[CR] 2 ชาย / 7 เมือง / 14 วัน ไหลล่องลองรันในอิตาลี ฝรั่งเศส : Part 2 โรม, ฟลอเรนซ์, ปิซ่า, เวนิส

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน กลับมาพบกันผมอีกครั้งในวันศุกร์แห่งชาติที่ทุกท่านโหยหา
หลังจากกระทู้ที่แล้วผมได้เล่าบรรยากาศการตะลุยกรุงโรม และ เนเปิลส์ กันไปพอขมปากขมคอเป็นเวลา 4 วันด้วยกัน
กระทู้ภาค 2 นี้ ผมจะพาทุกท่านมาเก็บตกกรุงโรมเพิ่มเติม และพาเที่ยวต่อไปที่ฟลอเรนซ์ ปิซ่า และ เวนิส กันคร้าบบบบ

สำหรับเพื่อนๆที่เพิ่งเข้ามาใหม่ สามารถติดตามกระทู้
2 ชาย / 7 เมือง / 14 วัน ไหลล่องลองรันในอิตาลี ฝรั่งเศส : Part 1 โรม + เนเปิลส์ ได้ที่ลิ้งด้านล่างนี้ครับ
http://pantip.com/topic/34208494

ใครอ่านแล้วชอบใจก็รบกวนกดให้กำลังใจกันด้วยนะคร้าบบบ

เอาล่ะครับ คันปากอยากจะเล่าต่อเร็วๆแล้ว ไปต่อวันที่ 5 กันเลยดีกว่าครับ



วันที่ห้า - โรม

วันนี้เราตื่นสายนิดหน่อย หลังจากความเมื่อยล้าเริ่มถาโถม เป็นผลต่อเนื่องจากการเดินอย่างหนักมาหลายวัน

ท่านผู้อ่านที่ได้อ่านสี่วันมาก่อนหน้านี้ คงเข้าใจได้ว่า พวกผมจัดตารางทัวร์กันแบบหลวมๆ
บางวันอาจจะหนักบ้าง บางวันอาจจะเบาๆเรื่อยๆ คละเคล้ากันไป และเราพยายามจะใช้การเดินให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เพื่อได้มีโอกาสสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น นี่เป็นข้อได้เปรียบสำหรับนักท่องเที่ยวที่ตะลุยกันเองเช่นเราครับ

และสำหรับเราแล้ว กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในสองวัน จึงยังมีอะไรอีกมากให้เราไปท่องเที่ยวกันต่อ

วันนี้เรามีโปรแกรมไปอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ผู้คนทั่วโลกอยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต “นครรัฐวาติกัน”

เราจับรถไฟใต้ดินจากสถานี Termini มุ่งหน้าสถานี Ottaviano ด้วยตั๋วรถไฟเที่ยวเดียวราคา 1.5 ยูโร
ทุกครั้งที่คุณซื้อตั๋วรถไฟจากตู้อัตโนมัติ อย่าลืม Validated (ประทับตราใช้งาน) ตั๋วที่เครื่องก่อนใช้นะครับ ไม่งั้นอาจจะโดนค่าปรับอานโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

วันนี้ในรถไฟใต้ดินก็ดูเป็นวันธรรมดาทั่วไปวันหนึ่ง ผู้โดยสารออกจะน้อยด้วยซ้ำ จนกระทั่ง....

เด็กน้อยสามคนเป็นชาย 1 หญิง 2 อายุไม่เกิน 10 ขวบ เดินแหวกประตูรถใต้ดินที่กำลังจะปิด เข้ามาภายในตัวรถ
ผู้โดยสารท้องถิ่นเริ่มส่งเสียงสบถเป็นภาษาอิตาเลี่ยน ซึ่งแน่นอนว่า ฟังไม่รู้เรื่อง !!

รถไฟฟ้าเคลื่อนตัวออกไป เด็กสามคนนั้นพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว พยายามตอแยให้ผู้คนสนใจสิ่งของในมือพวกเขา ในคณะที่ป้าที่นั่งตรงข้าม ยังสบถภาษาอิตาเลี่ยนชุดใหญ่ต่อไป

เด็กสามคนเข้าประชิดครอบครัวนึงที่เป็นนักท่องเที่ยวตะวันตก ก่อนที่พ่อหนุ่มอิตาเลี่ยนเงียบขรึมข้างๆผม จะตะโกนบอกครอบครัวนั้นว่า
Beware your bag, There’re pickpocket.

ผมมองมาดนิ่งๆของพี่แกแล้ว บางทีพี่แกอาจจะเป็นพวกสายลับปลอมตัวมา Slow life ก็เป็นได้

ใช่แล้วครับ เด็กกลุ่มนั้นที่ผมพูดถึง คือมิจฉาชีพวัยเด็ก หรือ นักล้วงรุ่นจิ๋ว นั่นเอง

รถไฟวิ่งต่อไปหยุดที่สถานีต่อไปนานผิดปกติ...

เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมสุนัขอัลเซเชี่ยนตัวใหญ่ (ใหญ่มาก) เดินเข้ามาในรถและเดินไปเรื่อยๆจากตู้โดยสารหนึ่งสู่อีกตู้โดยสารหนึ่ง
ในขณะที่เด็กทั้งสามคนพยายามหาที่นั่ง และพยายามทำตัวให้เล็กที่สุด หรือทางที่ดีถ้าหายตัวไปได้เลยคงดี
ส่วนป้าตรงข้ามผม ยังคงสบถต่อไป

อัลเซเชี่ยนตัวนั้นเดินผ่านเด็กๆที่นั่งนิ่งทั้งสามคน และพยายามกระโจนใส่ โดยมีคุณพี่ตำรวจกระตุกเชือกไว้สุดแรง
เด็กสามคนวิ่งหนีออกจากโบกี้รถไฟอย่างรวดเร็ว พร้อมพี่ตำรวจ และพี่อัลเซเชี่ยน ค่อยๆเดินตามไปช้าๆ
หลังจากนั้นทุกสิ่งก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

แหม่ เสียดายจัง อดรู้ตอนจบเลย

สองครั้งสองคราที่พวกเราเจอมิจฉาชีพในสองรูปแบบ และนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมได้พบเจอในทริปนี้ตลอด 15 วัน

ทางที่ดีเราควรระวังตัวเสมอ โดยเฉพาะกับเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น โรม ปารีส เวียนนา
หรือแม้แต่ที่อื่นๆที่คุณมองว่าปลอดภัยมากๆก็ตามที เพราะคุณคงไม่อยากได้ชื่อว่า เป็นคนแรกที่โดนล้วงกระเป๋าในที่ที่ปลอดภัยที่สุด

ระวัง แต่อย่าระแวงจนเกินไป แล้วคุณจะเที่ยวอย่างปลอดภัย ไร้กังวล

ออกจากสถานี Octaviano เราเดินตามฝูงชนไปสักประมาณ 10 นาที จนเห็นโบสถ์เซนต์ปีเตอร์สวยงามเด่นอยู่เบื้องหน้า
เราเลี้ยวขวาลัดเลาะไปตามถนนจนเข้าสู่ขอบเขตของ Vatican meseum

นี่คือเป้าหมายแรกของเราครับ ให้ตายเถอะ ดูแถวเข้าสิ



นับเป็นความโชคดีที่สุดที่พวกเราตัดสินใจจองตั๋วล่วงหน้ามาก่อน เพราะขนาดความยาวของแถวในเวลา 8.45 น. นั้น
ยาวจนหางแถวตวัดไปที่มุมถนนอีกเส้น สำหรับเราเพียงแต่เดินเข้าประตูและไปยื่นขอรับบัตรจากเจ้าหน้าที่ออกตั๋ว ก็เป็นอันเสร็จพิธี

สวนด้านนอกของพิพิธภัณฑ์


มองจากด้านหน้าทางเข้าชม เห็นโดมของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์โผล่มาทักทาย


สวนตรงกลางพิพิธภัณฑ์ และลูกโลกที่เป็นแลนด์มาร์คของที่นี่



Vatican mesuem เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีสนนราคาเข้าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพิพิธภัณฑ์อื่นๆในโรม แต่ขอบอกว่าคุณภาพนั้นคับแก้วจริงๆ
เพราะครอบคลุมทั้งงานประติมากรรมรูปปั้นต่างๆ รวมไปถึงจิตรกรรมอีกหลากหลายรูปแบบ เพราะฉะนั้นถ้าคุณต้องการชื่นชมศิลปะหลายๆแบบในที่เดียว สถานที่แห่งนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอนครับ (แต่จองตั๋วล่วงหน้าก่อนก็ดีนะ แฮ่!)

ผมคงไม่ต้องแนะนำอะไรเกี่ยวกับงานศิลปะต่างๆมากนัก เพราะมีความรู้ด้านนี้เพียงเศษธุลีเท่านั้น เอาเป็นว่าชมภาพกันไปเรื่อยๆดีกว่าครับ

มัมมี่ก็มา


รูปปั้นเรียงรายตลอดทางเดินปีกนอก


งานศิลปะมากมาย เล่นเอาตาลายได้ง่ายๆ


เทพีคงจะไม่จิ้มผมใช่มั้ย


ผ้าผ่อนก็ไม่ค่อยจะนุ่งกัน


ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นโซนต่างๆให้เข้าชมมากมาย ถ้าจะใช้เวลาที่นี่ให้เต็มอิ่ม ครึ่งวันอาจจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำไป
เดินชมจุดต่างๆมาจนถึงโบสถ์น้อยซิสทีน (Sistene chapel) ที่ประทับของพระสันตะปาปา ซึ่งประดับประดาไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังชั้นครู
ของไมเคิลแอนเจโลและอีกหลายท่าน บริเวณนี้ห้ามถ่ายรูปครับ มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังอยู่ทั่วทุกอาณาบริเวณเลยทีเดียว

หลังจากเสร็จจากการเข้าชม พวกเราก็มุ่งหน้าสู่มหาวิหารนักบุญเปโตร หรือ Basilica of Saint Peter อันโด่งดัง




เราสองคนต้องเจอกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ทันทีที่เดินมาถึง เนื่องด้วยแถวเข้ามหาวิหารนั้นยาวจนสามารถพันรอบจตุรัสได้ถึง 1 รอบ
น็อครอบกันเลยทีเดียว สิ่งที่พวกเราทำได้คือพยายามเขย่งและยืดคอหลบคนเพื่อถ่ายรูป แต่ก็ทำดีที่สุดแค่นั้น

หลังจากพิจารณาความยาวของแถว พบว่าอาจจะต้องรออีกนาน 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เราจึงเลือกที่จะเดินจากไป พลางฮัมเพลงพี่เบิร์ดเบาๆ

คนที่แพ้ก็ต้องดูแล ตัวเอง

เหตุเพราะช่วงที่พวกเราไป เป็นเทศกาลสำคัญของคริสต์ศาสนานิกชนครับ จึงมีคลื่นมหาชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมายังมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไม่ขาดสาย

เราตัดสินใจเดินต่อไปยัง Castel Sant’Angelo หรือปราสาทเซนต์แองเจโล่ ที่หลายๆท่านคุ้นเคยในภาพยนตร์เรื่อง Angels & Demons นั่นเอง

ปราสาท Sant'Angelo จากอีกฟากของแม่น้ำไทเบอร์


พี่นกเกาะไม่เกรงใจหัวนางฟ้าเลยเฮ่ย !


เราต่อคิวอยู่เป็นเวลาประมาณ 30 นาที โดยมีพี่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่คอยตีหน้าขรึมใส่เราอยู่ตลอดเวลา
หรืออาจจะเรียกด้วยศัพท์เทคนิคเฉพาะกลุ่มของผมว่า พี่แกทำหน้า “โครตชัวร์” ตลอดเวลา แกมักจะพยายามไล่นกพิราบ
ที่มาเดินหน้าทางเข้าโดยการกระทืบเท้าแรงๆ จนกระทั่ง นกผู้กล้าหาญตัวหนึ่งบินโฉบหน้าแกในระยะกระชั้นชิด ทำเอาแกเสียอาการไปไม่น้อย

และเรียกเสียงหัวเราะครืนใหญ่จากนักท่องเที่ยวที่ต่อแถวอยู่

ตัวปราสาทถูกสร้างตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเฮเดรียนของโรมัน และใช้ต่อมาหลายยุคหลายสมัย เป็นทั้งที่อยู่อาศัย
ที่หลบภัยขององค์สันตะปาปา รวมไปถึงที่คุมขังนักโทษ และเป็นที่เก็บพระบรมศพของจักรพรรดิเฮเดรียนและพระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์ด้วย

งานศิลปะชั้นเยี่ยมที่พบเห็นได้ทั่วไปในกรุงโรม


ทางเดินด้านในปราสาท ได้กลิ่นความขลังโชยมาแตะจมูก


ภาพแม่น้ำไทเบอร์สวยๆจากคอหอย เอ้ย หอคอยของปราสาท


หีบสมบัติขนาดใหญ่


มีจัดแสดงอาวุธและชุดเกราะอยู่ประปราย


เกราะแฟชั่นแปรผันตามสมัย
ดูโฉบเฉี่ยวไฉไลน่าใหลหลง
เราชาวเกราะถูกใจเลยถ่ายลง
ช่วยจรรโลงจิตใจให้ชื่นบาน



ด้านในดูไม่ใหญ่โตเหมือนที่จินตนาการไว้เมื่อเห็นในภาพยนตร์ แต่งก็มีความขลังแบบเก่าๆ
เราเดินลัดเลาะไปชมวิวที่ชั้นบนสุด และถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ Michael the Archangel ซึ่งนับเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่

วิวโบสถ์เซนต์ปีเตอร์จากดาดฟ้าของปราสาท


วิวมุมสูงรอบๆ


อนุสาวรีย์ Michael the Archangel พร้อมเสียบดาบ


ฟังทรรศนะจาก นกวิชาการ


มีต่อนะคร้าบบ...
ชื่อสินค้า:   โรม, ฟลอเรนซ์, ปิซ่า, เวนิส
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่