แชร์ความรู้.....ระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน

เครดิตย่อบทความจาก         http://pttinternet.pttplc.com/greenglobe/2551/personal-01.html

ผลงานรางวัลลูกโลกสีเขียว  ครั้งที่ ๑๐ ประจำปี ๒๕๕๑
-----------------------------------
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ฉลวย กระเหว่านาค ผู้จุดประกายและผู้ปฎิบัติจริง ทั้งในเรื่องการจัดการขยะในคลอง  ตลอดจนคิดค้นนวัตกรรมการบำบัดน้ำเสียในครัวเรือนก่อนปล่อยลงสู่ลำคลอง ด้วยการประดิษฐ์เครื่องดักไขมัน อุปกรณ์ช่วยสร้างน้ำใส และเติมน้ำใจให้ชุมชนมีความสามัคคี ร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อไล่น้ำเสียในคลองบางปรอกให้หมดไป

คลองบางปรอก เป็นคลองปลายทางสายเล็กๆ ยาวประมาณ 1.7 กิโลเมตร อยู่ในตัวเมืองปทุมธานี สายน้ำที่ไหลผ่านชุมชนชาวมอญแห่งนี้ เป็นแหล่งรวมเหล่าขยะจากทุกสารทิศ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

แต่ไหนแต่ไร ขยะในคลองบางปรอกไม่ใช่ของแปลก ใครๆ ก็ทิ้งจนกลายเป็นความเคยชิน เรื่องแปลกมาอยู่ตรงที่ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาจัดการกับขยะ และพยายามสู้กับพฤติกรรมการทิ้งขยะของผู้คนในชุมชน

"ย้อนกลับไปสักสิบปีก่อน คลองเส้นนี้จะเต็มไปด้วยขยะ จะโทษชาวบ้านก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นวิถีชีวิตของเขาตั้งแต่นมนาน" สะใภ้มอญวัย 46 ปี ย้อนอดีต

ปี 2538 ฉลวยมีโอกาสช่วยงานสามี และเห็นว่ากิจกรรม แผนงานการทำงานดูเชื่องช้าไม่ทันใจ จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนางานในรูปแบบของตัวเอง เริ่มจากการลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งประธานชุมชน และได้รับเลือกเป็นประธานในปี 2543


ในปี 2547 มีการปิดประตูน้ำคลองบางปรอกเพื่อสร้างถนน ทำให้น้ำในคลองเน่าเสีย มูลนิธิชุมชนไทได้เข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้กับนางฉลวยเพื่อทำน้ำหมักชีวภาพ ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและลดกลิ่นเหม็น การเทน้ำหมักชีวภาพ 15 วันต่อครั้ง ช่วยให้กลิ่นเหม็นจางลง และสภาพน้ำดีขึ้นตามลำดับ จากนั้น นางฉลวย และทางชุมชนก็คิดค้นนวัตกรรมในการบำบัดน้ำเสียในครัวเรือนก่อนปล่อยลงสู่ลำคลอง ด้วยการประดิษฐ์เครื่องดักไขมัน ซึ่งได้งบประมาณช่วยเหลือจากมูลนิธิสิ่งแวดล้อมโลก 100,000 บาท มูลนิธิชุมชนไท 1 หมื่นบาท และสิ่งแวดล้อมจังหวัดปทุมธานีช่วยอีกทาง



ในที่สุดเครื่องดักไขมันก็ติดตั้งได้ 80 จุด จาก 117 ครัวเรือน มีบ่อพักน้ำเป็นตัวจัดเก็บไขมันและบ่อดูดซึม ช่วยแยกเศษอาหารไม่ให้ไปอุดตันท่อระบายน้ำ เศษอาหารยังนำมาทำน้ำหมักชีวภาพได้อีก ทั้งหมดนี้ใช้เวลาในการพัฒนา 3 ปี

ในส่วนของน้ำหมักชีวภาพ ฉลวยได้ใช้วิธีเปิดปล่อยตามจุดต่างๆ รอบบริเวณชุมชน เพราะถึงแม้คนในชุมชนบางปรอกมีการจัดการเกี่ยวกับน้ำเน่าเสียลงคลองแล้ว แต่น้ำเสียจากที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นน้ำจากท่อระบายน้ำในตลาดสดเทศบาล ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่หมู่บ้านใกล้เคียง ก็จะไหลมาลงคลองบางปรอก ช่วงน้ำลงขยะในน้ำจะส่งกลิ่นเหม็น แต่พอปล่อยน้ำหมักลงไปตามจุดต่างๆ ช่วงเวลาน้ำขึ้น กินเหม็นก็จางลง


ฉลวยเริ่มรุกไปอีกก้าว ด้วยการทำเครื่องดักจับไขมันที่หมู่บ้านริมน้ำ แต่พื้นที่ดังกล่าวไม่สะดวกที่จะติดตั้งบ่อบำบัด เธอจึงคิดเครื่องดักจับไขมันที่เป็นรูปทรงเหมือนจรวด และปล่อยให้ลอยอยู่ในน้ำ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ถังใหญ่อย่างเช่นในชุมชน แต่ได้ผลเช่นกัน เครื่องดักจับไขมันสำเร็จรูปจรวดนี้ ทางกรมควบคุมมลพิษทางน้ำและนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จ ก็ได้เข้ามาสุ่มตรวจวัดค่าของน้ำ ปรากฏว่าน้ำที่ผ่านการกรองจากเครื่องนี้ สามารถดักจับไขมันได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

ต่อมาได้มีการร่วมตัวของเครือข่ายอนุรักษ์ของ 4 คลองใน 25 ชุมชน โดยร่วมกันอนุรักษ์สายน้ำในแต่ละชุมชนให้ปลอดมลพิษจากสาเหตุต่างๆ มากขึ้น โดยมีประธานชุมชนบางปรอกเป็นแกนนำในการเผยแพร่เครื่องดักจับไขมัน ให้ครอบคลุมทุกชุมชนในเขตเทศบาลเมืองปทุมธานี

ในปี 2549 ผลงานเครื่องดักจับไขมันของนางฉลวยและคณะกรรมการชุมชนบางปรอก ได้รับการจดให้เป็นเทศบัญญัติของเทศบาลปทุมธานี

ตลอด 8 ปีแห่งความอุตสาหะ นางฉลวยเป็นผู้จุดประกาย การพัฒนาชุมชนให้ดำเนินมาถึงทุกวันนี้ และเธอยังตระหนักว่างานพัฒนาคนไม่ใช่ของง่าย จะให้ดีต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก กิจกรรมที่ส่งเสริมเด็กๆ เรื่องการอนุรักษ์แหล่งน้ำจึงเกิดขึ้นสม่ำเสมอในชุมชนบางปรอก

ความพยายามอยู่ที่ไหน...ความสำเร็จอยู่นั่น
-----------------------------------------------
ภาพที่ได้มานี้ จขกท. ตั้งใจไปดูเพื่อนำไปปรับใช้สร้างให้กับทางวัดฯ
ขอลงรายละเอียดภาพขั้นตอนระบบถังบำบัดน้ำเสีย  เผื่อใครนำไปเป็นไอเดียสร้างได้ง่ายๆ
งบไม่บานด้วย ๒ วิธีการ คือ แบบใช้วงซีเมนต์และใช้ถังพลาสติก ๒๐๐ ลิตร มาทำ ซึ่งเป็นภาพภายในสถานที่ชุมชนบางปรอกโดยตรง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้








วิธีการที่ ๒  ถังบำบัดน้ำเสียด้วยถังพลาสติก ๒๐๐ ลิตร





ขอแชร์ความรู้นี้เป็น  วิทยาทาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่