วันเกิดเหตุ ต่อจาก Link นี้ค่ะ
http://pantip.com/topic/34099405
เย็นวันศุกร์คือวันเวลาแห่งการรอคอยของเราสามคนแม่ลูก เพราะนอกจากจะวันสุดท้ายของการทำงานแล้วมันยังเป็น Sushi's night สำหรับเราด้วย
หลายปีก่อนเมื่อฉุดกระชากลากถูกลูกให้มาอยู่ที่นี่ได้เป็นผลสำเร็จ ต้องฉุดกระชากเพราะเขาไม่อยากมาและต่อต้านมาก ฉันใช้เวลา 6ปีเต็มกว่าจะบังคับ(ต้องใช้คำนี้จริงๆค่ะ)เอาเขามาด้วยได้ พื้นฐานครอบครัวที่หัวโบราณแม่เลี้ยงฉันมาอย่างไร เมื่อ40ปีก่อนท่านก็เลี้ยงลูกๆของฉันแบบนั้น ความคิดเรื่องการมาใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมือง ห่างไกลจากครอบครัวที่รักและอบอุ่นจึงเป็นสิ่งที่ลูกๆไม่เคยคิดจะนำพา เหตุผลเดียวที่สามารถเอาเขามาได้ก็เพราะแม่(ยาย)เสียชีวิตและไม่มีใครสามารถดูแลพวกเขาได้อีกต่อไป เมื่อเอาเขามาได้แล้วฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขารู้สึกสดวกสบายใจมากกว่าคนอื่นๆเพื่อที่จะทดแทนครอบครัวที่พวกเขาจากมา ฉันทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เขามีเวลาว่างเขาจะได้ไม่มีเวลาคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัวพี่ป้าน้าอามากนัก
ฉันทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกสดวกสบายใจ กิน เล่น เที่ยวและเรียนรู้ สัมผัสชีวิตแบบอเมริกันชน ความหลากหลายทางวัฒธรรม ทำให้เรามีchoices และ choice หนึ่งของพวกเราที่ปฎิบัติกันมาคือเย็นวันศุกร์เป็นวันแห่งการทาน Sushi อาหารการกินคือหนึ่งในหลายสิ่งที่มนุษย์เรายึดเอาเป็นสิ่งทดแทน
เย็นวันศุกร์ที่เกิดเหตุนั้นก็เช่นกัน ฉันสแกนลายนิ้วมือออกจากที่ทำงานตามกำหนดเวลาและขับรถมุ่งหน้าออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้านและรับลูกออกไปทาน Sushi อย่างที่เราทำๆกันมา
ทางด่วนสายนี้ฉันใช้มันเป็นทางทางทำงานมาตลอด5ปี ฉันและผู้คนเมืองนี้ทราบดีว่า Rush hour traffic นั้นสภาพทางด่วนจะกลายเป็นลานจอดรถไปทันที อาศัยอยู่ในเมือง/รัฐที่จำนวนผู้ขับรถโดยไม่เอาประกันสูงระดับต้นๆของประเทศเช่นเมืองนี้ ต้องเพิ่มความระมัดระวังอีกหลายเท่าตัว ความเคยชินหนึ่งที่ฉันทำจนเป็นนิสัยอย่างไม่เคยขาดตกก็คือจะไม่มีการใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถโดยเด็ดขาดแต่เพราะเป็นSingle momที่มีลูกเล็ก(ลูกมาตอนเรียนประถม) 2 คน Emergency เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ฉันต้องมีโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆตัวตลอดเวลา ฉันวางโทรศัพท์ใว้บนเบาะผู้โดยสารข้างๆ เผื่อมีสายเข้าจากเบอร์โทรฯEmergency ที่บันทึกใว้เท่านั้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันทำเป็นประจำก็คือก่อนจะขับรถฉันจะโทรฯหาลูกๆบอกเขาว่าฉันกำลังจะขับรถแล้วนะ เบอร์โทรฯพวกเขาสำคัญมากๆแต่ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นอย่างที่สุดอย่าโทรฯใว้คุยกันเมื่อฉันถึงบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่ฉันปฎิบัติ นี่ความความระมัดระวังและป้องกันของฉันที่หลายคนมองว่า Extreme เกินไปและไม่จำเป็น แต่ฉันก็ทำและทำมาโดยตลอด ฉันต้องการให้ลูกๆสามารถติดต่อฉันได้ทุกเมื่อแต่ขณะเดียวกันฉันก็ไม่เคยละเลยความปลอดภัยแม้แต่น้อยนิด
ไม่ว่าฉันจะรอบคอบ ป้องกันอย่างที่สุดอย่างไรแต่ความซวยก็เกิดขึ้นกับฉันจนได้ เย็นวันนั้นขณะที่รถฉันจอดนิ่งสนิทอยู่บนทางด่วนเพราะสภาพจราจร วินาทีนั้นฉันกำลังตัดสินใจจะพาลูกไปทาน Sushi ร้านไหนดี ใกล้ๆบ้านเรามีอยู่ 2-3 ร้านที่เราไปประจำ
ทันใดนั้นเสียงฉันได้ยินเสียงดังโคร๊มมมม!!เสียงอึกกะทึกที่บ่งบอกว่าต้นเสียงนั้นไม่มีทางที่จะเป็นอื่นได้เลยแต่มันเกิดขึ้นกับรถของฉันเอง พร้อมกันนั้นฉันรู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างแรงและเร็วมากจากด้านหลังรถและเกือบจะทันท่วงทีอีกแรงกระแทกหนึ่งมาจากด้านหน้า นิสัยหนึ่งในการระมัดระวังขณะขับรถคือฉันจอดรถเว้นระยะห่างอย่างน้อยหนึ่งช่วงตัวรถจากคันหน้า แต่กระนั้นแรงกระแทกก็ทำให้รถของฉันไถลไปชนรถอีกคันซึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่เช่นกัน เมื่อคุมสติได้รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองฉันมองหาโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรแจ้งเหตุ แต่มันได้อันตธานไปเสียแล้ว!!
ฉันโดนชนจากด้านหลังในขณะที่จอดนิ่งสนิท ฉันไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้เพราะแรงกระแทกทำให้โทรศัพท์ฉันกระเด็นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ความตกใจกลัวอย่างสุดขีดบวกกับความสิ้นหวัง เกิดมาไม่เคยสิ้นหวังมากขนาดนั้นมาก่อน มันเป็นความสิ้นหวังที่ชวนให้เย็นยะเยือกไปถึง Spinal cord ความรู้สึกที่หลอกหลอนฉันมาจนวันนี้ และทุกค่ำคืนตลอดเวลา3 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ
ฉันผ่านเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นมาได้อย่างไรฉันไม่รู้ แต่ต่อนี้ไปฉันบอกตัวเองจะไม่ Take anything for granted ชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมีคุณค่ามีความหมายมาก เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นเดือนๆฉันได้เห็นความเป็นความตาย ได้เห็นความทุกข์ทรมานแห่งโลกมนุษย์ ฉันบอกตัวเองว่าฉันคือผู้ที่โชคดีที่สุด วันนั้นแรงกระแทกที่ทำให้รถน้ำหนัก 4800+ ปอนด์พังยับเยินเสียหายทั้งคันแต่ฉันซึ่งเป็นคนขับโชคดีมากที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ฉันไม่รู้ว่าถ้าฉันตายวันนั้นลูกที่อยู่ในวัยเรียนทั้งสองจะเป็นอย่างไร
ฝากเป็นอุทาหรณ์กับคนที่ดื่มแล้วขับ คนที่ขับรถด้วยความประมาทและคิดว่าเล็กๆน้อยๆแค่นี้เองไม่เห็นไรหรอก คุณโชคดีที่...ยัง...ไม่เป็นอะไร แต่ความโชคดีนั้นไม่ใช่สิ่งการันตี ลด ละ เลิก ปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้นเสียได้ฉันอยากให้พวกคนทำ เพราะคุณไม่ทราบได้เลยว่าคุณจะโชคดีได้อีกสักกี่ครั้งกี่หน เพียงเสี้ยววินาทีเดียวชีวิตของคุณอาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล หรือที่เลวร้ายไปกว่านั้น คุณอาจจะไม่ได้ใช้คำว่าชีวิตอีกต่อไป คนที่มาชนฉันเขาคงไม่คิดหรอกว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เขาคงคิดเพียงว่าเรื่องเล็กน้อยเหมือนที่พวกคุณๆคิดกัน แต่เรื่องเล็กน้อยที่คุณคิดนั้นมันคือสิ่งทำลายอนาคตคุณไปตลอดชีวิต คุณอาจจะโชคดีอยู่บ้างที่ไม่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสแต่ด้วยข้อหาคดีอาญาติดตัวที่เป็นผลจาก...เรื่องเล็กน้อย...ที่คุณคิดและทำ อนาคตคุณคงไม่สดใสเท่าใดนัก ในฐานะผู้มีคดีอาญาติดตัวจะไม่มีนายจ้างคนไหนจ้างงานคุณอีกต่อไป
เสี้ยววินาทีชีวิต: วันเกิดเหตุ
เย็นวันศุกร์คือวันเวลาแห่งการรอคอยของเราสามคนแม่ลูก เพราะนอกจากจะวันสุดท้ายของการทำงานแล้วมันยังเป็น Sushi's night สำหรับเราด้วย
หลายปีก่อนเมื่อฉุดกระชากลากถูกลูกให้มาอยู่ที่นี่ได้เป็นผลสำเร็จ ต้องฉุดกระชากเพราะเขาไม่อยากมาและต่อต้านมาก ฉันใช้เวลา 6ปีเต็มกว่าจะบังคับ(ต้องใช้คำนี้จริงๆค่ะ)เอาเขามาด้วยได้ พื้นฐานครอบครัวที่หัวโบราณแม่เลี้ยงฉันมาอย่างไร เมื่อ40ปีก่อนท่านก็เลี้ยงลูกๆของฉันแบบนั้น ความคิดเรื่องการมาใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมือง ห่างไกลจากครอบครัวที่รักและอบอุ่นจึงเป็นสิ่งที่ลูกๆไม่เคยคิดจะนำพา เหตุผลเดียวที่สามารถเอาเขามาได้ก็เพราะแม่(ยาย)เสียชีวิตและไม่มีใครสามารถดูแลพวกเขาได้อีกต่อไป เมื่อเอาเขามาได้แล้วฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขารู้สึกสดวกสบายใจมากกว่าคนอื่นๆเพื่อที่จะทดแทนครอบครัวที่พวกเขาจากมา ฉันทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เขามีเวลาว่างเขาจะได้ไม่มีเวลาคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัวพี่ป้าน้าอามากนัก
ฉันทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกสดวกสบายใจ กิน เล่น เที่ยวและเรียนรู้ สัมผัสชีวิตแบบอเมริกันชน ความหลากหลายทางวัฒธรรม ทำให้เรามีchoices และ choice หนึ่งของพวกเราที่ปฎิบัติกันมาคือเย็นวันศุกร์เป็นวันแห่งการทาน Sushi อาหารการกินคือหนึ่งในหลายสิ่งที่มนุษย์เรายึดเอาเป็นสิ่งทดแทน
เย็นวันศุกร์ที่เกิดเหตุนั้นก็เช่นกัน ฉันสแกนลายนิ้วมือออกจากที่ทำงานตามกำหนดเวลาและขับรถมุ่งหน้าออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้านและรับลูกออกไปทาน Sushi อย่างที่เราทำๆกันมา
ทางด่วนสายนี้ฉันใช้มันเป็นทางทางทำงานมาตลอด5ปี ฉันและผู้คนเมืองนี้ทราบดีว่า Rush hour traffic นั้นสภาพทางด่วนจะกลายเป็นลานจอดรถไปทันที อาศัยอยู่ในเมือง/รัฐที่จำนวนผู้ขับรถโดยไม่เอาประกันสูงระดับต้นๆของประเทศเช่นเมืองนี้ ต้องเพิ่มความระมัดระวังอีกหลายเท่าตัว ความเคยชินหนึ่งที่ฉันทำจนเป็นนิสัยอย่างไม่เคยขาดตกก็คือจะไม่มีการใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถโดยเด็ดขาดแต่เพราะเป็นSingle momที่มีลูกเล็ก(ลูกมาตอนเรียนประถม) 2 คน Emergency เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ฉันต้องมีโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆตัวตลอดเวลา ฉันวางโทรศัพท์ใว้บนเบาะผู้โดยสารข้างๆ เผื่อมีสายเข้าจากเบอร์โทรฯEmergency ที่บันทึกใว้เท่านั้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันทำเป็นประจำก็คือก่อนจะขับรถฉันจะโทรฯหาลูกๆบอกเขาว่าฉันกำลังจะขับรถแล้วนะ เบอร์โทรฯพวกเขาสำคัญมากๆแต่ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นอย่างที่สุดอย่าโทรฯใว้คุยกันเมื่อฉันถึงบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่ฉันปฎิบัติ นี่ความความระมัดระวังและป้องกันของฉันที่หลายคนมองว่า Extreme เกินไปและไม่จำเป็น แต่ฉันก็ทำและทำมาโดยตลอด ฉันต้องการให้ลูกๆสามารถติดต่อฉันได้ทุกเมื่อแต่ขณะเดียวกันฉันก็ไม่เคยละเลยความปลอดภัยแม้แต่น้อยนิด
ไม่ว่าฉันจะรอบคอบ ป้องกันอย่างที่สุดอย่างไรแต่ความซวยก็เกิดขึ้นกับฉันจนได้ เย็นวันนั้นขณะที่รถฉันจอดนิ่งสนิทอยู่บนทางด่วนเพราะสภาพจราจร วินาทีนั้นฉันกำลังตัดสินใจจะพาลูกไปทาน Sushi ร้านไหนดี ใกล้ๆบ้านเรามีอยู่ 2-3 ร้านที่เราไปประจำ
ทันใดนั้นเสียงฉันได้ยินเสียงดังโคร๊มมมม!!เสียงอึกกะทึกที่บ่งบอกว่าต้นเสียงนั้นไม่มีทางที่จะเป็นอื่นได้เลยแต่มันเกิดขึ้นกับรถของฉันเอง พร้อมกันนั้นฉันรู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างแรงและเร็วมากจากด้านหลังรถและเกือบจะทันท่วงทีอีกแรงกระแทกหนึ่งมาจากด้านหน้า นิสัยหนึ่งในการระมัดระวังขณะขับรถคือฉันจอดรถเว้นระยะห่างอย่างน้อยหนึ่งช่วงตัวรถจากคันหน้า แต่กระนั้นแรงกระแทกก็ทำให้รถของฉันไถลไปชนรถอีกคันซึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่เช่นกัน เมื่อคุมสติได้รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองฉันมองหาโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรแจ้งเหตุ แต่มันได้อันตธานไปเสียแล้ว!!
ฉันโดนชนจากด้านหลังในขณะที่จอดนิ่งสนิท ฉันไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้เพราะแรงกระแทกทำให้โทรศัพท์ฉันกระเด็นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ความตกใจกลัวอย่างสุดขีดบวกกับความสิ้นหวัง เกิดมาไม่เคยสิ้นหวังมากขนาดนั้นมาก่อน มันเป็นความสิ้นหวังที่ชวนให้เย็นยะเยือกไปถึง Spinal cord ความรู้สึกที่หลอกหลอนฉันมาจนวันนี้ และทุกค่ำคืนตลอดเวลา3 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ
ฉันผ่านเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นมาได้อย่างไรฉันไม่รู้ แต่ต่อนี้ไปฉันบอกตัวเองจะไม่ Take anything for granted ชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมีคุณค่ามีความหมายมาก เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นเดือนๆฉันได้เห็นความเป็นความตาย ได้เห็นความทุกข์ทรมานแห่งโลกมนุษย์ ฉันบอกตัวเองว่าฉันคือผู้ที่โชคดีที่สุด วันนั้นแรงกระแทกที่ทำให้รถน้ำหนัก 4800+ ปอนด์พังยับเยินเสียหายทั้งคันแต่ฉันซึ่งเป็นคนขับโชคดีมากที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ฉันไม่รู้ว่าถ้าฉันตายวันนั้นลูกที่อยู่ในวัยเรียนทั้งสองจะเป็นอย่างไร
ฝากเป็นอุทาหรณ์กับคนที่ดื่มแล้วขับ คนที่ขับรถด้วยความประมาทและคิดว่าเล็กๆน้อยๆแค่นี้เองไม่เห็นไรหรอก คุณโชคดีที่...ยัง...ไม่เป็นอะไร แต่ความโชคดีนั้นไม่ใช่สิ่งการันตี ลด ละ เลิก ปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้นเสียได้ฉันอยากให้พวกคนทำ เพราะคุณไม่ทราบได้เลยว่าคุณจะโชคดีได้อีกสักกี่ครั้งกี่หน เพียงเสี้ยววินาทีเดียวชีวิตของคุณอาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล หรือที่เลวร้ายไปกว่านั้น คุณอาจจะไม่ได้ใช้คำว่าชีวิตอีกต่อไป คนที่มาชนฉันเขาคงไม่คิดหรอกว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เขาคงคิดเพียงว่าเรื่องเล็กน้อยเหมือนที่พวกคุณๆคิดกัน แต่เรื่องเล็กน้อยที่คุณคิดนั้นมันคือสิ่งทำลายอนาคตคุณไปตลอดชีวิต คุณอาจจะโชคดีอยู่บ้างที่ไม่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสแต่ด้วยข้อหาคดีอาญาติดตัวที่เป็นผลจาก...เรื่องเล็กน้อย...ที่คุณคิดและทำ อนาคตคุณคงไม่สดใสเท่าใดนัก ในฐานะผู้มีคดีอาญาติดตัวจะไม่มีนายจ้างคนไหนจ้างงานคุณอีกต่อไป