รักได้ยินรึเปล่า #บทที่ 4

กระทู้สนทนา
อ่านตอนอื่นๆ ได้ที่นี่นะคะ  http://pantip.com/topic/32729269


บทที่ 4 ด้านได้ อายอด



“แพทเร็วๆ มันสายแล้ว”

    “เสร็จแล้วๆ ” เพชรวิ่งออกมาจากห้องน้ำ

    “ช้าจริงๆ เลย เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก วันนี้คริสยิ่งเรียนเช้าอยู่ด้วย” ยื่นกระเป๋าให้เพชรก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปชั้นล่าง

    “จะรีบไปไหนของมัน ทำอย่างกับมหาวิทยาลัยจะวิ่งหนีไปไหนอย่างนั้นแหละ เรื่องผู้ชายเร็วนักแต่พอเรื่องงานนาฬิกาปลุกแล้วปลุกอีกก็ไม่ตื่น”

    “แพทตี้! เร็วๆ ” กวักมือเรียก

    “จะไปไหนกันสองสาว เมื่อคืนก็กลับมาซะดึก วันนี้ก็จะออกไปตั้งแต่เช้าอีก” คุณนายบุษบาถาม

    “ไปมหาวิทยาลัยค่ะคุณยาย”

    “ไม่มีถ่ายละครแถวนั่นแล้วไม่ใช่เหรอลูก”

เมวดีกอดยายอย่างเอาใจ “เมยมีธุระที่นั่นนิดหน่อยน่ะค่ะ”

“ธุระอะไร ทำไมถึงต้องไปแต่เช้าขนาดนี้ ยังไม่ได้กินข้าวกินปลากันเลย ยายว่าอยู่กินข้าวเช้ากันก่อนดีไหม วันนี้ยายทำข้าวต้มกระดูกหมูของโปรดหนูเมยด้วยนะ”

“คงอยู่กินไม่ได้หรอกค่ะคุณยายขา พอดีหนูเมยของคุณยายต้องรีบไปหาผู้ชา...เอ้ย! ต้องรีบไปทำธุระน่ะค่ะ แต่ถ้าคุณยายจะกรุณาสาวน้อยตาดำๆ อย่างแพทตี้ล่ะก็ ขอข้าวต้มใส่กล่องให้จะดีมากเลยค่ะ”

คุณนายบุษบาหัวเราะคิกคักกับความน่ารักของเด็กที่เห็นมาตั้งแต่ยังไม่หัดเดิน จนมาถึงตอนนี้โตจนเรียนจบมางานทำแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพชรหรือแพทตี้ เด็กคนนี้ก็ยังคงน่ารักขี้อ่อนไม่เคยเปลี่ยน

“ได้สิลูก เดี๋ยวรอแป๊บนึงนะ ยายไปบอกแม่ครัวจัดการให้” ครู่เดียวเท่านั่นคุณนายบุษบาก็เดินออกมาพร้อมถุงใส่กล่องข้าวต้มสองกล่องและยังมีส้มอีกสองลูกในถุงด้วย “นี่ลูก...ยายมีส้มให้หนูเมยด้วยเพราะหนูเมยไม่ชอบกินข้าวเช้า แต่ถ้าหิวข้าวก็กินได้นะ ยายห่อให้สองกล่อง”

เพชรไหว้ขอบคุณก่อนจะรับถุงมาถือไว้ “กล่องเก็บความร้อนเหมือนเดิมใช่ไหมคะคุณยาย”

“จ้ะ หนูแพทตี้จะกินตอนเที่ยงยังได้”

“เริดค่ะ หนูชอบผูกปิ่นโตกับที่นี่ก็เพราะแบบนี้แหละ กินไม่หมดก็ยังสามารถกินอีกได้ไม่ต้องกลัวว่าจะบูด”

คุณนายบุษบาหัวเราะร่า

“ไปกันได้แล้วแพทตี้ มั่วชื่นชมกล่องเก็บความร้อนอยู่นั่นแหละ คุณยายเมยไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ มา! ”

“ไปก่อนนะคะคุณยาย” ยกมือไหว้ก่อนจะเดินจากไป

คุณนายบุษบาคิ้วขมวดสงสัยว่าหลานๆ กำลังทำอะไรอยู่กันแน่เพราะเห็นแต่งตัวเป็นนักศึกษาสองวันแล้ว ตอนแรกนึกว่าไปถ่ายละครแต่พอถามกับบอกว่าไปทำธุระ จะถามต่ออีกก็ดูรีบๆ เลยยังไม่ถาม “ช่างเถอะ เดี๋ยวกลับมาค่อยถามอีกที่แล้วกัน”


“แพทแกหยุดกินได้แล้ว มันถึงแล้วเนี่ย จะหิวอะไรนักหนา”

“มันยังไม่หมดเลยแก เสียดาย”

“จะเสียดงเสียดายอะไร กินไม่หมดก็เก็บไว้กินอีกตอนเที่ยงก็ได้หรือถ้าแกไม่สะใจฉันจะให้คุณยายทำให้แกกินคนเดียวหนึ่งหม้อเลยดีไหม”

“เออๆ อิ่มแล้วก็ได้” เก็บข้าวของลงถุง เมวดีเห็นเพื่อนยังจัดการอะไรไม่เสร็จก็เปิดประตูเดินมายืนรออยู่หน้าตึก เพชรจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็รีบวิ่งมาหาเธอทันที

“แกจะถือส้มลงมาด้วยทำไมเนี่ย”

“อ้าว ก็เอามากินสิย่ะ”

“ยังจะกินอีก”  

“น่า...อย่าบ่นเป็นยายแก่ไปหน่อยเลย แค่นี่แกก็ดูแก่มากพอแล้ว” ไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ก็เพราะแกนั่นแหละที่จับโน้นจับนี่มาให้ฉันใส่ จนฉันจะกลายเป็นยายแก่ ดูสิทั้งเสื้อทั้งกระโปรงจะใหญ่ไปไหน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะ...”

“โอ๊ย! ” เมวดีบ่นยังไม่ทันจบเพชรก็ยกมือกุมที่ท้องตนเอง

“แพท! แกเป็นอะไร”

“ข้าศึกบุก...โอ๊ย! ไม่ไหวแล้วแก สงสัยเมื่อกี้กินน้ำเยอะไปหน่อย แกไปรอฉันหน้าห้องเรียนเลยนะ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน เอานี่ ฝากส้มด้วย” ยื่นส้มทั้งสองลูกให้ก่อนจะวิ่งไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

เมวดีถอนหายใจก่อนจะเกินไปยังห้องเรียน เมื่อมาถึงหน้าห้องเรียนเธอก็เดินไปนั่งรอแถวๆ ที่นั่งหน้าห้องไม่ยอมเข้าไปข้างในเพราะกลัวว่าถ้าเข้าไปอาจคราญกับเพชรได้ เธอวางส้มไว้ข้างๆ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาพลางถอนหายใจ

“เฮ้อ...มันเลยเวลามาเกือบจะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว คงเข้าเรียนไปทันแน่ๆ นังแพทนะนังแพท มาเสียเที่ยวเลยเห็นไหม ถ้าขึ้นมานะแม่จะบ่นให้อิ่มแทนข้าวเลย”

เมวดีถอนหายใจอีกรอบแล้วละมือลงมาวางข้างๆ ลำตัว แต่มือกับไปโดนส้มทำให้ส้มลูกหนึ่งตกลงพื้นกลิ้งไปอย่างรวดเร็ว เธอไล่มองตามไปแล้วรีบวิ่งตามไปเก็บ ส้มไปหยุดอยู่ด้านหน้าผู้ชายคนหนึ่งแต่ด้วยความรีบเธอจึงไม่ได้คิดจะเงยหน้ามองว่าเขาเป็นใคร จังหวะที่เมวดีกำลังจะคว้าส้มแว่นตาคุณป้าของเธอก็ดันตกลงพื้น ฉันบอกแกแล้วว่ามันทั้งใหญ่ทั้งแก่ ไม่ได้เข้ากับฉันสักนิดนังแพท!

เมวดีเลือกหยิบส้มขึ้นมาก่อนแต่พอจะหันไปเก็บแว่นตาเธอก็ต้องตกใจเมื่อผู้ชายที่ยื่นอยู่ตรงหน้านั่งลงเก็บแว่นไว้ให้แล้ว

“ขอบคุณค่ะ”

กำลังจะยืนมือไปรับแว่นก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อผู้ชายที่ถือแว่นของเธออยู่นั่นคือกรกฤต เมวดีถึงกลับนั่งลงติดพื้นด้วยความตกใจ ตื่นเต้น ดีใจ อาย เขิน ฯลฯ และอีกมากมายหลายความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาในหัวสมอง

กรกฤตคิ้วขมวดนิดหนึ่งเมื่อเห็นหน้าเธอก่อนจะคลี่ยิ้มนิดๆ เขายกแว่นขึ้นมาสวมให้เมวดีอย่างเดิม “ลุกไหวไหม” ยื่นมือให้จับ
เมวดีเรียกสติของตนเองกลับมาได้ก็ยื่นมือไปจับมือเขา อ๊าก!! ได้จับมือด้วย ดีใจๆ

“มาเรียนสายเหรอ” ชายหนุ่มถาม

“คะ...ค่ะ”

กรกฤตยังไม่ยอมปล่อยมือแต่กับจูงมือเธอเดินไปนั่งที่เดิม มือเขาอุ่นจัง เขาจะรู้ตัวไหนนะว่ายังไม่ปล่อยมือเรา...คิดได้แค่นั่งก็ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อเขาปล่อยมือ

“เราก็มาสายเหมือนกัน เข้าไปตอนนี้ก็คงโดนเช็คขาดไปแล้ว” เขาถอนหายใจพลางมองหน้าเมวดี “เธอหน้าคุ้นๆ นะ ชื่ออะไรเหรอ”

ตายแล้ว! ถ้าบอกชื่อจริงๆ ไปเขาจะจับได้ไหมเนี่ยว่าเราปลอบตัวมา “เอ่อ...” เขามองเธออย่างตั้งใจ เล่นเอาคนกำลังจะโกหกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ “ชื่อ...อ๋อ...ชื่อส้มๆ ใช่ๆ ชื่อส้ม” ชูส้มในมือขึ้นให้ดู

กรกฤตเลิกคิ้ว “ชื่อส้ม”

เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะอ้าปากถามต่อก็รีบตัดบททันที “กินไหมเราแบ่งให้ลูกหนึ่ง” ยื่นส้มในมือให้

ชี้ที่ส้ม “ให้เราเหรอ” น้ำเมยพยักหน้า “แต่ลูกนี้มันตกพื้นไปแล้วนะ” พูดยิ้มๆ

“อู๊ย...ลืมไป งั้นเอาลูกนี้ก็ได้” ยื่นลูกใหม่ให้

“ขอบคุณครับ” เมวดีรู้สึกอุ่นๆ ในใจเมื่อได้ยินประโยคนี้ ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่ประโยคธรรมดาๆ แต่แปลกจังที่สามารถทำให้เธอรู้สึกดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ชื่ออะไรเหรอ”

“คริสครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง ควรพูดอะไรต่อดี?

“เธอชื่อส้มจริงๆ เหรอ” คำถามนั่นเล่นเอาคนที่กำลังปอกเปลือกส้มอยู่เกือบทำส้มหลุดมือ “เราไม่ชอบคนโกหกนะ”

“เราโกหก! ” ตอบไวซะ เป็นไงเป็นกันยังไงๆ เราก็มาที่นี่เพื่อเขาอยู่แล้วนี่นาไม่เห็นต้องโกหกเลย

กรกฤตคิ้วขมวด ค่อยๆ เอนหน้าเข้ามาใกล้เมวดีมากขึ้นเพื่อมองใบหน้าของเธอชัดๆ

เมวดีรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรเธอเลย เธอก็เป็นถึงขนาดนี้ แล้วถ้าวันไหนเขาจูบเธอขึ้นจะไม่หัวใจวายตายเหรอเนี่ยยัยเมย! (คิดไปโน้น)

“แล้วชื่ออะไร” น้ำเสียงเป็นมิตรหายไปทันตา

“ชื่อ...”

“น้ำเมย”

เมวดีถึงกับอ้าปากค้างเมื่อโดนจับได้ เขารู้ได้ยังไงหรือเป็นเพราะตอนที่แว่นตกเมื่อกี้ กรกฤตลุกขึ้นจะเดินหนีแต่เมวดีก็คว้าแขนไว้ซะก่อน
“จะไปไหน”

คนถูกดึงไว้หันกลับมามองที่มือเล็กๆ ของเมวดีที่กำลังจับแขนเขาอยู่ เมื่อรู้ตัวว่าตนเองลุกหนักจนเกินงามเธอก็รีบปล่อยมือทันที
“ขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไร” แต่ก็ตั้งท่าจะเดินหนีอีกครั้ง

เมวดีวิ่งไปขวางไว้ “เดี๋ยวก่อน”

“มีอะไรอีก”

“เราพูดกันดีๆ เหมือนเมื่อกี้ไม่ได้เหรอ ทำไมพอรู้ว่าฉันเป็นใครแล้วนายต้องทำสีหน้าท่าทางเหมือนรังเกียจฉันด้วย”

เริ่มน้ำตาคลอ นี่ไม่ใช่แอ็คติ้งเลยมันเป็นฟิลลิ่งล้วนๆ อ๊าก...อย่าร้องนะแค่นี้เอง จะร้องทำไม! อายเขา

“ไม่ได้รังเกียจ” ตอบเสียงเรียบ “แค่นึกขึ้นได้ว่าหิวข้าว”

คนน้ำตาคลอยิ้มกว้าง “หิวเหรอ...หิวเหมือนกันๆ ที่นี่มีอะไรอร่อยๆ ไหมพาไปกินหน่อย”

“ทำไมผมต้องพาคุณไปด้วย”

อ๊าก! คิดว่าตนเองหล่อแล้วจะปฏิเสธฉันเหรอ ฉันเป็นนางเอกซุปเปอร์สตาร์ หนุ่มๆ ตามขายขนมจีบกันตรึม นายนับว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ฉันชวนไปกินข้าว ไม่เจียมตัวเล๊ย!

“พอดีฉัน เอ้ย เมยไม่ได้มามหาวิทยาลัยนานแล้ว เลยไม่รู้ว่าร้านไหนอร่อยขึ้นชื่อบ้าง” ได้แค่บ่นในใจเท่านั่นสุดท้ายก็ต้องตอบออกไปหวานๆ อยู่ดี

“มันไม่ค่อยมีร้านใหม่หรอก ร้านไหนคุณเคยไปกินแล้วอร่อยก็ร้านนั่นแหละ”

หัวหมุนติ้ว...คิดไม่ออกแล้วว่าควรจะพูดอะไรต่อ ทำไงดีๆ อยากไปด้วย (ใจง่ายสุดๆ)

“ผมพาคุณไปก็ได้ เดี๋ยวหาว่าไม่มีน้ำใจ”

“จริงนะ” กรกฤตก้มมองที่มืออีกครั้ง

ว๊าย! ฉันจับมือเขาอีกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย รีบปล่อยทันที

“ตามผมมา” เดินนำลงบันไดไป “คุณมากับใครเอารถมาไหม”

เมวดีหยุดคิดครู่หนึ่ง ถ้าเราตอบว่าเอารถมาเขาจะให้เราขับตามรถเขาไปรึเปล่านะ ไม่ได้ๆ ฉันอยากไปกับเขา

“ว่าไงคุณเอารถมาไหม”

“ไม่ได้เอามา” โกหกอีกแล้วถ้าโดนจับได้อีกตายแน่ๆ

“แล้วคุณมาที่นี่ได้ยังไง”

“อ๋อ...เพื่อนขับรถมาส่งแล้วเพื่อนก็ไปทำงานแล้ว”

“คุณมาทำอะไรที่นี่ ทำไมถึงต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วย”

“ฉัน...ฉันมา” โอ๊ย! คิดไม่ออก ถามมากจริงผู้ชายคนนี้!

เมื่อเห็นคนขี้โกหกจนมุม กรกฤตก็ไม่อยากถามต่อจึงรีบเปลี่ยนบทสนทนา “ไปรอผมที่หน้าตึกเลยนะ เดี๋ยวขี่รถออกไปรับ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าผมขับรถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ขับรถเบ้นหรือบีเอ็มเหมือนพวกหนุ่มๆ ของคุณ”

“ไม่เป็นไรๆ ฉันขี่ได้” เอ๊ะ! เมื่อกี้เขาพูดว่าหนุ่มๆ ของคุณใช่ไหม อ๊าก! ไม่ได้นะๆ จะคิดแบบนั่นไม่ได้นะ ตอนนี้ฉันโสดถึงจะยังไม่บอกเลิกพี่เติ้ลก็ตามเถอะ “คุณหมายถึงใคร” แต่ก็เหมือนพูดกับลมเพราะเขาเดินไปไกลแล้ว

“ยัยเมย” เพชรเรียก “โอ๊ย...โทษทีแกพอดีจัดหนักไปหน่อย” น้ำเมยรีบวิ่งหนี “อ้าว! จะไปไหน รอก่อน” วิ่งตามไปติดๆ

“อย่ามายุ่งกับฉันๆ ”

“นังบ้า! แกบ้าไปแล้วเหรอไง” ทั้งหอบทั้งด่า “วิ่งหนีฉันทำไม”

เมวดีหยุดวิ่งเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าโยนให้เพชร “เอาไปซะ แล้วจะไปไหนก็ไป”

“ฮะ...” อ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ฉันจะเล่าให้ฟังที่หลัง แต่ตอนนี้...”

“คุณ! ทำอะไรอยู่” คริสตะโกนเรียกเมื่อขี่รถมาจอดหน้าตึก “เร็วๆ เขาไม่จอดรถตรงนี้”

หันไปมองหน้าเพชรแล้วผลักสุดแรงเกิดจนเขากระเด็นไปติดผนังเพราะกลัวว่าคริสจะรู้ว่าตนเองโกหก “ฉันขอโทษนะแกแต่ตอนนี้อย่าพึ่งมายุ่งกับฉัน ไปแล้วค่ะๆ! ” วิ่งอย่างรวดเร็ว

เพชรตั้งตัวได้ก็รีบวิ่งตามแต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของเพื่อน “หายไปไหนแล้ว ไวจริงๆ อย่าให้ฉันเห็นแกอีกนะ นังเพื่อนบ้า! เห็นผู้ชายดีกว่าฉัน โอ๊ย! เจ็บก้น ผลักมาได้”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่