เยือนแดนปลาดิบ เที่ยวแบบฮิปๆ ตามติดชีวิตสิบวันจากโตเกียวสู่โอซาก้า #2 สามวันในโตเกียว นี่สิ....เรียลเจแปน

ท้าวความเดินตอนที่แล้ว

เยือนแดนปลาดิบ เที่ยวแบบฮิปๆ ตามติดชีวิตสิบวัน จากโตเกียวสู่โอซาก้า #1 ปฐมบทแห่งความครื้นเครง เริ่มบรรเลง ณ บัดนาว หัวเราะ
http://pantip.com/topic/33979986

และฝากผลงานตอนต่อๆไป
#3 ยู้ฮู ฟูจิซัง..หนีไปซบทาคายาม่า-บ้านสามเหลี่ยม  >>> http://pantip.com/topic/34052635  ((ขออภัยที่พาไปทาคายาม่าไม่ทัน เลยมาต่อกะทู้นี้แยกน้า)    
#4 ลิ้มHida Beefที่ทาคายาม่า ชมชิราคาวาโกะในฤดูซากุระ >>> http://pantip.com/topic/34077135    
#5 ..วันเดียวเที่ยวเกียวโต..เมืองแห่งความศรัทธา    >>> http://pantip.com/topic/34089007
#6 ปิดท้ายโอซาก้า ชมเทศกาลซากุระที่โรงกษาปณ์  >>> http://pantip.com/topic/34093810

อิชั้นยังมิได้หาย หรือโดนเนรเทศออกจากห้องนี้นะคะ แต่เพราะติดภารกิจมากมาย ต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะ #กราบงามๆแบบเบญจางคประดิษฐ์

แวะมาให้กำลังใจกันได้ที่ www.facebook.com/NeverEndingJourneyByOn




เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

ตาม Schedule นะคะ Part นี้ เราจะมาพูดถึงวันออกเดินทางจนถึงสามวันแรกที่เราอยู่โตเกียว มหานครความชิค กันค่ะ

Day 0 เดินทาง          : สุวรรณภูมิ - Hanoi airport
Day 1 Tokyo            : Narita airport -Roppongi -Omotesando - Shibuya
Day 2 Tokyo            : Roppongi - Ueno park - Ameyoko - Sensoji temple - Tokyo Skytree - Ginza
Day 3 Tokyo            : Tsukiji market - Odaiba - Shinjuku - Shibuya

ป่ะ เปิดบันทึกการเดินทางกันได้ซะที เฮ้ หัวเราะ



#onbenvacayaway เป็นชื่อทริปของเราค่ะ อิอิ

4-เม.ย.-15  : ออกเดินทางแบบชิคๆ กับ Vietnam Airlines

สิ่งที่มโน........
ไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออกซัก 3 ชม เดินเล่นสวยๆใน Duty Free (แต่ไม่ซื้อหรอกนะ)
หามุมถ่ายรูปชิคๆคูลๆ อัพลงเฟสตอนเวลา Prime time เพื่อให้คนมากดไลค์
นั่งทอดอารมณ์มองเครื่องบิน ท้องฟ้า หมู่นกกาพากันบินกลับรัง….

สิ่งที่เป็น........
3 ชม ก่อนเครื่องออกยังอยู่แถวย่านลาดพร้าวที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดสุดๆอยู่เลยจ้า สุดท้ายต้องนั่ง Airport Link จากมักกะสันไป
เพราะเกรงว่าหากนั่งรถยนต์ไปถึงสุวรรณภูมิ คงต้องโบกมือบ๊ายบายกระเป๋าใบเขื่องอันหนักอึ้งที่แบกกันมา
เมื่อเหยียบสนามบิน สองเท้าก็ซอยยิกๆๆซิคะ จะไม่ทันแล้วววว
อ้อ! เรานัด Pocket wifi ให้เค้ามาส่งที่สนามบินด้วยค่ะ เราใช้ของ Samurai wifi ตามรูปเลยค่ะ สัญญาณโออยู่นะ ในเมืองเล่นได้ดีเลยแหละ มีสัญญาณขาดช่วงบ้างตอนเราไปบ้านนอก



// ตัดภาพมาที่Counter Check in ของสายการบิน Vietnam airlines
เยส...เช็คอินเสร็จแล้ว เราก็รีบไปหา Gate เลยค่า… เวลาก็กระชั้นชิดเข้ามา Gate ก็ไกลได้อีก…

ขอกล่าวถึงสายการบินนี้เล็กน้อยพอสังเขป...
ใช่ค่ะ เราบินกับสายการบิน  Vietnam Airlines ที่ต้องไปต่อเครื่องที่ฮานอย แต่โดยรวมก็ไม่แย่นะ บินทั้งหมดรวมเวลา transfer ก้ 9-11 ชม.
เหตุผลอย่างเดียวคือ มัน"ถูก" ที่สุดเท่าที่เราหาได้ (ขอผ่านมาเลเซียแอร์ไลน์ที่ราคาถูกกว่า แต่อิชั้นยังอกสั่นขวัญผวาไม่หาย)

ภาพรวมของ Vietname Airline ใช้ได้เลยนะ ก้ Full service อ่ะ มีอาหาร ,Checked Baggage ครบ! เสียอย่างเดียว
ตั้งแต่จองมันมา ปลายเดือน พย ปีที่แล้ว

มันเปลี่ยนแปลง Flight จนงงล่ะค่ะ เปลี่ยนจนวันก่อนบิน คือลงนาริตะช้าไปอีก 2 ชม ได้  
สอนให้เราพบสัจธรรมที่ว่า "ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน" ....ถุ๊ย....
(16,185 บาท/คนสำหรับช่วงซากุระบานแฉ่ง)



อ้อ ลืมบอก เราแวะพักเครื่องที่ฮานอย 5 ชม ครึ่ง แถมตอนดึก ! นอนสิคะนอนนนในสนามบินมันนี่ละ สนามบินฮานอยไม่แย่นะยูววว นอนได้สบายย



5-เม.ย.-15    : วันแรกที่โตเกียว เที่ยวเมืองกลางฝนพรำ

เหยียบสนามบินตอน 9โมงครึ่ง เรารีบพุ่งไปซื้อตั๋ว Skyliner เพื่อเข้าเมือง (มันมีเป็นแพคเกจ โดยเราเลือก Skyliner +2day pass ของ mrt 2 เจ้าใหญ่ Toei กะ Metro ราคา 3,200เยน) โดยเราลง Ueno ต่อรถไฟฟ้า เพื่อที่จะไป Roppongi

เรานัด Host ที่เราจะไปพักไว้ ตอนประมาณเที่ยงๆ บริเวณตึก Mori ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Roppongi
ที่พักที่โตเกียว 3 คืน เราลองจองผ่าน Airbnb เป็นครั้งแรก

Airbnb คืออะไร บางคนอาจจะรู้แล้ว เพราะเด๋วนี้เริ่มแพร่หลาย หรือบางคนอาจจะยังไม่รู้ มาดูกัน
Airbnb (ในความคิดเรา) เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความเป็น local สัมผัสบรรยากาศเรียลๆมากกว่า และราคาคุ้มค่า(มีให้เลือกตั้งแต่ถูกยันแพง)
ทั้งนี้ ก็มีหลายสไตล์ด้วยกัน มีทั้ง บ้านทั้งหลัง ห้องส่วนตัว แต่เราดันเลือกแบบ Shared room แถมยังเป็นผู้ชาย! (สารภาพว่าตอนจองไม่ได้คิดไร เห็นราคาถูก ทำเลดี และมีคนรีวิวค่อนข้างโอ)

Host ของเราชื่อนาโอกิ ดูจากรูปนึกว่าเป็นเกย์ ((ก่อนมา เราแอดไลน์คุยกันก่อน จะได้นัดแนะเวลากันถูกค่ะ)) พอเจอตัวจริง เฮ้ย! เป็นน้องชายที่คิ้วมาก
ที่พักเราอยู่ย่าน Roppongi ค่อนข้างเจริญและเดินทางสะดวก แต่ห้องค่อนข้างเล็ก เหมาะกับมาพักคนเดียว หรือสองคน คือเปิดประตูเข้าไปก้เจอห้องครัว เดินถัดไปอีกนิด คือห้องนอน

นาโอกิให้เราสองคนนอนเตียง ส่วนเค้านอน Sleeping bag อีกฝั่ง ...สัมผัสเรียลโตเกียวจริงๆ ตื่นเช้า/ก่อนนอนเห็นหน้ากันตลอด
แต่ก็ประทับใจนะ เพราะนาโอกิเป็นมิตร และชอบพูดคุย ให้คำปรึกษาเราได้ว่าเราควรแพลนอย่างไร บลาๆๆ คุยกะเค้าก้เพลินๆ สนุกดี หัวเราะ

แต่พอดีเราไม่ได้ถ่ายรูปห้องเค้ามาน่ะค่ะ กลัวเสียมารยาท มีแต่รูปคู่ที่ระลึก อิอิ

ตอนอยู่ในห้อง เราให้สมญานามเค้าว่า "พี่โย่ง" นางจะได้ไม่รุว่าพวกเราพูดถึงนางอยู่ หึหึ

ใครสนใจติดต่อได้ที่ https://th.airbnb.com/rooms/2946385


มาเริ่มทริปจริงๆซะทีเหอะ!

วางของ ร่ำลานาโอกิเสร็จ

เดินออกมาข้างนอก...

ฝนตก...

หนาวโคตร...

…..

นึกว่าช่วงซากุระบาน จะหนาวแบบชิลๆ … เรากระชับเสื้อแจคเกตให้แน่นขึ้น จับร่มไม่ให้ส่าย และออกเดินทางไป Omote-sando ย่านฮิปๆตามคำแนะนำของ นาโอกิ

โชคดีนะ..นาโอกิให้ยืมร่ม คิ้วจุงงง

ตอนนี้มาโผล่ที่ สถานี Omote-sando แบบงงๆ เดินตามชาวบ้านไปตามทางที่เค้าไปกันเยอะๆ ไปเจอร้าน Flying tiger คนเยอะมั่ก
ด้วยนิสัยไทยมุง จึงเดินเข้าไปดูบ้าง โธ่ววว มันคือร้านแนว Loft บวกสำเพ็ง คือมีของกระจุกกระจิก ขายไอเดียในราคาย่อมเยา

สักพักท้องเริ่มโครกคราก เพราะตั้งแต่ลงจากเครื่องจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย เราพยายามตามหาร้านอาหาร แต่ก็ไม่เจอที่น่ากิน
จนไปเจอ Maisen แต่อารมณ์แบบ มื้อแรกตูขอ Special ได้มะ กลับบ้านไปกินเมืองไทยไป๊ ….

สุดท้ายเรายืนอยู่หน้าร้าน To go ของ Maisen เพราะทนความหิวไม่ไหว

ยอมแพ้กระเพาะที่กำลังประท้วงอย่างหนัก เราสั่งหมูทอด กะกุ้งโครอกเกะเสียบไม้กัน

รอดละ

อร่อยยยยยยยอ่ะ ^____^ (คือหน้ามืดตามัวหิวมากจนไม่ทันได้ถ่ายรูป)

**เราไม่ลืมที่จะปฏิบัติตามวัฒนธรรมของที่นี่ ด้วยการ ยืนกินให้เป็นที่เป็นทาง เดินไปกินไปไม่ได้นะเด๋วโดนตีเท้าหัวตาตุ่มแตก


เรามีแรงเดินกันต่อ ตามสัญชาตญาณที่มีน้อยนิด เริ่มรุสึกว่าเดินมาผิดทาง เลยลัดเลาะออกไปเดินที่ถนนใหญ่กันดีกว่า
ถนนนี้คราคร่ำไปด้วยฝูงชนวัยรุ่นญี่ปุ่นมากมาย...จริงๆ



เราไหลตามคนไป ท้องยังคงหิวอยู่ จึงสอดส่ายสายตาหาของกิน จนไปเจอร้านนึงคนต่อแถวพอสมควรเป็นเครื่องการันตีว่ารสชาติต้องใช้ได้

เดินมาใกล้ๆ….

Heiroku Sushi

คุ้นๆนะ

…เซ็นทรัลพระรามเก้ามั้ย? ไม่ต้องรอคิวด้วย

เวลาเราตัดสินร้านอาหารจากครั้งแรก เราดูจากอะไรกัน

ค่ะ เราเชื่อว่าร้านไหนมีคนต่อคิว ร้านนั้นดีงาม นี่ฝนก้ตกปรอยๆ ลองหน่อยละกัน -_-

เรายืนกางร่มต่อแถวไปสักพัก ก้ได้เคลื่อนตัวมาที่หน้าร้าน

บร๊ะ!!!

นี่มันคืออะไรกัน


สิ่งประดิษฐ์นี้มันช่าง……………..เริ่ด!

อยากจะให้เอามาตั้งที่สถานีรถไฟบ้านเราเสียจริง

ใช่ละ ! มันคือ ที่ใส่ถุงพลาสติคให้ร่ม (เรียกมะถูกอ่ะ)

แค่คุณเสียบร่มลงไปในรู และดึงออกมาด้านข้าง ...ร่มของคุณก้จะถูกหุ้มพลาสติคอย่างสวยงาม

ดีงาม

นี่เป็นสิ่งเดียวที่เราชื่นชมจากร้านนี้….

**ขอแก้ไขค่า เค้าบอกว่าที่เมืองไทยก้มีมานานแล้วนะ สงสัยเราจะอยู่หลังเขา อายจุง >__<**

ฮ่าๆ  อาหารก็โอนะ แต่ว่ารู้สึกยังไม่ถึงญี่ปุ่นอ่ะ มันอร่อยแบบพื้นๆเกินไป  ชั้นอยากจะลิ้มรสความอร่อยแบบเรียลเจแปนน่ะ เข้าใจช่ะ?


โบกมือลาแล้วเดินต่อไป เราพุ่งตัวไปที่ Shop ของโอนิซึกะที่อยู่ไม่ไกลจากนี้ แค่เดินไปฝั่งตรงข้ามเข้าซอยไปสักพัก…

สาขาที่โอโมเตะซานโดะนี้เป็น สาขาใหญ่ มีของให้เลือกเยอะเลย ราคาสำหรับเรายังว่าแพงอ่ะ
เลยสอยรุ่นที่ถูกสุด คือ แบบไม่มีสายและเหยียบส้นมา อ้อ!! เวลาจ่ายตังค์อย่าลืม Show Passport เพื่อรับส่วนลด 10% นะจ๊ะ  อันนี้คือไม่มี tax refund ละนะ

ยัง...ยังไม่พอกับรองเท้า

เดินตรงไปเรื่อยๆ มุ่งไปทางชิบูย่า เราเจอ ABC Mart ร้านขายรองเท้ากีฬาสุดฮิตของที่นี่ ที่มีมากมายดาษดื่นทั่วญี่ปุ่น

แน่นอนว่า ไม่พลาด….สอยมาอีกคู่ (ไม่ได้รวย ไม่ได้สวย แต่อยากซื้อ)

ที่นี่มีของให้เลือกเยอะจริงๆ ใครตั้งใจมาซื้อรองเท้ากีฬาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง (อย่าตั้งความหวังว่าจะได้รุ่นไหน มาเลือกเองดาบหน้านี่ละ !)

เดินออกมา ป๊ะกับร้านเครป ฝั่งตรงข้ามร้าน

เอาซะหน่อย...อร่อยดีแฮะ



เอ่อ….ไปชิบูย่ากันได้ยังเจ้ เด๋วรถไฟจะปิดซะก่อน มัวแต่เดินเอ้อระเหยลอยชาย

โอเคร โกววววว ชิบูย่า


และแล้วก็มาเหยียบชิบูย่า ทักทายหมาน้อยฮาจิโกะตามธรรมเนียมพอเป็นพิธี
เราหันมองห้าแยกชิบูย่า ...ช่างยิ่งใหญ่วุ่นวายสมคำร่ำลือจีจี

แต่วันนี้ป้า(หน้า)เพลียเกินกว่าจะถ่ายรูปไปอวดชาวบ้าน ไว้วันอื่นละกันนะ…

ถึงตรงนี้ หิวสิคะ!!

เราใช้เวลาหมกมุ่นกะรองเท้าไปนานนับชั่วโมง หน้ามืดตามัวไร้สติกันจริงๆ

เอาไงดี .. มันมีร้านนึงที่เราเตรียมไว้ตั้งแต่อยู่ กทม ดูแล้วดูอีก อยากมากินที่นี่จัง

ร้านนี้เป็นร้าน ซีฟู๊ดย่าง ทีเด็ดคือ คานิมิโซะ เราตามรอยคนอื่นมากินกัน
เอาจริง ดูจาก instagram ดารา ละตามเค้ามาน่ะ ….นึกว่าจะง่าย มันบอกพิกัดแค่ว่า ใกล้ห้าแยกชิบูย่า ไม่ไกลจากป้อมตำรวจ


ง่ายดีเนอะ…

สึส ห้าแยกชิบูย่ามันมีตั้ง "ห้า" แยกนะว้อยยยย ละไอป้อมยามมันอยู่แยกไหนฟะ ไม่เห็นเลย

เราพยายามใช้ Google maps ตามหาร้านที่มันไม่มีชื่อภาษาอังกฤษ

กอชชช ยากจังฮะ


แต่เหมือนพรหมลิขิตบันดาลชักพา…….ดลให้เราพบร้านทันใด

เราก้มมองตัวอักษรในมือถือ กับชื่อป้ายร้านสลับไปมาหลายครั้ง

เฮ้ย!! ถึงแล้ววว เยสสสส


รอคิวอีกสักพัก

ง่อวววววว

เราสั่งมั่วๆมาหลายอย่าง ทีเด็ดคือ คานิมิโซะ อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ




แน่นอนว่าของอร่อยมาพร้อมกับราคา...มื้อนี้ฟาดไป 4,851 เยน เบาๆ กินกันสองคนแบบไม่อิ่มท้องเท่าไหร่
((แต่อาจไม่สามารถเอาเราเป็นบรรทัดฐานได้ ฮ่าๆ))

กระเพาะอาหารยังทำงานอยู่ เลยซื้อ Chickstick ที่เดินมั่วๆแถวๆนั้น กินอีก อร่อยดีนะ มันมีผงๆ ให้ราดตั้งหลายรสแหน่ะ



จบวันนี้ไปอย่างงงๆ  ไม่มีอะไรตามแพลนเล้ยยยยย

ลาก่อย

อีกไม่นานก็เช้าละ เริ่มวันใหม่กันเถอะ!
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่