จอมใจจอมขวัญ(พีเรียด) ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา


ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/34280583

จากเวปเด็กดี http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1392630

          เพลาใกล้พลบค่ำเสียงจิ้งหรีดร้องเรไร ต้นไม้ที่เคยเป็นพุ่มเล็กๆ บัดนี้เติบใหญ่แผ่กิ่งก้านขยายสาขา ดั่งเช่นชายหนุ่มผู้จากเรือนไปไกลตั้งแต่อายุ 14 ปี วันเวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากเด็กน้อยบอบบางกลับเติบโตสูงใหญ่  ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามจากการฝึกฝนวิชาการต่อสู้  เรือนไทยหมู่หลังใหญ่ตั้งตระหง่านดั่งลงรากหยั่งลึกบนผืนดิน ลานกว้างด้านหน้าที่เด็กน้อยเคยวิ่งเล่นบัดนี้เต็มไปด้วยหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่เติบใหญ่เฉกเช่นเดียวกัน
          เพิ่มหยุดทักทายลูกสมุนทั้งหลายที่เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังด้วยความดีใจที่ลูกพี่กลับคืนมายังถิ่นฐาน เสียงดังเอ็ดตะโรลั่นไปถึงบนเรือน เสียงที่คุ้นเคยตะโกนถามลงมา          
          "เอะอะอะไรกันโว้ย ไอ้พวกนี้ คุณท่านให้มาถามว่าเกิดกระไรขึ้น" บ่าวคนสนิทของนายแม่ชะโงกหน้าลงมาดู
          "ฉันจะมาขอพบนายแม่หน่อย"
          "มีธุระอะไรด่วนหรือพ่อ มาซะเย็นเชียว จะให้บอกว่าผู้ใดมาพบ แล้วมาด้วยเรื่องกระไร" หญิงวัยกลางคนทำหน้าที่ดุจทนายหน้าหอซักจำเลย
          "แจ้งว่ามาด้วยเรื่องคิดถึงก็แล้วกัน คิดถึงจนอยากจะกอดเสียเต็มแก่แล้ว"
          "เออว่ะ! ไอ้นี่ทะลึ่งจริงเชียว ประเดี๋ยวได้เจอหวายลงหลัง" นิ้วที่ชี้มาบ่งบอกถึงโทสะเดือดดาลของผู้ที่จงรักภักดีต่อนาย
          "เอะอะอะไรกัน ให้มาถามว่าเกิดเรื่องกระไร ที่ไหนได้กลับมาร่วมผสมโรงไปด้วย" รูปร่างที่อวบอิ่มมีน้ำมีนวลดั่งคนมีสุขภาพดี ดวงหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มบ่งบอกถึงความมีเมตตาจิต ก้าวเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าเรือน
          อาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงที่ส่องสว่างจากคบเพลิงทำให้เห็นหน้าตาผู้ที่อยู่เบื้องล่างไม่ถนัดนัก ชายหนุ่มวิ่งตรงขึ้นไปกราบเท้าแล้วลุกขึ้นสวมกอด "คิดถึงแม่จังเลย"
          น้ำเสียงทุ้มแปลกแปร่ง ร่างกายสูงใหญ่แปลกตา แต่ด้วยสายใยแห่งแม่ลูกไม่ว่าจะจากไกลไปนานเพียงใด หัวใจของผู้เป็นแม่ก็จดจำลูกที่เป็นดั่งดวงใจได้เสมอ
          "พ่อเพิ่ม... โตขึ้นมากเลยนะ" น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื้นตัน มือสองข้างประคองใบหน้าผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ น้ำตาคลอสองเบ้าแล้วหลั่งริน
          "กลับมาเมื่อใด ทำไมไม่ส่งข่าวคราวมา"
          "ลูกอยากให้พ่อกับแม่ประหลาดใจ" พวงแก้มที่เกรียมแดด ถูกประพรมด้วยจุมพิตจากผู้เป็นแม่
          "ไปๆ อาบน้ำอาบท่าให้หายเหนื่อยแล้วค่อยมาพัก" น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจหันไปสั่งบ่าวไพร่ให้จัดเตรียมเสื้อผ้า
          บ่าวคนสนิทยืนงงอ้าปากหวอ จนผู้เป็นนายต้องกล่าวเรียกสติ "นังปลิก อ้าปากเสียกว้าง ประเดี๋ยวยุงก็เข้าไปวางไข่ดอก"
          ผู้ถูกกล่าวถึงเหมือนจะได้สติจึงหุบปากสนิทโดยพลัน "โถ! คุณนวลขา ก็อีฉันไม่ได้เฉลียวใจสักนิดว่าเป็นคุณเพิ่ม จากไปตั้งแต่ตัวน้อย จนตอนนี้เติบใหญ่เป็นหนุ่มแล้ว" ปลิกดึงชายผ้าแถบขึ้นมาซับน้ำตาที่คลอเบ้าด้วยความตื้นตัน

          เสียงฝีเท้าก้าวขึ้นบันไดทำให้ชายหนุ่มลุกขึ้นก้าวไปยังหน้าเรือนโดยพลัน เพียงหน้าเจ้าของฝีเท้าโผล่มาพ้นเรือนสองมือก็พนมก้มลงกราบ "ลูกกราบเท้าคุณพ่อ" หน้าตาที่เคร่งเครียดของผู้เป็นพ่อคลายลงเปลี่ยนเป็นยิ้มด้วยความยินดี
          "พ่อเพิ่ม กลับมาแต่เมื่อใด มาๆ ลุกขึ้นมา" สองมือประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืนเพื่อจะมองให้เต็มตา "เออ...โตขึ้นมากเลยนะ บัดเดี๋ยวนี้สูงกว่าพ่อเสียแล้ว" สองคนพ่อลูกเข้าสวมกอดกันด้วยความตื้นตันใจ โดยมีชายหนุ่มอีกคนยืนท้องร้องอยู่ด้านหลัง
          "สามคนพ่อลูกไม่คิดจะกินข้าวกินปลากันรึ มาคะคุณพี่น้องจัดสำรับไว้เรียบร้อยแล้วประเดี๋ยวจะเย็นเสียหมด" พร้อมที่ยืนอยู่หลังผู้เป็นพ่อเดินนำหน้าด้วยความหิวโหย
          ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง เมื่อเสร็จสิ้นอาหารคาวหวาน แม่นวลจึงขอตัวไปจัดที่หลับที่นอนให้กับลูกชายคนเล็ก ปล่อยให้สามคนพ่อลูกพูดคุยปรึกษาหารือกันตามประสาผู้ชาย
          "เป็นอย่างไรบ้าง ได้ข่าวว่าติดตามลุงเจ้าไปปราบพวกโจรรึ"
          "อ้ายพวกนี้มันโหดเหี้ยมนัก ดักปล้นชาวบ้านไม่มีทางสู้ พวกฉันสุ่มจับอยู่นาน ไล่ตามมันไปแต่ไอ้ตัวหัวหน้าหนีรอดไปได้ ฉันหละเจ็บใจเสียจริง" เพิ่มรู้สึกเจ็บใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์กาลก่อน
          "เออว่ะ! คนหนุ่มเลือดร้อน" เสียงตบเข่าดังฉาดบ่งบอกถึงความพึงพอใจ
          "แต่เจ้าก็ต้องระวังตัวไว้บ้างหนา เจ้ายังเดียงสานัก อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นไป"
          "จ้ะพ่อ คุณลุงท่านก็คอยสอนสั่ง ว่าอย่าวู่วาม"
          "แล้วคุณหลวงพิทักษ์ปราบศึกลุงเจ้าเป็นกระไรบ้าง สบายดีรึ"
          "คุณลุงท่านสบายดี เพียงแต่หนักใจเรื่อง1ฮ่อที่หลบหนีภัยสงครามกลางเมืองจากทางตอนใต้จีน เที่ยวปล้นสะดมบ้านเมืองในดินแดนสิบสองจุไท และเมืองพวน หากใครขัดขืนก็ฆ่าทิ้งเสีย และริบทรัพย์กวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลย เพลานี้ยึดได้เมืองเชียงขวาง แลตั้งค่ายใหญ่อยู่ที่ทุ่งเชียงคำ กำลังเตรียมการเข้าตีเมืองหลวงพระบาง  ทางการกำลังสั่งระดมพลเพื่อเข้าปราบปรามอยู่"
           "ว่ะ! อ้ายพวกนี้เหิมเกริมนัก ถ้าอย่างไรเสียเอ็งต้องระวังตัวไว้บ้าง"
           "แล้วทางพ่อกับพี่เพิ่มเป็นกระไรบ้าง"
          ผู้เป็นพ่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกล่าว "รบทัพจับศึกแต่ละคราต้องใช้เงินมากโข เพลานี้เงินพระคลังหร่อยหรอลง พ่อได้ข่าวว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปรารภว่าเงินภาษีอากรจัดเก็บกันไม่เป็นระเบียบกระจัดกระจายรั่วไหล จะทรงจัดวางระบบจัดเก็บภาษีอากรเสียใหม่ ลำพังตัวพ่อไม่เท่าใดดอก รับราชการก็เพื่อสนองพระเดชพระคุณพระองค์ท่านด้วยใจสุจริต แต่มีหลายคนที่โดนลดทอนผลประโยชน์ ไม่รู้จักเกิดปัญหาอันใดบ้าง" หน้าตาเคร่งครึมด้วยความกังวลถึงปัญหาความวุ่นวาย
          พร้อมผู้พี่นิ่งฟังคำสนทนาปราศัยอยู่นาน จึงเอ่ยขึ้นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่ทำให้ใจขุ่นมัวมาเป็นเรื่องน่ายินดี "เพลานี้กิจการค้าของเรามีกำรี้กำไรเพิ่มขึ้น ของที่ส่งไปขายที่จีนก็กำไรดีทีเดียว  ทำให้เรามีเงินเพิ่มขึ้นที่จะหาซื้อของจากทางจีนกลับมาขาย กำไรคลานี้มากโขอยู่ ฉันว่าจะหาซื้อเรือขนส่งคนสองชั้น รับขนส่งโดยสารคนจากแม่น้ำท่าจีนเข้าไปที่พระนครท่าเตียนดีหรือไม่ จะได้เดินทางได้สะดวก เสียอย่างไรเราก็มีท่าอยู่แล้ว"
          การสนทนาปราศัยดำเนินต่อไปจนดึกดื่นค่อนคืน ขุนพิพัฒน์เที่ยงธรรม(เที่ยง) มองดูลูกชายสองคนด้วยความตื้นตัน ตนเองนั้นเป็นนายแขวงเสนาใหญ่ เก็บภาษีอากรขนอนเรืออยู่ที่ปากแม่น้ำท่าจีน กรอปกับมีกิจการท่าเรือของตนเองทำให้มีฐานะมั่งคั่ง
          บรรพบุรุษทำการค้าขายมาช้านานเลือดพ่อค้าจึงส่งผ่านไปยังลูกชายคนโต พ่อพร้อมที่บัดนี้อายุ 19 ปี แล้ว อยู่ช่วยราชการงานของผู้เป็นพ่อได้คล่องแคล่ว อีกทั้งยังมีหัวการค้าทำให้กิจการเจริญรุ่งเรือง นอกจากจะเก็บค่าท่าแล้วยังรับสินค้าที่ล่องเรือมาจาก ชัยนาท สุพรรณ และนครปฐมมาขาย  แล้วส่งสินค้าล่องกลับไปขายยังต้นทางอีกด้วย
          พี่น้องคู่นี้ช่างแตกต่างกันเสียนี่กระไรผู้เป็นพ่อเปรยบ่อยๆ พ่อเพิ่มลูกชายคนเล็กที่บัดนี้อายุ 17 ปี จิตใจฝักใฝ่ทางการต่อสู้ เนื่องด้วยหลวงพิทักษ์ปราบศึกผู้เป็นลุง พี่ชายทางฝั่งมารดา เป็นทหารกล้าออกรบทัพจับศึกมาช้านาน ด้วยไม่มีลูกชายสืบสกุลจึงรักใคร่เอ็นดูหลานชายคนเล็กดั่งลูกตน จึงมักจะขอไปเลี้ยงดูอยู่บ่อยๆ ทำให้เพิ่มได้เลือดนักสู้มาเต็มเปี่ยมจากผู้เป็นลุงนั่นเอง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1ประวัติศาสตร์ไทย ฉบับสังเขป ของ เดวิด เค.วัยอาจ หน้า 337 กรุงเทพมหานคร 2556
                    www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711145
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่