ผมเองมีโอกาสไปประชุม เสนองานที่ต่างประเทศเป็นระยะๆ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แวะไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวด้วย แต่ทุกครั้งผมมีความรู้สึกว่าการท่องเที่ยวแบบนั้นมันยังไม่ใช่ มันยังไม่ถึง ยังไงก็บอกไม่ถูกครับ หลังๆก็เลยไม่ค่อยอยากไปถ้าไม่จำเป็นเพราะเหนื่อยกับการเดินทาง แม้ว่าจะเดินทางไปประชุม กินอยู่ เที่ยวฟรีก็ตาม
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมตอบรับการเชิญของคนท้องถิ่นซึ่งเป็นคนพม่าและติดต่อกันจนสนิทกันมาสัก 3-4 ปี ซึ่งครอบครัวนี้ชวนผมมาเที่ยวพม่าทุกครั้งที่พบกัน แต่ผมปฏิเสธตลอดเพราะเกรงใจ แต่ครั้งนี้ผมตอบรับ เพราะ ครอบครัวนี้น่ารักและอบอุ่นจริงใจกับเรามาก และขู่เราเล็กน้อยว่าถ้าไม่ตอบรับครั้งนี้จะไม่ชวนผมแล้ว...ทำให้ผมตอบรับ และนี่เป็นครั้งแรกสำหรับประเทศพม่า ผมเลย Review แบบ CR & SR เพราะจ่ายเองบางส่วน บางส่วนครอบครัวที่พม่าก็ไม่ยอมให้ผมออกเลยต้องให้เค้าเลี้ยง...เดี๋ยวผมค่อยเอาคืนพาไปเลี้ยงเวลาเค้ามาไทยล่ะกันเนอะ
ประเทศพม่ามีภูมิอากาศคล้ายบ้านเรา ... ดังนั้นครอบครัวนี้แนะนำให้เดินทางมาเที่ยวช่วงเดือน พ.ย. - ก.พ. แต่เดือน พ.ย.ควรมาช่วงปลายๆเดือน เพราะหากมาต้นเดือนอาจจะไม่สนุกเพราะเจอฝนได้ แต่เดือน ธ.ค.-ม.ค. เค้าไม่แนะนำให้เราไปเนื่องจากนักท่องเที่ยวจะมากและไม่สนุกนักหากเจอผู้คนมากมาย
เรามาเริ่มเดินทางกันครับ ... บิน บิน บิน ... (ภาพถ่ายจากเครื่อง...แต่กระจกเครื่องก็ไม่ใสเท่าไรแถมจุดดำๆด้วย...ภาพก็ประมาณนี้ครับ)
เมื่อถึงสนามบินเราก็เจอครอบครัวนี้มาตอนรับอย่างดี และพาเราไปที่พัก พร้อมรับประทานอาหาร พักผ่อนกันสักพักเราก็ไปพระมหาธาตุเจดีย์ ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) เราไปก็เป็นช่วงเย็นๆแล้วครับ ค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติวันละ 8,000 Kyat. ก็ประมาณ 8 US Dollar ต่อ 1 วันครับ(ถ้าวันอื่นไปอีกก็ต้องเสียอีกครั้งนะครับ) พวกเราโชคดีมากครับ เค้าจะบูรณะพระธาตุประมาณ 5 ปีครั้ง เรามาพอดีเลย พี่เค้าบอกว่าจะบูรณะประมาณ 1 เดือน ถือว่าได้เห็นพระธาตุอีกแบบล่ะกันครับ เดี๋ยวหาโอกาสมาชมแบบบูรณะเสร็จใหม่ๆอีกสักที
ช่วงเย็นๆ-หัวค่ำ คนจะเยอะมาก ช่วงที่เราไปพี่เค้าก็ไปกับเราด้วย บอกว่าเราโชคดีที่คนไม่มากนัก แต่หากเป็นเดือนหน้าจะมากกว่านี้ ที่มากเพราะ ชาวต่างชาตินิยมมาช่วงเวลานี้มากกว่าช่วงเช้า รูปข้างล่างนี้เป็น Naungdawgyi Pagoda (Elder Brother Pagoda) ส่วนตัวเห็นว่างดงามมากเลยครับทั้งกลางวันและกลางคืน
อีกวันเราก็ไปช่วงเช้า เพราะพี่เค้าบอกว่าควรจะมาเพราะจะเป็นอีกบรรยากาศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าจะมาสักการะก่อนไปทำงานกัน และ ครอบครัวจะพาเด็กๆมา แม้แต่นักศึกษาก็มาอ่านหนังสือกันเป็นกลุ่มๆ และหนุ่มสาวมานั่งร่วมสักการะและสนทนากัน ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร ทำให้นึกถึงได้ว่าอดีตสมัยสุโขทัยและอยุธยาบ้านเมืองไทยก็น่าจะมีบรรยากาศแบบนี้ที่ครอบครัว วัยรุ่น วัยเรียน เด็กเล็กผูกพันกับศาสนสถานกันมาก และแอบคิดขึ้นมาว่า วัดพระแก้วมรกต วัดอรุณ วัดราชนัดดา และวัดอื่นๆที่มีทัศนียภาพดีๆ น่าจะส่งเสริมให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษาทำกิจกรรมกันในวัดได้ เพื่อทำให้เกิดความผูกพันกับศาสนามากยิ่งขึ้น เพื่อจะนำสู่การศึกษาพระธรรมต่อไปได้
พอดีช่วงที่ผมไปเที่ยวมีถ่าย Pre-Wedding ที่พระธาตุด้วย ว่าที่เจ้าสาวสวยจัง ชุดและสีก็สวยนะผมชอบมากเลย น่าจะอนุญาติที่บ้านเราบ้าง ชุดไทยกับวัดพระแก้ว น่าจะงดงามไม่แพ้กันครับ
หลังจากนั้นแวะไปสวนสาธารณะ Kandawgyi(Royal) Lake ซึ่งทัศนียภาพดีมาก ลมดี แต่แดดแรงพอสมควรเลย
ที่นี่มีร้านอาหารเปิดบริการ ท่าทางวิวน่าจะสวยเวลาค่ำๆ พี่เค้าบอกว่าหนุ่มสาวมักจะพากันมา Dinner ที่นี่ คราวหน้าแวะมาล่ะกัน
หลังจากนั้นเราก็ไปแวะทานอาหารกลางวันกัน ที่ Inya Lake ซึ่งเป็นทะเลสาบในเมืองอีกแห่งที่ใหญ่มาก บรรยากาศดี มีร้านอาหารทะเลอยู่ใกล้ อร่อย ราคาถูกกว่า กทม.นิดหน่อย แต่สดดีมาก
วันต่อมาเราก็เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน เดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศ เครื่องภายในประเทศพอใช้ได้ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการ ผมชอบวิวก่อนถึง Heho Airport สีสันเยอะดี
หลังจากนั้นเราต้องเดินทางไปท่าเรือด้วยรถตู้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากสนามบิน Heho ซึ่งระหว่างทางบรรยากาศดีมาก หลังจากถึงท่าเรือ ต้องนั่งเรือหางยาวล่องไปใน Inle Lake ที่บรรยากาศสุดๆ เกินคำบรรยาย ต้องชมภาพซึ่งของจริงคุ้มค่าในการเดินทางมาที่นี่จริงๆครับ
นั่งเรือชมวิว กินลม ตากแดด กันสัก 1 ชั่วโมงได้ ก็มาถึงที่พัก ...

สวยจัง
หลังจากนั้นก็ล่องเรือไปทานอาหารกลางวัน นี่คือร้านอาหารที่บรรยากาศดีที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวมา ลมดี แสงสวย แต่อาหารพอทานได้
พออิ่มท้องก็ไปล่องเรือแตกแดดเที่ยววัด และ ดูงานทอผ้าจากใบสายบัว ปลูกผักกลางน้ำ กันต่อทั้งบ่ายเลย แต่อากาศดี ยกเว้นแดดแรงไปนิดนึง
แค่นี้ก่อนครับเดี๋ยวว่างๆมาต่อกันครับ
[CR][SR] Wonderful Myanmar Trip ... The Best One of US.
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมตอบรับการเชิญของคนท้องถิ่นซึ่งเป็นคนพม่าและติดต่อกันจนสนิทกันมาสัก 3-4 ปี ซึ่งครอบครัวนี้ชวนผมมาเที่ยวพม่าทุกครั้งที่พบกัน แต่ผมปฏิเสธตลอดเพราะเกรงใจ แต่ครั้งนี้ผมตอบรับ เพราะ ครอบครัวนี้น่ารักและอบอุ่นจริงใจกับเรามาก และขู่เราเล็กน้อยว่าถ้าไม่ตอบรับครั้งนี้จะไม่ชวนผมแล้ว...ทำให้ผมตอบรับ และนี่เป็นครั้งแรกสำหรับประเทศพม่า ผมเลย Review แบบ CR & SR เพราะจ่ายเองบางส่วน บางส่วนครอบครัวที่พม่าก็ไม่ยอมให้ผมออกเลยต้องให้เค้าเลี้ยง...เดี๋ยวผมค่อยเอาคืนพาไปเลี้ยงเวลาเค้ามาไทยล่ะกันเนอะ
ประเทศพม่ามีภูมิอากาศคล้ายบ้านเรา ... ดังนั้นครอบครัวนี้แนะนำให้เดินทางมาเที่ยวช่วงเดือน พ.ย. - ก.พ. แต่เดือน พ.ย.ควรมาช่วงปลายๆเดือน เพราะหากมาต้นเดือนอาจจะไม่สนุกเพราะเจอฝนได้ แต่เดือน ธ.ค.-ม.ค. เค้าไม่แนะนำให้เราไปเนื่องจากนักท่องเที่ยวจะมากและไม่สนุกนักหากเจอผู้คนมากมาย
เรามาเริ่มเดินทางกันครับ ... บิน บิน บิน ... (ภาพถ่ายจากเครื่อง...แต่กระจกเครื่องก็ไม่ใสเท่าไรแถมจุดดำๆด้วย...ภาพก็ประมาณนี้ครับ)
เมื่อถึงสนามบินเราก็เจอครอบครัวนี้มาตอนรับอย่างดี และพาเราไปที่พัก พร้อมรับประทานอาหาร พักผ่อนกันสักพักเราก็ไปพระมหาธาตุเจดีย์ ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) เราไปก็เป็นช่วงเย็นๆแล้วครับ ค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติวันละ 8,000 Kyat. ก็ประมาณ 8 US Dollar ต่อ 1 วันครับ(ถ้าวันอื่นไปอีกก็ต้องเสียอีกครั้งนะครับ) พวกเราโชคดีมากครับ เค้าจะบูรณะพระธาตุประมาณ 5 ปีครั้ง เรามาพอดีเลย พี่เค้าบอกว่าจะบูรณะประมาณ 1 เดือน ถือว่าได้เห็นพระธาตุอีกแบบล่ะกันครับ เดี๋ยวหาโอกาสมาชมแบบบูรณะเสร็จใหม่ๆอีกสักที
ช่วงเย็นๆ-หัวค่ำ คนจะเยอะมาก ช่วงที่เราไปพี่เค้าก็ไปกับเราด้วย บอกว่าเราโชคดีที่คนไม่มากนัก แต่หากเป็นเดือนหน้าจะมากกว่านี้ ที่มากเพราะ ชาวต่างชาตินิยมมาช่วงเวลานี้มากกว่าช่วงเช้า รูปข้างล่างนี้เป็น Naungdawgyi Pagoda (Elder Brother Pagoda) ส่วนตัวเห็นว่างดงามมากเลยครับทั้งกลางวันและกลางคืน
อีกวันเราก็ไปช่วงเช้า เพราะพี่เค้าบอกว่าควรจะมาเพราะจะเป็นอีกบรรยากาศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าจะมาสักการะก่อนไปทำงานกัน และ ครอบครัวจะพาเด็กๆมา แม้แต่นักศึกษาก็มาอ่านหนังสือกันเป็นกลุ่มๆ และหนุ่มสาวมานั่งร่วมสักการะและสนทนากัน ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร ทำให้นึกถึงได้ว่าอดีตสมัยสุโขทัยและอยุธยาบ้านเมืองไทยก็น่าจะมีบรรยากาศแบบนี้ที่ครอบครัว วัยรุ่น วัยเรียน เด็กเล็กผูกพันกับศาสนสถานกันมาก และแอบคิดขึ้นมาว่า วัดพระแก้วมรกต วัดอรุณ วัดราชนัดดา และวัดอื่นๆที่มีทัศนียภาพดีๆ น่าจะส่งเสริมให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษาทำกิจกรรมกันในวัดได้ เพื่อทำให้เกิดความผูกพันกับศาสนามากยิ่งขึ้น เพื่อจะนำสู่การศึกษาพระธรรมต่อไปได้
พอดีช่วงที่ผมไปเที่ยวมีถ่าย Pre-Wedding ที่พระธาตุด้วย ว่าที่เจ้าสาวสวยจัง ชุดและสีก็สวยนะผมชอบมากเลย น่าจะอนุญาติที่บ้านเราบ้าง ชุดไทยกับวัดพระแก้ว น่าจะงดงามไม่แพ้กันครับ
หลังจากนั้นแวะไปสวนสาธารณะ Kandawgyi(Royal) Lake ซึ่งทัศนียภาพดีมาก ลมดี แต่แดดแรงพอสมควรเลย
ที่นี่มีร้านอาหารเปิดบริการ ท่าทางวิวน่าจะสวยเวลาค่ำๆ พี่เค้าบอกว่าหนุ่มสาวมักจะพากันมา Dinner ที่นี่ คราวหน้าแวะมาล่ะกัน
หลังจากนั้นเราก็ไปแวะทานอาหารกลางวันกัน ที่ Inya Lake ซึ่งเป็นทะเลสาบในเมืองอีกแห่งที่ใหญ่มาก บรรยากาศดี มีร้านอาหารทะเลอยู่ใกล้ อร่อย ราคาถูกกว่า กทม.นิดหน่อย แต่สดดีมาก
วันต่อมาเราก็เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน เดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศ เครื่องภายในประเทศพอใช้ได้ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการ ผมชอบวิวก่อนถึง Heho Airport สีสันเยอะดี
หลังจากนั้นเราต้องเดินทางไปท่าเรือด้วยรถตู้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากสนามบิน Heho ซึ่งระหว่างทางบรรยากาศดีมาก หลังจากถึงท่าเรือ ต้องนั่งเรือหางยาวล่องไปใน Inle Lake ที่บรรยากาศสุดๆ เกินคำบรรยาย ต้องชมภาพซึ่งของจริงคุ้มค่าในการเดินทางมาที่นี่จริงๆครับ
นั่งเรือชมวิว กินลม ตากแดด กันสัก 1 ชั่วโมงได้ ก็มาถึงที่พัก ...
หลังจากนั้นก็ล่องเรือไปทานอาหารกลางวัน นี่คือร้านอาหารที่บรรยากาศดีที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวมา ลมดี แสงสวย แต่อาหารพอทานได้
พออิ่มท้องก็ไปล่องเรือแตกแดดเที่ยววัด และ ดูงานทอผ้าจากใบสายบัว ปลูกผักกลางน้ำ กันต่อทั้งบ่ายเลย แต่อากาศดี ยกเว้นแดดแรงไปนิดนึง
แค่นี้ก่อนครับเดี๋ยวว่างๆมาต่อกันครับ
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น