ต่อจากตอนที่แล้วที่พระเอกดึงตัวคนพี่มาคุยกันเรื่องอาจารย์จะออกจากบ้านที่หลังศาลเจ้า
พระเอกถามคนพี่เหมือนที่คนน้องถามว่าที่คนพี่จะออกจากบ้านเป็นเพราะตัวเองรึเปล่า คนพี่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ใช่ พยายามอ้างเหตุผลโน่นนี่เหมือนที่เคยบอกกับพ่อแม่ แต่พระเอกดูออกว่าคนพี่โกหก และพยายามขอร้องให้คนพี่เลิกล้มความคิดเรื่องออกจากบ้าน แต่คนพี่ก็ยืนกระต่างขาเดียวว่าทำแบบนี้จะเป็นการดีที่สุดแล้ว ทั้งต่อตัวพระเอกและต่อตัวคนพี่เอง
พระเอกก็งงว่าที่คนพี่พูดหมายความว่ายังไงกันแน่ ทำไปทำมาก็นึกว่าคนพี่ยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่ เลยถามว่าจะกลับไปคบกับแฟนเก่า (ที่แต่งงานแล้ว...และกำลังจะหย่ากับเมียสำเร็จ) เหรอ คนพี่ก็อึ้งไปถามกลับว่าอยู่ๆ พูดถึงแฟนเก่าตัวเองขึ้นมาทำไม พระเอกก็บอกต่อว่าตัวเองได้ยินที่คนพี่คุยกับอาจารย์คิริยะ (อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมวรรณกรรม) ตอนไปเข้าค่ายกัน และบอกว่าถ้าคนพี่อยากกลับไปหาแฟนเก่าจริง ตัวเองก็จะไม่ว่าไม่คัดค้านอะไรทั้งนั้น
ปรากฏว่าพอพระเอกพูดแบบนั้นปุ๊บ อยู่ๆ คนพี่ก็โมโหวูบขึ้นมา แล้วหันหลังเดินหนีเอาดื้อๆ พระเอกยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่แว่บนึงก็ตามไปคว้าแขนไว้พยายามเรียกให้หยุด คนพี่ก็เอาแต่สะบัดมือหนีตลอด พระเอกพูดยังไงก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็ถึงกับกัดมือพระเอกกร้วมเบ้อเริ่มจนพระเอกยอมปล่อย แล้ววิ่งหนีเข้างานไปเลย
พระเอกยืนงงอยู่แว่บนึงก็รีบเร่งฝีเท้าเดินฝ่าฝูงคนตามไป ปากก็พยายามเรียกให้คนพี่หยุด แต่คนพี่เอาแต่เดินดุ่มๆ หนีท่าเดียว จนเกือบชนเจ้าของร้านกาแฟ (ที่เป็นกะเทยควายไว้หนวดคนนั้น) เข้า พระเอกเห็นเจ้าของร้านโผล่มาก็ร้องบอกให้ช่วยจับตัวคนพี่ไว้ที เจ้าของร้านก็ทำตาม แล้วลากไปคุยกันที่หลังศาลเจ้ากันอีกรอบหนึ่ง
แต่คนพี่ก็ยังโมโหไม่หาย เอาแต่ฮึดฮัดเหวี่ยงใส่คนโน้นคนนี้เป็นเด็กๆ ไม่ยอมคุยกันดีๆ จนคุณอายาโนะพนักงานร้านที่พาลูกมาเที่ยวได้ยินเสียงโวยของคนพี่เลยเข้ามาดูและได้ฟังเรื่องทั้งหมด
ระหว่างนั้น ลูกชายของคุณอายาโนะเห็นคนพี่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ก็เดินเข้าไปหา ยื่นอมยิ้มให้อันหนึ่งแล้วบอกกับคนพี่ว่า เวลาอารมณ์ไม่ดี ได้เลียอมยิ้มแล้วจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้ คนพี่เห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กตัวเล็กก็ค่อยคลายอารมณ์โกรธลง แล้วรับอมยิ้มจากเด็กไปฉีกกินเงียบๆ ฝ่ายเจ้าของร้านกาแฟเห็นคนพี่เริ่มใจเย็นลงแล้วก็พาอายาโนะกับลูกออกไป ปล่อยให้พระเอกกับคนพี่นั่งเคลียร์กันเอง
นั่งเงียบกันไปได้พักหนึ่ง คนพี่ก็เริ่มพูดขึ้นมาว่าตัวเองนั้นอิจฉาน้องสาวตัวเองมาตลอด เพราะคนน้องมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง นึกอยากทำอะไรก็ทำได้ตามความพอใจ ต่างกับตัวเองที่ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่หนักแน่นมีเหตุผลอยู่ตลอดเวลา เพราะงั้นตอนที่ได้เห็นพระเอกกับคนน้องจูบกันในตอนนั้น เธอถึงตัดสินใจว่าอยู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากรู้ตัวดีว่า
"ความอิจฉา (หึง)" ในใจตัวเองนั้นมีอำนาจเหนือยิ่งกว่าความกลัวว่าครอบครัวจะต้องพังทลายไปแล้ว
คำพูดของคนพี่ทำเอาพระเอกถึงกับใบ้กิน คนพี่ก็บอกต่อว่าตัวเองพูดอย่างนี้พระเอกอาจคิดว่าตัวเองเป็นคนปฏิเสธพระเอกเองแท้ๆ ยังจะมาหวงก้างทำไม
"ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา...! ชั้นเป็นผู้ใหญ่นะ จะให้ทำแบบที่รุยทำน่ะชั้นทำไม่ได้หรอก...! ต่อให้พร่ำบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าไม่ได้ยังไง สุดท้ายมันก็หลอกตัวเองไม่ได้เข้าไปทุกที..."
ฝ่ายพระเอกได้ยินคนพี่พูดความรู้สึกในใจออกมาจนหมดเปลือกแบบนั้นก็แทบตัวลอยด้วยความยินดี จนเผลอหลุดปากหัวเราะพรืดออกมา คนพี่ก็โมโหหาว่าพระเอกหัวเราะเยาะ แล้วทำท่าจะเดินหนีอีกรอบ พระเอกเห็นอาจารย์ทำท่าจะหนีก็รีบลุกขึ้นไปคล้องแขนโอบตัวคนพี่ไว้ทันทีไม่ยอมให้หนีไปได้
คนพี่โดนโอบเข้าก็ชะงักกึก ไม่สะบัดตัวหนีเหมือนเมื่อกี้ พระเอกก็บอกว่าตัวเขาจะไม่คาดหวังคำตอบใดๆ ทั้งนั้น ดังนั้นคนพี่ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ว่าตัวเธอกับเขาใจตรงกันหรือเปล่า
"แทนคำตอบข้อนั้น...ผมขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหมครับ...ขออยู่แบบนี้...อีกสักพัก..."
เอาละเว้ยพระเอกกับคนพี่ใจตรงกันแล้ว (จริงๆ ก็พอเดาได้ตั้งแต่สองสามตอนก่อนแล้วละนะ) งานนี้ได้กลายเป็น
"แฟนในบ้าน" อย่างชื่อเรื่องจริงๆ แน่
ว่าแต่แบบนี้จะเคลียร์กับคนน้องยังไงดีนี่สิ
[Spoil] Domestic na Kanojo #33 - ความรู้สึกในใจ...
พระเอกถามคนพี่เหมือนที่คนน้องถามว่าที่คนพี่จะออกจากบ้านเป็นเพราะตัวเองรึเปล่า คนพี่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ใช่ พยายามอ้างเหตุผลโน่นนี่เหมือนที่เคยบอกกับพ่อแม่ แต่พระเอกดูออกว่าคนพี่โกหก และพยายามขอร้องให้คนพี่เลิกล้มความคิดเรื่องออกจากบ้าน แต่คนพี่ก็ยืนกระต่างขาเดียวว่าทำแบบนี้จะเป็นการดีที่สุดแล้ว ทั้งต่อตัวพระเอกและต่อตัวคนพี่เอง
พระเอกก็งงว่าที่คนพี่พูดหมายความว่ายังไงกันแน่ ทำไปทำมาก็นึกว่าคนพี่ยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่ เลยถามว่าจะกลับไปคบกับแฟนเก่า (ที่แต่งงานแล้ว...และกำลังจะหย่ากับเมียสำเร็จ) เหรอ คนพี่ก็อึ้งไปถามกลับว่าอยู่ๆ พูดถึงแฟนเก่าตัวเองขึ้นมาทำไม พระเอกก็บอกต่อว่าตัวเองได้ยินที่คนพี่คุยกับอาจารย์คิริยะ (อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมวรรณกรรม) ตอนไปเข้าค่ายกัน และบอกว่าถ้าคนพี่อยากกลับไปหาแฟนเก่าจริง ตัวเองก็จะไม่ว่าไม่คัดค้านอะไรทั้งนั้น
ปรากฏว่าพอพระเอกพูดแบบนั้นปุ๊บ อยู่ๆ คนพี่ก็โมโหวูบขึ้นมา แล้วหันหลังเดินหนีเอาดื้อๆ พระเอกยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่แว่บนึงก็ตามไปคว้าแขนไว้พยายามเรียกให้หยุด คนพี่ก็เอาแต่สะบัดมือหนีตลอด พระเอกพูดยังไงก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็ถึงกับกัดมือพระเอกกร้วมเบ้อเริ่มจนพระเอกยอมปล่อย แล้ววิ่งหนีเข้างานไปเลย
พระเอกยืนงงอยู่แว่บนึงก็รีบเร่งฝีเท้าเดินฝ่าฝูงคนตามไป ปากก็พยายามเรียกให้คนพี่หยุด แต่คนพี่เอาแต่เดินดุ่มๆ หนีท่าเดียว จนเกือบชนเจ้าของร้านกาแฟ (ที่เป็นกะเทยควายไว้หนวดคนนั้น) เข้า พระเอกเห็นเจ้าของร้านโผล่มาก็ร้องบอกให้ช่วยจับตัวคนพี่ไว้ที เจ้าของร้านก็ทำตาม แล้วลากไปคุยกันที่หลังศาลเจ้ากันอีกรอบหนึ่ง
แต่คนพี่ก็ยังโมโหไม่หาย เอาแต่ฮึดฮัดเหวี่ยงใส่คนโน้นคนนี้เป็นเด็กๆ ไม่ยอมคุยกันดีๆ จนคุณอายาโนะพนักงานร้านที่พาลูกมาเที่ยวได้ยินเสียงโวยของคนพี่เลยเข้ามาดูและได้ฟังเรื่องทั้งหมด
ระหว่างนั้น ลูกชายของคุณอายาโนะเห็นคนพี่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ก็เดินเข้าไปหา ยื่นอมยิ้มให้อันหนึ่งแล้วบอกกับคนพี่ว่า เวลาอารมณ์ไม่ดี ได้เลียอมยิ้มแล้วจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้ คนพี่เห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กตัวเล็กก็ค่อยคลายอารมณ์โกรธลง แล้วรับอมยิ้มจากเด็กไปฉีกกินเงียบๆ ฝ่ายเจ้าของร้านกาแฟเห็นคนพี่เริ่มใจเย็นลงแล้วก็พาอายาโนะกับลูกออกไป ปล่อยให้พระเอกกับคนพี่นั่งเคลียร์กันเอง
นั่งเงียบกันไปได้พักหนึ่ง คนพี่ก็เริ่มพูดขึ้นมาว่าตัวเองนั้นอิจฉาน้องสาวตัวเองมาตลอด เพราะคนน้องมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง นึกอยากทำอะไรก็ทำได้ตามความพอใจ ต่างกับตัวเองที่ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่หนักแน่นมีเหตุผลอยู่ตลอดเวลา เพราะงั้นตอนที่ได้เห็นพระเอกกับคนน้องจูบกันในตอนนั้น เธอถึงตัดสินใจว่าอยู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากรู้ตัวดีว่า "ความอิจฉา (หึง)" ในใจตัวเองนั้นมีอำนาจเหนือยิ่งกว่าความกลัวว่าครอบครัวจะต้องพังทลายไปแล้ว
คำพูดของคนพี่ทำเอาพระเอกถึงกับใบ้กิน คนพี่ก็บอกต่อว่าตัวเองพูดอย่างนี้พระเอกอาจคิดว่าตัวเองเป็นคนปฏิเสธพระเอกเองแท้ๆ ยังจะมาหวงก้างทำไม
"ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา...! ชั้นเป็นผู้ใหญ่นะ จะให้ทำแบบที่รุยทำน่ะชั้นทำไม่ได้หรอก...! ต่อให้พร่ำบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าไม่ได้ยังไง สุดท้ายมันก็หลอกตัวเองไม่ได้เข้าไปทุกที..."
ฝ่ายพระเอกได้ยินคนพี่พูดความรู้สึกในใจออกมาจนหมดเปลือกแบบนั้นก็แทบตัวลอยด้วยความยินดี จนเผลอหลุดปากหัวเราะพรืดออกมา คนพี่ก็โมโหหาว่าพระเอกหัวเราะเยาะ แล้วทำท่าจะเดินหนีอีกรอบ พระเอกเห็นอาจารย์ทำท่าจะหนีก็รีบลุกขึ้นไปคล้องแขนโอบตัวคนพี่ไว้ทันทีไม่ยอมให้หนีไปได้
คนพี่โดนโอบเข้าก็ชะงักกึก ไม่สะบัดตัวหนีเหมือนเมื่อกี้ พระเอกก็บอกว่าตัวเขาจะไม่คาดหวังคำตอบใดๆ ทั้งนั้น ดังนั้นคนพี่ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ว่าตัวเธอกับเขาใจตรงกันหรือเปล่า
"แทนคำตอบข้อนั้น...ผมขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหมครับ...ขออยู่แบบนี้...อีกสักพัก..."
เอาละเว้ยพระเอกกับคนพี่ใจตรงกันแล้ว (จริงๆ ก็พอเดาได้ตั้งแต่สองสามตอนก่อนแล้วละนะ) งานนี้ได้กลายเป็น "แฟนในบ้าน" อย่างชื่อเรื่องจริงๆ แน่
ว่าแต่แบบนี้จะเคลียร์กับคนน้องยังไงดีนี่สิ