อ่านตอนอื่นๆ ได้ที่นี่นะคะ
http://pantip.com/topic/32729269
ต้องขอบคุณทุกคนจากใจจริงที่โหวต ถูกใจ แสดงความคิดเห็น เข้ามาอ่านและติดตาม ที่สำคัญที่สุดต้องขอบคุณที่ให้โอกาสกับนักอยากเขียนคนนี้ได้ไปยืนอยู่บนท็อปเทนของพันทิป ต้องขอบคุณจริงๆ ค่ะ
หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้นักอ่านหลายๆ คน มีความสุขและยิ้มไปด้วยกันกับนักอยากเขียนคนนี้นะคะ
บทที่ 2 เจ้าชายขี่ม้าขาว
วันนี้กองถ่ายยกกองมาถ่ายทำที่สวนสาธารณะใกล้ๆ มหาวิทยาลัยที่เมวดีเคยเรียน หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะหลังจากที่เรียนจบไป เธอก็ยังไม่มีโอกาสมาเหยียบที่นี่อีกเลย การได้เห็นบรรยากาศเดิมๆ ทำให้เธอคิดถึงเพื่อนรวมแก๊งเป็นอย่างมาก เธอถือโอกาสตอนพักกองเดินเล่นไปเรื่อยๆ เพื่อรำลึกถึงความหลังสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
แต่แล้วก็มีบ้างอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น!
“ฮือ...ฮือ...แม่จ๋าช่วยหนูด้วย! หนูกลัว...” เด็กหญิงตัวเล็กๆ ยืนร้องไห้อยู่เกาะกลางถนน ทั้งสองข้างทางมีรถวิ่งสวนไปมา เมวดีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“น้องนินจา...อยู่นิ่งๆ นะลูก อย่าพึ่งเดินไปไหนนะ! ” แม่เด็กยืนอยู่อีกฝั่งถนนร้องตะโกนบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
แต่เด็กหญิงกลับไม่เชื่อแม่พยายามจะข้ามมาฝั่งที่เมวดียืนอยู่ เห็นดังนั้นไม่รู้อะไรดลใจ เธอรีบวิ่งเข้าไปช่วยเด็กคนนั้น แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงแม่ของเด็กร้องขึ้น
“คุณระวัง! ”
เมวดีหันกลับไปมองตามสายตาของผู้หญิงคนนั้น มีรถคันหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาที่เธอ ชั่วแวบหนึ่งของความคิดเธอคิดว่าเธอคงไม่รอดแน่ๆ รถคันนี้วิ่งมาก เร็วเหลือเกิด ถ้าจะวิ่งหนีก็คงไม่ทัน เธอยังไม่อยากตาย...เธอยังไม่รู้เลยว่าความรักที่แท้จริงเป็นยังไง
เมวดีหลับตาลงไม่อยากรับรู้หรือเห็นอะไรทั้งนั้น...
แต่ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีเธอก็รู้สึกว่าตัวถูกยกลอยขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงรถเบรกและขี่ผ่านไป มันเกิดอะไรขึ้น เธอไม่กล้าแม้แต่ลืมตาเพราะคิดว่าตนเองอาจจะตายไปแล้ว คิดได้ดังนั้นน้ำตาก็ค่อนๆ ไหลออกมา เมื่อหวนนึกถึงอดีต เธอยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าเลย ฉันอยากแต่งาน ฉันอยากมีแฟน...ทำไมต้องมาตายตั้งแต่ยังสาวด้วย!
“คุณ! เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงผู้ชายคนนึงเรียกเธอ
เมวดีค่อยๆ ลืมตามองคนที่เรียกเธอ เขาหล่อมาก...คิ้วเข้ม ตาเล็กๆ ไม่โตมากแต่ก็ไม่ถึงกับเล็กจนเป็นอาตี๋ จมูกโด่งบวกกับปากรูปกระจับ ทุกส่วนบนใบหน้าของชายหนุ่มมันช่างถูกสร้างมาได้อย่างลงตัว เขาคงเป็นเทพจากสวรรค์ที่มารับเธอ หล่อแบบนี้แสดงว่าเธอได้ขึ้นสวรรค์ใช่ไหม...
“คุณ! ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ คุณปลอดภัยแล้ว”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้เมวดีหลุดจากความคิดทั้งหมดทั้งมวล เมื่อมองไปรอบๆ แม่ลูกสองคนนั้นหายไปแล้ว ตอนนี้ร่างของเธอถูกชายหนุ่มหน้าหล่ออุ้มมายืนอยู่ข้างถนน ฉันยังไม่ตาย! โอ้แม่เจ้า...ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองลูก เลิกกองลูกจะไปทำบุญอุทิดส่วนบุญส่วนกุสลให้นะเจ้าคะ
“คุณ! คุณไหวไหมเนี่ย” ชายหนุ่มคิ้วขมวดเมื่อเห็นอาการเบลอๆ ของหญิงสาว
“วะ...ไหวๆ ” น้ำเมยตอบอย่างงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “คุณช่วยฉันไว้เหรอ...”
“ครับ...” เขาว่างร่างบางลง “คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ”
เมวดียืนเก้ๆ กังๆ รู้สึกว่าชายตรงหน้าทำให้เธอหัวใจเต้นแรงจนน่าตกใจ อย่าบอกนะว่าฉันตกหลุมรักเขา? ไม่หรอกฉันคงกำลังตกใจมากกว่า “ค่ะ...ค่ะ ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย”
“งั้นก็ดีแล้ว คราวหลังจะเดินข้ามถนนก็ระวังๆ หน่อย โตขนาดนี้แล้วยังข้ามถนนไม่ดูรถอีก”
หญิงสาวหน้านิ่ว อีตาบ้านี่กล้าพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง “ค่ะ...” อ๊าก! ทำไมฉันตอบเพราะจัง
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้ “งั้นผมไปล่ะ มีสอบ” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“สายแล้ว! ไปก่อนนะคุณ”
“เดี๋ยวคุณ! ”
เมวดีพยายามเรียกหวังจะขอบคุณและถามชื่อพ่อเทพบุตรซะหน่อยแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขาวิ่งข้ามถนนไปอย่างรวดเร็ว
“หว้า...อดขอบคุณเลย” ถอนหายใจก่อนจะเหลือบไปเห็นสมุดเล่มหนึ่งตกอยู่ข้างถนน “เอ๊ะ! สมุด? ของเขารึเปล่านะ” เธอหยิบสมุดขึ้นมาเปิดดู “ ‘นายกรกฤต ธำรงเดชา’ ” เมื่อมองดูรหัสนักศึกษาก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นพึ่งเรียนอยู่ปีสาม “เรียนคณะเภสัชด้วย คงเรียนเก่งน่าดู” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “สวัสดีค่ะพี่ ‘แอนนา’ ”
“น้องเมยอยู่ที่ไหน! ที่กองตามหากันให้วุ่นเลย” ผู้จัดการส่วนตัวถาม
“อยู่แถวๆ มหาลัย' นี่แหละค่ะ พอดีเมยมาเดินเล่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
“อุบัติเหตุ! แล้วน้องเมยเป็นอะไรมากมั้ย” แอนนาถามอย่างร้อนใจ
เมวดีมองดูสมุดในมือแล้วยิ้มกว้าง “ไม่เป็นอะไรหรอกคะ พอดีมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ทัน”
“เจ้าชาย? ”
“เดี๋ยวเมยจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ แค่นี้นะคะ” รีบตัดบทไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้ เธอมองไปยังถนนอีกฝั่ง “เรียนที่นี่สินะ เอาไว้เราค่อยเจอกันวันหลังนะคะเจ้าชาย”
รักได้ยินรึเปล่า #บทที่ 2
วันนี้กองถ่ายยกกองมาถ่ายทำที่สวนสาธารณะใกล้ๆ มหาวิทยาลัยที่เมวดีเคยเรียน หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะหลังจากที่เรียนจบไป เธอก็ยังไม่มีโอกาสมาเหยียบที่นี่อีกเลย การได้เห็นบรรยากาศเดิมๆ ทำให้เธอคิดถึงเพื่อนรวมแก๊งเป็นอย่างมาก เธอถือโอกาสตอนพักกองเดินเล่นไปเรื่อยๆ เพื่อรำลึกถึงความหลังสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
แต่แล้วก็มีบ้างอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น!
“ฮือ...ฮือ...แม่จ๋าช่วยหนูด้วย! หนูกลัว...” เด็กหญิงตัวเล็กๆ ยืนร้องไห้อยู่เกาะกลางถนน ทั้งสองข้างทางมีรถวิ่งสวนไปมา เมวดีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“น้องนินจา...อยู่นิ่งๆ นะลูก อย่าพึ่งเดินไปไหนนะ! ” แม่เด็กยืนอยู่อีกฝั่งถนนร้องตะโกนบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
แต่เด็กหญิงกลับไม่เชื่อแม่พยายามจะข้ามมาฝั่งที่เมวดียืนอยู่ เห็นดังนั้นไม่รู้อะไรดลใจ เธอรีบวิ่งเข้าไปช่วยเด็กคนนั้น แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงแม่ของเด็กร้องขึ้น
“คุณระวัง! ”
เมวดีหันกลับไปมองตามสายตาของผู้หญิงคนนั้น มีรถคันหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาที่เธอ ชั่วแวบหนึ่งของความคิดเธอคิดว่าเธอคงไม่รอดแน่ๆ รถคันนี้วิ่งมาก เร็วเหลือเกิด ถ้าจะวิ่งหนีก็คงไม่ทัน เธอยังไม่อยากตาย...เธอยังไม่รู้เลยว่าความรักที่แท้จริงเป็นยังไง
เมวดีหลับตาลงไม่อยากรับรู้หรือเห็นอะไรทั้งนั้น...
แต่ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีเธอก็รู้สึกว่าตัวถูกยกลอยขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงรถเบรกและขี่ผ่านไป มันเกิดอะไรขึ้น เธอไม่กล้าแม้แต่ลืมตาเพราะคิดว่าตนเองอาจจะตายไปแล้ว คิดได้ดังนั้นน้ำตาก็ค่อนๆ ไหลออกมา เมื่อหวนนึกถึงอดีต เธอยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าเลย ฉันอยากแต่งาน ฉันอยากมีแฟน...ทำไมต้องมาตายตั้งแต่ยังสาวด้วย!
“คุณ! เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงผู้ชายคนนึงเรียกเธอ
เมวดีค่อยๆ ลืมตามองคนที่เรียกเธอ เขาหล่อมาก...คิ้วเข้ม ตาเล็กๆ ไม่โตมากแต่ก็ไม่ถึงกับเล็กจนเป็นอาตี๋ จมูกโด่งบวกกับปากรูปกระจับ ทุกส่วนบนใบหน้าของชายหนุ่มมันช่างถูกสร้างมาได้อย่างลงตัว เขาคงเป็นเทพจากสวรรค์ที่มารับเธอ หล่อแบบนี้แสดงว่าเธอได้ขึ้นสวรรค์ใช่ไหม...
“คุณ! ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ คุณปลอดภัยแล้ว”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้เมวดีหลุดจากความคิดทั้งหมดทั้งมวล เมื่อมองไปรอบๆ แม่ลูกสองคนนั้นหายไปแล้ว ตอนนี้ร่างของเธอถูกชายหนุ่มหน้าหล่ออุ้มมายืนอยู่ข้างถนน ฉันยังไม่ตาย! โอ้แม่เจ้า...ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองลูก เลิกกองลูกจะไปทำบุญอุทิดส่วนบุญส่วนกุสลให้นะเจ้าคะ
“คุณ! คุณไหวไหมเนี่ย” ชายหนุ่มคิ้วขมวดเมื่อเห็นอาการเบลอๆ ของหญิงสาว
“วะ...ไหวๆ ” น้ำเมยตอบอย่างงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “คุณช่วยฉันไว้เหรอ...”
“ครับ...” เขาว่างร่างบางลง “คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ”
เมวดียืนเก้ๆ กังๆ รู้สึกว่าชายตรงหน้าทำให้เธอหัวใจเต้นแรงจนน่าตกใจ อย่าบอกนะว่าฉันตกหลุมรักเขา? ไม่หรอกฉันคงกำลังตกใจมากกว่า “ค่ะ...ค่ะ ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย”
“งั้นก็ดีแล้ว คราวหลังจะเดินข้ามถนนก็ระวังๆ หน่อย โตขนาดนี้แล้วยังข้ามถนนไม่ดูรถอีก”
หญิงสาวหน้านิ่ว อีตาบ้านี่กล้าพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง “ค่ะ...” อ๊าก! ทำไมฉันตอบเพราะจัง
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้ “งั้นผมไปล่ะ มีสอบ” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“สายแล้ว! ไปก่อนนะคุณ”
“เดี๋ยวคุณ! ”
เมวดีพยายามเรียกหวังจะขอบคุณและถามชื่อพ่อเทพบุตรซะหน่อยแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขาวิ่งข้ามถนนไปอย่างรวดเร็ว
“หว้า...อดขอบคุณเลย” ถอนหายใจก่อนจะเหลือบไปเห็นสมุดเล่มหนึ่งตกอยู่ข้างถนน “เอ๊ะ! สมุด? ของเขารึเปล่านะ” เธอหยิบสมุดขึ้นมาเปิดดู “ ‘นายกรกฤต ธำรงเดชา’ ” เมื่อมองดูรหัสนักศึกษาก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นพึ่งเรียนอยู่ปีสาม “เรียนคณะเภสัชด้วย คงเรียนเก่งน่าดู” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “สวัสดีค่ะพี่ ‘แอนนา’ ”
“น้องเมยอยู่ที่ไหน! ที่กองตามหากันให้วุ่นเลย” ผู้จัดการส่วนตัวถาม
“อยู่แถวๆ มหาลัย' นี่แหละค่ะ พอดีเมยมาเดินเล่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
“อุบัติเหตุ! แล้วน้องเมยเป็นอะไรมากมั้ย” แอนนาถามอย่างร้อนใจ
เมวดีมองดูสมุดในมือแล้วยิ้มกว้าง “ไม่เป็นอะไรหรอกคะ พอดีมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ทัน”
“เจ้าชาย? ”
“เดี๋ยวเมยจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ แค่นี้นะคะ” รีบตัดบทไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้ เธอมองไปยังถนนอีกฝั่ง “เรียนที่นี่สินะ เอาไว้เราค่อยเจอกันวันหลังนะคะเจ้าชาย”