คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 32
กำลังจะสอบหมอทั้งที่อายุก็จะสามสิบแล้ว. เพื่อนๆก็ถามว่าอยากเป็นหมออะไร
ตอนนั้นคิดว่าอยากเป็นหมอสูติ เพราะคนไข้ครึ่งค่อนที่มาคือไม่ได้เป็นโรค แค่ท้อง คลอดแล้ว ได้ลูกน้อยออกมาดูโลก รู้สึกดีใจเหมือนได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
คิดไปคิดมาหมอสูติคือคนที่เสียสละสูงมาก ความเสี่ยงสูงมาก ความผิดพลาด เรื่องแทรกซ้อน และเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดได้ตลอด คนจะคลอดเลือกเวลาไม่ได้ ดึกดื่น ฝนตกฟ้าร้อง จะคลอดก็ต้องคลอด หมอก็ต้องมา เมื่อมีเหตุการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้น มันเกิดเร็วมากและมีเวลาแก้ไขกระชั้นชิดมากแม่หรือเด็กเสียชีวิต ทุกคนทำใจไม่ได้และจะคิดว่าหมอผิดเสมอ ต่างกับคนผ่าตัดสมองหรือผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะนะ คือเตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องตาย แม้ว่าหมอจะเตรียมการผ่าและประเมินทุกอย่างมาอย่างดี
เป็นกำลังใจให้หมอสูติที่ทำหน้าที่เต็มที่ทุกคน
เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ที่สูญเสียลูกๆไปถึงสามคนพร้อมกันด้วย ถ้าเป็นเราคงสิ้นสติสมประดี
ขอให้เรื่องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายค่ะ
ตอนนั้นคิดว่าอยากเป็นหมอสูติ เพราะคนไข้ครึ่งค่อนที่มาคือไม่ได้เป็นโรค แค่ท้อง คลอดแล้ว ได้ลูกน้อยออกมาดูโลก รู้สึกดีใจเหมือนได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
คิดไปคิดมาหมอสูติคือคนที่เสียสละสูงมาก ความเสี่ยงสูงมาก ความผิดพลาด เรื่องแทรกซ้อน และเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดได้ตลอด คนจะคลอดเลือกเวลาไม่ได้ ดึกดื่น ฝนตกฟ้าร้อง จะคลอดก็ต้องคลอด หมอก็ต้องมา เมื่อมีเหตุการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้น มันเกิดเร็วมากและมีเวลาแก้ไขกระชั้นชิดมากแม่หรือเด็กเสียชีวิต ทุกคนทำใจไม่ได้และจะคิดว่าหมอผิดเสมอ ต่างกับคนผ่าตัดสมองหรือผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะนะ คือเตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องตาย แม้ว่าหมอจะเตรียมการผ่าและประเมินทุกอย่างมาอย่างดี
เป็นกำลังใจให้หมอสูติที่ทำหน้าที่เต็มที่ทุกคน
เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ที่สูญเสียลูกๆไปถึงสามคนพร้อมกันด้วย ถ้าเป็นเราคงสิ้นสติสมประดี
ขอให้เรื่องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายค่ะ
คุณคนที่ใส่เสื้อสีชมพูนั่นน่ะ ถูกใจ, เจ้าหญิงส้ม ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1254978 ถูกใจ, Milkmoon ถูกใจ, R_doubleC ถูกใจ, Blue_cAraMel ถูกใจ, Imaginefoo ถูกใจ, Sial ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1105080 ถูกใจ, amean ถูกใจรวมถึงอีก 26 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
คือการเขียนของ จขกท มันมีอารมณ์ร่วมมากกกกกเกินไป จนมันชักนำคนอื่นให้เคลิ้มได้ง่ายอ่ะครับ ลองมาดูข้อเท็จจริงเป็นข้อๆนะ ไม่ใช้อคตินะครับ
" ultrasound 5 ครั้ง ไม่เจอว่าเป็นแฝด 3 "
- อันนี้มันก็น่าสงสัยจริงๆ ทำตอนอายุครรภ์น้อยๆ มันน่าจะเห็นนะ ยิ่งครรภ์แฝดน่าจะดูละเอียดใช้เวลานานกว่าปกติด้วย
" คุณหมอท่านบอกยังผ่าไม่ได้ ปอดพวกผมยังไม่สมบูรณ์ต้องรอให้ครรภ์ครบ 35 สัปดาห์ "
- อันนี้ค่อนข้างเห็นด้วยกับหมอ เพราะ เด็กปอดจะเจริญไม่เต็มที่ ทำให้คลอดมาแล้วปอดมีปัญหา อาจจะต้องนอน icu ใส่เครื่องช่วยหายใจ รอให้ปอดเจริญมากที่สุดจะดีกว่า
- แล้วก็ 32 สัปดาห์เศษ อย่าเรียกว่า 8 เดือนเศษเลย มันคือ 7 เดือนเศษ (8 เดือนคือ 240 วันหรือ 34 สัปดาห์เศษ ต่างหาก) เด็กจะตัวเล็กมาก มีสิทธิ์จะไม่ถึง 1500 กรัมด้วยซ้ำ
" พวกผมแข็งแรงสมบูรณ์ทุกคนจึงพากันดิ้นจนมดลูกของแม่ฉีกขาด ที่มดลูกแม่ตรงรอยแผลเดิม แม่ทนไม่ไหวจึงได้ให้พ่อรีบแจ้งพยาบาลตึก และแจ้งว่าทนไม่ใหวแล้วแน่นหายใจไม่ออก ท้องแข็ง มีเจ็บเสียวที่ใต้สะดือและแม่บอกทนไม่ใหวแล้วขอให้ผ่าเลย ผ่าเลย"
- ตอนนั้นคงไม่มีใครรู้ว่ามดลูกฉีกขาด จึงให้การดูแลเหมือนคนเจ็บครรภ์ธรรมดา แต่จขกท เขียนแบบนี้ เหมือนจะเขียนว่า ทุกคนรู้ว่ามดลูกฉีกขาดก็ไม่เห็นรีบรักษา ผมไม่ใช่หมอสู ไม่มีความรู้ว่า มดลูกฉีกมันวินิจฉัยยากง่ายขนาดไหน เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องรอหมอสูมาตอบ
ต่อไปมาตอบคำถามของจขกทกันนะครับ
1. ณ ขณะที่มีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่งต่อชีวิต นั้น ทำใมโรงพยาบาลจึงต้องย้อนกลับไปเตรียมวัดช่องคลอด วัดท้อง ทำใม หรือต้องการให้คลอดเอง มันงงจริง ๆ
- อย่างที่บอกไปข้างบนว่า ตอนนั้นคงไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นมดลูกฉีกขาด เลยปฏิบัติเหมือนคนเจ็บครรภ์ธรรมดา
2.การที่คนท้องได้ฝากพิเศษ ต่อแพทย์มีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ด้านสูติกรรม อัลตร้าซาวด์ถึง 5 ครั้ง พบเพียง 2 คน ซึ่งจริงๆ มี 3 คน และไม่ได้ประเมินความเสี่ยงของคนไข้เลยไช่ไม๊ ประเมินขนาดท้องที่ขนาดใหญ่มาก อาจเกิดเหตุได้
- มีการประเมิณความเสี่ยงแน่นอน แต่การประเมิณความเสี่ยงไม่ได้แปลว่าจะไม่มีความเสี่ยง ทำได้แค่ลดความเสี่ยง
3.การที่คนท้องต้องอยู่ในห้องคลอด โดยใช้เวลานานมากในขณะที่มีเหตุฉุกเฉินต่อชีวิต(ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง) ทำไปเพื่ออะไร
ใครรู้ช่วยตอบพวกผม 3 คนที่ จะไดไปสู่สุคติโดยสงบ ขอบคุณครับ
- คำตอบเดียวกับข้อ 1 ครับ
" ultrasound 5 ครั้ง ไม่เจอว่าเป็นแฝด 3 "
- อันนี้มันก็น่าสงสัยจริงๆ ทำตอนอายุครรภ์น้อยๆ มันน่าจะเห็นนะ ยิ่งครรภ์แฝดน่าจะดูละเอียดใช้เวลานานกว่าปกติด้วย
" คุณหมอท่านบอกยังผ่าไม่ได้ ปอดพวกผมยังไม่สมบูรณ์ต้องรอให้ครรภ์ครบ 35 สัปดาห์ "
- อันนี้ค่อนข้างเห็นด้วยกับหมอ เพราะ เด็กปอดจะเจริญไม่เต็มที่ ทำให้คลอดมาแล้วปอดมีปัญหา อาจจะต้องนอน icu ใส่เครื่องช่วยหายใจ รอให้ปอดเจริญมากที่สุดจะดีกว่า
- แล้วก็ 32 สัปดาห์เศษ อย่าเรียกว่า 8 เดือนเศษเลย มันคือ 7 เดือนเศษ (8 เดือนคือ 240 วันหรือ 34 สัปดาห์เศษ ต่างหาก) เด็กจะตัวเล็กมาก มีสิทธิ์จะไม่ถึง 1500 กรัมด้วยซ้ำ
" พวกผมแข็งแรงสมบูรณ์ทุกคนจึงพากันดิ้นจนมดลูกของแม่ฉีกขาด ที่มดลูกแม่ตรงรอยแผลเดิม แม่ทนไม่ไหวจึงได้ให้พ่อรีบแจ้งพยาบาลตึก และแจ้งว่าทนไม่ใหวแล้วแน่นหายใจไม่ออก ท้องแข็ง มีเจ็บเสียวที่ใต้สะดือและแม่บอกทนไม่ใหวแล้วขอให้ผ่าเลย ผ่าเลย"
- ตอนนั้นคงไม่มีใครรู้ว่ามดลูกฉีกขาด จึงให้การดูแลเหมือนคนเจ็บครรภ์ธรรมดา แต่จขกท เขียนแบบนี้ เหมือนจะเขียนว่า ทุกคนรู้ว่ามดลูกฉีกขาดก็ไม่เห็นรีบรักษา ผมไม่ใช่หมอสู ไม่มีความรู้ว่า มดลูกฉีกมันวินิจฉัยยากง่ายขนาดไหน เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องรอหมอสูมาตอบ
ต่อไปมาตอบคำถามของจขกทกันนะครับ
1. ณ ขณะที่มีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่งต่อชีวิต นั้น ทำใมโรงพยาบาลจึงต้องย้อนกลับไปเตรียมวัดช่องคลอด วัดท้อง ทำใม หรือต้องการให้คลอดเอง มันงงจริง ๆ
- อย่างที่บอกไปข้างบนว่า ตอนนั้นคงไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นมดลูกฉีกขาด เลยปฏิบัติเหมือนคนเจ็บครรภ์ธรรมดา
2.การที่คนท้องได้ฝากพิเศษ ต่อแพทย์มีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ด้านสูติกรรม อัลตร้าซาวด์ถึง 5 ครั้ง พบเพียง 2 คน ซึ่งจริงๆ มี 3 คน และไม่ได้ประเมินความเสี่ยงของคนไข้เลยไช่ไม๊ ประเมินขนาดท้องที่ขนาดใหญ่มาก อาจเกิดเหตุได้
- มีการประเมิณความเสี่ยงแน่นอน แต่การประเมิณความเสี่ยงไม่ได้แปลว่าจะไม่มีความเสี่ยง ทำได้แค่ลดความเสี่ยง
3.การที่คนท้องต้องอยู่ในห้องคลอด โดยใช้เวลานานมากในขณะที่มีเหตุฉุกเฉินต่อชีวิต(ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง) ทำไปเพื่ออะไร
ใครรู้ช่วยตอบพวกผม 3 คนที่ จะไดไปสู่สุคติโดยสงบ ขอบคุณครับ
- คำตอบเดียวกับข้อ 1 ครับ
Parryaoey ถูกใจ, Milkmoon ถูกใจ, Imaginefoo ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1105080 ถูกใจ, Bukbui7 ถูกใจ, Delegate สยอง, ช้อนเงิน ถูกใจ, ทอแสงตะวัน ถูกใจ, Espresso1z สยอง, Pink Whisky ถูกใจรวมถึงอีก 12 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 15
ฟ้อง ก็ชนะแหละครับ แต่แพ่งนะครับ อาญาคงไม่ชนะ รัฐจ่ายตามระเบียบ
ทำไมถึงเกิด เพราะการวินิจฉัยผิดพลาด ประเมินภาวะมดลูกแตกไม่ได้
ทำไมถึงวินิจฉัยไม่ได้ เพราะคนประเมินเป็นพยาบาล เต็มที่ก็เป็นแพทย์ใช้ทุน หมอสูติคงยากที่จะมาประเมินเองตอนตีหนึ่ง คงคิดว่าเป็นการเจ็บครรภ์ต้องผ่าคลอด ซึ่งรอได้ 2-3 ชั่วโมงเพื่อเตรียมตัว
ทำไมหมอสูติมาตรวจตีหนึ่งไม่ได้ เพราะฝากพิเศษครับ คนอยู่เวรไม่รับดูผู้ป่วยฝากพิเศษ
ถ้าวินิจฉัยได้แต่แรกต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ 2 ชั่วโมงสำหรับผู้ป่วยมดลูกแตกนี่นานเกินไป แม้ว่าส่วนใหญ่เด็กที่แม่มดลูกแตกมักจะไม่รอด
ถ้าฟ้อง หมายความว่าต้องฟ้องทั้งทีม หมอเวรซวยโคตรๆ ดีไม่ดีศาลไม่สนใจด้วยว่าฝากพิเศษ หมอเวรอาจต้องรับไปคนเดียว
ทำไมถึงเกิด เพราะการวินิจฉัยผิดพลาด ประเมินภาวะมดลูกแตกไม่ได้
ทำไมถึงวินิจฉัยไม่ได้ เพราะคนประเมินเป็นพยาบาล เต็มที่ก็เป็นแพทย์ใช้ทุน หมอสูติคงยากที่จะมาประเมินเองตอนตีหนึ่ง คงคิดว่าเป็นการเจ็บครรภ์ต้องผ่าคลอด ซึ่งรอได้ 2-3 ชั่วโมงเพื่อเตรียมตัว
ทำไมหมอสูติมาตรวจตีหนึ่งไม่ได้ เพราะฝากพิเศษครับ คนอยู่เวรไม่รับดูผู้ป่วยฝากพิเศษ
ถ้าวินิจฉัยได้แต่แรกต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ 2 ชั่วโมงสำหรับผู้ป่วยมดลูกแตกนี่นานเกินไป แม้ว่าส่วนใหญ่เด็กที่แม่มดลูกแตกมักจะไม่รอด
ถ้าฟ้อง หมายความว่าต้องฟ้องทั้งทีม หมอเวรซวยโคตรๆ ดีไม่ดีศาลไม่สนใจด้วยว่าฝากพิเศษ หมอเวรอาจต้องรับไปคนเดียว
Parryaoey ถูกใจ, Delegate ถูกใจ, ช้อนเงิน ถูกใจ, Espresso1z สยอง, Uvaria ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 852519 ถูกใจ, Mrs.เบาหวาน ถูกใจ, BGAlucard ถูกใจ, dysthymia ถูกใจ, ไม่ขาวไม่หมวยสวยแบบไทยๆ ซึ้งรวมถึงอีก 18 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 35
เสียใจด้วยนะครับ แต่ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นอีกด้าน
ทำไมถึงชอบจินตนาการกันไปเองว่า "นานไป" "ไม่ประเมินความเสี่ยง"
เรื่องนานไป รู้ได้ไงว่านานไป ถ้าคลอดเร็วไป เด็กตาย
จะโวยวายอีกไหมว่าทำไมทำเร็วไป ผิดหลักการ
มันมีระยะเวลาที่เหมาะสมในการคลอด ที่ปลอดภัย ตามหลักวิชา
อย่าใช้ความรู้สึกว่าตนแค่รู้สึกว่ารอนาน คือนานเกินไป
ไม่ประเมินความเสี่ยง รู้ได้ไงอีกแล้ว เด็กแฝดก้มีความเสี่ยง
อัลตร้าซาวตั้งหลายครั้ง เกินกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ
ก็เป็นการประเมินความเสี่ยง
การตรวจวัดขนาดปากมดลูก ตรวจภายในช่วงก่อนคลอด
ก็เป็นการประเมินการคลอดและความเสี่ยง
ช่วยบอกว่าพร้อมคลอดแค่ไหน ถ้าไม่ทำ ก็คือผิด
สรุปถ้าเด็กตาย ยังไงหมอก้ผิด? มาคลอดต้องรอดทุกคน?
พูดรวมๆตามธรรมชาติทุกโรค การคลอด
ก้ต้องมี%สูญเสีย เสียชีวิต ตามธรรมชาติอยู่แล้ว
การแพทย์ช่วยลด % นั้นลง แต่ไม่มีทางทำให้เป็น 0 เด็ดขาด
ขึ้นกับแแต่ละคน ดีแค่ไหนแล้วที่มีหมอ ไม่ต้องคลอดเองที่บ้าน
ทำไมถึงชอบจินตนาการกันไปเองว่า "นานไป" "ไม่ประเมินความเสี่ยง"
เรื่องนานไป รู้ได้ไงว่านานไป ถ้าคลอดเร็วไป เด็กตาย
จะโวยวายอีกไหมว่าทำไมทำเร็วไป ผิดหลักการ
มันมีระยะเวลาที่เหมาะสมในการคลอด ที่ปลอดภัย ตามหลักวิชา
อย่าใช้ความรู้สึกว่าตนแค่รู้สึกว่ารอนาน คือนานเกินไป
ไม่ประเมินความเสี่ยง รู้ได้ไงอีกแล้ว เด็กแฝดก้มีความเสี่ยง
อัลตร้าซาวตั้งหลายครั้ง เกินกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ
ก็เป็นการประเมินความเสี่ยง
การตรวจวัดขนาดปากมดลูก ตรวจภายในช่วงก่อนคลอด
ก็เป็นการประเมินการคลอดและความเสี่ยง
ช่วยบอกว่าพร้อมคลอดแค่ไหน ถ้าไม่ทำ ก็คือผิด
สรุปถ้าเด็กตาย ยังไงหมอก้ผิด? มาคลอดต้องรอดทุกคน?
พูดรวมๆตามธรรมชาติทุกโรค การคลอด
ก้ต้องมี%สูญเสีย เสียชีวิต ตามธรรมชาติอยู่แล้ว
การแพทย์ช่วยลด % นั้นลง แต่ไม่มีทางทำให้เป็น 0 เด็ดขาด
ขึ้นกับแแต่ละคน ดีแค่ไหนแล้วที่มีหมอ ไม่ต้องคลอดเองที่บ้าน
คุณคนที่ใส่เสื้อสีชมพูนั่นน่ะ ถูกใจ, Milkmoon ถูกใจ, Imaginefoo ถูกใจ, Sial ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1105080 ถูกใจ, แมวอ้วนเล่นโยคะ ถูกใจ, say2su ถูกใจ, millian ถูกใจ, Espresso1z ขำกลิ้ง, Pink Whisky ถูกใจรวมถึงอีก 28 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 62
สำหรับคนทั่วไปผมอยากบอกแบบนี้นะครับ
ในทางการแพทย์ การตัดสินใจให้การรักษาต่าง ๆ มันไม่มีว่าถูกหรือผิดแน่ ๆ แบบรู้ผลลัพธ์ล่วงหน้า100% นะครับ
สิ่งที่แพทย์ทำคือประเมินความเป็นไปได้ และเลือกทางที่เหมาะสมที่สุดครับ
อย่างในกรณีนี้ มันมีความเป็นไปได้ยังไงบ้าง
1. รอคลอดแบบที่ทำนี่แหละ ให้ปอดเด็กพร้อมอีกหน่อย แล้วผ่าคลอด
ผลลัพธ์ : 1.1 ได้เด็กที่สมบูรณ์, 1.2 เป็นตามข่าว, 1.3 เด็กก็ยังมีปอดที่ไม่สมบูรณ์อยู่ดี
2. ผ่าเลยทันทีตามที่หลายคนอยากให้เป็น
ผลลัพธ์ : 2.1 ได้เด็กที่สมบูรณ์, 2.2 ได้เด็กที่ปอดไม่พร้อม หายใจไม่ไหว, 2.3 เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะผ่าตัด เพราะประเมินคนไข้ไม่ครบถ้วน
จะเห็นว่ามันมีความเป็นไปได้ได้หลายอย่าง และทุกข้อเคยเกิดมาแล้วทั้งนั้น
ผมยกตัวอย่างแค่ 6 เหตุการณ์พอ อยากให้ลองถามตัวเองว่าท่านรับได้หรือไม่ได้กับเหตุการณ์ไหนบ้าง
สมมุติว่าเหตุการณ์นี้เป็น 2.2 หมอผ่าทันที ปรากฎว่ามดลูกแม่ก็ยังปกติ แต่เด็กที่ได้ หายใจไม่ไหวซักคน
ถ้าคุณรู้ว่าอายุครรภ์แค่นี้ ยังไงปอดก็ไม่สมบูรณ์แน่ ๆ คุณจะรู้สึกอย่างไร และถ้ารู้ว่าถ้ารออีกหน่อยจะได้เด็กที่สมบูรณ์แล้ว
ตอนที่เห็นเด็กหอบ คุณจะไม่คิดอยากจะกลับไปรอหรือ
หลาย ๆ คนสงสัยว่าหมอที่ดูแลทำอะไรอยู่ ถ้าให้ผมเดาก็คงเพราะคิดว่าโอกาสของ 1.1 น่าจะมากที่สุด จึงทำแบบนั้น
บางคนบอกว่าเป็นหมอพลาดไม่ได้ หรือว่าหมอพลาดแล้วต่อว่าไม่ได้หรือ ผมอยากถามว่า ที่ว่าพลาดคืออะไร
ถ้าวันนั้นหมอตัดสินใจผ่าทันที แล้วเด็กออกมาหายใจไม่ได้ เสียชีวิตทั้งหมด
หรือไปถึงไม่ต่งไม่ตรวจไม่ประเมินอะไรเลย เพราะอยากผ่าให้เร็วที่สุด แล้วเกิดภาวะแทรกซ้อนที่น่าจะทราบก่อนหรือป้องกันได้ เรียกว่าพลาดหรือไม่
หรือถ้าทำแบบที่ทำนี้ทุกอย่าง แต่ได้เด็กที่แข็งแรงตามปกติ เรียกว่าพลาดหรือไม่
การแพทย์ปัจจุบันอยู่บนพื้นฐานของความน่าจะเป็น ไม่ใช่ถูกผิดครับ แต่ความน่าจะเป็นไม่ใช่โยนหัวก้อยนะครับ
มันเป็นความน่าจะเป็นบนพื้นฐานของสถิติ ของสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อน
ดังนั้นหมอจึงบอกได้แค่ว่าอาจเกิดอะไรขึ้นบ้าง โอกาสมากน้อยเท่าไร
ในทางการแพทย์ เมื่อผลลัพธ์ของการรักษาออกมาแล้ว พอย้อนกลับไปดูเราจะเห็นจะบอกได้เสมอว่าควรทำอะไรที่แตกต่าง
ซึ่ง"อาจจะ"เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้ แต่ก็แค่"อาจจะ"นะครับ เพราะความเป็นจริงก็ไม่มีใครบอกได้ว่ามันจะดีกว่าเดิมครับ
ที่ว่ามาทั้งหมดไม่ใช่จะบอกว่าหมอไม่มีวันทำผิดพลาดนะครับ ทำผิดพลาดก็มีครับ
แต่อยากให้ทุกท่านเข้าใจตรงกันก่อนว่าผลลัพธ์ของการรักษาไม่ใช่เป็นตัวตัดสินว่าถูกหรือผิดครับ
สุดท้าย ขอแสดงความเสียใจต่อทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วยครับ
ในทางการแพทย์ การตัดสินใจให้การรักษาต่าง ๆ มันไม่มีว่าถูกหรือผิดแน่ ๆ แบบรู้ผลลัพธ์ล่วงหน้า100% นะครับ
สิ่งที่แพทย์ทำคือประเมินความเป็นไปได้ และเลือกทางที่เหมาะสมที่สุดครับ
อย่างในกรณีนี้ มันมีความเป็นไปได้ยังไงบ้าง
1. รอคลอดแบบที่ทำนี่แหละ ให้ปอดเด็กพร้อมอีกหน่อย แล้วผ่าคลอด
ผลลัพธ์ : 1.1 ได้เด็กที่สมบูรณ์, 1.2 เป็นตามข่าว, 1.3 เด็กก็ยังมีปอดที่ไม่สมบูรณ์อยู่ดี
2. ผ่าเลยทันทีตามที่หลายคนอยากให้เป็น
ผลลัพธ์ : 2.1 ได้เด็กที่สมบูรณ์, 2.2 ได้เด็กที่ปอดไม่พร้อม หายใจไม่ไหว, 2.3 เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะผ่าตัด เพราะประเมินคนไข้ไม่ครบถ้วน
จะเห็นว่ามันมีความเป็นไปได้ได้หลายอย่าง และทุกข้อเคยเกิดมาแล้วทั้งนั้น
ผมยกตัวอย่างแค่ 6 เหตุการณ์พอ อยากให้ลองถามตัวเองว่าท่านรับได้หรือไม่ได้กับเหตุการณ์ไหนบ้าง
สมมุติว่าเหตุการณ์นี้เป็น 2.2 หมอผ่าทันที ปรากฎว่ามดลูกแม่ก็ยังปกติ แต่เด็กที่ได้ หายใจไม่ไหวซักคน
ถ้าคุณรู้ว่าอายุครรภ์แค่นี้ ยังไงปอดก็ไม่สมบูรณ์แน่ ๆ คุณจะรู้สึกอย่างไร และถ้ารู้ว่าถ้ารออีกหน่อยจะได้เด็กที่สมบูรณ์แล้ว
ตอนที่เห็นเด็กหอบ คุณจะไม่คิดอยากจะกลับไปรอหรือ
หลาย ๆ คนสงสัยว่าหมอที่ดูแลทำอะไรอยู่ ถ้าให้ผมเดาก็คงเพราะคิดว่าโอกาสของ 1.1 น่าจะมากที่สุด จึงทำแบบนั้น
บางคนบอกว่าเป็นหมอพลาดไม่ได้ หรือว่าหมอพลาดแล้วต่อว่าไม่ได้หรือ ผมอยากถามว่า ที่ว่าพลาดคืออะไร
ถ้าวันนั้นหมอตัดสินใจผ่าทันที แล้วเด็กออกมาหายใจไม่ได้ เสียชีวิตทั้งหมด
หรือไปถึงไม่ต่งไม่ตรวจไม่ประเมินอะไรเลย เพราะอยากผ่าให้เร็วที่สุด แล้วเกิดภาวะแทรกซ้อนที่น่าจะทราบก่อนหรือป้องกันได้ เรียกว่าพลาดหรือไม่
หรือถ้าทำแบบที่ทำนี้ทุกอย่าง แต่ได้เด็กที่แข็งแรงตามปกติ เรียกว่าพลาดหรือไม่
การแพทย์ปัจจุบันอยู่บนพื้นฐานของความน่าจะเป็น ไม่ใช่ถูกผิดครับ แต่ความน่าจะเป็นไม่ใช่โยนหัวก้อยนะครับ
มันเป็นความน่าจะเป็นบนพื้นฐานของสถิติ ของสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อน
ดังนั้นหมอจึงบอกได้แค่ว่าอาจเกิดอะไรขึ้นบ้าง โอกาสมากน้อยเท่าไร
ในทางการแพทย์ เมื่อผลลัพธ์ของการรักษาออกมาแล้ว พอย้อนกลับไปดูเราจะเห็นจะบอกได้เสมอว่าควรทำอะไรที่แตกต่าง
ซึ่ง"อาจจะ"เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้ แต่ก็แค่"อาจจะ"นะครับ เพราะความเป็นจริงก็ไม่มีใครบอกได้ว่ามันจะดีกว่าเดิมครับ
ที่ว่ามาทั้งหมดไม่ใช่จะบอกว่าหมอไม่มีวันทำผิดพลาดนะครับ ทำผิดพลาดก็มีครับ
แต่อยากให้ทุกท่านเข้าใจตรงกันก่อนว่าผลลัพธ์ของการรักษาไม่ใช่เป็นตัวตัดสินว่าถูกหรือผิดครับ
สุดท้าย ขอแสดงความเสียใจต่อทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วยครับ
สมาชิกหมายเลข 1194764 ถูกใจ, คุณคนที่ใส่เสื้อสีชมพูนั่นน่ะ ถูกใจ, HHboom ถูกใจ, หมอหมู ถูกใจ, วิ่งเปี้ยว ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1254978 ถูกใจ, Milkmoon ถูกใจ, หิมะละลาย ถูกใจ, ตกปลากับแมวน้ำที่แอนตาร์กติกา ถูกใจ, ablazE ถูกใจรวมถึงอีก 18 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 31
ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสีย ...
ปล. ขอ งด แสดงความคิดเห็นของผม เนื่องจาก ไม่เชี่ยวชาญ และ มีผู้แสดงความคิดเห็นหลายหลายอยู่แล้ว แต่อยากจะนำข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง เผื่อท่านใดที่สนใจ จะแวะไปอ่านนะครับ
เขาตราหน้า ว่าหมอฆ่าคน : หนังสือ ชนะเลิศรางวัลชมนาด "The Best Of Non-Fiction" ครั้งที่ ๔ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=16-08-2015&group=7&gblog=192
ครรภ์เป็นพิษ ..... พญ. ชัญวลี ศรีสุโข http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=11-06-2013&group=4&gblog=100
โชคดีที่ไม่เรียนวิชาสูติศาสตร์ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=7&gblog=14
มดลูกเกือบแตก http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=07-02-2009&group=7&gblog=15
มดลูกแตก ..... ( ความรู้ ประกอบการติดตามข่าว ) http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=4&gblog=68
โรคน้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด .... ( ความรู้ ประกอบ การติดตามข่าว ) http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=4&gblog=69
ปล. ขอ งด แสดงความคิดเห็นของผม เนื่องจาก ไม่เชี่ยวชาญ และ มีผู้แสดงความคิดเห็นหลายหลายอยู่แล้ว แต่อยากจะนำข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง เผื่อท่านใดที่สนใจ จะแวะไปอ่านนะครับ
เขาตราหน้า ว่าหมอฆ่าคน : หนังสือ ชนะเลิศรางวัลชมนาด "The Best Of Non-Fiction" ครั้งที่ ๔ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=16-08-2015&group=7&gblog=192
ครรภ์เป็นพิษ ..... พญ. ชัญวลี ศรีสุโข http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=11-06-2013&group=4&gblog=100
โชคดีที่ไม่เรียนวิชาสูติศาสตร์ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=7&gblog=14
มดลูกเกือบแตก http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=07-02-2009&group=7&gblog=15
มดลูกแตก ..... ( ความรู้ ประกอบการติดตามข่าว ) http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=4&gblog=68
โรคน้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด .... ( ความรู้ ประกอบ การติดตามข่าว ) http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=4&gblog=69
Parryaoey ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1254978 ถูกใจ, Milkmoon ถูกใจ, Imaginefoo ถูกใจ, แมวอ้วนเล่นโยคะ ถูกใจ, หัวฟูผู้อยากเที่ยวรอบโลก! ถูกใจ, ช้อนเงิน ถูกใจ, ibaboo ถูกใจ, Pink Whisky ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1269643 ถูกใจรวมถึงอีก 19 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
แฝดสามดับ หมอให้รอผ่าสามชั่วโมง แถมไม่รู้ว่ามีสามคน
เหตุการเศร้าสะเทือนใจของครอบครัวหนึ่งในจังหวัดชัยนาท ที่ต้องสูญเสียลูกแฝด 3 พร้อมๆกัน จากการรอผ่าตัดคลอดนานเกือบสามชั่วโมง หลังผ่าตัดพบว่าลูกทั้งสามได้เสียชีวิตแล้ว คุณพ่อผู้สูญเสีย ได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมทิ้งคำถามไว้ ข้อความทั้งหมดจากคุณพ่อมีดังต่อไปนี้ค่ะ
คุณหมอครับ พวกผมทำอะไรผิดเหรอครับ
พ่อแม่พาพวพวกผมฝากท้อง แบบฝากพิเศษเสียด้วย (ฝากดูแลพิเศษก็คือได้รับการดูแลพิเศษจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติกรรม ยิ่งกว่าธรรมดาน่ะซี) พวกผมก็ดีใจที่สุขภาพแข็งแรงทั้ง 3 พี่น้อง ) คิดว่าปลอดภัยแน่แล้ว แต่เอ.คุณหมออัลตร้าซาวด์ตอนพวกผมอยู่ในท้อง ถึง 5 ครั้ง ตลอดมา โดยครั้งสุดท้ายได้ อัลตร้าซาวด์เมื่อวันพุธที่ 5 สิงหาคม 2558 (เนื่องจากแม่อึดอัดแน่นท้องหายใจไม่ออก ทนไม่ใหวที่จะรอตามกำหนดนัดตรวจในวันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2558) แต่คุณหมอก็ยังยืนยันว่าพวกผมมีพี่น้องแฝดแค่ 2 คน ทั้ง ๆ ที่ท้องแม่ใหญ่มาก ..แม่ก็บอกกับหมอว่าทนไม่ใหวแล้วขอให้ผ่าเลย แต่คุณหมอท่านบอกยังผ่าไม่ได้ ปอดพวกผมยังไม่สมบูรณ์ต้องรอให้ครรภ์ครบ 35 สัปดาห์ (ประมาณวันที่ 26,27,28 สิงหาคม 2558) และแม่กลัวครรภ์มีปัญหาจึงขอแอ็ดมิดเข้านอนรอที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ในวันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม 2558 ที่ตึกหลวงปู่ศุข เพื่อรอตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติกรรม และได้รับการฉีดยากระตุ้นปอดพวกผมในวันพฤหัส และวันศุกร์ (เนื่องจากต้องนอนรออีกนานกว่าจะถึงกำหนดตามหมอกำหนดในวันที่ 26-28 สิงหาคม 2558 ) ในการนี้คุณหมอที่ฝากพิเศษท่านทราบดีครับว่าแม่ได้รับการผ่าตัดคลอดลูกมาแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจากฝากพิเศษกับท่านมาตลอดทั้ง 2 ครั้ง ครั้งนี้น่าจะมีการประเมินความความเสี่ยงอย่างสูง เนื่องจากเป็นครรภ์ที่ 3 และแฝดด้วย และครรภ์ก็มีขนาดใหญ่มาก แม่เดินไม่ค่อยไหว ขณะนี้พวกผมมีอายุครรภ์ 32 สัปดาห์เศษ ( 8 เดือนเศษแล้วครับ) และแล้วในวันที่ 9 สิงหาคม 2558 เวลา 01.00 น พวกผมแข็งแรงสมบูรณ์ทุกคนจึงพากันดิ้นจนมดลูกของแม่ฉีกขาด ที่มดลูกแม่ตรงรอยแผลเดิม แม่ทนไม่ไหวจึงได้ให้พ่อรีบแจ้งพยาบาลตึก และแจ้งว่าทนไม่ใหวแล้วแน่นหายใจไม่ออก ท้องแข็ง มีเจ็บเสียวที่ใต้สะดือและแม่บอกทนไม่ใหวแล้วขอให้ผ่าเลย ผ่าเลย แต่ด้วยระเบียบปฏิบัติในกรรมวิธีการคลอดของโรงพยาบาล ทำให้แม่ต้องได้รับการเข็นกลับไผยังห้องคลอด เพื่อตรวจปากมดลูก ตรวจคลื่นหัวใจ วัดขนาดท้อง และเตรียมความพร้อมให้แพทย์ และรายงานแพทย์เพื่อเซ็ทห้องผ่าตัดตามระเบียบ พวกผมอยู่กับคุณพยาบาลในห้องคลอดนานมาก(นับจาก 01.00 น.กว่าจะถึงหน้าห้องผ่าตัดก็เวลา 02.39 น แล้วและได้ผ่าประมาณ 02.51 น.) จนพวกผมทนไม่ไหว เลือดออกในมดลูกมากและรกพวกผมหลุดลอยในท้องขาดเลือด ขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตทั้งหมด 3 คนพี่น้อง จึงอยากทราบว่า
1. ณ ขณะที่มีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่งต่อชีวิต นั้น ทำใมโรงพยาบาลจึงต้องย้อนกลับไปเตรียมวัดช่องคลอด วัดท้อง ทำใม หรือต้องการให้คลอดเอง มันงงจริง ๆ
2.การที่คนท้องได้ฝากพิเศษ ต่อแพทย์มีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ด้านสูติกรรม อัลตร้าซาวด์ถึง 5 ครั้ง พบเพียง 2 คน ซึ่งจริงๆ มี 3 คน และไม่ได้ประเมินความเสี่ยงของคนไข้เลยไช่ไม๊ ประเมินขนาดท้องที่ขนาดใหญ่มาก อาจเกิดเหตุได้
3.การที่คนท้องต้องอยู่ในห้องคลอด โดยใช้เวลานานมากในขณะที่มีเหตุฉุกเฉินต่อชีวิต(ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง) ทำไปเพื่ออะไร
ใครรู้ช่วยตอบพวกผม 3 คนที่ จะไดไปสู่สุคติโดยสงบ ขอบคุณครับ
น่าส่งสารมากค่ะ สามคนแหนะ