Part 1 - Otaru | Saporo
Part 2 - Sapporo | Asahikawa | Noboribetsu |
http://pantip.com/topic/33406621
ช่วงนี้บ้านเราร้อนสุดๆ : ) เลยจะมารีวิวทริปหนาวๆ ให้ทุกคนได้ผ่อนคลายความร้อนกันบ้างเนอะ
ทริปนี้เราไป ฮอกไกโดช่วงเดือนมกรามาคะ ยิ่งช่วงนี้ราคาค่าตั๋วถูกลงมากๆ
แต่หลังจากเราเพิ่งไปมา (เศร้าแปป) เลยจะมาแชร์ประสบการณ์เที่ยว มุ้งมิ้งตามสไตล์ 2 สาวกันคะ
จริงๆคือไม่มีใครว่าง มีแต่เธอที่เกิดมาคู่กับฉัน (ไม่ใช่และ) เรากับเพื่อนสาวคะ คุยกันแล้ว โอเค
รอไปรอมาเดี๋ยวไม่ได้ไปพอดี งั้นไปกันแค่2คนก็ได้ ลุยยยย !!!
ปล.ใครยังไม่ตัดสินใจกดซื้อตั๋วเราให้โอกาสคุณอีกสักหน่อย
อ่านแล้วอย่าลืมรีบไปกดให้ไวเลย ฮอกไกโด เที่ยวได้เที่ยวดีตลอดปีเลยนะ : )
ก่อนไปเราก็มีการวางแผนล่วงหน้านิดนึงคะ คือคุยกันตั้งแต่สิ้นปี อยากไปเมืองหนาวๆ
ใฝ่ฝันอยากเจอหิมะครั้งแรกของสาวๆ ขอที่ที่หิมะจัดเต็ม ตกไม่กลัว กลัวไม่ตก ฮ่าๆ
ตกลงกันได้ งั้นเราไปฮอกไกโดกันเถอะ เริ่มหาข้อมูล ก็ได้ข้อมูลจากพี่ๆที่แชร์ประสบการณ์
ใน Pantip นี่แหละคะ ข้อมูลแน่น ละเอียดสุดๆ ต้องขอบคุณมาก ช่วยได้มากเลยคะ : D
หลังจากเล็งอยู่นาน ก็ได้จังหวะตอนเดือนมกรานี่แหละ ช่วงเงียบๆ สงบๆ จัดการซื้อตั๋วเรียบร้อย ด้วยเวลาจำกัด
ทริปนี้ไป ทั้งหมด 6 วัน มีเวลาเที่ยวเต็มๆแค่ 4วัน เลยต้องวางแผนกันสักหน่อย พร้อมแล้ว เย่ ! บินกันเลย
เม้าท์ช่วงก่อนบินนิดนึง ระหว่างที่เรารอจะขึ้นเครื่อง ก็มีผู้ชายญี่ปุ่น 2 คน
มาชวนพวกเราคุยคะ ก็ถามว่า คุณไปที่ฮอกไกโด คุณไปทำอะไรหรอ ?
พวกเราก็บอกไป เราไปเที่ยวกันคะ นู้นนี่นั่น แต่ยังคะ ยังจะชวนคุยอีก
เค้าก็ถามเราอีกว่า ไปทำไม คุณชอบอะไรที่นั่น ทำไมถึงอยากไป
เอ้า! ก็ยังไม่เคยไปอะ เห็นในรูปแล้วสวยดี แต่ในใจก็จริงๆแค่อยากเจอหิมะอะ แต่ไม่กล้าพูด เขิล ฮ่าๆ
แล้วเค้าก็หยิบมือถือมาโชว์รูปให้ดู เนี่ยที่ซัปโปโร สวยมากเลยนะ เค้ามีบ้านที่นั่น อย่างนู้นอย่างนี้
แล้วก็ชวนคุยต่อไม่หยุด ที่ตลกคือ นางยื่นรูปมาเนี่ย ผลไม้นี่ชื่ออะไร เพื่อนเราก็ อ๋อ ลูกตาลไง
ลองเซิสอากู๋ ลูกตาลสิคะ พรึบ ฮากันใหญ่ คนละลูกตาลละ ขำมากก
จนสักพัก ก็ยังคุยไม่หยุด เค้าพูดไทยได้นิดหน่อยนะคะ แต่เพื่อนเค้าอีกคนเหมือนยกมือถือแอบถ่าย
พอพวกเราทำท่าว่าเราเห็นนะ ก็ไม่หยุด เนียนยกขึ้นมาอีก ตอนหลังก็เลยไม่อยากจะคุยด้วยละ
เริ่มไม่ปลื้ม ได้จังหวะเรียกขึ้นเครื่องพอดี งั้นโอเค บายยยยยคะ : D
มาลุยกัน ลุยกัน !
หิมะอลังการตั้งแต่อยู่บนเครื่อง โอ้โห มองลงไปแล้วแบบขาวโพลน ปลื้มมากๆ นี่แหละที่รอคอย
ไฟลท์มาถึงประมาณ 8-9 โมง รอรับกระเป๋าแล้ว เราก็มองหาป้ายไป JR Station กันคะ
จุดหมายวันนี้ เราจะไปนอนค้าง อินบรรยากาศความมุ้งมิ้ง ที่โอตารุกันคะ
ซื้อตั๋วคนละประมาณ 1780 เยน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม ก็ถึงโอตารุแล้วคะ
ที่พักของเรา Smile hotel Otaru น่าจะเพิ่งสร้างใหม่นะคะ ข้อมูลไม่ค่อยมี รีวิวไม่เจอ
แต่ที่จองเพราะเคยพักที่ Osaka มา ราคาก็ไม่แพงมาก แนะนำเลยคะ จากหน้าสถานีมองตรงไป
ประมาณ2ไฟแดง จะเจอป้าย หน้ายิ้มสีเหลือง นั่นแหละคะโรงแรม สัญลักษณ์ก็เห็นเด่นชัดเลย
เดินนิดเดียวก็ถึงคะ ใกล้มากๆ แล้วเรา 2 สาวก็ลากกระเป๋าไป ลื่นไป จนถึงโรงแรมคะ
แต่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ทำไงดีน้ำไม่ได้อาบ หน้าก็เยิ้มสุดๆ โอเค งั้นแต่งหน้าพอ
ห้องน้ำชั้นล่างมีคะ นั่งแต่งหน้าเบาๆในล้อบบี้ไป พักผ่อนให้หายเหนื่อย
คุยไลน์ รายงานตัวเรียบร้อย พอหายเหนื่อยแล้ว ! งั้นเริ่มลุยกันเลย
ที่แรกของวันนี้ คลองโอตารุคะ ดูจากแผนที่ที่ให้มา ไม่น่าจะไกลมากจากโรงแรม
งั้นลองเดินละกันนะ ชอบฟีลนี้อยู่แล้วด้วย หนาวๆเย็นๆ ช่วงแรกก็เดินไป ชิลไป ถ่ายรูปไป
ฟีลกำลังมา แรงกำลังฮึดคะ หลังๆเริ่มหลง เดินวนไปวนมา ไม่ถึงคลองโอตารุสักที ถามทางไปก็ไม่เข้าใจกัน
คือพูดญี่ปุ่นใส่เรารัวๆเลย งั้นเราก็เดาท่าทางเอาคะ เดินอยู่นานก็ถึงสักที คลองโอตารุ ตึง ตึง ตึง
เราว่ามันสั้นกว่าที่คิดไว้มากเลย และแน่นอนที่นี่ต้องเจอกรุ๊ปทัวร์เพียบ แลนมาร์คนิเนอะ : )
แชะ แชะ เราถ่ายรูปสักพัก จนบ่าย2กว่าเริ่มหิวละคะ ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่มา
ไปหาของกินกันดีกว่า เดินจากคลองโอตารุไปตามทาง ก็จะเจอซอกซอย ร้านค้ามากมายเลยคะ
ถ้าเป็นพวกร้านเครื่องแก้ว แต่ละร้านจัดสวยมุ้งมิ้งมาก ร้านอาหาร ร้านขนมน่ารักๆเพียบ
แต่เราว่าอาหารค่อนข้างแพงเลย เราเลือกอยู่นาน จนมาเจอร้านนึง ราเมง 800 เยน พุ่งตัวอย่างไว
เหมาะสำหรับแบคแพคมุ้งมิ้งอย่างพวกเรา รสชาติไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ว่าชิมแล้วมันอร่อยมากอะ
ซุปร้อนๆออกเปรี้ยว กินแล้วมันสดชื่น รู้สึกอุ่นขึ้นมากเลย ไม่แน่ใจว่าเพราะเราหิวหรือเปล่า
แต่ชามใหญ่คุ้มค่าสุดๆ แถมยังมี WI FI ฟรีด้วย นั่งเพลินไปเลย
บ่าย3กว่าละคะ มาลุยกันต่อ เดินไปตามทาง แวะร้านขนมไปเรื่อยๆ จนไปเจอ
ไอศกรีม น่ากินมาก หนาวนะ แต่อย่าแคร์ จัดไป 1 โคน แล้วในที่สุด ก็กินไม่หมดคะ
หนาวจริงๆ กินไปสั่นไป ส่วนร้านขนมก็แวะเข้าไปดูนะคะ ชิมบ้างอะไรบ้าง
วันแรกยังเซฟๆอยู่คะ ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรมาก จนเดินมาสุดถนน เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีคะ
ข้างในก็จะมีของน่ารักเพียบเลย กล่องดนตรี เครื่องแก้วต่างๆ
ช่วงนั้นก็4โมงกว่าแล้วคะ ใกล้จะมืด จุดหมายต่อไป เราจะไปขึ้นกระเช้า Roop way
ที่เขา เทนงุ Tenguyama ดูวิวพระอาทิตย์ตกกันคะ จริงๆตอนแรกก็กะจะไม่ไปแล้ว
เพราะไม่ทันรถบัส แต่ก็ตัดสินใจเรียกแทกซีไปเลย ประมาณ 1400เยน ไปถึงทันพอดียังไม่มืด
ซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า 1140 รวมไปกลับ
พอขึ้นไปแล้ว โอ้วววว!! แนะนำที่นี่ห้ามพลาด มองวิวข้างล่างสวยมาก บรรยากาศดีสุดๆ
เป็นฟินนาเร่ของวันนี้ ประทับใจมาก คือถ้าไม่มา จะร้องไห้หนักมาก ดีใจมากที่ตัดสินใจมา : )
ข้างบนลมแรงนะคะ แต่ไม่กลัวคะ วิ่งถ่ายรัวๆ พอหนาวก็เข้าตึก สักพักก็ออกไปถ่ายใหม่
สนุกกันอยู่นาน ก็ตัดสินใจนั่งกระเช้ากลับลงมา ตอนนั้นก็ยังพูดกันว่าไม่อยากลงเลย มุมข้างบนนี้ ฟินมากกก
บางรูปถ่ายในร้านกาแฟข้างบน วิวดีงามมาก ^^
พอลงมาก็เดินไปรอรถบัสคะ ดูเวลาได้ที่ป้ายเลย ว่ามาเวลากี่โมง รถมาตรงเวลาคะ
ไปส่งเราที่สถานีโอตารุ ที่เรามาเมื่อเช้า แต่เราอยากกลับไปถ่ายรูปคลองโอตารุตอนกลางคืนอีกรอบคะ
ก็เลยเดินไป คราวนี้จำทางได้คร่าวๆ ก็ยังหลงอยู่บ้างคะ บางช่วงมืดๆเปลี่ยวๆ ไม่แนะนำเลยนะคะ
พอมาถึง ถ่ายไม่นานก็รีบกลับคะ เหนื่อยมากแล้ว
พักก่อนวันนี้ กลับโรงแรมกัน โอตารุช่วงกลางคืน เงียบมากๆเลยคะ ร้านอาหารไม่ค่อยเปิด
ด้วยความเหนื่อยกับการเดินทั้งวัน วันแรกเลยกลับไปเปิดมาม่ากระป๋องกินกันที่โรงแรม จบทริปวันแรกกันแบบแฮปปี้มีล : D
ข้อแนะนำ : D
ช่วงที่เดินระหว่างทางมีปัญหามากวันแรก คือแนะนำให้เลือกรองเท้าดีๆนะคะ เพื่อนเราหิมะซึมเข้ารองเท้า
ต้องใช้ถุงครอบไว้ข้างในอีกทีแล้วใส่ถุงร้อนเอาก็พอช่วยได้ ในขณะที่รองเท้าเรากันหนาวอย่างดี
แต่ลื่นมาก ลื่นบนหิมะ ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย เดินไปลื่นไป จนไม่ไหวต้องซื้อที่กันลื่น อันละพันกว่าเยน
เราว่าแพงอะ แต่พอซื้อมาช่วยได้มากเลย ชีวิตสดใส
Smile Hotel Otaru : )
ใครอยากพูดคุย
https://www.facebook.com/journaljourneybyme ได้ที่นี่เลยคะ : D
[CR] ไปแล้วไม่เปลี่ยนใจ ยังไงก็เลิฟ Hokkaido ♡ Part 1
Part 1 - Otaru | Saporo
Part 2 - Sapporo | Asahikawa | Noboribetsu | http://pantip.com/topic/33406621
ช่วงนี้บ้านเราร้อนสุดๆ : ) เลยจะมารีวิวทริปหนาวๆ ให้ทุกคนได้ผ่อนคลายความร้อนกันบ้างเนอะ
ทริปนี้เราไป ฮอกไกโดช่วงเดือนมกรามาคะ ยิ่งช่วงนี้ราคาค่าตั๋วถูกลงมากๆ
แต่หลังจากเราเพิ่งไปมา (เศร้าแปป) เลยจะมาแชร์ประสบการณ์เที่ยว มุ้งมิ้งตามสไตล์ 2 สาวกันคะ
จริงๆคือไม่มีใครว่าง มีแต่เธอที่เกิดมาคู่กับฉัน (ไม่ใช่และ) เรากับเพื่อนสาวคะ คุยกันแล้ว โอเค
รอไปรอมาเดี๋ยวไม่ได้ไปพอดี งั้นไปกันแค่2คนก็ได้ ลุยยยย !!!
ปล.ใครยังไม่ตัดสินใจกดซื้อตั๋วเราให้โอกาสคุณอีกสักหน่อย
อ่านแล้วอย่าลืมรีบไปกดให้ไวเลย ฮอกไกโด เที่ยวได้เที่ยวดีตลอดปีเลยนะ : )
ก่อนไปเราก็มีการวางแผนล่วงหน้านิดนึงคะ คือคุยกันตั้งแต่สิ้นปี อยากไปเมืองหนาวๆ
ใฝ่ฝันอยากเจอหิมะครั้งแรกของสาวๆ ขอที่ที่หิมะจัดเต็ม ตกไม่กลัว กลัวไม่ตก ฮ่าๆ
ตกลงกันได้ งั้นเราไปฮอกไกโดกันเถอะ เริ่มหาข้อมูล ก็ได้ข้อมูลจากพี่ๆที่แชร์ประสบการณ์
ใน Pantip นี่แหละคะ ข้อมูลแน่น ละเอียดสุดๆ ต้องขอบคุณมาก ช่วยได้มากเลยคะ : D
หลังจากเล็งอยู่นาน ก็ได้จังหวะตอนเดือนมกรานี่แหละ ช่วงเงียบๆ สงบๆ จัดการซื้อตั๋วเรียบร้อย ด้วยเวลาจำกัด
ทริปนี้ไป ทั้งหมด 6 วัน มีเวลาเที่ยวเต็มๆแค่ 4วัน เลยต้องวางแผนกันสักหน่อย พร้อมแล้ว เย่ ! บินกันเลย
เม้าท์ช่วงก่อนบินนิดนึง ระหว่างที่เรารอจะขึ้นเครื่อง ก็มีผู้ชายญี่ปุ่น 2 คน
มาชวนพวกเราคุยคะ ก็ถามว่า คุณไปที่ฮอกไกโด คุณไปทำอะไรหรอ ?
พวกเราก็บอกไป เราไปเที่ยวกันคะ นู้นนี่นั่น แต่ยังคะ ยังจะชวนคุยอีก
เค้าก็ถามเราอีกว่า ไปทำไม คุณชอบอะไรที่นั่น ทำไมถึงอยากไป
เอ้า! ก็ยังไม่เคยไปอะ เห็นในรูปแล้วสวยดี แต่ในใจก็จริงๆแค่อยากเจอหิมะอะ แต่ไม่กล้าพูด เขิล ฮ่าๆ
แล้วเค้าก็หยิบมือถือมาโชว์รูปให้ดู เนี่ยที่ซัปโปโร สวยมากเลยนะ เค้ามีบ้านที่นั่น อย่างนู้นอย่างนี้
แล้วก็ชวนคุยต่อไม่หยุด ที่ตลกคือ นางยื่นรูปมาเนี่ย ผลไม้นี่ชื่ออะไร เพื่อนเราก็ อ๋อ ลูกตาลไง
ลองเซิสอากู๋ ลูกตาลสิคะ พรึบ ฮากันใหญ่ คนละลูกตาลละ ขำมากก
จนสักพัก ก็ยังคุยไม่หยุด เค้าพูดไทยได้นิดหน่อยนะคะ แต่เพื่อนเค้าอีกคนเหมือนยกมือถือแอบถ่าย
พอพวกเราทำท่าว่าเราเห็นนะ ก็ไม่หยุด เนียนยกขึ้นมาอีก ตอนหลังก็เลยไม่อยากจะคุยด้วยละ
เริ่มไม่ปลื้ม ได้จังหวะเรียกขึ้นเครื่องพอดี งั้นโอเค บายยยยยคะ : D
มาลุยกัน ลุยกัน !
หิมะอลังการตั้งแต่อยู่บนเครื่อง โอ้โห มองลงไปแล้วแบบขาวโพลน ปลื้มมากๆ นี่แหละที่รอคอย
ไฟลท์มาถึงประมาณ 8-9 โมง รอรับกระเป๋าแล้ว เราก็มองหาป้ายไป JR Station กันคะ
จุดหมายวันนี้ เราจะไปนอนค้าง อินบรรยากาศความมุ้งมิ้ง ที่โอตารุกันคะ
ซื้อตั๋วคนละประมาณ 1780 เยน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม ก็ถึงโอตารุแล้วคะ
ที่พักของเรา Smile hotel Otaru น่าจะเพิ่งสร้างใหม่นะคะ ข้อมูลไม่ค่อยมี รีวิวไม่เจอ
แต่ที่จองเพราะเคยพักที่ Osaka มา ราคาก็ไม่แพงมาก แนะนำเลยคะ จากหน้าสถานีมองตรงไป
ประมาณ2ไฟแดง จะเจอป้าย หน้ายิ้มสีเหลือง นั่นแหละคะโรงแรม สัญลักษณ์ก็เห็นเด่นชัดเลย
เดินนิดเดียวก็ถึงคะ ใกล้มากๆ แล้วเรา 2 สาวก็ลากกระเป๋าไป ลื่นไป จนถึงโรงแรมคะ
แต่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ทำไงดีน้ำไม่ได้อาบ หน้าก็เยิ้มสุดๆ โอเค งั้นแต่งหน้าพอ
ห้องน้ำชั้นล่างมีคะ นั่งแต่งหน้าเบาๆในล้อบบี้ไป พักผ่อนให้หายเหนื่อย
คุยไลน์ รายงานตัวเรียบร้อย พอหายเหนื่อยแล้ว ! งั้นเริ่มลุยกันเลย
ที่แรกของวันนี้ คลองโอตารุคะ ดูจากแผนที่ที่ให้มา ไม่น่าจะไกลมากจากโรงแรม
งั้นลองเดินละกันนะ ชอบฟีลนี้อยู่แล้วด้วย หนาวๆเย็นๆ ช่วงแรกก็เดินไป ชิลไป ถ่ายรูปไป
ฟีลกำลังมา แรงกำลังฮึดคะ หลังๆเริ่มหลง เดินวนไปวนมา ไม่ถึงคลองโอตารุสักที ถามทางไปก็ไม่เข้าใจกัน
คือพูดญี่ปุ่นใส่เรารัวๆเลย งั้นเราก็เดาท่าทางเอาคะ เดินอยู่นานก็ถึงสักที คลองโอตารุ ตึง ตึง ตึง
เราว่ามันสั้นกว่าที่คิดไว้มากเลย และแน่นอนที่นี่ต้องเจอกรุ๊ปทัวร์เพียบ แลนมาร์คนิเนอะ : )
แชะ แชะ เราถ่ายรูปสักพัก จนบ่าย2กว่าเริ่มหิวละคะ ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่มา
ไปหาของกินกันดีกว่า เดินจากคลองโอตารุไปตามทาง ก็จะเจอซอกซอย ร้านค้ามากมายเลยคะ
ถ้าเป็นพวกร้านเครื่องแก้ว แต่ละร้านจัดสวยมุ้งมิ้งมาก ร้านอาหาร ร้านขนมน่ารักๆเพียบ
แต่เราว่าอาหารค่อนข้างแพงเลย เราเลือกอยู่นาน จนมาเจอร้านนึง ราเมง 800 เยน พุ่งตัวอย่างไว
เหมาะสำหรับแบคแพคมุ้งมิ้งอย่างพวกเรา รสชาติไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ว่าชิมแล้วมันอร่อยมากอะ
ซุปร้อนๆออกเปรี้ยว กินแล้วมันสดชื่น รู้สึกอุ่นขึ้นมากเลย ไม่แน่ใจว่าเพราะเราหิวหรือเปล่า
แต่ชามใหญ่คุ้มค่าสุดๆ แถมยังมี WI FI ฟรีด้วย นั่งเพลินไปเลย
บ่าย3กว่าละคะ มาลุยกันต่อ เดินไปตามทาง แวะร้านขนมไปเรื่อยๆ จนไปเจอ
ไอศกรีม น่ากินมาก หนาวนะ แต่อย่าแคร์ จัดไป 1 โคน แล้วในที่สุด ก็กินไม่หมดคะ
หนาวจริงๆ กินไปสั่นไป ส่วนร้านขนมก็แวะเข้าไปดูนะคะ ชิมบ้างอะไรบ้าง
วันแรกยังเซฟๆอยู่คะ ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรมาก จนเดินมาสุดถนน เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีคะ
ข้างในก็จะมีของน่ารักเพียบเลย กล่องดนตรี เครื่องแก้วต่างๆ
ช่วงนั้นก็4โมงกว่าแล้วคะ ใกล้จะมืด จุดหมายต่อไป เราจะไปขึ้นกระเช้า Roop way
ที่เขา เทนงุ Tenguyama ดูวิวพระอาทิตย์ตกกันคะ จริงๆตอนแรกก็กะจะไม่ไปแล้ว
เพราะไม่ทันรถบัส แต่ก็ตัดสินใจเรียกแทกซีไปเลย ประมาณ 1400เยน ไปถึงทันพอดียังไม่มืด
ซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า 1140 รวมไปกลับ
พอขึ้นไปแล้ว โอ้วววว!! แนะนำที่นี่ห้ามพลาด มองวิวข้างล่างสวยมาก บรรยากาศดีสุดๆ
เป็นฟินนาเร่ของวันนี้ ประทับใจมาก คือถ้าไม่มา จะร้องไห้หนักมาก ดีใจมากที่ตัดสินใจมา : )
ข้างบนลมแรงนะคะ แต่ไม่กลัวคะ วิ่งถ่ายรัวๆ พอหนาวก็เข้าตึก สักพักก็ออกไปถ่ายใหม่
สนุกกันอยู่นาน ก็ตัดสินใจนั่งกระเช้ากลับลงมา ตอนนั้นก็ยังพูดกันว่าไม่อยากลงเลย มุมข้างบนนี้ ฟินมากกก
บางรูปถ่ายในร้านกาแฟข้างบน วิวดีงามมาก ^^
พอลงมาก็เดินไปรอรถบัสคะ ดูเวลาได้ที่ป้ายเลย ว่ามาเวลากี่โมง รถมาตรงเวลาคะ
ไปส่งเราที่สถานีโอตารุ ที่เรามาเมื่อเช้า แต่เราอยากกลับไปถ่ายรูปคลองโอตารุตอนกลางคืนอีกรอบคะ
ก็เลยเดินไป คราวนี้จำทางได้คร่าวๆ ก็ยังหลงอยู่บ้างคะ บางช่วงมืดๆเปลี่ยวๆ ไม่แนะนำเลยนะคะ
พอมาถึง ถ่ายไม่นานก็รีบกลับคะ เหนื่อยมากแล้ว
พักก่อนวันนี้ กลับโรงแรมกัน โอตารุช่วงกลางคืน เงียบมากๆเลยคะ ร้านอาหารไม่ค่อยเปิด
ด้วยความเหนื่อยกับการเดินทั้งวัน วันแรกเลยกลับไปเปิดมาม่ากระป๋องกินกันที่โรงแรม จบทริปวันแรกกันแบบแฮปปี้มีล : D
ข้อแนะนำ : D
ช่วงที่เดินระหว่างทางมีปัญหามากวันแรก คือแนะนำให้เลือกรองเท้าดีๆนะคะ เพื่อนเราหิมะซึมเข้ารองเท้า
ต้องใช้ถุงครอบไว้ข้างในอีกทีแล้วใส่ถุงร้อนเอาก็พอช่วยได้ ในขณะที่รองเท้าเรากันหนาวอย่างดี
แต่ลื่นมาก ลื่นบนหิมะ ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย เดินไปลื่นไป จนไม่ไหวต้องซื้อที่กันลื่น อันละพันกว่าเยน
เราว่าแพงอะ แต่พอซื้อมาช่วยได้มากเลย ชีวิตสดใส
Smile Hotel Otaru : )
ใครอยากพูดคุย
https://www.facebook.com/journaljourneybyme ได้ที่นี่เลยคะ : D
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น