วันนี้จะขอพื้นที่เปิดห้องเรียน คนรากหญ้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนสาระความรู้ ความคิดเห็นกันค่ะ
เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ ผู้คนทำสิ่งที่โหดร้ายต่อกัน เช่น การเห็นดีงามกับการทำร้ายผู้อื่น
การยอมทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาทั้งที่รู้ว่ามันผิด ในใจลึกๆ แล้ว เขาเหล่านั้นคิดอย่างไรกันแน่
เดือนกรกฎาคม ปี 1961 สแตนลีย์ มิลแกรม นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา ทำการทดลองทางจิตวิทยาสำคัญครั้งหนึ่ง
ต่อมาเรียกชื่อว่า The Milgram Experiment หรือ "การทดลองของมิลแกรม" เพราะต้องการตอบคำถามที่ว่า
"ทำไมทหารนาซีจึงสามารถฆ่าชาวยิวหกล้านคนในสงครามโลกครั้งที่สอง รวมทั้งการทรมานนักโทษทุกรูปแบบ
ทั้งที่รู้อยู่ว่ามันเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องและผิดศีลธรรม"
"ฮิตเลอร์และผู้ร่วมกระทำความผิดของเขาในการล้างชาติโดยนาซีมีเจตนาร่วมกัน ในเป้าหมายของการล้างชาติโดยนาซีหรือไม่"
หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่ง "มีสำนึกแห่งศีลธรรมร่วมกันในบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่" การทดสอบของมิลแกรมเสนอว่า
อาจมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายล้านคนเพียงปฏิบัติตามคำสั่ง แม้จะขัดต่อความเชื่อศีลธรรมในส่วนลึกที่สุดของพวกเขาก็ตาม
มิลแกรมต้องการวัดว่าผู้เข้าร่วมการทดลองว่าจะเชื่อฟังเพียงใด เมื่อผู้มีอำนาจออกคำสั่งให้เขาทำสิ่งที่ขัดกับมโนธรรมส่วนตัว
การทดลอง
1. มิลแกรมลงโฆษณาหนังสือพิมพ์หาอาสาสมัครมาช่วยร่วมการวิจัย โดยในตอนแรกหลอกว่าเป็นการวิจัยเกี่ยวกับความจำและการเรียนรู้
ผู้วิจัยแกล้งปลอมตัวเป็นนักชีววิทยา ท่าทางเข้มงวด ส่ชุดคลุมแลบ ผู้ช่วยนักวิจัยทำตัวเป็นอาสาสมัครปลอม ท่าทางยิ้มแย้มเป็นกันเอง
2. ในห้องมีคนสามคน นักวิจัย อาสาสมัครปลอม (หน้าม้า หรือผู้ช่วยมิลแกรมนั่นแหละ) และ อาสาสมัครจริง
อาสาสมัครจริงรับบทเป็น "ผู้สอน" ส่วนอาสาสมัครปลอมรับบทเป็น "นักเรียน" โดยพูดเปรยๆ ว่าเขาเป็นโรคหัวใจ
3. "นักเรียน" (ผู้ช่วยนักวิจัย ซึ่งเล่นเป็นอาสาสมัครปลอม) และ "ผู้สอน" (อาสาสมัครตัวจริง) ถูกพาไปคนละห้องซึ่งมองไม่เห็นกัน
แต่ว่าได้ยินเสียงกัน นักวิจัย ช็อตผู้สอนด้วยกระแสไฟฟ้า 45 โวลต์ เพื่อให้ผู้สอนได้ลองสัมผัส ว่ากระแสซ็อกรู้สึกอย่างไร
นักวิจัยบอกผู้สอนว่า ตอนนี้นักเรียนถูกมัดนั่งอยู่บนเก้าอี้ ติดกับเครื่องช็อกกระแสไฟฟ้า ซึ่งสวิตช์อยู่ในห้องผู้สอน
4. เริ่มทดลองโดยนักวิจัยให้ผู้สอนอ่านคำให้นักเรียนฟังที่ละคู่ แล้วดูว่า นักเรียนว่าจำคู่คำเหล่านั้นได้หรือไม่ ให้กดตอบคำถาม
ถ้านักเรียนตอบผิด ผู้สอนต้องส่งกระแสไฟฟ้าไปช็อกนักเรียน โดยเริ่มจาก 15 โวลต์เมื่อตอบคำถามแรกผิด
และช็อกด้วยกระแสหนักขึ้น เป็น 30, 45, 60,... จนถึง 450 โวลต์เมื่อตอบผิดในคำถามต่อๆ ไป
เดี๋ยวมาดูผลกันค่ะ
อ้างอิง
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1
**ห้องเรียนคนรากหญ้า:เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา "การทดลองของมิลแกรม:การเชื่อฟังผู้มีอำนาจแม้ไม่ถูกต้อง"**(ชุนเทียน)
เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ ผู้คนทำสิ่งที่โหดร้ายต่อกัน เช่น การเห็นดีงามกับการทำร้ายผู้อื่น
การยอมทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาทั้งที่รู้ว่ามันผิด ในใจลึกๆ แล้ว เขาเหล่านั้นคิดอย่างไรกันแน่
เดือนกรกฎาคม ปี 1961 สแตนลีย์ มิลแกรม นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา ทำการทดลองทางจิตวิทยาสำคัญครั้งหนึ่ง
ต่อมาเรียกชื่อว่า The Milgram Experiment หรือ "การทดลองของมิลแกรม" เพราะต้องการตอบคำถามที่ว่า
"ทำไมทหารนาซีจึงสามารถฆ่าชาวยิวหกล้านคนในสงครามโลกครั้งที่สอง รวมทั้งการทรมานนักโทษทุกรูปแบบ
ทั้งที่รู้อยู่ว่ามันเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องและผิดศีลธรรม"
"ฮิตเลอร์และผู้ร่วมกระทำความผิดของเขาในการล้างชาติโดยนาซีมีเจตนาร่วมกัน ในเป้าหมายของการล้างชาติโดยนาซีหรือไม่"
หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่ง "มีสำนึกแห่งศีลธรรมร่วมกันในบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่" การทดสอบของมิลแกรมเสนอว่า
อาจมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายล้านคนเพียงปฏิบัติตามคำสั่ง แม้จะขัดต่อความเชื่อศีลธรรมในส่วนลึกที่สุดของพวกเขาก็ตาม
มิลแกรมต้องการวัดว่าผู้เข้าร่วมการทดลองว่าจะเชื่อฟังเพียงใด เมื่อผู้มีอำนาจออกคำสั่งให้เขาทำสิ่งที่ขัดกับมโนธรรมส่วนตัว
การทดลอง
1. มิลแกรมลงโฆษณาหนังสือพิมพ์หาอาสาสมัครมาช่วยร่วมการวิจัย โดยในตอนแรกหลอกว่าเป็นการวิจัยเกี่ยวกับความจำและการเรียนรู้
ผู้วิจัยแกล้งปลอมตัวเป็นนักชีววิทยา ท่าทางเข้มงวด ส่ชุดคลุมแลบ ผู้ช่วยนักวิจัยทำตัวเป็นอาสาสมัครปลอม ท่าทางยิ้มแย้มเป็นกันเอง
2. ในห้องมีคนสามคน นักวิจัย อาสาสมัครปลอม (หน้าม้า หรือผู้ช่วยมิลแกรมนั่นแหละ) และ อาสาสมัครจริง
อาสาสมัครจริงรับบทเป็น "ผู้สอน" ส่วนอาสาสมัครปลอมรับบทเป็น "นักเรียน" โดยพูดเปรยๆ ว่าเขาเป็นโรคหัวใจ
3. "นักเรียน" (ผู้ช่วยนักวิจัย ซึ่งเล่นเป็นอาสาสมัครปลอม) และ "ผู้สอน" (อาสาสมัครตัวจริง) ถูกพาไปคนละห้องซึ่งมองไม่เห็นกัน
แต่ว่าได้ยินเสียงกัน นักวิจัย ช็อตผู้สอนด้วยกระแสไฟฟ้า 45 โวลต์ เพื่อให้ผู้สอนได้ลองสัมผัส ว่ากระแสซ็อกรู้สึกอย่างไร
นักวิจัยบอกผู้สอนว่า ตอนนี้นักเรียนถูกมัดนั่งอยู่บนเก้าอี้ ติดกับเครื่องช็อกกระแสไฟฟ้า ซึ่งสวิตช์อยู่ในห้องผู้สอน
4. เริ่มทดลองโดยนักวิจัยให้ผู้สอนอ่านคำให้นักเรียนฟังที่ละคู่ แล้วดูว่า นักเรียนว่าจำคู่คำเหล่านั้นได้หรือไม่ ให้กดตอบคำถาม
ถ้านักเรียนตอบผิด ผู้สอนต้องส่งกระแสไฟฟ้าไปช็อกนักเรียน โดยเริ่มจาก 15 โวลต์เมื่อตอบคำถามแรกผิด
และช็อกด้วยกระแสหนักขึ้น เป็น 30, 45, 60,... จนถึง 450 โวลต์เมื่อตอบผิดในคำถามต่อๆ ไป
เดี๋ยวมาดูผลกันค่ะ
อ้างอิง
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1