ความเห็นของนายสรรเสริฐ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) ในการสัมมนาว่าด้วยการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งจัดโดยป.ป.ช.และสำนักงานกองทุนสนับสนุน
การวิจัยโดยชี้ว่า ในต่างประเทศ ป.ป.ช.สามารถยื่นฟ้องคดีทุจริตคอร์รัปชั่นต่อศาลได้โดยตรงไม่ต้องผ่าน
สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ซึ่งต่างจากของไทยและหากแก้ปัญหาจุดนี้ได้จะทำให้การพิจารณาคดี
ทุจริตคอร์รัปชั่นรวดเร็วไม่ล่าช้าเหมือนที่เป็นอยู่นับว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและโดนใจ
สาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง
ที่ว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันก็คือคดีมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
ในโครงการรับจำนำข้าวที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ฐานละเว้นปฏิบัติ
หน้าที่ส่อรู้เห็นเป็นใจขบวนการโกงชาติปล้นแผ่นดินสร้างความล่มจมให้ประเทศเบื้องต้นกว่า 5 แสนล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ป.ป.ช.ส่งสำนวนไปยังสำนักงานอสส.ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนที่แล้ว แต่สำนักงานอสส.ส่อเจตนา
เตะถ่วงดึงเกมพยายามอุ้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในทุกวิถีทาง และล่าสุด นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอสส. ในฐานะ
หัวหน้าทีมสำนักงานอสส.ในการประชุมร่วมกับทีมของป.ป.ช.นำโดย นายสรรเสริญ เพื่อชี้ขาดว่าจะส่งฟ้อง
โทษทางอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ถึงกับย้ำ
ว่า ป.ป.ช.ไม่สามารถฟ้องต่อศาลฎีกาฯเองได้ตราบใดที่การหารือระหว่างสำนักงานอสส.และป.ป.ช.ยังไม่
สามารถหาข้อยุติร่วมกัน
ปูมหลังของสำนักงานอสส.ถูกตั้งข้อสังเกตมานานแล้วว่าเป็นหนึ่งในหน่วยราชการที่ถูกครอบงำโดยระบอบ
ทักษิณเกือบสิ้นเชิงมาตั้งแต่ยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
นักโทษหนีคุกเรืองอำนาจ ทำให้บทบาทของสำนักงานอสส.ตลอดช่วงที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นทนายทาส
รับใช้ตระกูลชินมากกว่าที่จะเป็นทนายของแผ่นดิน
อาจด้วยเหตุนี้ในคดีโครงการรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำลังจะถูกชี้ชะตาโทษทางอาญา จึงเห็นบทบาท
ส่อเจตนาเตะถ่วงของสำนักงานอสส. ซึ่งข้อเสนอของเลขาธิการ ป.ป.ช.ที่ให้แก้กฎหมายลดอำนาจของ
สำนักงานอสส. โดย ป.ป.ช.ฟ้องศาลเองโดยตรงได้เลยจึงน่าจะเหมาะสม เพื่อให้คดีทุจริตครั้งเลวร้ายที่สุด
ในประวัติศาสตร์นี้เข้าสู่กระบวนการตัดสินของศาลได้อย่างรวดเร็วปราศจากการเตะถ่วงดึงเกม
ตามปกติการพิจารณาของ ป.ป.ช.หลังได้รับเรื่องร้องเรียนต้องมีการไต่สวนอย่างละเอียดรอบคอบก่อนส่งฟ้อง
อีกทั้งเมื่อเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล ศาลก็จะต้องกลั่นกรองไต่สวนอีกชั้นหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นหากต้อง
ผ่านการไต่สวนจากสำนักงาน อสส.จึงเป็นการซ้ำซ้อนและทำให้คดีล่าช้าโดยใช่เหตุ
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของ นายสรรเสริญ ที่ให้แก้กฎหมายลดอำนาจของสำนักงานอสส.คงเป็นเรื่องระยะยาว
แต่ปัญหาเฉพาะหน้าก็คือคดีฟ้องโทษทางอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กำลังมีปัญหาส่อถูกดึงเกมอยู่ในขณะนี้จะ
ต้องได้รับการแก้ไขอุปสรรคที่ทำให้คดีล่าช้าโดยรีบด่วน
ดังนั้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจึงอาจต้องอาศัยอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในการ
สังคายนาโครงสร้างตัวบุคคลในสำนักงานอสส.เพื่อให้คดีโกงชาติสร้างความล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้าย
ที่สุดในประวัติศาสตร์นี้ได้รับการพิพากษาโดยศาลอย่างรวดเร็วเสียทีหลังถูกดึงเกมเตะถ่วงมานาน
ทีมข่าวการเมือง
http://www.naewna.com/creative/131619
ถึงเวลาแก้กม.ลดอำนาจอสส.ป้องกันเตะถ่วงคดีโกงชาติ ผ่าประเด็นร้อน แนวหน้าออนไลน์ ... แก้ก.ม..ซะเลย ? ...sao..เหลือ..noi
(ป.ป.ช.) ในการสัมมนาว่าด้วยการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งจัดโดยป.ป.ช.และสำนักงานกองทุนสนับสนุน
การวิจัยโดยชี้ว่า ในต่างประเทศ ป.ป.ช.สามารถยื่นฟ้องคดีทุจริตคอร์รัปชั่นต่อศาลได้โดยตรงไม่ต้องผ่าน
สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ซึ่งต่างจากของไทยและหากแก้ปัญหาจุดนี้ได้จะทำให้การพิจารณาคดี
ทุจริตคอร์รัปชั่นรวดเร็วไม่ล่าช้าเหมือนที่เป็นอยู่นับว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและโดนใจ
สาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง
ที่ว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันก็คือคดีมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
ในโครงการรับจำนำข้าวที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ฐานละเว้นปฏิบัติ
หน้าที่ส่อรู้เห็นเป็นใจขบวนการโกงชาติปล้นแผ่นดินสร้างความล่มจมให้ประเทศเบื้องต้นกว่า 5 แสนล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ป.ป.ช.ส่งสำนวนไปยังสำนักงานอสส.ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนที่แล้ว แต่สำนักงานอสส.ส่อเจตนา
เตะถ่วงดึงเกมพยายามอุ้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในทุกวิถีทาง และล่าสุด นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอสส. ในฐานะ
หัวหน้าทีมสำนักงานอสส.ในการประชุมร่วมกับทีมของป.ป.ช.นำโดย นายสรรเสริญ เพื่อชี้ขาดว่าจะส่งฟ้อง
โทษทางอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ถึงกับย้ำ
ว่า ป.ป.ช.ไม่สามารถฟ้องต่อศาลฎีกาฯเองได้ตราบใดที่การหารือระหว่างสำนักงานอสส.และป.ป.ช.ยังไม่
สามารถหาข้อยุติร่วมกัน
ปูมหลังของสำนักงานอสส.ถูกตั้งข้อสังเกตมานานแล้วว่าเป็นหนึ่งในหน่วยราชการที่ถูกครอบงำโดยระบอบ
ทักษิณเกือบสิ้นเชิงมาตั้งแต่ยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
นักโทษหนีคุกเรืองอำนาจ ทำให้บทบาทของสำนักงานอสส.ตลอดช่วงที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นทนายทาส
รับใช้ตระกูลชินมากกว่าที่จะเป็นทนายของแผ่นดิน
อาจด้วยเหตุนี้ในคดีโครงการรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำลังจะถูกชี้ชะตาโทษทางอาญา จึงเห็นบทบาท
ส่อเจตนาเตะถ่วงของสำนักงานอสส. ซึ่งข้อเสนอของเลขาธิการ ป.ป.ช.ที่ให้แก้กฎหมายลดอำนาจของ
สำนักงานอสส. โดย ป.ป.ช.ฟ้องศาลเองโดยตรงได้เลยจึงน่าจะเหมาะสม เพื่อให้คดีทุจริตครั้งเลวร้ายที่สุด
ในประวัติศาสตร์นี้เข้าสู่กระบวนการตัดสินของศาลได้อย่างรวดเร็วปราศจากการเตะถ่วงดึงเกม
ตามปกติการพิจารณาของ ป.ป.ช.หลังได้รับเรื่องร้องเรียนต้องมีการไต่สวนอย่างละเอียดรอบคอบก่อนส่งฟ้อง
อีกทั้งเมื่อเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล ศาลก็จะต้องกลั่นกรองไต่สวนอีกชั้นหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นหากต้อง
ผ่านการไต่สวนจากสำนักงาน อสส.จึงเป็นการซ้ำซ้อนและทำให้คดีล่าช้าโดยใช่เหตุ
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของ นายสรรเสริญ ที่ให้แก้กฎหมายลดอำนาจของสำนักงานอสส.คงเป็นเรื่องระยะยาว
แต่ปัญหาเฉพาะหน้าก็คือคดีฟ้องโทษทางอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กำลังมีปัญหาส่อถูกดึงเกมอยู่ในขณะนี้จะ
ต้องได้รับการแก้ไขอุปสรรคที่ทำให้คดีล่าช้าโดยรีบด่วน
ดังนั้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจึงอาจต้องอาศัยอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในการ
สังคายนาโครงสร้างตัวบุคคลในสำนักงานอสส.เพื่อให้คดีโกงชาติสร้างความล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้าย
ที่สุดในประวัติศาสตร์นี้ได้รับการพิพากษาโดยศาลอย่างรวดเร็วเสียทีหลังถูกดึงเกมเตะถ่วงมานาน
ทีมข่าวการเมือง
http://www.naewna.com/creative/131619