๐๐๐--- ทำงานกับฝรั่ง 7 ---๐๐๐

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ชัยรัตน์รับรู้ว่าปาริชาติไปตีแบดมินตันอาทิตย์ละสองวัน หล่อนคงเพลิดเพลินเหลือเกินแล้ว บางครั้งเขาโทรมาหาหล่อนวันศุกร์ตอนค่ำก็ไม่มีการตอบรับหรือโทรกลับเลย เพราะโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าขณะที่หล่อนวิ่งรับลูกขนไก่หัวซุกหัวซุน หรือหัวเราะร่ากับเพื่อนๆ ชัยรัตน์รู้สึกว่าการติดต่อกับหล่อนถูกตัดทอนน้อยลงไปเรื่อยๆนอกจากการอยู่ห่างไกลกันอย่างมากแล้ว ได้แต่อดทนอย่างไม่มีทางออก

อนาวิลได้รับจดหมายจากปาริชาติว่า

วิลที่คิดถึง.

เกดไปเล่นแบดมินตันสนุกมาก ทำให้สุขภาพแข็งแรง คลายเครียดได้อย่างดี แล้วหลังจากการเล่นก็ไปทานอาหารตามร้านต่างๆ มีที่โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งมีเพลงให้ฟังด้วย แน่นอนที่สุดคือคิดถึงวิลนะคะ วันอังคารกับวันศุกร์วิลต้องรับรู้นะคะว่าคิดถึงมากเป็นพิเศษ วันอาทิตย์ตอนเย็นนั่งในสนามหลังบ้านดูดอกไม้ที่คุณแม่ปลูก มองต้นไม้ใหญ่ๆเงยหน้าไปท้องฟ้าโปร่งเป็นสีฟ้า เห็นเครื่องบินยาวสักฟุตได้ บินผ่านทางเดียวกันสองลำ
วิลคิดซิคะว่าเกดคิดอะไรอยู่ นกก็บินไปมาทำให้คิดว่าเราอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน แต่คนละฟากฟ้านะคะ การส่งความคิดถึงข้ามขอบฟ้าคงต้องอาศัยแรงส่งอย่างมากๆ วิลทำเป็นไหมคะขณะนี้ก็อยากบอกว่า คิดถึงที่สุดค่ะ, เกด

เมื่องานเบาบางลงมากแล้ว ปาริชาติรู้สึกสบายใจ เหมือนมีไอแห่งความสุขซับซาบอยู่ในใจ หล่อนมองภากรที่จ้องจอคอมพ์อยู่ตามปกติ

ใบหน้าของหล่อนอาจจะเปื้อนรอยยิ้มอยู่ก็ได้ เพราะภากรหันมาทักหล่อนว่า

“ วันนี้ดูหน้าใส อารมณ์ดีนะ”

“ อ้าว มีวันอารมณ์ไม่ดีหน้าหมองจนเห็นได้ด้วยหรือ”

“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ผมว่างานเบาบางลง ความเคร่งเครียดก็ย่อมหายไปน่ะ”

“ จริงสิ จะได้มีเวลานั่งนึกอะไรบ้าง”

“ ผมนี่จะได้หายใจเต็มที่หายใจดังๆซะที”

“ งานของบอสไม่แยะเหรอ” ภากรพูดต่อ

“ ไม่หรอก บอสชินแล้ว มัวแต่ดูยอดขายซะมากกว่า”

“ ยอดขายดีนี่ปีนี้ คงได้โบนัสแยะนะผมหวัง”

“ ได้แยะก็ดี จะได้มีเงินไปเที่ยวเมืองนอกสักหน” หล่อนนึกไปถึงอนาวิลในทันที

จริงสินะหล่อนแทบไม่ได้คิดถึงเขาเลยในเวลางาน มีอยู่บ้างตอนขับรถกลับบ้าน และตอนไปเรียนที่เกอเธ่เท่านั้น เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง ในระยะเวลาไม่กี่วันที่ได้รู้จักคนๆหนึ่ง แล้วเขาก็ต้องมาจากไกล จนหล่อนมิทันตั้งหลักรับและปรับความรู้สึกทัน โดยเฉพาะวันที่เขาบอกรักด้วยบรรยากาศลมแรง นั่นหล่อนมิคิดว่าจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป เพียงแค่ไม่กี่วันต่อมาเขาก็ทำให้หล่อนเชื่อมั่นอย่างนึกไม่ถึง

   อีกไม่กี่อาทิตย์ต่อมาก็มีฝรั่งมาทำตาเล็กตาน้อยให้อีก ถึงแม้ว่าเขาและหล่อนจะสนิทสนมกันในสายงาน ไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวมาปะปน แต่การอยู่ใกล้ชิดกันวันละเกินหกชั่วโมงก็คงสามารถทำให้คนเกลียดหรือพอใจกันได้บ้างไม่มากก็น้อย ชาร์ลจึงเปลี่ยนไปด้วยวัยของหนุ่มสาวตามธรรมชาติก็เป็นได้

“ เกด เกด” ภากรเรียกหล่อน

“ คะ อะไรหรือ” หล่อนหันไปทางเขา

“ แม่บ้านแน่ะ อยู่ที่หน้าประตูมองมา”

หล่อนลุกขึ้นเดินมาเปิดประตู สองมือแม่บ้านถือถ้วยมักใส่ชาและกาแฟของชาร์ลด้วย

“ ฉันเอาชามาให้คุณค่ะ ชงให้บอสแล้วเหลือเสียดาย นึกได้ว่าต้องเอากาแฟมาให้มร.ชาร์ลด้วยก็เลยถือ มาซะพร้อมกันเลยค่ะ เลยไม่มีมือเปิดประตู” นางบอกหล่อน

หล่อนรับแก้วมักมาจากแม่บ้านกล่าวขอบคุณ วันนี้วันดีอะไรๆก็ดีไปหมด เมื่อแม่บ้านต้องชงชาให้บอสแทนหล่อน ตอนหล่อนมานั่งทำงานที่นี่ หล่อนก็ไม่ได้ดื่มชาน้ำสองรอบบ่ายตามบอสอีก ถ้าแม่บ้านทำมาส่งให้ก็จะดีมาก ด้วยหล่อนขี้เกียจเดินไปทำชา บางทีก็ลืมๆไปเพราะมีคนไปมาไม่เงียบเหมือนนั่งหน้าห้องบอส

ปาริชาติได้ดื่มชาตอนบ่ายสองวัน ก็มีปัญหาตามมาจนได้ แม่บ้านมาบอกว่า ฝ่ายบุคคลว่าหล่อนไม่ต้องรับใช้เลขาของบอส รับใช้แต่บอสคนเดียว ทั้งๆที่แม่บ้านก็ต้องเดินมาส่งกาแฟชาร์ลอยู่แล้ว ชาร์ลก็ไม่ต้องไปยืนรอกดกาแฟสดที่โน่น การเสิร์ฟชาคงไม่เข้าตาฝ่ายบุคคลอีกแล้ว

หล่อนจึงบอกแม่บ้านว่า หล่อนอาจจะต้องเปลี่ยนอิริยาบทเดินไปชงชาเองที่โน่นก็ได้ หล่อนคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ก็ยังขุ่นอยู่นิดๆในใจกับฝ่ายบุคคล

นับว่าเป็นเหตุบังเอิญเหลือเกินที่บ่ายวันต่อมา ปาริชาติเดินกลับมาที่ออฟฟิศของหล่อนก็เห็นหัวหน้าฝ่ายการเงินยืนกินส้มตำอยู่ข้างตู้เย็น มีฝ่ายบุคคลยืนรอกาแฟคุยกันอยู่ เมื่อปาริชาติเดินขึ้นบันไดมาที่โต๊ะ กลิ่นส้มตำลอยฟุ้งไปหมด เพราะเป็นห้องแอร์รวมกัน เมื่อหล่อนลงมาจะชงชา ก็หลีกทางให้สองสาวเขาไปก่อน จึงได้กดน้ำร้อนชงชาเสร็จเดินกลับมาที่ออฟฟิศชาร์ล

 ไม่นานบอสก็โทรมาบอกว่าให้แม่บ้านมาฉีดแอร์เฟรชเน่อร์หน่อย เหม็นปลาเค็มคลุ้งไปหมด คงเผอิญบอสกลับเข้าออฟฟิศเร็ว กลิ่นส้มตำยังไม่จางหายไป หล่อนเดินกลับมาถามคนขับรถที่มักจะมีไว้ฉีดที่รถบอส จึงให้เขามาฉีดให้เลย หล่อนบอกกับบอสว่า อาหารที่ No watering คงไม่พอคงต้องห้ามอาหารที่มีกลิ่นแรงด้วย เพราะบางคนไม่รู้คิดว่าควรไม่ควร บอสถามว่าเป็น
กลิ่นอะไรแน่ หล่อนตอบว่า ส้มตำ บอสถามทำไมมากินที่นี่ เป็นใคร หล่อนบอกตามตรงไป บอสบอกไอจะออก
กฏใหม่ทันที

แน่นอนว่ากฏที่พิมพ์ขึ้นมาใหม่แปะไว้บนบอร์ดที่ปาริชาติพิมพ์ต้องเป็นที่ไม่สบอารมณ์ของคนที่กินส้มตำวันนั้น และคำว่า No
watering and stinking จะขีดเส้นใต้ตรง No watering ด้วย เพราะส้มตำก็จัดว่ามีน้ำอยู่ ปาริชาติไม่รู้สึกอะไร เพราะบอสเหม็นส้มตำจนโทรมาตามหล่อนต่างหาก

รอยเหลื่อมของการแตกร้าวก็มากขึ้นอีก และในเวลาต่อมา แม่บ้านก็นำชามาเสิร์ฟพร้อมกาแฟให้หล่อนและชาร์ล ด้วยบอสรับฟังว่า เวลาของหล่อนสำคัญก็ไม่ควรต้องเดินไปมาระหว่างออฟฟิศและโรงงานเพื่อทำชาดื่ม หรือนอกจากว่าบอสจะจัดชุดชากาแฟไว้ที่โน่นอีกชุดหนึ่ง บอสว่าในเมื่อแม่บ้านตัองชงให้บอสอยู่แล้ว และในเวลาเดียวกันก็ต้องนำใปให้มร.ชาร์ลด้วย การเดินไปหนเดียว เซฟเวลาได้ก็ควรจะทำ Why not? บอสสรุป

พนักงานจึงได้เห็นแม่บ้านถือแก้วมักสองใบมาส่งที่ออฟฟิศชาร์ลตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

วันนี้สมาชิกเล่นแบดมินตันขาดไปสองคน คนอื่นๆก็มาช้ากว่าปกติ นัยว่าวันศุกร์สิ้นเดือนรถติดมาก คนที่มาก่อนก็เลยจับกลุ่มคุยกัน คุณอาวุธคุยถึงสมาชิกเก่าๆ เพราะเล่นกันมาปีกว่าแล้ว คนที่เลิกเล่นเพราะย้ายงานไปไกลบ้าง แต่ที่เลิกเพราะไปอยู่ต่างประเทศก็มี

  คุณอาวุธเล่าถึงคุณรัตนาที่แต่งงานกับฝรั่งแล้วลาอกจากงานไปอยู่กับสามีที่อเมริกา ว่าคนนี้ตีแบดเก่ง ขยันมาทุกนัด เพราะชอบออกกำลังกาย ที่น่าแปลกใจคือฝรั่งที่คุณรัตนาแต่งงานด้วยพบกันในเน็ตแล้วก็สร้างสัมพันธ์กันจนแต่งงานได้

  ปาริชาตินั่งฟังนึกถึงเรื่องของตนเอง พบกันโดยบังเอิญกับคนอยู่ต่างชาติเหมือนกันเพียงแต่ว่าเจอตัวเป็นๆเลย และยังมองไม่เห็นอนาคตว่าจะลงเอยอย่างไร เรื่องนี้หล่อนก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ด้วยเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวที่มีก็รู้จักกับชัยรัตน์ทั้งนั้น หล่อนคงต้องสานความสัมพันธ์โดยมิได้ปรึกษาใครเลย

เมื่อสมาชิกมากันครบพอที่จะเล่นได้แล้ว ก็มีคนนำกล้องมาด้วยขอถ่ายรูปทุกคนและทีมผู้หญิง หลังจากนั้นก็เริ่มตีแบดมินตันกัน ภาพที่ถ่ายได้รับแจกในคราวต่อมาปาริชาติสแกนภาพแนบส่งไปในอีเมล์ให้อนาวิลดูด้วย หล่อนได้ตีโต้กับคุณวีระอีกตามเคย หลังจากเลิกเล่นก็ไปทานอาหารดังเช่นเคย เมื่อกลับถึงบ้านดึกแล้วหล่อนก็เข้านอนไปด้วยด้วยความอ่อนเพลีย

ชัยรัตน์โทรมาหาปาริชาติในค่ำวันเสาร์ พูดคุยเรื่องต่างๆที่เกิดในที่ทำงาน หล่อนนิ่งฟังและนึกว่าหล่อนไม่เคยเอาเรื่องที่ทำงานมาเล่าให้เขาฟังเลย อาจจะมีแค่งานยุ่งเพราะโปรเจ็คใหม่ แต่หล่อนไม่เคยเล่าถึง ชาร์ลและพวกที่ตีแบดมินตันด้วยกัน เมื่อคุยกันสักพัก ชัยรัตน์ก็พูดว่า

“ เราไม่ได้ไปไหนด้วยกันนานแล้วนะเกด”

“ รัตน์หมายถึงไปที่ไหนเหรอ”

“ ก็ขับรถไปเรื่อยๆ จังหวัดใกล้ๆนี่ไง หาของอร่อยๆกินบ้าง” เขาก็หาที่ลงไม่เจอเหมือนกัน ว่าควรเป็นที่ใด เพราะไม่ได้นึกมาก่อน

“ เกดทำงานมาก แล้วก็ไปเล่นแบดอีกอาทิตย์ละสองวัน วันเสาร์เช้าซักผ้า บ่ายเรียน แค่นี้ก็แย่แล้ว มีว่างวันอาทิตย์วันเดียว เกดก็อยากอยู่บ้านให้คุณแม่เห็นหน้าบ้าง”

 หล่อนไม่ได้บอกกับเขาว่าอาหารอร่อยๆก็กินอยู่ทุกบ่อยหลังเลิกเล่นแบดแล้ว อาหารโรงแรม อาหารเชลล์ชวนชิม แค่นี้ก็มากพอ ถ้าไม่เล่นแบดหล่อนคงอ้วนจนมองเห็นแล้วก็เป็นได้

“ ผมก็อยากเจอเกดบ้างอยู่ที่นี่มีแต่งานกับงานนะ” เขาเน้นคำพูด

“ เกดว่าทำงานก็เพลินดีนะ วันๆหมดไปอย่างเร็ว เหนื่อยบ้าง สนุกบ้าง รัตน์ต้องหาอะไรทำหลังเลิกงานบ้างแล้ว เช่นฟิตเนส ยิมอะไรพวกนี้ หรือไปวิ่งตามสวนสาธารณะก็มีคนวิ่งแยะไป”

“ ผมก็บอกแล้วไงว่าอยากพบกัน” เขาแย้งอย่างหงุดหงิด จนหล่อนรู้สึกได้

ปาริชาติแปลกใจตนเองว่าเดี๋ยวนี้ไม่เคยคิดถึงเขา มันหล่นหายไปตอนไหนกันนี่

“ รัตน์อยากมาก็มาที่บ้านได้เลยนะ ก็จะได้พบกันไง” หล่อนออกจากบ้านทุกวันและเหมือนไปเที่ยวหลังเล่นแบดอีกสองวัน หล่อนก็ไม่อยากไปเที่ยวไหนแล้ว พวกเพื่อนอาวุโสเลือกสถานที่และอาหารได้ดีจนหล่อนนับถือในความช่างเลือกของพวกเขา

เมื่อได้ฟังหล่อนพูดว่าให้ไปที่บ้าน เขาก็พูดไม่ออกและพาลหมดอารมณ์เสียดื้อๆ จึงบอกว่า

“ วันนี้ผมก็จะโทรมาหาเพราะคิดถึง แต่ถ้าเกดไม่ว่าง ไม่พร้อมออกมา ผมก็ไม่บังคับหรอก เดี๋ยวผมไปหาหนังสืออ่าน แค่นี้นะเกด” เขาวางหูไปเลย ก่อนที่หล่อนจะฟังจบเสียด้วยซ้ำไป หล่อนถอนใจและถามตนเองว่า จะต้องคุยกับเขาอีกนานเท่าใด....

( มีต่อค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่