล่ะ เราใจหายวาบเลย ดูเหมือนธรรมดา แต่ เค้าเป็นคนไม่พูด เค้าจะออกแนว ไม่เป็นไรตลอด คำพูดแค่นี้ เราก็รู้สึกแล้ว เลยรีบโทรกลับหาเค้ารีบเคลียร์กับเค้า เค้าก็ให้อภัยเรานะ แต่เราก็เหมือนเดิม ไม่ว่าจะไปเจอกันที่กองร้อย รึ โทรคุย เราก็ทะเลาะกับเค้าตลอด เค้าก็ไม่ได้ทีท่าทีว่าจะเบื่อเรานะ ก็ตามง้อ แถม ยังโทรคุยกับเราตามปกติ นั่นมันยิ่งทำให้เรายิ่งได้ใจ
..........หลังจากที่เราทำให้เค้าร้องไห้ในตอนนั้น เราก็เริ่มรู้สึกว่า ที่ผ่านมาเค้าอาจจะแอบร้องไห้โดนที่เราไม่รู้เลยก็ได้ เราก็เริ่มสงสารแล้วล่ะ เลิกเจ้าชู้ ให้ความหวังคนอื่นโดยเด็ดขาด แต่ด้วยความที่เราเป็นคนเอาแต่ใจ เพราะเกิดจากความที่เค้ายอมมาตลอดด้วยล่ะ เราเลยไม่หยุดร้ายกาจใส่เค้า และจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดก็เริ่มขึ้น
.... วันนั้นเป็นว่างของเค้าค่ะ เค้าโทรมาบอกเราว่า ว่าง ไปหาได้ พอเรียนเสร็จแค่ช่วงครึ่งวันเช้า ครึ่งวันบ่ายเราก็รีบไปหาเค้าทันที ก็ไปนั่งคุยกัน กินข้าวกันนี่ล่ะค่ะ อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรมาหาเล พอเลหยิบขึ้นมาดู เราก็มองค่ะ เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ และเลดูตกใจมาก เราเลยแบมือขอ เป็นที่รู้กันว่าเราจะรับเอง เลก็ดูอึดอัด เราก็เลยหยิบมาจากมือเล เลก็เหมือนกับไม่อยากให้เพราะจับโทรศัพท์แน่นมาก เราเลยบอกว่า เอามา เลเลยปล่อย พอเรารับปุ๊บ...เสียงที่ตอบกลับมาเรานี่หน้าชาเลย เป็นเสียงผู้หญิงค่ะ นางบอกว่า ขอสายเลหน่อย โดยที่ไม่ถามว่าเราเป็นใครด้วยซ้ำ เราก็เลยแกล้งบอกว่า เลอาบน้ำอยู่ มีอะไรรึปล่าว นี่พี่สาวเลรับ นางก็แบบ เอ้า พี่เลกลับบ้านหรอ งั้นจะรอ เราเลยปริ๊ดแตก ทนไม่ไหว เลยบอกว่า เธอเป็นอะไรกับเล เลไม่เห็นเล่าไรให้ฟัง ฉันเป็นแฟนเลนะ นางก็บอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร ไปถามเลเองสิ แค่นี้นะ ไม่อยากให้ทะเลาะกัน แล้วนางก็วางไป เราก็เลยหันไปมองเลด้วยสายตาที่ผิดหวัง คือ เรามีอะไร จะคุยกับใคร เราสารภาพผิดกับเลหมด แล้วเราก็หยุดแล้ว แล้วนี่มันอะไร คุยแบบไม่มีสถานะหรอ รึยังไง เราช๊อค และถามเลไปแค่ว่า "เฟิร์สเหนื่อยมาหาเพื้อมาเจอเรื่องแบบนี้หรอ เลิกกันมั้ย ... เฟิร์สเคยผิด แต่เฟิร์สไม่เคยปิดบัง" เลก็ตอบว่า "ไม่มีอะไร เด็กของเพื่อน เสร็จเพื่อนเลไปแล้วด้วย" เราเลยตอบว่า.."แล้วเค้ามาโทรหาเล ขอสายเลทำไม อย่ามาโกหก" เราไม่เชื่อและขอเลิก เลก็แบบ ขอร้องเรา จะทุบจะตีอะไรก็ได้ คือจะไม่เลิก เราก็โมโห ชกหน้าไปทีนึง เลก็ยอม แถมโทรไปหาเด็กคนนั้นว่า ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ เพราะมีปัญหากับเรา แถมโทรไปหาเพื่อนเลด้วยว่า "เด็กอ่ะทำกูงานเข้า ไม่ต้องให้โทรมาแล้วนะ" คือเค้าทำทุกอย่างเพื่อให้เราเชื่อ แต่เราก็จะเลิก เพราะโกรธที่ ปิดบังเรา ถ้าไม่มีอะไร ปิดบังทำไมล่ะ ปกติแค่มีสาวมาจีบยังบอก นี่เก็บเงียบ เราเลยไม่เชื่อ และบอกเลิก ก่อนจะกลับบ้านเดี๋ยวนั้น ไม่สนใจเลยว่าเค้าจะเป็นยังไง เค้าก็พยายามง้อเรา โทรหาเรา เราก็ไม่รับ จนบ่ายแก่ๆ ของอีกวันนึง เราเริ่มรู้สึกสงสาร และก็คิดว่า เค้าอาจจะไม่มีอะไรจริงๆก็ได้ เพราะพยายามซะขนาดนี้ เลยรับสายแต่ รับแบบ เค้าถามไรมา เราก็ตอบ แล้วก็วาง เค้าก็ไม่หยุดโทรนะ ว่างเป็นโทร จนเราใจอ่อน เลยยอมเคลียร์ด้วย เราก็รักเค้ามากด้วยล่ะ เลยคิดว่า เลิกใจแข็งดีกว่า ตอนเรา เค้ายังไม่เยอะขนาดนี้ ก็เลยกลับมาดีกันค่ะ ก็ช่วงนั้น มันก็เป็นช่วงที่มีปัญหาการเมืองรุนแรงด้วย เค้าเลยถูกจับไปควบคุมสถานการณ์ เลยได้เจอกันน้อยลง แต่ถ้าว่าง เราก็ไม่ลังเลเลยนะ ที่จะรีบไปหาเค้า เค้าก็ดูเหมือนดีใจนะ ที่เราไป แถมออดอ้อนให้เราไปหาด้วยซ้ำไป
ดูเหมือนรักกันดีใช่มั้ยคะ อยากจะบอกว่าที่กล่าวมาทั้งหมด ก็แค่จะเล่าเรื่องราวที่มันเป็นช่วงเวลาดีๆ รวมถึงเหตุการณ์ที่มันน่าจะเป็ฯสาเหตุของเรื่องราวที่กำลังจะเล่า เพราะช่วงเวลาหลังจากนี้.......เค้าเปลี่ยนไปเลยค่ะ เปลี่ยนไปจนเรางง ว่า นี่คนๆเดียวกันหรอ
..................วันนั้นเป็นที่ 30เมษายน 2553ค่ะ วันปลดประจำการของทหารเกณฑ์ผลัด1/2552 (เค้าไปแค่1ปีเพราะมีวุติ ปวช) เราก็ดีใจมาก รีบออกไปหาเค้าที่กองร้อยแต่เช้า เพราะนัดเอาไว้ว่าจะไปรอรับ และเอาเสื้อไปให้เปลี่ยนด้วย (ตอนนั้นสถานการณ์บ้านเมืองรุนแรงมาก ทหารเกณฑ์ที่จะปลดประจำการ ต้องเปลี่ยนชุดก่อนออกจากกองร้อย เพื่อความปลอดภัย) เราก็รู้นะ ว่าการที่ไปตั้งแต่เช้า มันหมายถึงการรอแบบแหง่วๆ เพราะกว่าจะเสร็จพิธี มันน่าจะบ่ายจนเย็น แต่ก็ยอม เพราะอยากเห็นหน้าเค้านี่นา ก็พอไปถึง เค้าก็ออกมาพบเราแปปนึง แล้วก็เข้าไปในห้องประชุม พอออกมา ก็ยืนถ่ายรูปกับเพื่อนๆ (แต่ไม่เรียกเราไปถ่ายด้วยเลย) คือปล่อยเรานั่งมองตาละห้อยแบบไม่สนใจเลย คือแบบ กว่าจะเดินมาหาเราได้......แบบ บอกไม่ถูกว่านานแค่ไหน แต่คือเรานั่งจนหน้าเหมื่อยอ่ะ (ไปตั้งแต่8โมงเช้า มองเวลา...ตอนบ่ายเดินมาหามาเอาชุดจากเราไป ... และก็ยาวเลย) จนประมาณ1600น. ได้ฤกษ์นาง คือทุกคนเตรียมตัวกลับ นางก็เปลี่ยนชุดและเดินมาหาเรา เราไม่คิดไรนะตอนแรก ที่เค้าเดินมาแล้วไม่แสดงอาการดีใจอะไร เพราะเราดีใจจนลืมสังเกตอาการเค้า เราก็ชวนเค้าคุยนั่นนี่ เค้าก็ตอบแค่ จ้าๆ อืมๆ จนได้ขึ้นแท๊กซี่ ถึงเริ่มรู้สึก คือพอขึ้นรถปุ๊บ เค้าหันไปอีกทาง แล้วหลับเลย เราก็แบบ อ้าว.....เหนื่อยหรอ เค้าก็ตอบว่า อืม ขอหลับสักงีบนะ แล้วคือ ปกติ ถ้าไปไหนด้วยกันแล้วเค้าจะหลับบนรถ เค้าจะซบไหล่เราอ่ะ นี่ไม่เลย เราก็แบบ เริ่มๆนอยด์ล่ะ แต่ก็ปล่อยเค้าหลับ จนเค้าตื่นมากลางทาง เราก็ชวนเค้าคุย เค้าก็ดูไม่ค่อยสนใจเราเลย เราก็เลยถามว่า เป็นอะไร ไม่ดีใจเลยหรอ ที่เจอเรา ไม่ดีใจเลยหรอ ที่จะได้กลับมามีเวลาให้กันมากขึ้นแล้ว เค้าก็ตอบแบบส่งๆว่า จ้ะ ดีใจสิ แต่ก็ไม่สนใจเราตามเคย หันมองนั่นมองนี่ จนถึงแถวบ้านเรา ซึ่งมันจะมี ท่ารถตู้ต่อไปบ้านเค้าได้ ก็เลยลงกัน เพราะถ้าขึ้นแท๊กซี่ยาวๆ ค่ารถคงอ้วก อีกอย่าง เราไม่ได้จะไปส่งเค้าที่บ้านด้วย เราก็ชวนเค้าว่า แวะกินข้าวกันมั้ย หิว (คือเราอยากอยู่กับเค้าก่อนอ่ะ ไม่ได้เจอกันนาน) เค้ากลับตามแบบไร้อารมณ์เลยว่า ไม่อ่ะ เหนื่อยมาก ของก็เยอะ เราแทบร้องไห้...(ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าทะเลาะกันรึปล่าว แต่นอยด์แบบ น้ำตาคลอเบ้าเลย) ก็จบเหตุการ์ณนี้ด้วยการ เรากลับบ้านเรา เค้ากลับบ้านเค้า
รัก 7 ปี ไม่ดีสักหน........7ปี....ที่มีแต่เพื่อนถามว่า ทนได้ยังไง ?.....(เคยลงไปแล้วนะคะ แต่อยากให้ทุกคนอ่านจริงๆ)
....แจ้งก่อนนะว่า....เคยลงไปแล้ว แต่เอามาลงใหม่....เผื่อใครเคยอ่าน คือเราอยากให้หลายๆคนได้อ่านจริงๆ..........
เริ่มล่ะน๊า
ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นวันแรกที่เค้า (สมมุติชื่อว่าชื่อ เล ล่ะ กัน แล้วสมมุติชื่อเราว่า เฟิร์ส) เลเข้ามาจีบเรา จีบสดๆบนรถเมล์ โดยมีกระเป๋ารถ รู้เห็นเป็นใจ เค้าบอกว่า....รู้รึปล่าวว่ามองมาเกือบ 2 ปี แล้ว เราก็พอรู้ๆ ล่ะ ก็ขึ้นรถเมล์สายนี้ประจำ ก็เห็นนั่งมองตลอด แต่พยายามไม่สนใจ เพราะเราก็ค่อนข้างหน้าตาดี มีคนมาจีบเรื่อยๆ เค้าก็จีบตรงๆเลยนะ ขอเบอร์ เราก็ใจง่าย ตกลงเป็นแฟนกับเค้าทันทีที่เค้าโทรกลับมาคุยด้วยเลย (แบบว่าแอบชอบเหมือนกันแต่หยิ่ง รอมาจีบเอง 5555+ ) ก็ตามประสาคนคบกันใหม่ๆ ช่วงนั้นตัวติดกันมาก เจอกันแทบทุกวัน ไปรับไปส่ง แต่ก็ทะเลาะกันบ่อยมาก ช่วงนั้นเราถือว่าเรามีตัวเลือกเยอะ เลยเอาแต่ใจ ยิ่งเค้าหวงก็ยิ่งชอบแกล้งให้เค้าหึง เค้าก็ไม่พูดไม่ว่า เป็นเราซะมากกว่าที่วีนเหวี่ยงเวลาเค้าเสียใจ แล้วเงียบไม่พูดด้วย จนคบกันได้ปีนึง เค้าก็บอกเราว่า พ่อเค้า ให้เค้าสมัครไปเกณฑ์ทหาร (ตอนนั้นอายุ18เอง) เราก็ตามใจเค้า เพราะว่าเราเองก็ยุ่งๆเรื่องเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย ก็พอเข้าใจว่าคงไม่มีเวลามาเจอกันหรอก ถ้าเราเรียนมหาลัย เลยไม่คิดไรมาก ดูเค้าก็แอบน้อยๆใจนะ ที่เราไม่ค่อยสนใจเค้า ก็ยอมรับนะว่า มันแค่ชอบเค้า แล้วก็รู้สึกรักนะ แต่ยังไม่ค่อยมาก เป็นความรู้สึกดีมากกว่าที่เค้าดูแลเอาใจใส่เราดีมาก จนถึงเวลาที่เค้าไปจริงๆ ยอมรับเลยว่าช่วง 3 เดือนแรกที่เค้าไป แล้วไม่สามารถติดต่อได้ ไม่รู้ว่าเค้าอยู่ไหน มันทรมาณมาก ร้องไห้แทบทุกวัน รู้ตัวเลย ว่ารักเค้ามากแค่ไหน ไอ้อารมณ์แบบ แค่สามเดือนเอง มันไม่มีเลย เลยตั้งใจว่า ถ้าเค้ากลับมา จะรักเค้าให้มากๆ จะไม่ทำให้เค้าเสียใจอีกแล้ว
แต่เราก็พลาดจนได้ เพราะพอมหาวิทยาลัยเปิดเทอม ความเหงาด้วยมั้ง พอมีใครมาจีบ เราก็คุยด้วยหมด แต่ไม่เคยปิดบังนะ ว่ามีแฟนแล้ว ก็ช่วงนั้น เป็นช่วงที่ใกล้จะครบสามเดือนพอดี แฟนเราแอบเก็บเศษตังตามโรงอาหาร รวบรวมมาหยอดตุ้โทรหาเรา(เค้าบอกเราตอนที่ได้เจอกัน) เราน้ำตาไหลเลย จนถึงวันที่เค้าให้ญาติไปเยี่ยมได้ เราก็ติดเรียน ไปไม่ได้ เค้าก็เลยโทรมาหาเรา ก็คุยกันแบบคิดถึงมาก เค้าก็ถามเราว่านอกใจเค้าบ้างรึปล่าว เราก็เลยเล่าให้ฟังทั้งหมด ก็ดูเหมือนเค้าไม่ได้โกรธอะไร เราก็เหมือนยิ่งได้ใจ เริ่มให้คนอื่นไปส่งขึ้นรถกลับบ้าน เริ่มคุยกับคนอื่นมากขึ้น คือช่วงเวลานั้น เราทำร้ายจิตใจเค้าสารพัด บอกเค้าว่าจะไปทานข้าวกลางวันด้วย ก็ไม่ไป เค้าก็รอเก้อ แบบเยอะมากอ่ะ แต่ด้วยความที่เค้าเป็นคนที่ ไม่พูด เราก็เลยไม่รู้ว่าเค้าโกรธ คิดด้วยซ้ำว่าเค้ารักเรา ไม่โกรธเราหรอก มีแต่เราอ่ะ ที่โกรธเค้า
จนวันนึง เราโทรศัพท์คุยกับเค้า โกรธไรเค้าไม่รู้ ก็ตามสไตล์เราอ่ะ เราวีน เค้านิ่ง นิ่งไปสักพัก เค้าก็พูดเสียงสั่นๆว่า....ก็ใช่สิ เลมันไม่ดีเหมือนนที่เฟิร์สคุยอยู่นี่.....แล้ววางสายไป เท่านั้นล่ะ เราใจหายวาบเลย ดูเหมือนธรรมดา แต่ เค้าเป็นคนไม่พูด เค้าจะออกแนว ไม่เป็นไรตลอด คำพูดแค่นี้ เราก็รู้สึกแล้ว เลยรีบโทรกลับหาเค้ารีบเคลียร์กับเค้า เค้าก็ให้อภัยเรานะ แต่เราก็เหมือนเดิม ไม่ว่าจะไปเจอกันที่กองร้อย รึ โทรคุย เราก็ทะเลาะกับเค้าตลอด เค้าก็ไม่ได้ทีท่าทีว่าจะเบื่อเรานะ ก็ตามง้อ แถม ยังโทรคุยกับเราตามปกติ นั่นมันยิ่งทำให้เรายิ่งได้ใจ
..........หลังจากที่เราทำให้เค้าร้องไห้ในตอนนั้น เราก็เริ่มรู้สึกว่า ที่ผ่านมาเค้าอาจจะแอบร้องไห้โดนที่เราไม่รู้เลยก็ได้ เราก็เริ่มสงสารแล้วล่ะ เลิกเจ้าชู้ ให้ความหวังคนอื่นโดยเด็ดขาด แต่ด้วยความที่เราเป็นคนเอาแต่ใจ เพราะเกิดจากความที่เค้ายอมมาตลอดด้วยล่ะ เราเลยไม่หยุดร้ายกาจใส่เค้า และจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดก็เริ่มขึ้น
.... วันนั้นเป็นว่างของเค้าค่ะ เค้าโทรมาบอกเราว่า ว่าง ไปหาได้ พอเรียนเสร็จแค่ช่วงครึ่งวันเช้า ครึ่งวันบ่ายเราก็รีบไปหาเค้าทันที ก็ไปนั่งคุยกัน กินข้าวกันนี่ล่ะค่ะ อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรมาหาเล พอเลหยิบขึ้นมาดู เราก็มองค่ะ เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ และเลดูตกใจมาก เราเลยแบมือขอ เป็นที่รู้กันว่าเราจะรับเอง เลก็ดูอึดอัด เราก็เลยหยิบมาจากมือเล เลก็เหมือนกับไม่อยากให้เพราะจับโทรศัพท์แน่นมาก เราเลยบอกว่า เอามา เลเลยปล่อย พอเรารับปุ๊บ...เสียงที่ตอบกลับมาเรานี่หน้าชาเลย เป็นเสียงผู้หญิงค่ะ นางบอกว่า ขอสายเลหน่อย โดยที่ไม่ถามว่าเราเป็นใครด้วยซ้ำ เราก็เลยแกล้งบอกว่า เลอาบน้ำอยู่ มีอะไรรึปล่าว นี่พี่สาวเลรับ นางก็แบบ เอ้า พี่เลกลับบ้านหรอ งั้นจะรอ เราเลยปริ๊ดแตก ทนไม่ไหว เลยบอกว่า เธอเป็นอะไรกับเล เลไม่เห็นเล่าไรให้ฟัง ฉันเป็นแฟนเลนะ นางก็บอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร ไปถามเลเองสิ แค่นี้นะ ไม่อยากให้ทะเลาะกัน แล้วนางก็วางไป เราก็เลยหันไปมองเลด้วยสายตาที่ผิดหวัง คือ เรามีอะไร จะคุยกับใคร เราสารภาพผิดกับเลหมด แล้วเราก็หยุดแล้ว แล้วนี่มันอะไร คุยแบบไม่มีสถานะหรอ รึยังไง เราช๊อค และถามเลไปแค่ว่า "เฟิร์สเหนื่อยมาหาเพื้อมาเจอเรื่องแบบนี้หรอ เลิกกันมั้ย ... เฟิร์สเคยผิด แต่เฟิร์สไม่เคยปิดบัง" เลก็ตอบว่า "ไม่มีอะไร เด็กของเพื่อน เสร็จเพื่อนเลไปแล้วด้วย" เราเลยตอบว่า.."แล้วเค้ามาโทรหาเล ขอสายเลทำไม อย่ามาโกหก" เราไม่เชื่อและขอเลิก เลก็แบบ ขอร้องเรา จะทุบจะตีอะไรก็ได้ คือจะไม่เลิก เราก็โมโห ชกหน้าไปทีนึง เลก็ยอม แถมโทรไปหาเด็กคนนั้นว่า ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ เพราะมีปัญหากับเรา แถมโทรไปหาเพื่อนเลด้วยว่า "เด็กอ่ะทำกูงานเข้า ไม่ต้องให้โทรมาแล้วนะ" คือเค้าทำทุกอย่างเพื่อให้เราเชื่อ แต่เราก็จะเลิก เพราะโกรธที่ ปิดบังเรา ถ้าไม่มีอะไร ปิดบังทำไมล่ะ ปกติแค่มีสาวมาจีบยังบอก นี่เก็บเงียบ เราเลยไม่เชื่อ และบอกเลิก ก่อนจะกลับบ้านเดี๋ยวนั้น ไม่สนใจเลยว่าเค้าจะเป็นยังไง เค้าก็พยายามง้อเรา โทรหาเรา เราก็ไม่รับ จนบ่ายแก่ๆ ของอีกวันนึง เราเริ่มรู้สึกสงสาร และก็คิดว่า เค้าอาจจะไม่มีอะไรจริงๆก็ได้ เพราะพยายามซะขนาดนี้ เลยรับสายแต่ รับแบบ เค้าถามไรมา เราก็ตอบ แล้วก็วาง เค้าก็ไม่หยุดโทรนะ ว่างเป็นโทร จนเราใจอ่อน เลยยอมเคลียร์ด้วย เราก็รักเค้ามากด้วยล่ะ เลยคิดว่า เลิกใจแข็งดีกว่า ตอนเรา เค้ายังไม่เยอะขนาดนี้ ก็เลยกลับมาดีกันค่ะ ก็ช่วงนั้น มันก็เป็นช่วงที่มีปัญหาการเมืองรุนแรงด้วย เค้าเลยถูกจับไปควบคุมสถานการณ์ เลยได้เจอกันน้อยลง แต่ถ้าว่าง เราก็ไม่ลังเลเลยนะ ที่จะรีบไปหาเค้า เค้าก็ดูเหมือนดีใจนะ ที่เราไป แถมออดอ้อนให้เราไปหาด้วยซ้ำไป
ดูเหมือนรักกันดีใช่มั้ยคะ อยากจะบอกว่าที่กล่าวมาทั้งหมด ก็แค่จะเล่าเรื่องราวที่มันเป็นช่วงเวลาดีๆ รวมถึงเหตุการณ์ที่มันน่าจะเป็ฯสาเหตุของเรื่องราวที่กำลังจะเล่า เพราะช่วงเวลาหลังจากนี้.......เค้าเปลี่ยนไปเลยค่ะ เปลี่ยนไปจนเรางง ว่า นี่คนๆเดียวกันหรอ
..................วันนั้นเป็นที่ 30เมษายน 2553ค่ะ วันปลดประจำการของทหารเกณฑ์ผลัด1/2552 (เค้าไปแค่1ปีเพราะมีวุติ ปวช) เราก็ดีใจมาก รีบออกไปหาเค้าที่กองร้อยแต่เช้า เพราะนัดเอาไว้ว่าจะไปรอรับ และเอาเสื้อไปให้เปลี่ยนด้วย (ตอนนั้นสถานการณ์บ้านเมืองรุนแรงมาก ทหารเกณฑ์ที่จะปลดประจำการ ต้องเปลี่ยนชุดก่อนออกจากกองร้อย เพื่อความปลอดภัย) เราก็รู้นะ ว่าการที่ไปตั้งแต่เช้า มันหมายถึงการรอแบบแหง่วๆ เพราะกว่าจะเสร็จพิธี มันน่าจะบ่ายจนเย็น แต่ก็ยอม เพราะอยากเห็นหน้าเค้านี่นา ก็พอไปถึง เค้าก็ออกมาพบเราแปปนึง แล้วก็เข้าไปในห้องประชุม พอออกมา ก็ยืนถ่ายรูปกับเพื่อนๆ (แต่ไม่เรียกเราไปถ่ายด้วยเลย) คือปล่อยเรานั่งมองตาละห้อยแบบไม่สนใจเลย คือแบบ กว่าจะเดินมาหาเราได้......แบบ บอกไม่ถูกว่านานแค่ไหน แต่คือเรานั่งจนหน้าเหมื่อยอ่ะ (ไปตั้งแต่8โมงเช้า มองเวลา...ตอนบ่ายเดินมาหามาเอาชุดจากเราไป ... และก็ยาวเลย) จนประมาณ1600น. ได้ฤกษ์นาง คือทุกคนเตรียมตัวกลับ นางก็เปลี่ยนชุดและเดินมาหาเรา เราไม่คิดไรนะตอนแรก ที่เค้าเดินมาแล้วไม่แสดงอาการดีใจอะไร เพราะเราดีใจจนลืมสังเกตอาการเค้า เราก็ชวนเค้าคุยนั่นนี่ เค้าก็ตอบแค่ จ้าๆ อืมๆ จนได้ขึ้นแท๊กซี่ ถึงเริ่มรู้สึก คือพอขึ้นรถปุ๊บ เค้าหันไปอีกทาง แล้วหลับเลย เราก็แบบ อ้าว.....เหนื่อยหรอ เค้าก็ตอบว่า อืม ขอหลับสักงีบนะ แล้วคือ ปกติ ถ้าไปไหนด้วยกันแล้วเค้าจะหลับบนรถ เค้าจะซบไหล่เราอ่ะ นี่ไม่เลย เราก็แบบ เริ่มๆนอยด์ล่ะ แต่ก็ปล่อยเค้าหลับ จนเค้าตื่นมากลางทาง เราก็ชวนเค้าคุย เค้าก็ดูไม่ค่อยสนใจเราเลย เราก็เลยถามว่า เป็นอะไร ไม่ดีใจเลยหรอ ที่เจอเรา ไม่ดีใจเลยหรอ ที่จะได้กลับมามีเวลาให้กันมากขึ้นแล้ว เค้าก็ตอบแบบส่งๆว่า จ้ะ ดีใจสิ แต่ก็ไม่สนใจเราตามเคย หันมองนั่นมองนี่ จนถึงแถวบ้านเรา ซึ่งมันจะมี ท่ารถตู้ต่อไปบ้านเค้าได้ ก็เลยลงกัน เพราะถ้าขึ้นแท๊กซี่ยาวๆ ค่ารถคงอ้วก อีกอย่าง เราไม่ได้จะไปส่งเค้าที่บ้านด้วย เราก็ชวนเค้าว่า แวะกินข้าวกันมั้ย หิว (คือเราอยากอยู่กับเค้าก่อนอ่ะ ไม่ได้เจอกันนาน) เค้ากลับตามแบบไร้อารมณ์เลยว่า ไม่อ่ะ เหนื่อยมาก ของก็เยอะ เราแทบร้องไห้...(ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าทะเลาะกันรึปล่าว แต่นอยด์แบบ น้ำตาคลอเบ้าเลย) ก็จบเหตุการ์ณนี้ด้วยการ เรากลับบ้านเรา เค้ากลับบ้านเค้า