สวรรค์บาป ตอนที่ 10 >>
http://pantip.com/topic/33560896
ตอนที่ 11
วันนั้นเป็นวันสำคัญทางศาสนา คุณตรีรัตน์จัดข้าวของมากมาย มีทั้งอาหารคาวหวานและผลไม้นานาชนิดจากสวนของบ้านเกียรติยานนท์ ไปร่วมทำบุญที่วัดประจำจังหวัด ซึ่งหลังจากที่พระฉันเสร็จแล้ว ชาวบ้านผู้มาร่วมทำบุญก็ช่วยกันเก็บรวบรวมภาชนะของตนเพิ่อที่จะนำกลับบ้าน
ณ มุมหนึ่งของศาลาใหญ่ที่จอแจไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตานั้น คุณตรีรัตน์ เกียรติยานนท์ฺ กำลังนั่งคุมสาวใช้ให้เก็บจาน ชาม เครื่องใช้ไม้สอยให้เข้าที่เป็นหมวดหมู่ พลางก็คุยกับคุณนายสุภาพ มิตรผู้ที่คุ้นเคยกันดีของท่านไปพลาง
"ฉันได้ข่าวว่าเธอกำลังโปรดปรานหลานเขยในอนาคตของเธอ จริงหรือเปล่าจ๊ะรัตน์"
คุณนายสุภาพทำเสียงกระซิบกระซาบถามขึ้นในตอนหนึ่งของการสนทนา ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งพยักหน้ารับทันที ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"จ้ะ และพ่อสุทธิ์นันท์เขาก็ดูเป็นคนดีจริงๆนะคุณสุ"
"ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ พ่อสุทธิ์นันท์คนนี้ ฉันเห็นเขากับหนูตาเมื่อครู่ ก็ยังรู้สึกถูกชะตา หน้าตาท่าทางก็ไม่เลวเลยทีเดียว ดูสมกันดีอยู่หรอกกับหนูตา แต่เอ่อ...เขาจะยอมรับหนูตาได้จริงๆหรือ...ฉันกลัวว่า...เ่อ่อ ที่ฉันถามนี่ก็หวังดีกับเธอนะ"
คำถามนี้ของคุณนายสุภาพ ทำให้คุณตรีรัตน์สะเทือนใจอยู่ไม่น้อย หล่อนนิ่งอึ้งไปเพียงครู่ ก็เอ่ยปากตอบตามตรงว่า
"ลูกของคุณ ศักดิ์ชัย"
"ชัย...!" คุณนายสุภาพทวนคำ ขมวดคิ้วนิ่งนึกชั่วนาทีหนึ่ง จึงได้อุทานเบาๆ "เอ๊ะ...นี่หมายถึงคุณศักดิ์ชัย อดีตสามีของเธอเหรอ เธอเคยมีเรื่องไม่สู้ดีกับเขาไม่ใช่หรือ ทำไม..."
"ใช่แล้วคุณสุ สุทธิ์นันท์เป็นลูกชายคนเดียวของคุณศักดิ์...กับ...ลีลาวดี..." คุณตรีรัตน์ผงกศีรษะรับ น้ำเสียงเยือกเย็น "มันน่าขันหรือเปล่าที่ฉันต้องการจะให้สายเลือดของคนที่ฉันต้องผิดหวังในตัวเขาเมื่อครั้งก่อนมาเป็นลูกเขยของฉันเอง"
"อุ๊ย...ฉันว่าคนเราน่ะมันสำคัญที่ความเป็นตัวของเขาเองไม่ใช่สายเลือดหรืออะไรหรอก ขอให้เขาเป็นคนดีจริงๆเท่านั้น มันก็ประเสริฐกว่าอะไรทั้งหมดแล้ว เอ้อ! แต่ว่าเธอมั่นใจแล้วหรือว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ"
"ฉันก็อยากจะแ่น่ใจว่าเขาเป็นคนดีอยู่หรอก จากผลของการที่ฉันเฝ้าสังเกตเขาโดยถี่ถ้วน" คุณตรีรัตน์คำนึงในใจ แทนที่จะกล่าวตอบกับคุณนายสุภาพในทันที แต่นั่นแหละมันมีอะไรสองสามอย่างที่คลางแคลงใจในความเป็น "คนดี" ของเขาในบางครั้ง!
และสาเหตุของความไม่มั่นใจของคุณนายตรีรัตน์ ก็คือ ท่าทีแปลกๆของ พิมพ์มาดาผู้ที่อ้างว่าเป็นพี่สาวของสุทธิ์นันท์ และเค้าหน้าที่ดูผิดแปลกราวมิใช่สายเลือดเดียวกันกับ ศักดิ์ัชัย ชญากร เพราะหล่อนจำได้ว่าเคยเห็นหน้าของเขาเมื่อยังเด็ก จำได้ว่ามีเค้าหน้าพิมพ์เดียวกับ ศักดิ์ชัย และมันก็น่าจะประหลาดใจอยู่หรอก เพราะบัดนี้เค้าหน้าของ สุทธิ์นันท์ไม่เหลือร่องรอยความเหมือนของบิดาเขาเลยสักนิด!
"ถ้าฉันจับได้ว่าเขาเป็นตัวปลอมเข้ามาเพื่อทำลายลูกของฉันและมาเพื่อหวังมรดกของฉันละก็ ฉันจะจัดการกับครอบครัวของ ศักดิ์ชัย อย่างปราศจากความปราถนาดีเลย คอยดูซิ!"
ความในใจของคุณนายตรีรัตน์เต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจ ดังนั้นก็ตาม แต่ท่านก็ยังกล่าวตอบมิตรรักอย่างไว้ศักดิ์ศรีของท่านว่า
"ฉันแน่ใจที่สุดค่ะ สุทธิ์นันท์เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดเหมาะที่จะดูแลลูกสาวของฉัน"
"ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ยินดีด้วยนะ ต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องห่วงอะไรอีกเกี่ยวกับหนูตา แต่ เฮ้อฉันรู้สึกสงสารตาชาญขึ้นมาเสียแล้ว มัวแต่ช้าไม่กล้าบอกหนูตา ดูซิอดเป็นเขยของเธอเสียแล้ว" ชาญที่คุณนายสุภาพเอ่ยถึงคือลูกชายคนโปรดของเธอเอง และเป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็กๆจนถึงชั้นมัธยมปลายของชลิตา
คุณตรีรัตน์ขยับแว่นกรอบทองอย่างไม่ตั้งใจนัก เพ่งดูสหายรักของท่านอย่างประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ได้ยินถ้อยคำปรารภเช่นนั้น
"ว่าอะไรนะคุณสุ ตาชาญน่ะหรือคิดจะสมัครเป็นลูกเขยของฉัน ฮึ! มันจะเป็นไปได้หรือในเมื่อยายตาก็ไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ และเธอก็มีลูกชายคนเดียว ไม่ต้องการจะหาผู้สืบทอดสกุลหรอกหรือ?"
"ฉันคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะ สำหรับการสืบทอดตระกูลอะไรน่ะ ถ้าหากลูกชายของฉันมีความสุข ฉันก็มีความสุขไปด้วย เหมือนกับเธออย่างไรเล่า เธอยังมีความสุขเลยที่มอบหมายหนูตาให้คุณสุทธิ์นันท์ ดูแล"
คุณตรีรัตน์ได้ยินคำว่า "เธอยังมีความสุขเลยที่มอบหมายหนูตาให้คุณสุทธิ์นันท์ ดูแล" ทำให้เธอถอนหายใจอย่างช้าๆ นี่มันคือความสุขจริงๆหรือ? ไม่ มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงหรอก ในเมื่อสิ่งที่เธอคิดจะทำในวันข้างหน้า มันอาจจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ความสุขของเธอและชลิตาลูกบุญธรรมของเธอเอง...
"ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนสักอย่างเดียว คุณสุ บางทียายตาของฉัน อาจจะ...เอ้อ...ไม่ได้แต่งงานกับพ่อสุทธิ์อย่างที่ตั้งใจไว้ก็ได้"
คุณตรีรัตน์กล่าวเนือยๆ ท่าทีครุ่นคิด ตรึกตรอง คล้ายๆคนที่ตกอยู่ครึ่งความฝัน ครึ่งความจริง "ฉันอาจจะยกหนูตาให้ตาชาญ หากสุทธิ์นันท์ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดหวังเอาไว้...ว่าจะสามารถอยู่กับยายตาได้..." คุณตรีรัตน์กล่าวสรุปตอนท้ายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น!
*****************************
"เหนื่อยหรือยังครับ น้องตา..."
ยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นมาบนดวงหน้าที่อ่อนเยาว์และสดใสของหญิงสาวประเภทสอง ที่ในตอนแรกแสดงสีหน้าบึ้งตึง วางตัวกับชายหนุ่มที่เอ่ยถาม
"ฉันไม่เหนื่อยอะไรง่ายขนาดนั้นหรอกนะคะคุณ...ฉันแข็งแรงดีค่ะ" เสียงสะบัดสะบิ้งน้อยๆของหญิงสาว ทำให้ชานนท์ที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับอมยิ้มออกมา
"ดีแล้วครับ ที่ผมถามนี่ก็เพราะเราเดินออกมาไกลจากศาลาใหญ่มากแล้วนะครับ นั่งพักตรงศาลาริมสระน้ำตรงนั้นดีกว่าครับน้องตา..."
ชานนท์ชี้ไปที่ศาลาเล็กริมสระน้ำของวัด ซึ่งดูร่มรื่นและสังเกตดูในบ่อจะมีปลาน้อยใหญ่ ผุดว่ายอยู่โดยรอบบริเวณสระน้ำ มันยิ่งทำให้ดูสดชื่นและสบายตา
"คุณอยากจะนั่งก็ไปนั่งคนเดียวซีคะ ตาอยากจะยืน ไม่อยากนั่ง"
"เมื่อไหร่คุณจะหายโกรธผมเสียทีครับ ผมทำดีกับคุณแทบตาย ดูซีคุณไม่ยิ้มหน้าดู แมน กว่าผมอีก" ชานน์ในคราบของสุทธิ์นันท์พูดล้อหญิงสาว ที่บัดนี้ยืนหน้างอ
"เอ๊ะ นี่คุณ...ใครหน้าแมน? ฉันหรือ ฉันออกจะสวยและเลอค่า ถึงฉันจะหน้าแมนอย่างที่คุณว่า แต่ก็คงด้านไม่เท่าคุณพิมพ์พี่สาว....ของคุณหรอกค่ะ" ชลิตาทำเสียงสะบัด แสนงอนกว่าตอนแรกเมื่อเอ่ยถึง พิมพ์มาดา หญิงสาวที่หล่อนรังเกียจตั้งแต่แรกพบ
"นี่ผมยังไม่ได้เอ่ยถึงพี่พิมพ์เลยนะครับ ในเมื่อคุณไม่ชอบเธอ ก็อย่าเอ่ยถึงเธอเลยดีกว่าครับ และตอนนี้เราก็อยู่ในวัด มันจะไม่ดีถ้าหากเราจะคิดอะไรที่ทำให้ไม่เป็นสุข ผมว่าเรามาหาเรื่องอะไรคุยกันให้สบายใจดีกว่าไหมครับ"
"นี่คุณกำลังจะหาว่าฉันร้อนรน คิดแต่เรื่องไม่ดีใช่ไหมคะ?" ชลิตาไม่วายที่จะหาเรื่องกับชานนท์อีกจนได้ จนชายหนุ่มต้องยินยอมและกล่าวอย่างคนยอมแพ้ว่า
"โอเค...ผมยอมคุณแล้ว ในเมื่อคุณไม่อยากจะให้ผมอยู่กับคุณ ผมก็จะไป ไม่วันนี้ก็วันหน้าผมก็ต้องจากไปอยู่ดี..."
ชลิตาได้ยินอย่างนั้น ถึงกับหันหน้ากลับมามองเขาในทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้หล่อนไม่ได้หันหน้ากลับมามองเขาเลย เพราะหล่อนกำลังแสดงให้เขาเ็ห็นว่าไม่ได้อยากจะพูดคุยกับเขาสักนิด แต่เมื่อหล่อนได้ยินคำว่า "จากลา" ถึงกับหันหน้ามาหาชายหนุ่ม ซึ่งบัดนี้เขามีสีหน้าที่แลดูเศร้า และเซื่องซึมลงผิดจากในตอนแรก
"ทำไมคุณพูดถึงการจากลา ในเมื่อ...เราก็จะต้องแต่งงานกัน โดยที่ขัดใจคุณแม่ไม่ได้?"
ชลิตาถาม หล่อนยอมรับเหมือนกันว่ารู้สึกใจหายเมื่อเขากล่าวทำนองนี้ออกมา หล่อนไม่ชอบการจากลา รังเกียจและไม่อยากพบเจอการจากลาอีกแล้ว หล่อนรู้ว่ามันทรมาน ทรมานเหมือนที่หล่อนเคยเจอและสัมผัสมาแล้ว...
"ขอโทษครับ ผมพูดไปเรื่อยเปื่อยเพราะความน้อยใจน่ะครับ น้องตาไม่ต้องใส่ใจหรอก ผมแค่น้อยใจที่น้องตาตั้งท่ารังเกียจผมตลอดเวลา" ชานนท์ตอบอย่างราบเรียบปราศจากพิรุธใดๆ จริงสินะ ถ้าอีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาจะต้องตกอยู่ในสภาพคู่หมั้นของชลิตา แต่ก็เป็นเพียงคู่หมั้นจำเป็นเท่านั้น วันหนึ่งเขาอาจจะต้องจากลาหล่อนไป
มันไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ได้รักหล่อน เขายอมรับว่าในตอนนี้เขารู้สึกชอบและรู้สึก "รัก" ชลิตา สาวประเภทสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า มันอาจจะเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เขารู้สึกชอบหล่อน อย่างไม่มีเงื่อนไข การจากลาที่ว่า ไม่ใช่ที่หล่อนเป็นสาวประเภทสอง ไม่ใช่ที่เขาไม่ได้รัก...แต่เป็นเพราะเขาไม่ใช่ สุทธิ์นันท์ ชญากร ผู้ชายที่คุณ ตรีรัตน์ เกียรติยานนท์ มั่นหมายจะได้เป็นลูกเขย และคนที่เป็นเพียงหมอจนๆอย่างเขาน่ะหรือ ที่จะเป็นที่สนใจของหญิงสาว อย่าง ชลิตา เกียรติยานนท์
สวรรค์บาป (ตัวเดินเรื่องเป็นสาวประเภทสอง) ตอนที่ 11
ตอนที่ 11
วันนั้นเป็นวันสำคัญทางศาสนา คุณตรีรัตน์จัดข้าวของมากมาย มีทั้งอาหารคาวหวานและผลไม้นานาชนิดจากสวนของบ้านเกียรติยานนท์ ไปร่วมทำบุญที่วัดประจำจังหวัด ซึ่งหลังจากที่พระฉันเสร็จแล้ว ชาวบ้านผู้มาร่วมทำบุญก็ช่วยกันเก็บรวบรวมภาชนะของตนเพิ่อที่จะนำกลับบ้าน
ณ มุมหนึ่งของศาลาใหญ่ที่จอแจไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตานั้น คุณตรีรัตน์ เกียรติยานนท์ฺ กำลังนั่งคุมสาวใช้ให้เก็บจาน ชาม เครื่องใช้ไม้สอยให้เข้าที่เป็นหมวดหมู่ พลางก็คุยกับคุณนายสุภาพ มิตรผู้ที่คุ้นเคยกันดีของท่านไปพลาง
"ฉันได้ข่าวว่าเธอกำลังโปรดปรานหลานเขยในอนาคตของเธอ จริงหรือเปล่าจ๊ะรัตน์"
คุณนายสุภาพทำเสียงกระซิบกระซาบถามขึ้นในตอนหนึ่งของการสนทนา ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งพยักหน้ารับทันที ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"จ้ะ และพ่อสุทธิ์นันท์เขาก็ดูเป็นคนดีจริงๆนะคุณสุ"
"ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ พ่อสุทธิ์นันท์คนนี้ ฉันเห็นเขากับหนูตาเมื่อครู่ ก็ยังรู้สึกถูกชะตา หน้าตาท่าทางก็ไม่เลวเลยทีเดียว ดูสมกันดีอยู่หรอกกับหนูตา แต่เอ่อ...เขาจะยอมรับหนูตาได้จริงๆหรือ...ฉันกลัวว่า...เ่อ่อ ที่ฉันถามนี่ก็หวังดีกับเธอนะ"
คำถามนี้ของคุณนายสุภาพ ทำให้คุณตรีรัตน์สะเทือนใจอยู่ไม่น้อย หล่อนนิ่งอึ้งไปเพียงครู่ ก็เอ่ยปากตอบตามตรงว่า
"ลูกของคุณ ศักดิ์ชัย"
"ชัย...!" คุณนายสุภาพทวนคำ ขมวดคิ้วนิ่งนึกชั่วนาทีหนึ่ง จึงได้อุทานเบาๆ "เอ๊ะ...นี่หมายถึงคุณศักดิ์ชัย อดีตสามีของเธอเหรอ เธอเคยมีเรื่องไม่สู้ดีกับเขาไม่ใช่หรือ ทำไม..."
"ใช่แล้วคุณสุ สุทธิ์นันท์เป็นลูกชายคนเดียวของคุณศักดิ์...กับ...ลีลาวดี..." คุณตรีรัตน์ผงกศีรษะรับ น้ำเสียงเยือกเย็น "มันน่าขันหรือเปล่าที่ฉันต้องการจะให้สายเลือดของคนที่ฉันต้องผิดหวังในตัวเขาเมื่อครั้งก่อนมาเป็นลูกเขยของฉันเอง"
"อุ๊ย...ฉันว่าคนเราน่ะมันสำคัญที่ความเป็นตัวของเขาเองไม่ใช่สายเลือดหรืออะไรหรอก ขอให้เขาเป็นคนดีจริงๆเท่านั้น มันก็ประเสริฐกว่าอะไรทั้งหมดแล้ว เอ้อ! แต่ว่าเธอมั่นใจแล้วหรือว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ"
"ฉันก็อยากจะแ่น่ใจว่าเขาเป็นคนดีอยู่หรอก จากผลของการที่ฉันเฝ้าสังเกตเขาโดยถี่ถ้วน" คุณตรีรัตน์คำนึงในใจ แทนที่จะกล่าวตอบกับคุณนายสุภาพในทันที แต่นั่นแหละมันมีอะไรสองสามอย่างที่คลางแคลงใจในความเป็น "คนดี" ของเขาในบางครั้ง!
และสาเหตุของความไม่มั่นใจของคุณนายตรีรัตน์ ก็คือ ท่าทีแปลกๆของ พิมพ์มาดาผู้ที่อ้างว่าเป็นพี่สาวของสุทธิ์นันท์ และเค้าหน้าที่ดูผิดแปลกราวมิใช่สายเลือดเดียวกันกับ ศักดิ์ัชัย ชญากร เพราะหล่อนจำได้ว่าเคยเห็นหน้าของเขาเมื่อยังเด็ก จำได้ว่ามีเค้าหน้าพิมพ์เดียวกับ ศักดิ์ชัย และมันก็น่าจะประหลาดใจอยู่หรอก เพราะบัดนี้เค้าหน้าของ สุทธิ์นันท์ไม่เหลือร่องรอยความเหมือนของบิดาเขาเลยสักนิด!
"ถ้าฉันจับได้ว่าเขาเป็นตัวปลอมเข้ามาเพื่อทำลายลูกของฉันและมาเพื่อหวังมรดกของฉันละก็ ฉันจะจัดการกับครอบครัวของ ศักดิ์ชัย อย่างปราศจากความปราถนาดีเลย คอยดูซิ!"
ความในใจของคุณนายตรีรัตน์เต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจ ดังนั้นก็ตาม แต่ท่านก็ยังกล่าวตอบมิตรรักอย่างไว้ศักดิ์ศรีของท่านว่า
"ฉันแน่ใจที่สุดค่ะ สุทธิ์นันท์เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดเหมาะที่จะดูแลลูกสาวของฉัน"
"ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ยินดีด้วยนะ ต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องห่วงอะไรอีกเกี่ยวกับหนูตา แต่ เฮ้อฉันรู้สึกสงสารตาชาญขึ้นมาเสียแล้ว มัวแต่ช้าไม่กล้าบอกหนูตา ดูซิอดเป็นเขยของเธอเสียแล้ว" ชาญที่คุณนายสุภาพเอ่ยถึงคือลูกชายคนโปรดของเธอเอง และเป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็กๆจนถึงชั้นมัธยมปลายของชลิตา
คุณตรีรัตน์ขยับแว่นกรอบทองอย่างไม่ตั้งใจนัก เพ่งดูสหายรักของท่านอย่างประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ได้ยินถ้อยคำปรารภเช่นนั้น
"ว่าอะไรนะคุณสุ ตาชาญน่ะหรือคิดจะสมัครเป็นลูกเขยของฉัน ฮึ! มันจะเป็นไปได้หรือในเมื่อยายตาก็ไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ และเธอก็มีลูกชายคนเดียว ไม่ต้องการจะหาผู้สืบทอดสกุลหรอกหรือ?"
"ฉันคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะ สำหรับการสืบทอดตระกูลอะไรน่ะ ถ้าหากลูกชายของฉันมีความสุข ฉันก็มีความสุขไปด้วย เหมือนกับเธออย่างไรเล่า เธอยังมีความสุขเลยที่มอบหมายหนูตาให้คุณสุทธิ์นันท์ ดูแล"
คุณตรีรัตน์ได้ยินคำว่า "เธอยังมีความสุขเลยที่มอบหมายหนูตาให้คุณสุทธิ์นันท์ ดูแล" ทำให้เธอถอนหายใจอย่างช้าๆ นี่มันคือความสุขจริงๆหรือ? ไม่ มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงหรอก ในเมื่อสิ่งที่เธอคิดจะทำในวันข้างหน้า มันอาจจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ความสุขของเธอและชลิตาลูกบุญธรรมของเธอเอง...
"ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนสักอย่างเดียว คุณสุ บางทียายตาของฉัน อาจจะ...เอ้อ...ไม่ได้แต่งงานกับพ่อสุทธิ์อย่างที่ตั้งใจไว้ก็ได้"
คุณตรีรัตน์กล่าวเนือยๆ ท่าทีครุ่นคิด ตรึกตรอง คล้ายๆคนที่ตกอยู่ครึ่งความฝัน ครึ่งความจริง "ฉันอาจจะยกหนูตาให้ตาชาญ หากสุทธิ์นันท์ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดหวังเอาไว้...ว่าจะสามารถอยู่กับยายตาได้..." คุณตรีรัตน์กล่าวสรุปตอนท้ายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น!
*****************************
"เหนื่อยหรือยังครับ น้องตา..."
ยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นมาบนดวงหน้าที่อ่อนเยาว์และสดใสของหญิงสาวประเภทสอง ที่ในตอนแรกแสดงสีหน้าบึ้งตึง วางตัวกับชายหนุ่มที่เอ่ยถาม
"ฉันไม่เหนื่อยอะไรง่ายขนาดนั้นหรอกนะคะคุณ...ฉันแข็งแรงดีค่ะ" เสียงสะบัดสะบิ้งน้อยๆของหญิงสาว ทำให้ชานนท์ที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับอมยิ้มออกมา
"ดีแล้วครับ ที่ผมถามนี่ก็เพราะเราเดินออกมาไกลจากศาลาใหญ่มากแล้วนะครับ นั่งพักตรงศาลาริมสระน้ำตรงนั้นดีกว่าครับน้องตา..."
ชานนท์ชี้ไปที่ศาลาเล็กริมสระน้ำของวัด ซึ่งดูร่มรื่นและสังเกตดูในบ่อจะมีปลาน้อยใหญ่ ผุดว่ายอยู่โดยรอบบริเวณสระน้ำ มันยิ่งทำให้ดูสดชื่นและสบายตา
"คุณอยากจะนั่งก็ไปนั่งคนเดียวซีคะ ตาอยากจะยืน ไม่อยากนั่ง"
"เมื่อไหร่คุณจะหายโกรธผมเสียทีครับ ผมทำดีกับคุณแทบตาย ดูซีคุณไม่ยิ้มหน้าดู แมน กว่าผมอีก" ชานน์ในคราบของสุทธิ์นันท์พูดล้อหญิงสาว ที่บัดนี้ยืนหน้างอ
"เอ๊ะ นี่คุณ...ใครหน้าแมน? ฉันหรือ ฉันออกจะสวยและเลอค่า ถึงฉันจะหน้าแมนอย่างที่คุณว่า แต่ก็คงด้านไม่เท่าคุณพิมพ์พี่สาว....ของคุณหรอกค่ะ" ชลิตาทำเสียงสะบัด แสนงอนกว่าตอนแรกเมื่อเอ่ยถึง พิมพ์มาดา หญิงสาวที่หล่อนรังเกียจตั้งแต่แรกพบ
"นี่ผมยังไม่ได้เอ่ยถึงพี่พิมพ์เลยนะครับ ในเมื่อคุณไม่ชอบเธอ ก็อย่าเอ่ยถึงเธอเลยดีกว่าครับ และตอนนี้เราก็อยู่ในวัด มันจะไม่ดีถ้าหากเราจะคิดอะไรที่ทำให้ไม่เป็นสุข ผมว่าเรามาหาเรื่องอะไรคุยกันให้สบายใจดีกว่าไหมครับ"
"นี่คุณกำลังจะหาว่าฉันร้อนรน คิดแต่เรื่องไม่ดีใช่ไหมคะ?" ชลิตาไม่วายที่จะหาเรื่องกับชานนท์อีกจนได้ จนชายหนุ่มต้องยินยอมและกล่าวอย่างคนยอมแพ้ว่า
"โอเค...ผมยอมคุณแล้ว ในเมื่อคุณไม่อยากจะให้ผมอยู่กับคุณ ผมก็จะไป ไม่วันนี้ก็วันหน้าผมก็ต้องจากไปอยู่ดี..."
ชลิตาได้ยินอย่างนั้น ถึงกับหันหน้ากลับมามองเขาในทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้หล่อนไม่ได้หันหน้ากลับมามองเขาเลย เพราะหล่อนกำลังแสดงให้เขาเ็ห็นว่าไม่ได้อยากจะพูดคุยกับเขาสักนิด แต่เมื่อหล่อนได้ยินคำว่า "จากลา" ถึงกับหันหน้ามาหาชายหนุ่ม ซึ่งบัดนี้เขามีสีหน้าที่แลดูเศร้า และเซื่องซึมลงผิดจากในตอนแรก
"ทำไมคุณพูดถึงการจากลา ในเมื่อ...เราก็จะต้องแต่งงานกัน โดยที่ขัดใจคุณแม่ไม่ได้?"
ชลิตาถาม หล่อนยอมรับเหมือนกันว่ารู้สึกใจหายเมื่อเขากล่าวทำนองนี้ออกมา หล่อนไม่ชอบการจากลา รังเกียจและไม่อยากพบเจอการจากลาอีกแล้ว หล่อนรู้ว่ามันทรมาน ทรมานเหมือนที่หล่อนเคยเจอและสัมผัสมาแล้ว...
"ขอโทษครับ ผมพูดไปเรื่อยเปื่อยเพราะความน้อยใจน่ะครับ น้องตาไม่ต้องใส่ใจหรอก ผมแค่น้อยใจที่น้องตาตั้งท่ารังเกียจผมตลอดเวลา" ชานนท์ตอบอย่างราบเรียบปราศจากพิรุธใดๆ จริงสินะ ถ้าอีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาจะต้องตกอยู่ในสภาพคู่หมั้นของชลิตา แต่ก็เป็นเพียงคู่หมั้นจำเป็นเท่านั้น วันหนึ่งเขาอาจจะต้องจากลาหล่อนไป
มันไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ได้รักหล่อน เขายอมรับว่าในตอนนี้เขารู้สึกชอบและรู้สึก "รัก" ชลิตา สาวประเภทสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า มันอาจจะเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เขารู้สึกชอบหล่อน อย่างไม่มีเงื่อนไข การจากลาที่ว่า ไม่ใช่ที่หล่อนเป็นสาวประเภทสอง ไม่ใช่ที่เขาไม่ได้รัก...แต่เป็นเพราะเขาไม่ใช่ สุทธิ์นันท์ ชญากร ผู้ชายที่คุณ ตรีรัตน์ เกียรติยานนท์ มั่นหมายจะได้เป็นลูกเขย และคนที่เป็นเพียงหมอจนๆอย่างเขาน่ะหรือ ที่จะเป็นที่สนใจของหญิงสาว อย่าง ชลิตา เกียรติยานนท์