
Beginning-จุดสิ้นสุด
ตอนที่ 1 ผู้ถูกเลือก
“ได้เวลาอันสมควรแล้วทุกท่าน” เสียงทุ้มกังวานและทรงพลัง ดังมาจากชายสูงวัยผมสีดอกเลายาวประบ่าและมีเคราครึ้มสีเดียวกับเส้นผมยาวจนถึงหว่างอก
เขาสวมเสื้อโค้ทหนังสีน้ำตาลเข้มคลุมร่างยาวถึงตาตุ่ม ยืนถือโคมไฟรูปทรงประหลาด อยู่บนเนินดินรูปวงกลมสูงจากพื้นประมาณหนึ่งเมตร ท่ามกลางวงล้อมของคนมากมาย หลายวัย ทั้งหญิงชาย
แม็คหนุ่มไทยวัยเบญจเพสผิวเข้ม ไว้ผมหยักศกสีดำสนิทยาวระต้นคอ ผู้มีใบหน้าคมคายแต่ดูรกด้วยหนวดเครา ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขาเดฟ คือหนึ่งในกลุ่มคนที่ยืนรายล้อมชายสูงวัยคนดังกล่าว
ภาพของการชุมนุมที่กำลังเริ่มต้น และคาดว่าคงใช้เวลาอีกไม่นาน ก็จะเฉลยถึงสาเหตุของการมารวมตัวกัน ของคนมากหน้าหลายตาเหล่านี้
คำเฉลยของเรื่องราวนั้น ไม่ใช่สิ่งที่แม็ครู้คำตอบมาก่อนล่วงหน้า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เหตุใดตัวเองถึงมาอยู่ท่ามกลางการชุมนุมนี้...
ไม่มีอะไรบ่งชี้ ให้แม็คเข้าใจ ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หรือจะดำเนินต่อไป...
ในขณะที่ความสงสัย กำลังโจมตีสมองและความรู้สึกของแม็คอยู่นั้น ชายสูงวัยเริ่มร่ายถึงคำเฉลยต่างๆ ของปริศนา ราวกับล่วงรู้ ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของแม็คอย่างทะลุปรุโปร่ง
”ทุกท่านที่มาร่วมชุมนุม ณ ที่นี้ คือผู้ถูกเลือกจากพระผู้เป็นเจ้า สาเหตุของการรวมตัวครั้งนี้ คือพระประสงค์ของพระองค์ วันนี้ในอีกสิบปีข้างหน้า โลกจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก จะถูกชำระล้าง ด้วยอำนาจแห่งพระองค์ จะเหลืออยู่เพียงแค่ ผู้ถูกเลือกที่อยู่ ณ ที่นี้เท่านั้น”
ทันทีที่ชายสูงวัยกล่าวถึงตรงนี้ เสียงของผู้ชุมนุมก็ดังอื้ออึงขึ้น
”คุณเป็นใคร เหตุใดจึงรู้ว่า โลกจะล่มสลาย” ชายยุโรปผมสีน้ำตาลแดง หนึ่งในผู้ชุมนุม ตะโกนถามชายสูงวัย
ชายสูงวัยทำหน้านิ่ง ก่อนตอบกลับไปว่า
”ผมคือคนที่รู้จักผู้ชุมนุมทุกคน ณ ที่นี่ รวมถึงคุณ ผู้ที่กำลังถามผมด้วย คุณชื่อ ดีเอโก้ เป็นชาวสเปน ทำงานผลิตสารคดีชีวิตสัตว์ อยู่ที่ทุ่งสะวันน่าแอฟริกา ส่วนชื่อของผมคือ ราคิดิส เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในกรีซ ผมคือล่ามแห่งพระผู้เป็นเจ้า มีหน้าที่นำพระประสงค์แห่งพระองค์ มาแจ้งแก่ผู้ที่ถูกเลือก... ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้”
”ผมไม่แปลกใจ ที่จะมีคนที่ผมไม่รู้จัก แสดงตัวว่ารู้จักผม แล้วมายืนพูดอยู่ตรงหน้านี้หรอกนะ เพราะอาชีพผมพบปะคนมากมายหลายเชื้อชาติ และนั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขำเท่ากับสิ่งที่คุณบอกว่า คุณคือล่ามแห่งพระผู้เป็นเจ้า... คุณมีอะไรมาพิสูจน์ให้พวกเราเห็นล่ะ” ดีเอโก้ตอบ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
พอดีเอโก้พูดจบ เสียงอื้ออึงของผู้ชุมนุม ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ราคิดิสยกมือขึ้นห้ามเสียง ก่อนจะตอบคำของอีกฝ่าย
“ผมไม่มีอะไรพิสูจน์ให้คุณเห็นในสิ่งที่ผมพูด แต่คุณเองนั่นละ จะแสดงให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ผมพูด”
ดีเอโก้ได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ พร้อมกับพึมพำกับตัวเอง “ตาเฒ่านี่ ท่าจะเพี้ยนหนัก”
ราคิดิสมองที่ดีเอโก้ด้วยสายตาที่เอ็นดู
“คุณจงแบมือข้างขวายื่นออกมาข้างหน้า แล้วจินตนาการในใจถึงอุ้งเท้าของเสือ”
ดีเอโก้นึกขำตาแก่ราคิดิส แต่ก็ทำตามโดยดี...
หลังจากที่จินตนาการตามสิ่งที่ราคิดิสบอก มือของเขาค่อยๆ เปลี่ยนสภาพจากมือมนุษย์ กลายเป็นอุ้งเท้าเสืออย่างน่าประหลาด เรียกเสียงฮือฮาอื้ออึง จากผู้ชุมนุมอีกครั้ง
“คุณทำอะไรกับมือของผม” ดีเอโก้ตกใจ พร้อมตะโกนถามราคิดิส ด้วยเสียงตระหนก
“เปล่าผมไม่ได้ทำอะไรกับมือของคุณ นั่นเป็นความสามารถของคุณเอง” ราคิดิสยิ้ม แล้วตอบไปเช่นนั้น
ราคิดิสหยุด กวาดสายตามองผู้ชุมนุมรอบๆ ที่กำลังตื่นตะลึงทีละคนอย่างช้าๆ ก่อนจะพูดต่อไปอีกว่า
“ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเลือกนั้น แต่ละคนจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน ความสามารถที่พระผู้เป็นเจ้าให้นั้น จะมีความจำเป็นในการสร้างโลกใหม่
“ความสามารถของดีเอโก้ คือสามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้ทุกชนิด ไม่ว่าอยากจะอยู่ในร่างของสัตว์ชนิดใด เพียงแค่ตั้งสมาธิและจินตนาการถึงสัตว์ตัวนั้น ก็จะสามารถกลายร่างได้ทันที รวมถึงสามารถเลือกกลายร่างเฉพาะส่วนได้อย่างที่เห็น
“หากอยากกลับเป็นคน ก็จินตนาการถึงร่างจริง ก็จะกลับเป็นเหมือนเดิมทันที แต่ทุกครั้งที่ใช้ความสามารถ จำนวนเลือดในตัวจะลดลงเรื่อยๆ หากใช้ความสามารถเป็นเวลานานจนเกินขีดจำกัด เลือดจะหมดตัวและตายลงในที่สุด
“นี่คือสิ่งที่ต้องระวังอย่างมากในการใช้ความสามารถ แต่จำนวนเลือดที่ลดลงในการใช้ความสามารถแต่ละครั้งนั้น หากไม่ใช้จนเกินขีดจำกัด จะสามารถฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมด้วยการนอนหลับ”
พอราคิดิสพูดจบเสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นอีกครั้ง และมีเสียงตะโกนถาม แทรกจากเสียงอื้ออึงเหล่านั้น
“เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราแต่ละคนมีความสามารถอะไร” แม็คถามขึ้นบ้าง
“แล้วคุณก็จะรู้เอง” ราคิดิสมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เอ็นดูพร้อมกับการตอบคำถาม
เมื่อราคิดิสพูดจบ แสงจากโคมไฟรูปร่างประหลาดที่เขาถืออยู่ ก็พลันสว่างจ้าขึ้นจนแสบตา และแม็คก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง ในห้องนอนของตัวเอง
Beginning-จุดสิ้นสุด(เปลี่ยนชื่อเรื่อง...รวมถึงเรียบเรียงใหม่แล้ว...มาช่วยเป็นกำลังใจ...และติชมด้วยเน้อ)
ตอนที่ 1 ผู้ถูกเลือก
“ได้เวลาอันสมควรแล้วทุกท่าน” เสียงทุ้มกังวานและทรงพลัง ดังมาจากชายสูงวัยผมสีดอกเลายาวประบ่าและมีเคราครึ้มสีเดียวกับเส้นผมยาวจนถึงหว่างอก
เขาสวมเสื้อโค้ทหนังสีน้ำตาลเข้มคลุมร่างยาวถึงตาตุ่ม ยืนถือโคมไฟรูปทรงประหลาด อยู่บนเนินดินรูปวงกลมสูงจากพื้นประมาณหนึ่งเมตร ท่ามกลางวงล้อมของคนมากมาย หลายวัย ทั้งหญิงชาย
แม็คหนุ่มไทยวัยเบญจเพสผิวเข้ม ไว้ผมหยักศกสีดำสนิทยาวระต้นคอ ผู้มีใบหน้าคมคายแต่ดูรกด้วยหนวดเครา ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขาเดฟ คือหนึ่งในกลุ่มคนที่ยืนรายล้อมชายสูงวัยคนดังกล่าว
ภาพของการชุมนุมที่กำลังเริ่มต้น และคาดว่าคงใช้เวลาอีกไม่นาน ก็จะเฉลยถึงสาเหตุของการมารวมตัวกัน ของคนมากหน้าหลายตาเหล่านี้
คำเฉลยของเรื่องราวนั้น ไม่ใช่สิ่งที่แม็ครู้คำตอบมาก่อนล่วงหน้า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เหตุใดตัวเองถึงมาอยู่ท่ามกลางการชุมนุมนี้...
ไม่มีอะไรบ่งชี้ ให้แม็คเข้าใจ ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หรือจะดำเนินต่อไป...
ในขณะที่ความสงสัย กำลังโจมตีสมองและความรู้สึกของแม็คอยู่นั้น ชายสูงวัยเริ่มร่ายถึงคำเฉลยต่างๆ ของปริศนา ราวกับล่วงรู้ ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของแม็คอย่างทะลุปรุโปร่ง
”ทุกท่านที่มาร่วมชุมนุม ณ ที่นี้ คือผู้ถูกเลือกจากพระผู้เป็นเจ้า สาเหตุของการรวมตัวครั้งนี้ คือพระประสงค์ของพระองค์ วันนี้ในอีกสิบปีข้างหน้า โลกจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก จะถูกชำระล้าง ด้วยอำนาจแห่งพระองค์ จะเหลืออยู่เพียงแค่ ผู้ถูกเลือกที่อยู่ ณ ที่นี้เท่านั้น”
ทันทีที่ชายสูงวัยกล่าวถึงตรงนี้ เสียงของผู้ชุมนุมก็ดังอื้ออึงขึ้น
”คุณเป็นใคร เหตุใดจึงรู้ว่า โลกจะล่มสลาย” ชายยุโรปผมสีน้ำตาลแดง หนึ่งในผู้ชุมนุม ตะโกนถามชายสูงวัย
ชายสูงวัยทำหน้านิ่ง ก่อนตอบกลับไปว่า
”ผมคือคนที่รู้จักผู้ชุมนุมทุกคน ณ ที่นี่ รวมถึงคุณ ผู้ที่กำลังถามผมด้วย คุณชื่อ ดีเอโก้ เป็นชาวสเปน ทำงานผลิตสารคดีชีวิตสัตว์ อยู่ที่ทุ่งสะวันน่าแอฟริกา ส่วนชื่อของผมคือ ราคิดิส เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในกรีซ ผมคือล่ามแห่งพระผู้เป็นเจ้า มีหน้าที่นำพระประสงค์แห่งพระองค์ มาแจ้งแก่ผู้ที่ถูกเลือก... ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้”
”ผมไม่แปลกใจ ที่จะมีคนที่ผมไม่รู้จัก แสดงตัวว่ารู้จักผม แล้วมายืนพูดอยู่ตรงหน้านี้หรอกนะ เพราะอาชีพผมพบปะคนมากมายหลายเชื้อชาติ และนั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขำเท่ากับสิ่งที่คุณบอกว่า คุณคือล่ามแห่งพระผู้เป็นเจ้า... คุณมีอะไรมาพิสูจน์ให้พวกเราเห็นล่ะ” ดีเอโก้ตอบ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
พอดีเอโก้พูดจบ เสียงอื้ออึงของผู้ชุมนุม ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ราคิดิสยกมือขึ้นห้ามเสียง ก่อนจะตอบคำของอีกฝ่าย
“ผมไม่มีอะไรพิสูจน์ให้คุณเห็นในสิ่งที่ผมพูด แต่คุณเองนั่นละ จะแสดงให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ผมพูด”
ดีเอโก้ได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ พร้อมกับพึมพำกับตัวเอง “ตาเฒ่านี่ ท่าจะเพี้ยนหนัก”
ราคิดิสมองที่ดีเอโก้ด้วยสายตาที่เอ็นดู
“คุณจงแบมือข้างขวายื่นออกมาข้างหน้า แล้วจินตนาการในใจถึงอุ้งเท้าของเสือ”
ดีเอโก้นึกขำตาแก่ราคิดิส แต่ก็ทำตามโดยดี...
หลังจากที่จินตนาการตามสิ่งที่ราคิดิสบอก มือของเขาค่อยๆ เปลี่ยนสภาพจากมือมนุษย์ กลายเป็นอุ้งเท้าเสืออย่างน่าประหลาด เรียกเสียงฮือฮาอื้ออึง จากผู้ชุมนุมอีกครั้ง
“คุณทำอะไรกับมือของผม” ดีเอโก้ตกใจ พร้อมตะโกนถามราคิดิส ด้วยเสียงตระหนก
“เปล่าผมไม่ได้ทำอะไรกับมือของคุณ นั่นเป็นความสามารถของคุณเอง” ราคิดิสยิ้ม แล้วตอบไปเช่นนั้น
ราคิดิสหยุด กวาดสายตามองผู้ชุมนุมรอบๆ ที่กำลังตื่นตะลึงทีละคนอย่างช้าๆ ก่อนจะพูดต่อไปอีกว่า
“ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเลือกนั้น แต่ละคนจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน ความสามารถที่พระผู้เป็นเจ้าให้นั้น จะมีความจำเป็นในการสร้างโลกใหม่
“ความสามารถของดีเอโก้ คือสามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้ทุกชนิด ไม่ว่าอยากจะอยู่ในร่างของสัตว์ชนิดใด เพียงแค่ตั้งสมาธิและจินตนาการถึงสัตว์ตัวนั้น ก็จะสามารถกลายร่างได้ทันที รวมถึงสามารถเลือกกลายร่างเฉพาะส่วนได้อย่างที่เห็น
“หากอยากกลับเป็นคน ก็จินตนาการถึงร่างจริง ก็จะกลับเป็นเหมือนเดิมทันที แต่ทุกครั้งที่ใช้ความสามารถ จำนวนเลือดในตัวจะลดลงเรื่อยๆ หากใช้ความสามารถเป็นเวลานานจนเกินขีดจำกัด เลือดจะหมดตัวและตายลงในที่สุด
“นี่คือสิ่งที่ต้องระวังอย่างมากในการใช้ความสามารถ แต่จำนวนเลือดที่ลดลงในการใช้ความสามารถแต่ละครั้งนั้น หากไม่ใช้จนเกินขีดจำกัด จะสามารถฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมด้วยการนอนหลับ”
พอราคิดิสพูดจบเสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นอีกครั้ง และมีเสียงตะโกนถาม แทรกจากเสียงอื้ออึงเหล่านั้น
“เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราแต่ละคนมีความสามารถอะไร” แม็คถามขึ้นบ้าง
“แล้วคุณก็จะรู้เอง” ราคิดิสมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เอ็นดูพร้อมกับการตอบคำถาม
เมื่อราคิดิสพูดจบ แสงจากโคมไฟรูปร่างประหลาดที่เขาถืออยู่ ก็พลันสว่างจ้าขึ้นจนแสบตา และแม็คก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง ในห้องนอนของตัวเอง