เวทมนตร์จะทำให้เราเจอกัน?

อ่านตอนแรกก่อนจะได้รู้เรื่อง
ตอนหนึ่ง http://pantip.com/topic/33756193
ตอนสอง http://pantip.com/topic/33758240

- ยังไม่ได้ยืนยันสมาชิกเลยเป็นกระทู้คำถาม ขอโทษด้วยค่ะ
- ช่วยติชมด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวใจ

∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵

     ‘เมื่อวานนี้เวลาประมาณ19นาฬิกา ได้มีการพบศพของชายชาวต่างชาติ ที่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จากการชันสูตรศพ พบว่าเป็นการฆาตกรรมแน่นอน สำนักการตำรวจแห่งชาติรายงานความคืบหน้าว่า...’
ผมได้ยินเสียงวิทยุดังขึ้นมาจากด้านหลังของร้านขายหนังสือเก่า ในขณะที่ผมกับอิ้มกำลังเดินดูหนังสือที่ส่วนใหญ่จะถูกเขียนขึ้นเมื่อไม่ต่ำกว่า10ปีที่แล้ว
     แล้วผมก็รู้สึกสะดุดตากับสันหนังสือสีทองซีดๆเล่มหนึ่งที่อยู่ในชั้นหนังสือแปล
     ผมดึงมันออกมาจากชั้นหนังสือ และพบว่าหนังสือเล่มนั้นไม่ได้หนักอย่างที่คิด อีกทั้งยังเก่าจนตัวหนังสือบนปกแทบละเลือนหายไปหมด
     ‘คุณเชื่อใน..หรือเปล่า?’ นั่นคือตัวหนังสือบนปกแข็งๆของหนังสือเล่มนั้นที่ยังสามารถอ่านได้ ส่วนตรงคำที่เลือนหายไปนั้น เหมือนถูกขูดด้วยมีดคัตเตอร์หลายๆทีจนไม่สามารถอ่านได้ว่าเคยเป็นคำว่าอะไร
     “หนังสือไรวะ” อิ้มหยุดดูดชานมไข่มุกที่อยู่ในมือแล้วหันมาถามผม “รีบๆซื้อ รีบๆไปเหอะ กูคันจะตายอยู่แล้ว” อิ้มบ่นก่อนจะเดินไปทางประตูร้าน
     ทำเอาผมรู้สึกผิดเล็กๆที่ดันชวนอิ้มมาที่ร้านขายหนังสือเก่าแห่งนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าเขาแพ้ฝุ่น แต่ถึงยังไงก็ตาม ผมก็เลือกที่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่หยิบขึ้นมาก่อน
     ผมเปิดปกหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาดูด้วยความสนใจ ‘ความลับของ... เขียนโดย มิณมณี สีขาว และ นภา แด่ผู้ที่ล่วงลับ’ ข้อความหนึ่งถูกพิมพ์เอาไว้ที่หน้าแรก แต่มันก็ยังมีคำที่หายไปรวมอยู่ด้วย เพียงแต่คราวนี้มันเหมือนกับถูกเจาะออกไปอย่างปราณีตจนกระดาษส่วนนั้นเป็นรูสี่เหลี่ยม ผมเปิดหน้ากระดาษสีเหลืองๆที่ดูเหมือนจะขาดแหล่มิขาดแหล่เพื่อดูเนื้อหาภายใน และพบว่ามันเป็นไม่ใช่หนังสือธรรมดา หากแต่เป็นหนังสือไดอารี่ ที่ถูกพิมพ์ขึ้นมาจากเครื่องพิมพ์ดีด ทุกๆหน้าลงวันเดือนปีที่เขียนไว้อย่างชัดเจน แต่ละหน้าเหมือนถูกเขียนโดยคนละคนกัน โดยที่ท้ายหน้ากระดาษจะลงชื่อคนเขียนไว้เสมอ สลับกันไปมาระหว่าง ‘มิณมณี’ ‘สีขาว’ และ ‘นภา'
     “นิยายสยองขวัญหรอ” อิ้มเดินมาทักผมอีกครั้ง น้ำเสียงเหมือนพยายามเร่งเร้าให้รีบกลับออกไปภายนอก
     “เอาเล่มนี้ดีมั้ย” ผมถามขึ้นมาลอยๆ “ยังไงก็เล่มละแค่80เอง”
     “สยองว่ะ” อิ้มก้มดูหนังสือในมือผมใกล้ๆ คงเป็นเพราะรอยกรีดบนหน้าปกที่ทำให้เขาพูดแบบนั้น
     “ป้าครับ เอาเล่มนี้นะครับ” ผมยื่นหน้าชะโงกเข้าไปในหลังร้าน
     “เออ วางเงินไว้ละกัน” ป้าแกตะโกนกลับมา
     แล้วผมกับอิ้มก็เดินออกมาจากร้าน พร้อมกับหนังสือเก่าเล่มใหม่ที่ผมได้ซื้อมา
     “มันน่าสนใจตรงไหนวะ ไอหนังสือสยองเล่มนี้เนี่ย” อิ้มพูดแล้วโยนแก้วชานมที่กินหมดแล้วลงถังขยะข้างทาง
     “ไม่รู้ดิ” ผมตอบ “กูแค่อยากหาไรอ่านว่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
     ตั้งแต่เมื่อวานที่ผมได้รับจดหมายจาก’น้ำ’ ความรู้สึกและอารมณ์ของผมก็ปั่นป่วนไปหมด ผมไม่รู้จะทำตัวอย่างไร เนื่องจากใจของผมมันไมยอมสงบลงสักที ทุกครั้งที่ผมนึกขึ้นมาถึงจดหมายฉบับนั้น ผมก็รู้สึกสับสนและตื่นเต้นไปหมด ผมได้ตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าจดหมายนั้นจะมาจากใคร จะใช่น้ำตัวจริงหรือไม่ใช่ ยังไงพรุ่งนี้ผมก็จะไปตามสถานที่และเวลาที่จดหมายฉบับนั้นระบุเอาไว้แน่นอน
     เมื่อวาน ผมไปตามหาน้องส้มม.สาม คนที่อิ้มบอกว่าเอากล่องขนมปริศนานั้นมาฝากให้ผม แต่คำตอบที่ผมได้กลับมากลับกลายเป็นว่า ‘ม.สามไม่มีคนชื่อส้ม’ และถึงผมจะไปไล่ถามหาคนชื่อส้มตั้งแต่ม.หนึ่งจนถึงม.หก คำตอบที่ผมได้กลับมาก็มีเพียงแต่ ‘ไม่รู้เรื่อง’ กับ ‘ผิดคนแล้วล่ะ’ ส่วนอิ้มที่เป็นคนเจอและถามชื่อ'น้องส้ม’คนนั้นมา ก็ดันจำหน้าเขาไม่ได้อีก
     ผมเหมือนจะมืดแปดด้านในการตามหาคนที่เขียนจดหมายฉบับนี้ แต่ยังไงผมก็เชื่อว่า ถ้าได้ทำตามจดหมายนั้น ผมอาจจะได้รู้เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นได้
     ผมก็แค่อยากจะรู้เท่านั้นว่าน้ำมีตัวตนหรือเปล่า?
     “วันนี้มึ_ดูแปลกๆนะ เมื่อวานด้วย เหม่อตลอด คุยกะกูบ้างก็ดีนะ” อิ้มหันมาพูดกับผมทั้งที่ผมกำลังเหม่อคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ “มีไรบอกกันได้นะเว่ย!” อิ้มยิ้ม เหมือนอย่างที่เขามักจะยิ้มเสมอๆ
     “มีเรื่องนิดหน่อยว่ะ” ผมถอนหายใจยาว
     “เรื่องไรวะ” อิ้มถาม “อย่างบอกนะ ว่าเครียดเรื่องที่บ้านอีกละอ่อ” อิ้มถอนหายใจตามผม
     “เปล่าๆ คราวนี้เรื่องอื่น” ผมหันไปบอกอิ้ม
     “เรื่องดีหรือร้ายวะ” อิ้มยื่นหน้ามาถามด้วยความสงสัย
     “ไม่รู้ดิ” ผมหัวเราะ เหมือนจะพยายามตอบให้กวน แต่ในใจกลับไม่รู้จริงๆว่ามันคือเรื่องดีหรือร้ายกันแน่
     “อะไรของ” อิ้มผลักผมออกเบาๆ เขาถอนหายใจ แล้วเราสองคนก็เดินมาจนถึงป้ายรถเมล์ “งั้นกูไปก่อนนะ” แล้วอิ้มก็เอ่ยลาผม “เจอกันพรุ่งนี้”
     “เออ” ผมตอบกลับไปห้วนๆ มองดูเพื่อนสนิทเดินขึ้นรถเมล์สีชมพู แล้วมันก็แล่นออกไป
     ทิ้งให้ผมเดินกลับบ้านคนเดียวด้วยความคิดที่ผมครุ่นคิดมาตั้งแต่เมื่อวาน
     ผมกำลังจะได้เจอน้ำจริงๆสินะ
     จะใช่น้ำจริงๆหรอ
     ถ้าใช่แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ จะรู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่?

     คำถามมากมายผุดขึ้นมาในขณะที่ผมกำลังเดินทางกลับบ้าน
     ผมคิดว่าไม่แน่ น้ำอาจจะเป็นนักเรียนในโรงเรียนเดียวกับผมก็เป็นได้ เพราะจากจดหมาย ก็รู้ทั้งชื่อจริงและนามสกุล รวมถึงห้องและเลขที่ของผมอีกด้วย แถมใครๆในโรงเรียนก็รู้ว่าผมเป็นเพื่อนสนิทกับอิ้ม แต่ถ้าเกิดว่าคนคนนั้นที่ส่งจดหมายมาไม่ใช่น้ำล่ะ? มันจะเป็นไปได้หรอ ในเมื่อเรื่องแชทของผมกับน้ำนั้นถูกเก็บเป็ฯความลับมาตลอด และก็ไม่น่าจะมีใครมาค้นโทรศัพท์ของผม เพราะผมเก็บมันไว้กับตัวเสมอๆ
     เป็นไปได้รึเปล่าว่าน้ำรู้จักกับน้องส้ม หรือว่าน้องส้มแค่เจอน้ำหน้าโรงเรียนแล้วถูกฝากจดหมายมางั้นหรอ นั่นอาจเป็นไปไม่ได้ เพราะผมยังไม่เจอคนชื่อส้มที่รู้เรื่องจดหมายนั้นเลยสักคน หรือว่าอิ้มจะแกล้งสร้างจดหมายนั้นขึ้นมาเพราะแอบรู้ว่าผมคุยกับน้ำงั้นหรอ ไม่น่าจะใช่ เพราะอิ้มคงต้องถามผมก่อนแน่ๆว่าน้ำคือใครถ้าเขาเจอแชทของผมกับน้ำ หรือว่าน้ำคือิ้ม แล้วอิ้มคือน้ำงั้นหรอ นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่
     แล้วถ้าอิ้มรู้จักกับน้ำแล้วโกหกเรื่องน้องส้มล่ะ.. นั่นอาจเป็นไปได้ แต่ทำไถึงต้องทำอะไรให้ซับซ้อนขนาดนี้ด้วยนะ
     ผมคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดเท่าที่พอจะคิดออกมาตลอดทางกลับบ้าน จนกระทั่งถึงบ้านในที่สุด
     “แม่หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้แม่ที่มัวแต่กำลังยุ่งทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัว
     “อื้ม” แม่ตอบกลับมาสั้นๆ ไม่ซักถามอะไรต่อทั้งนั้น ผมจึงเดินขึ้นห้องไปอย่างเงียบๆ

     ยังไงผมก็เลิกเครียดเรื่องครอบครัวนี้ไปแล้ว
     ตอนนี้มีเพียงน้ำคนเดียวเท่านั้น ที่ผมอยากนึกถึง


     ผมล้มตัวลงนอน ในหัวก็ยังคิดเรื่องของน้ำไม่ตก
     ผมนอนมองเพดานห้องอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบหนังสือเก่าเล่มที่ซื้อมาขึ้นมาดูเผื่อว่าใจจะสงบลงได้บ้าง
     ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือเก่า เพราะชอบสัมผัสของกระดาษเก่าๆ รวมถึงความรู้สึกที่อ่านแล้วเหมือนสามารถย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ก็ชอบเช่นกัน
     ว่าแล้วผมก็เริ่มเปิดดูหนังสือไดอารี่แปลกๆเล่มนี้อีกครั้ง ไม่น่าเชื่อเลย ว่าจะมีหนังสือแปลกๆแบบนี้อยู่ด้วย

‘ วันที่ 24 เดือนเมษายน
วันนี้อากาศแจ่มใส เหมาะแก่การเดินทาง’


     ผมสุ่มหยุดที่หน้าหน้าหนึ่ง แล้วเริ่มอ่านไปเรื่อยๆ

‘ ความรักของฉันไร้วี่แววของความหวัง หากเพียงแต่ฉันและเขาได้อยู่เคียงข้างกัน ฉันคงไม่ต้องรู้สึกทุกข์ใจเช่นนี้'
     
     ข้อความนี้ทำเอาผมสะอึก แต่ผมก็อ่านต่อไป

'ทุกสิบปี คนจาก...จะได้พบกับคนจาก... แล้วพวกเขาจะทำให้มันดีขึ้นหรือแย่ลง เรื่องนั้นมันก็แล้วแต่พวกเขา'

     บางส่วนของข้อความถูกเจาะออกไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมอีกแล้ว
     ผมอ่านไปเรื่อยๆ รอยเจาะกระดาษเหมือนพยายามจะกำจัดข้อความบางส่วนยังคงมีอยู่เรื่อยๆ และผมก็พบว่า บันทึกส่วนใหญ่เขียนขึ้นมาลอยๆ และดูแทบจะไร้เรื่องราวให้ปะติดปะต่อกันได้ ผมล่ะสงสัยจริงๆว่าคนที่นำเอากระดาษเหล่านี้มารวมกันเป็นเล่มกำลังคิดอะไรอยู่

‘ท่านเชื่อในเวทมนตร์หรือไม่? หากเชื่อ ฉันจะบอกถึงวิธีที่ทำให้ความปรารถนาของท่านเป็นจริง’

     ผมเปิดผ่านๆมาอีกหน้า จนมาถึงหน้าหน้าหนึ่งซึ่งเป็นบันทึกที่ ‘นภา’ เป็นคนเขียน

‘หากความปรารถนาใดของท่าน เป็นความปรารถนาที่ไม่สามารถเป็นจริงได้
ความปรารถนานั้น จะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจริงมากที่สุด ถ้าท่านใช้เวทมนตร์ของฉัน’


     ถึงตรงนี้ผมได้แต่คิดว่ามันเป็นเพียงบทความแปลกๆที่ฟังดูเข้าใจยาก และฟังเหมือนเป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อ
     หากแต่บรรทัดต่อไปทำเอาผมไม่สามารถวางหนังสือเล่มนั้นลงได้

‘ทำตามคำขอของเขา แล้วท่านจะได้พบ... ไม่ว่ามันจะดีหรือร้ายก็ตาม’
     
     มีรูสี่เหลี่ยมตัดเอาคำๆหนึ่งออกไปอีกแล้ว
     แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่แทบจะไม่สามารถเชื่อมโยงกับสถานการณ์ของผมในตอนนี้ได้ และฟังดูเหมือนกับว่าหนังสือเล่มนี้กำลังพยายามจะบอกถึงเรื่องๆอื่น แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้กำลังบอกให้ผมทำตาม'จดหมายจากน้ำ'ซะอย่างนั้น

∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵

แก้คำผิด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่