ทริป 9 วันในเกาหลีแบบชิลเวอร์ - ตอนที่ 1 - สาวไทยเดินทางคนเดียว พาสปอร์ตขาว เข้าเกาหลี ต่อรถไปบ้านนอก
http://pantip.com/topic/33546850
ทริป 9 วันในเกาหลีแบบชิลเวอร์ - ตอนที่ 2 - เดินทางด้วยรถบัสและรถไฟฟ้าที่เกาหลี
http://pantip.com/topic/33547002
เนื่องจากมีเวลาอันชิลเวอร์เวิน สิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำในเกาหลีเลยคือ ทำผมค่ะ
เราปกติทำผมกับช่างเกาหลีในเมืองไทยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำมา 1 ปีถ้วน...
จะกลับไปทำก็คือต้องต่อคิวประมาณ 3 เดือน นี่คือสิ่งที่ค่อนข้างเบื่อ
เพราะว่าเวลาเราก็ไม่ค่อยแน่นอน จองคิวไว้แล้วติดธุระโน่นนี่ก็ต้องไปต่อคิวใหม่
ก็เลยแบบว่าเบื่อ ไม่ค่อยอยากจองคิว พอรู้สึกว่า ต้องทำผมแล้ว ช่วงต้นปี
ก็คิดว่า เออ ไปทำที่เกาหลีเลยดีกว่า เพราะไหนๆก็คงต้องรอ 3 เดือนเหมือนกัน
รออีกหน่อยจะเป็นไรไป ใช่มั้ย
ก็เลยทำการ search หาช่างที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
โดยการอ่านบลอกชาวต่างชาติที่อยู่เกาหลี ว่าเค้าไปทำผมที่ไหนกัน
ก็มาเจอที่ Juno hair ซึ่งจริงๆแล้วเป็นร้าน chain คล้ายๆชลาชลบ้านเรานะ
แต่ว่าจะเลือกไปสาขาไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง
คนสิงคโปร์เจ้าของบลอกคนนั้นเธอมาที่สาขา 2 หน้า Ewha womans university
ด้วยเหตุผลว่า ที่นี่เป็นแหล่งสาวๆ ที่มีทั้งแฟชั่นและความทันสมัย
ร้านที่ไม่สามารถตอบสนองสาวๆเหล่านี้ได้ก็คงอยู่ไม่ได้แน่นอน
ว่าแล้วก็ไปกันเร้ยยยย
นี่คือผมก่อนทำ ดัดกับช่างเกาหลีตั้งแต่ประมาณเมษาปีที่แล้ว เป็นคนผมยาวเร็วมาก
สังเกตได้ว่าจุดที่ไม่ทำสีคือส่วนที่ยาวขึ้นมาตลอด 1 ปี
มารอบนี้ขอตัดสั้นตามเทรนด์ปี 2015 หน่อยเถอะ
เข้าไปถึงร้าน ตรงเคาเตอร์ก็บอกเค้าเลยว่า จะมาทำอะไรบ้าง ทำสี ดัด ตัด อะไรก็ว่าไป
แล้วเค้าก็จะให้ช่างออกมาคุยกับเรา เลือกทรงผมกัน
ที่นั่นก็จะมีแคตตาล็อคผมให้เลือก ว่าจะเอาทรงไหน หรือเราจะเอาทรงไปเองก็ได้
ช่างก็จะมาให้คำปรึกษาว่า เอ๊ะ ดีมั้ยนะ อะไรยังไง
เราก็เปิดรูปที่เราเตรียมไปให้ดู ช่างดูไปดูมาก็เปิดรูปของช่างให้ดู
แล้วบอกว่า แบบนี้ดีกว่า ดูเด็กกว่า
เราก็เป็นคนเชื่อช่าง... คือ จริงๆเราอยากให้ช่างทำแบบที่ช่างถนัด
เพราะถ้าเค้าถนัดเค้าก็จะทำออกมาสวยใช่มั้ย แล้วถ้าทรงนั้นมันก็คล้ายๆที่เราอยากได้ ก็เอาเลย
ส่วนสี ตอนที่เลือกสีนั้น ช่างถามว่า ยูมาจากประเทศอะไร พอบอกว่า เมืองไทย
ช่างก็เลือกสีชอกโกแลตให้ทันที บอกว่า สีนี้ๆ จะเลือกสีอ่อนกว่านี้ช่างก็ไม่ให้ด้วยนะ
ช่างอาจจะคิดว่า มันไม่เหมาะกับภูมิประเทศหรือเปล่านะ
พอเลือกเสร็จ เราก็มาตกลงราคากันนะ ว่าเท่าไหร่ ยังไง
ราคานี้เป็นราคาใกล้เคียงกับการทำผมกับช่างเกาหลีในเมืองไทยเช่นกัน
คือ ราคาดัดผมอยู่ที่ 220,000 วอน ทำสีผมที่ 120,000 วอน ทำทรีทเมนท์ผม 100,000 วอน
ลดให้ 10% แล้วช่างก็จะบอกว่า ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงนะ
ตกลงราคากันเรียบร้อย ไม่แพงไปกว่าเมืองไทยมากนักก็เอาเลย
จริงๆแล้วร้านอื่นที่บ้านนอกคิดต่ำกว่านี้ครึ่งนึง แต่อย่างว่า ไม่กล้าเสี่ยงอะ
กลัวช่างพูดอังกฤษไม่ได้แล้วไม่เข้าใจกัน ออกมาเป็นอะไรไม่รู้คงเศร้าแพร้พพ
เค้าก็จะให้เราเก็บเสื้อโค้ท กระเป๋า ข้าวของใส่ลอกเกอร์
แล้วก็เอาเสื้อคลุมของร้านมาให้ใส่พร้อมกุญแจลอกเกอร์
เสร็จแล้วก็จะติดหน้ากากไว้ที่หน้าผาก เพื่อไม่ให้ระคายตา
ขั้นตอนแรกก็พาไปตัดผมก่อน ตัดออกไปฉับๆ
เสร็จแล้วก็ไปสระผม แล้วก็เป็นขั้นตอนการเตรียมผมเพื่อดัดและทำสีด้วยความร้อน
ขั้นตอนนี้ร้านในเมืองไทยไม่เคยมี (หรือเราไม่เคยเจอไม่รู้)
แต่ร้านที่มีช่างเกาหลีเค้าจะพิถีพิถันกับขั้นตอนนี้มาก เรียกว่าเสียเวลานานสุด
จนกว่าผมเราจะพร้อมสำหรับการดัดและทำสี
ระหว่างนี้ก็สามารถสั่งขนม เครื่องดื่มมานั่งทานแก้เบื่อได้ ฟรี
เค้ามีเคาเตอร์ทำเครื่องดื่มในร้านเลย
นอกจากนี้ก็มีหนังสือให้อ่าน มีไวไฟให้เล่น มีขนมกรุบกริบให้กินแก้หิว
และถ้ายังไม่ทานข้าว มีสั่งข้าวให้ทานอีกแน่ะ
พอผมเราพร้อม ก็ไปล้างผม แล้วก็ไปทำการดัดดิจิตอล
ตอนที่ถามช่างว่า ดัดดิจิตอลหรือเปล่า ช่างทำหน้างง
คือ คงงงว่ามันมีดัดแบบอื่นด้วยหรา เค้าดัดแบบนี้กันทั้งประเทศมั้ง
หรือว่าเค้าไม่เรียกว่าดัดดิจิตอลก็ไม่รู้
ตอนม้วนผมดัดช่างก็จะมาประกบคอยดู แล้วก็มีลูกมือมาช่วยทำ
ตรงนี้ดัดไม่นาน ประมาณ 30 นาทีได้
เสร็จก็ไปล้างผมอีกรอบก่อนจะมาทำสี
ช่วงระหว่างรอทำสีนี่ ช่างก็มาคุยด้วย มุ้งมิ้งมาก
แม้ว่าจะต้องคุยเป็นภาษาอังกฤษ แต่ช่างก็ไม่ย้อท้อ ไม่หวั่น
บอกช่างว่าน้องสาวก็ชอบทำผมกับช่างเกาหลีเหมือนกัน
ครั้งหน้าว่าจะให้น้องมาทำที่นี่ด้วย
ว่าแล้วช่างก็แจกบัตรลด 20% ให้ดิฉันครั้งหน้าและให้น้องสาว คนละใบเลย
ทำสีเสร็จก็ไปล้างผม กลับมาทำทรีทเมนท์อีกครั้ง
เนื่องจากเป็นคนขยันมาก ทำผมปีหนเลยทำๆไปทีเดียวให้หมด
ผมก็แห้งจริงๆอย่างที่ช่างคอมเมนท์เลยตัดสินใจทำทรีทเมนท์ไปพร้อมกัน
ระหว่างรอทำทรีทเมนท์ก็หิว ขโมยกินขนมกรุบกริบในร้านเค้าไปเรื่อย 555
เสร็จแล้วก็ไปสระในขั้นตอนสุดท้าย พร้อมนวดด้วย
กลับมาไดร์ผม แล้วช่างก็มาเช็คทรงตอนสุดท้ายให้อีกทีนึง
ช่วงนี้ช่างก็จะสอนเราเซตผมนะ ว่าเซตได้กี่แบบ แบบไหนบ้าง
ติดกิ๊บแบบนี้ก็ได้นะ อยากทำผมแบบนี้ก็ได้นะ คือบั่บ โอ๊ย ใส่ใจม้ากมวาก
ช่างเกาหลีที่เมืองไทยก็เป็นนะ เหมือนกันเลย
แต่ที่นี่เนื่องจากร้านใหญ่กว่า เครื่องมือเยอะกว่า พนักงานเยอะกว่า 4 ชั่วโมงถือว่าเร็วมาก
ตอนทำในกรุงเทพฯนี่จะดัดกับทำสีนี่ต้องแยกวันกันมาทำ เพราะทำไม่ทัน
After ค่ะ กลับไป Ihwangri สามีจำไม่ได้ค่ะ พูดจริงๆ
นางบอก Girl Gen หรือยังไง
นอกจากเซตแบบนี้แล้วก็ยังสามารถเซตแบบงุ้มเข้าทรงนักเรียน
หรือเซตแบบสวอนออกทั้งหัว หรือจะสวอนแค่ครึ่งหัวก็ยังได้
วิธีเซตผมดัดแบบเกาหลี คือ เป่าธรรมชาติแล้วใช้นิ้วม้วนๆๆ จบ
พูดจริงๆ
ตอนนี้ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว ผมเข้าที่เข้าทางกว่าตอนตัดใหม่ๆมาก
เพราะว่าผมเริ่มเซตตัวกับน้ำหนักใหม่ ไม่ลีบแบบติดหัวเหมือนตอนผมยาวแล้วค่ะ
ทริป 9 วันในเกาหลีแบบชิลเวอร์ - ตอนที่ 3 - must do in korea ทำผมที่เกาหลี
http://pantip.com/topic/33546850
ทริป 9 วันในเกาหลีแบบชิลเวอร์ - ตอนที่ 2 - เดินทางด้วยรถบัสและรถไฟฟ้าที่เกาหลี
http://pantip.com/topic/33547002
เนื่องจากมีเวลาอันชิลเวอร์เวิน สิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำในเกาหลีเลยคือ ทำผมค่ะ
เราปกติทำผมกับช่างเกาหลีในเมืองไทยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำมา 1 ปีถ้วน...
จะกลับไปทำก็คือต้องต่อคิวประมาณ 3 เดือน นี่คือสิ่งที่ค่อนข้างเบื่อ
เพราะว่าเวลาเราก็ไม่ค่อยแน่นอน จองคิวไว้แล้วติดธุระโน่นนี่ก็ต้องไปต่อคิวใหม่
ก็เลยแบบว่าเบื่อ ไม่ค่อยอยากจองคิว พอรู้สึกว่า ต้องทำผมแล้ว ช่วงต้นปี
ก็คิดว่า เออ ไปทำที่เกาหลีเลยดีกว่า เพราะไหนๆก็คงต้องรอ 3 เดือนเหมือนกัน
รออีกหน่อยจะเป็นไรไป ใช่มั้ย
ก็เลยทำการ search หาช่างที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
โดยการอ่านบลอกชาวต่างชาติที่อยู่เกาหลี ว่าเค้าไปทำผมที่ไหนกัน
ก็มาเจอที่ Juno hair ซึ่งจริงๆแล้วเป็นร้าน chain คล้ายๆชลาชลบ้านเรานะ
แต่ว่าจะเลือกไปสาขาไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง
คนสิงคโปร์เจ้าของบลอกคนนั้นเธอมาที่สาขา 2 หน้า Ewha womans university
ด้วยเหตุผลว่า ที่นี่เป็นแหล่งสาวๆ ที่มีทั้งแฟชั่นและความทันสมัย
ร้านที่ไม่สามารถตอบสนองสาวๆเหล่านี้ได้ก็คงอยู่ไม่ได้แน่นอน
ว่าแล้วก็ไปกันเร้ยยยย
นี่คือผมก่อนทำ ดัดกับช่างเกาหลีตั้งแต่ประมาณเมษาปีที่แล้ว เป็นคนผมยาวเร็วมาก
สังเกตได้ว่าจุดที่ไม่ทำสีคือส่วนที่ยาวขึ้นมาตลอด 1 ปี
มารอบนี้ขอตัดสั้นตามเทรนด์ปี 2015 หน่อยเถอะ
เข้าไปถึงร้าน ตรงเคาเตอร์ก็บอกเค้าเลยว่า จะมาทำอะไรบ้าง ทำสี ดัด ตัด อะไรก็ว่าไป
แล้วเค้าก็จะให้ช่างออกมาคุยกับเรา เลือกทรงผมกัน
ที่นั่นก็จะมีแคตตาล็อคผมให้เลือก ว่าจะเอาทรงไหน หรือเราจะเอาทรงไปเองก็ได้
ช่างก็จะมาให้คำปรึกษาว่า เอ๊ะ ดีมั้ยนะ อะไรยังไง
เราก็เปิดรูปที่เราเตรียมไปให้ดู ช่างดูไปดูมาก็เปิดรูปของช่างให้ดู
แล้วบอกว่า แบบนี้ดีกว่า ดูเด็กกว่า
เราก็เป็นคนเชื่อช่าง... คือ จริงๆเราอยากให้ช่างทำแบบที่ช่างถนัด
เพราะถ้าเค้าถนัดเค้าก็จะทำออกมาสวยใช่มั้ย แล้วถ้าทรงนั้นมันก็คล้ายๆที่เราอยากได้ ก็เอาเลย
ส่วนสี ตอนที่เลือกสีนั้น ช่างถามว่า ยูมาจากประเทศอะไร พอบอกว่า เมืองไทย
ช่างก็เลือกสีชอกโกแลตให้ทันที บอกว่า สีนี้ๆ จะเลือกสีอ่อนกว่านี้ช่างก็ไม่ให้ด้วยนะ
ช่างอาจจะคิดว่า มันไม่เหมาะกับภูมิประเทศหรือเปล่านะ
พอเลือกเสร็จ เราก็มาตกลงราคากันนะ ว่าเท่าไหร่ ยังไง
ราคานี้เป็นราคาใกล้เคียงกับการทำผมกับช่างเกาหลีในเมืองไทยเช่นกัน
คือ ราคาดัดผมอยู่ที่ 220,000 วอน ทำสีผมที่ 120,000 วอน ทำทรีทเมนท์ผม 100,000 วอน
ลดให้ 10% แล้วช่างก็จะบอกว่า ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงนะ
ตกลงราคากันเรียบร้อย ไม่แพงไปกว่าเมืองไทยมากนักก็เอาเลย
จริงๆแล้วร้านอื่นที่บ้านนอกคิดต่ำกว่านี้ครึ่งนึง แต่อย่างว่า ไม่กล้าเสี่ยงอะ
กลัวช่างพูดอังกฤษไม่ได้แล้วไม่เข้าใจกัน ออกมาเป็นอะไรไม่รู้คงเศร้าแพร้พพ
เค้าก็จะให้เราเก็บเสื้อโค้ท กระเป๋า ข้าวของใส่ลอกเกอร์
แล้วก็เอาเสื้อคลุมของร้านมาให้ใส่พร้อมกุญแจลอกเกอร์
เสร็จแล้วก็จะติดหน้ากากไว้ที่หน้าผาก เพื่อไม่ให้ระคายตา
ขั้นตอนแรกก็พาไปตัดผมก่อน ตัดออกไปฉับๆ
เสร็จแล้วก็ไปสระผม แล้วก็เป็นขั้นตอนการเตรียมผมเพื่อดัดและทำสีด้วยความร้อน
ขั้นตอนนี้ร้านในเมืองไทยไม่เคยมี (หรือเราไม่เคยเจอไม่รู้)
แต่ร้านที่มีช่างเกาหลีเค้าจะพิถีพิถันกับขั้นตอนนี้มาก เรียกว่าเสียเวลานานสุด
จนกว่าผมเราจะพร้อมสำหรับการดัดและทำสี
ระหว่างนี้ก็สามารถสั่งขนม เครื่องดื่มมานั่งทานแก้เบื่อได้ ฟรี
เค้ามีเคาเตอร์ทำเครื่องดื่มในร้านเลย
นอกจากนี้ก็มีหนังสือให้อ่าน มีไวไฟให้เล่น มีขนมกรุบกริบให้กินแก้หิว
และถ้ายังไม่ทานข้าว มีสั่งข้าวให้ทานอีกแน่ะ
พอผมเราพร้อม ก็ไปล้างผม แล้วก็ไปทำการดัดดิจิตอล
ตอนที่ถามช่างว่า ดัดดิจิตอลหรือเปล่า ช่างทำหน้างง
คือ คงงงว่ามันมีดัดแบบอื่นด้วยหรา เค้าดัดแบบนี้กันทั้งประเทศมั้ง
หรือว่าเค้าไม่เรียกว่าดัดดิจิตอลก็ไม่รู้
ตอนม้วนผมดัดช่างก็จะมาประกบคอยดู แล้วก็มีลูกมือมาช่วยทำ
ตรงนี้ดัดไม่นาน ประมาณ 30 นาทีได้
เสร็จก็ไปล้างผมอีกรอบก่อนจะมาทำสี
ช่วงระหว่างรอทำสีนี่ ช่างก็มาคุยด้วย มุ้งมิ้งมาก
แม้ว่าจะต้องคุยเป็นภาษาอังกฤษ แต่ช่างก็ไม่ย้อท้อ ไม่หวั่น
บอกช่างว่าน้องสาวก็ชอบทำผมกับช่างเกาหลีเหมือนกัน
ครั้งหน้าว่าจะให้น้องมาทำที่นี่ด้วย
ว่าแล้วช่างก็แจกบัตรลด 20% ให้ดิฉันครั้งหน้าและให้น้องสาว คนละใบเลย
ทำสีเสร็จก็ไปล้างผม กลับมาทำทรีทเมนท์อีกครั้ง
เนื่องจากเป็นคนขยันมาก ทำผมปีหนเลยทำๆไปทีเดียวให้หมด
ผมก็แห้งจริงๆอย่างที่ช่างคอมเมนท์เลยตัดสินใจทำทรีทเมนท์ไปพร้อมกัน
ระหว่างรอทำทรีทเมนท์ก็หิว ขโมยกินขนมกรุบกริบในร้านเค้าไปเรื่อย 555
เสร็จแล้วก็ไปสระในขั้นตอนสุดท้าย พร้อมนวดด้วย
กลับมาไดร์ผม แล้วช่างก็มาเช็คทรงตอนสุดท้ายให้อีกทีนึง
ช่วงนี้ช่างก็จะสอนเราเซตผมนะ ว่าเซตได้กี่แบบ แบบไหนบ้าง
ติดกิ๊บแบบนี้ก็ได้นะ อยากทำผมแบบนี้ก็ได้นะ คือบั่บ โอ๊ย ใส่ใจม้ากมวาก
ช่างเกาหลีที่เมืองไทยก็เป็นนะ เหมือนกันเลย
แต่ที่นี่เนื่องจากร้านใหญ่กว่า เครื่องมือเยอะกว่า พนักงานเยอะกว่า 4 ชั่วโมงถือว่าเร็วมาก
ตอนทำในกรุงเทพฯนี่จะดัดกับทำสีนี่ต้องแยกวันกันมาทำ เพราะทำไม่ทัน
After ค่ะ กลับไป Ihwangri สามีจำไม่ได้ค่ะ พูดจริงๆ
นางบอก Girl Gen หรือยังไง
นอกจากเซตแบบนี้แล้วก็ยังสามารถเซตแบบงุ้มเข้าทรงนักเรียน
หรือเซตแบบสวอนออกทั้งหัว หรือจะสวอนแค่ครึ่งหัวก็ยังได้
วิธีเซตผมดัดแบบเกาหลี คือ เป่าธรรมชาติแล้วใช้นิ้วม้วนๆๆ จบ
พูดจริงๆ
ตอนนี้ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว ผมเข้าที่เข้าทางกว่าตอนตัดใหม่ๆมาก
เพราะว่าผมเริ่มเซตตัวกับน้ำหนักใหม่ ไม่ลีบแบบติดหัวเหมือนตอนผมยาวแล้วค่ะ