ไปเจอมาในเพจนี้ครับ
https://www.facebook.com/MovieStyleThailand/posts/343293999210109:0
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราอาจคิดว่าราคาบัตรชมภาพยนตร์ หรือราคาเครื่องดื่มและขนมหน้าโรงภาพยนตร์ดูเป็นราคาที่แพงเกินจริง และเป็นการผูกขาดที่ดูจะไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคเท่าไหร่นัก แต่โดยแท้จริงแล้วการผูกขาดของทุนนิยมที่ถือครองโดยบรรดาผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการในตลาดภาพยนตร์ในไทยยังขยายวงกว้างครอบคลุมไปถึงเรื่องของภาพยนตร์ที่เข้าฉายด้วย แน่นอนว่ามันดูผิดหลักของตลาดเสรีในแบบอุดมคติไปมากพอควรทีเดียว แต่นั่นก็คือความจริงที่ไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น ในต่างประเทศก็เช่นเดียวกันที่ต้องเผชิญกับการผูกขาดที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าว และไม่เพียงแต่ในตลาดภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงตลาดอื่นๆอีกด้วย และมันยิ่งผูกขาดอย่างมากเมื่อกลไกลตลาดถูกถือครองโดยบรรดาผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการเพียงไม่กี่รายเท่านั้น แต่สิ่งเหล่านี้คือความเป็นปกติทางธุรกิจที่เราเห็นได้อยู่ทั่วไปไม่แปลกอะไรนัก
แต่เราก็ไม่คาดคิดว่ารูปแบบบางอย่างในเรื่องของอำนาจจะยังคงปรากฎอยู่ ถ้าเกิดเราดำเนินไปในแนวทางของความสามารถที่บรรดาผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการแต่ล่ะรายมี ผู้ให้บริการ และผู้จัดจำหน่ายทุกรายสามารถใช้ศักยภาพในการได้มาซึ่งสิ่งต่างๆได้อย่างเท่าเทียมกันตามขนาดของบริษัท ขนาดของกำลังทรัพย์ และพลังความสามารถในการดำเนินการทางธุรกิจ โดยคำนึงถึงมาตรฐานของจริยธรรม และจรรยาบรรณทางธุรกิจ ดำเนินธุรกิจแบบขาวสะอาด แน่นอนว่าอย่างน้อยมันย่อมเกิดผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการรายใหม่ๆที่พร้อมจะเข้ามาแข่งขันในตลาด แต่ถ้าผู้ให้บริการ และผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่บางรายไม่คำนึงถึงจริยธรรม และจรรยาบรรณในการดำเนินการทางธุรกิจแล้ว ต่างฝ่ายต่างเล่นพรรคพวก ร่วมมือกันผูกขาด และกดบรรดาธุรกิจหน้าใหม่ๆที่เริ่มเข้ามาแข่งขันในตลาด ถอนรากถอนโคนบรรดาต้นไม้ต้นใหม่ที่กำลังเติบโต ให้ตนเองเป็นต้นไม้ต้นเดียวที่แผ่ขยายกิ่งก้านสาขา แน่นอนว่ามันส่งผลต่อผู้บริโภค และประโยชน์ที่สูญเสียไปของผู้บริโภคแน่นอน
กลไกตลาดทั้งหมดจะถูกวางอยู่บนผลประโยชน์ของผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ และผู้ให้บริการรายใหญ่เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่จะถูกเลือกเข้ามาฉาย ไล่เรียงต่อเนื่องไปยังทุกส่วนของระบบนี้จะถูกวางอยู่บนการตัดสินใจของบรรดารายใหญ่ โดยไม่มีการปรับตัว เนื่องจากไม่มีบรรดารายอื่นเข้ามาถ่วงดุล หรือในกรณีที่มีก็จะถูกจำกัดขอบเขตภายใต้การที่รายใหญ่มองว่าไม่ลุกล้ำอำนาจที่ตัวเองถือครองอยู่ เช่นเดียวกันกับกรณีของภาพยนตร์เรื่อง Nightcrawler ที่ทีท่าว่าชัดเจนแล้วว่าไม่ได้ฉายแน่ๆ เหตุผลก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อในขณะที่ทำการเลือกซื้อภาพยนตร์ในตลาดซื้อขายต่างประเทศ ผู้จัดจำหน่ายรายเล็กกว่ามีความสามารถในการเจรจาธุรกิจที่มากกว่าและสามารถซื้อภาพยนตร์เรื่องนี้มาอยู่ในลิขสิทธิในความครอบครองของตนเองได้แล้ว แต่ในขณะที่ผู้จัดจำหน่ายอีกรายหนึ่งที่มีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่กว่า มีอำนาจมากกว่า ไม่สามารถซื้อลิขสิทธิภาพยนตร์เรื่องนี้ไปได้ แต่ด้วยความที่สายสัมพันธ์ที่ดี และเหนียวแน่นกว่ากับผู้ให้บริการ ทำให้ทางผู้ให้บริการที่มีสายสัมพันธ์อันดี และจำนวนภาพยนตร์ที่นำเข้ามาฉายสามารถกำหนดความเป็นไปของผู้ให้บริการในบ้านเราได้อย่างดี ท้ายที่สุดทำให้ไม่มีผู้ให้บริการรายใดยอมที่จะนำภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย เนื่องจากการถือครอง ผูกขาด และสกัดกั้นบรรดาผู้จัดจำหน่ายรายเล็ก หรือรายใหม่ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในวงการตลาดภาพยนตร์บ้านเรา มันชี้ให้เห็นว่าบรรดาภาพยนตร์นอกกระแส หรือภาพยนตร์ใดก็ตามที่ถือโดยผู้จัดจำหน่ายรายอื่นอยู่ ถ้าผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่เห็นว่ามันไม่มีผลกระทบ หรือตนเองไม่ได้รับผลเสีย(รวมไปถึงเสียหน้า) ก็สามารถฉายได้ แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้นแล้ว ก็ไม่มีสิทธิฉาย เนื่องจากความสัมพันธ์อันเหนียวแน่น และเก่าแก่ระหว่างตนเองกับผู้ให้บริการ ดังนั้นภาพยนตร์ที่เหมือนว่าจะสร้างความหลากหลายจากบรรดาผู้จัดจำหน่ายรายเล็กที่ฉายได้ในผู้ให้บริการในบ้านเรา ย่อมเป็นภาพยนตร์ที่ถูกรับรองโดยบรรดาผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ที่มีอิทธิพล ว่าตนเองไม่สูญเสียผลประโยชน์ใดๆจากการเข้าฉายของภาพยนตร์จากรายเล็กๆเหล่านั้น
มันจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า 'การดำเนินธุรกิจแบบเป็นธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ ยังคงมีอยู่ในตลาดภาพยนตร์บ้านเราหรือไม่ ? หรือ ขอบเขตของมันมีมากมีน้อยแค่ไหน เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี และเป็นธรรมมากที่สุด ไม่ใช่การร่วมมือ หรือกำหนดชะตาความเป็นไปโดยรายใดรายหนึ่ง ? และท้ายที่สุดผู้บริโภคจะมีโอกาสได้เลือกสินค้าอย่างเต็มที่หรือไม่ท่ามกลางความผูกขาด และการถือครองอำนาจโดยรายใดรายหนึ่ง และมันควรเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ? และนี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ? ท้ายที่สุดกรณีศึกษาของภาพยนตร์เรื่อง Nightcrawler เรื่องนี้ก็คงเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดอย่างหนึ่งไม่ต่างอะไรจากตัวภาพยนตร์ที่ถูกกำหนดโดยบรรดาผู้มีอิทธิพล ซึ่งจะตัดสินใจว่าเราควรดูอะไร และจะเรียกเรตติ้งได้อย่างไร'
ถ้าใครไม่อยากอ่านยาวๆ ผมสรุปให้ว่า มีค่ายเล็กไปเจราจาสิทธิ์หนังเรื่องนี้แข่งกับค่ายใหญ่ แล้วค่ายเล็กดันชนะ ค่ายใหญ่เลยมาบีบให้โรงในบ้านเราไม่ให้ฉาย
ผมก็ไม่รู้เรื่องจริงรึเปล่านะครับ เลยเอามาขยายลงพันทิพให้สืบเสาะว่าเรื่องจริงรึเปล่า แล้วถ้าจริงค่าย มาเฟียวงการหนังไทยคือค่ายไหนกัน
Nightcrawler ที่ไม่ได้ฉาย เพราะค่ายใหญ่บีบโรงหนังไม่ให้ฉายหรอครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าใครไม่อยากอ่านยาวๆ ผมสรุปให้ว่า มีค่ายเล็กไปเจราจาสิทธิ์หนังเรื่องนี้แข่งกับค่ายใหญ่ แล้วค่ายเล็กดันชนะ ค่ายใหญ่เลยมาบีบให้โรงในบ้านเราไม่ให้ฉาย
ผมก็ไม่รู้เรื่องจริงรึเปล่านะครับ เลยเอามาขยายลงพันทิพให้สืบเสาะว่าเรื่องจริงรึเปล่า แล้วถ้าจริงค่าย มาเฟียวงการหนังไทยคือค่ายไหนกัน