ที่จริง เราควรเตือนตัวเองอยู่เสมอๆ นะครับ ... รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
บอลไทยเราเคยผ่านยุคตกต่ำมาแล้ว หลายครั้ง ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา
และส่วนมาก จะตกต่ำ เพราะเราขาดตรง....รู้เรา
เราคิด เรามโน เราขาดความรู้ ความเข้าใจในตัวเราเอง อย่างแท้จริง
ดูภาพความเป็นไปของทีมที่ดีทีมหนึ่งอย่าง เวียดนาม
แล้วลองมองย้อนมาดูที่ตัวเราเองด้วยนะครับ
เพราะมันคือ จุดที่เราเคยผ่านมาก่อน
และเราควรจะต้อง ระมัดระวัง พึงสังวรไว้ให้มากๆ
ว่าเราจะต้อง ไม่กลับไปสู่วังวนเดิมๆ นั้นอีก
ฟุตบอลไทยในยุคดรีมทีม ยามที่ผู้บริหารสมาคมและคนทำทีม
เกิดความมั่นใจเกินเหตุ มโนภาพ ในสมอง ไม่ตรงกับความเป็นจริง
บวกกับการสร้างภาพ ด้วยการบริหารการจัดการบางอย่าง
ทำให้ทีมชาติ ในยุคนั้น มักจะถูกจัดให้เล่นกับทีมของปลอม
จึงทำให้ กระแสแฟนบอล เข้าใจผิด
คิดว่าทีมชาติไทย มีดีพอ ที่จะเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่นได้ในเกมปรีโอลิมปิก
แต่เราโดนทีมชาติญี่ปุ่นสอนบอล...ต้องเรียกว่าสอนบอลจริงๆ
เพราะเราสู้ไม่ได้ ด้วยประการทั้งปวง
เหมือนเด็กนักเรียนมัธยม เตะกับทีมบอลอาชีพ
แพ้ทั้ง สรีระ ความฟิต ระบบทีม ทัศนคติ
เรียกได้ว่าแพ้แบบ Overrun หรือ ถูกละลายไปทั้งทีม
ต่อมา เรามีทีมชาติและโค้ชมือดีในระดับ Big Name มาคุมทีม
เราพบกับความล้มเหลวง ในแมตช์ AFF Suzuki Cup
หลายครั้ง ทั้งที่เวียดนาม และ ที่สิงคโปร์
นั่นเราแพ้ เพราะเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ
เรามโนและคิดว่า ทีมของเราดีกว่า คู่ต่อสู้
ทั้งๆ ที่ เราไม่ได้ดีกว่าเลย เราก็ยังหลอกตัวเอง
ว่าทีมของเราดีกว่า แต่แพ้เพราะการจัดการนอกเกม
แพ้เพราะสภาพสนาม แพ้เพราะกรรมการ
ทั้งๆ ที่ ตามสภาพความเป็นจริง เราแพ้เพราะ เราไม่รู้จักตัวเองดีพอ
ต่อมา ภาพความพ่ายแพ้ ยังมาฉายซ้ำในอีก
ด้วยการตกรอบแรก ซีเกมส์ 2 ครั้งติดต่อกัน
กว่าบุคลากรในระบบ ทั้งสมาคม สโมสร TPL นักเตะและแฟนบอล
จะเข้าใจ เราก็เจ็บช้ำมามาก ... มากจนเกินพอ
อย่าให้ภาพเหล่านั้นวนกลับมาอีก เพราะ มโนมายาคติอีกเลย
เราต้องระวัง โดยเฉพาะแฟนบอล (ตัวดี)
ในยามที่ทีมมีชัยชนะ ต้องระมัดระวัง
ไม่เรียกร้องในสิ่งที่ ไม่ควรเรียกร้อง
ทีมชาติไทยยังต้องการ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เรายังไปไม่ถึงไหน ในเอเชีย
สิ่งที่เราทำได้ในอาเซียน เราเคยทำได้มาแล้ว
ทิ้งมันไปเถอะ ลืมมันไปเสียเถิด
เพราะถ้าเราไม่ทิ้ง ไม่ลืมความยึดติดเหล่านี้
เราจะไม่พัฒนาต่อยอด เพื่อไปสู่ระดับสูงในเอเชีย
เป้าเราอยู่ที่โน่นครับ ไม่ใช่แค่อาเซี่ยน
และมันไม่ง่ายครับ
เพราะทุกทีม ทุกชาติ เขารู้จักเราดี
เรายังมีการบ้านต้องทำอีกเยอะครับ
และการบ้านที่ว่า
ไม่มีวันจบสิ้นครับ
"สงครามนี้ ไม่มีวันจบสิ้นครับ แต่สงครามจะจบสิ้นทันที ถ้าเราแพ้แบบหมดตัว หมดหน้าตัก แพ้เพราะไม่รู้จักตัวเองดีพอ"
บอลไทย เคยผ่านมาก่อนแล้วครับ เวลาที่เราไม่รู้จักตัวเองดีพอ
บอลไทยเราเคยผ่านยุคตกต่ำมาแล้ว หลายครั้ง ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา
และส่วนมาก จะตกต่ำ เพราะเราขาดตรง....รู้เรา
เราคิด เรามโน เราขาดความรู้ ความเข้าใจในตัวเราเอง อย่างแท้จริง
ดูภาพความเป็นไปของทีมที่ดีทีมหนึ่งอย่าง เวียดนาม
แล้วลองมองย้อนมาดูที่ตัวเราเองด้วยนะครับ
เพราะมันคือ จุดที่เราเคยผ่านมาก่อน
และเราควรจะต้อง ระมัดระวัง พึงสังวรไว้ให้มากๆ
ว่าเราจะต้อง ไม่กลับไปสู่วังวนเดิมๆ นั้นอีก
ฟุตบอลไทยในยุคดรีมทีม ยามที่ผู้บริหารสมาคมและคนทำทีม
เกิดความมั่นใจเกินเหตุ มโนภาพ ในสมอง ไม่ตรงกับความเป็นจริง
บวกกับการสร้างภาพ ด้วยการบริหารการจัดการบางอย่าง
ทำให้ทีมชาติ ในยุคนั้น มักจะถูกจัดให้เล่นกับทีมของปลอม
จึงทำให้ กระแสแฟนบอล เข้าใจผิด
คิดว่าทีมชาติไทย มีดีพอ ที่จะเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่นได้ในเกมปรีโอลิมปิก
แต่เราโดนทีมชาติญี่ปุ่นสอนบอล...ต้องเรียกว่าสอนบอลจริงๆ
เพราะเราสู้ไม่ได้ ด้วยประการทั้งปวง
เหมือนเด็กนักเรียนมัธยม เตะกับทีมบอลอาชีพ
แพ้ทั้ง สรีระ ความฟิต ระบบทีม ทัศนคติ
เรียกได้ว่าแพ้แบบ Overrun หรือ ถูกละลายไปทั้งทีม
ต่อมา เรามีทีมชาติและโค้ชมือดีในระดับ Big Name มาคุมทีม
เราพบกับความล้มเหลวง ในแมตช์ AFF Suzuki Cup
หลายครั้ง ทั้งที่เวียดนาม และ ที่สิงคโปร์
นั่นเราแพ้ เพราะเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ
เรามโนและคิดว่า ทีมของเราดีกว่า คู่ต่อสู้
ทั้งๆ ที่ เราไม่ได้ดีกว่าเลย เราก็ยังหลอกตัวเอง
ว่าทีมของเราดีกว่า แต่แพ้เพราะการจัดการนอกเกม
แพ้เพราะสภาพสนาม แพ้เพราะกรรมการ
ทั้งๆ ที่ ตามสภาพความเป็นจริง เราแพ้เพราะ เราไม่รู้จักตัวเองดีพอ
ต่อมา ภาพความพ่ายแพ้ ยังมาฉายซ้ำในอีก
ด้วยการตกรอบแรก ซีเกมส์ 2 ครั้งติดต่อกัน
กว่าบุคลากรในระบบ ทั้งสมาคม สโมสร TPL นักเตะและแฟนบอล
จะเข้าใจ เราก็เจ็บช้ำมามาก ... มากจนเกินพอ
อย่าให้ภาพเหล่านั้นวนกลับมาอีก เพราะ มโนมายาคติอีกเลย
เราต้องระวัง โดยเฉพาะแฟนบอล (ตัวดี)
ในยามที่ทีมมีชัยชนะ ต้องระมัดระวัง
ไม่เรียกร้องในสิ่งที่ ไม่ควรเรียกร้อง
ทีมชาติไทยยังต้องการ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เรายังไปไม่ถึงไหน ในเอเชีย
สิ่งที่เราทำได้ในอาเซียน เราเคยทำได้มาแล้ว
ทิ้งมันไปเถอะ ลืมมันไปเสียเถิด
เพราะถ้าเราไม่ทิ้ง ไม่ลืมความยึดติดเหล่านี้
เราจะไม่พัฒนาต่อยอด เพื่อไปสู่ระดับสูงในเอเชีย
เป้าเราอยู่ที่โน่นครับ ไม่ใช่แค่อาเซี่ยน
และมันไม่ง่ายครับ
เพราะทุกทีม ทุกชาติ เขารู้จักเราดี
เรายังมีการบ้านต้องทำอีกเยอะครับ
และการบ้านที่ว่า
ไม่มีวันจบสิ้นครับ
"สงครามนี้ ไม่มีวันจบสิ้นครับ แต่สงครามจะจบสิ้นทันที ถ้าเราแพ้แบบหมดตัว หมดหน้าตัก แพ้เพราะไม่รู้จักตัวเองดีพอ"