ประสบการณ์ของหายได้คืน(ไม่ครบ)กับสายการบิน”ดีดี”

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายเดือนแล้วครับ เมื่อผมได้เดินทางกับสายการบินแห่งหนึ่ง จากสนามบินสุราษฎร์ธานี ถึงสานมบินดอนเมือง โดยสายการบินนี้สามารถโหลดกระเป๋าได้ฟรีครับ แฮะๆหลายคนคงเดาออกแล้วว่าสายการบินอะไร ใช่แล้วครับ สายการบินนกแอร์นั่นเอง ผมได้โดยสายเที่ยวบินที่ DD7221 สุราษ – ดอนเมือง วันที่ 23 พฤษภาคม 2557 (หลังรัฐประหารวันเดียว) ออกเดินทางเวลา 22.30 น. (เครื่องดีเลย์) ถึงดอนเมือง ประมาณห้าทุ่มครึ่งได้ครับ



โดยผมได้โหลดกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่องไปด้วย 1 ใบ (ภายในกระเป๋าก็มีเสื่อผ้า ipad คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค หูฟัง+mp3) ครับ เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง ผมได้ไปรับกระเป๋าจากสายพาน ตอนแรกที่รับกระเป๋ามาก็เอะใจว่าทำไมมันเบาๆ แต่ก็ไม่ได้เปิดดูตอนนั้นครับ เพราะผมเองก็รีบมาก เพราะกังวลว่าจะมีรถกลับบ้านหรือป่าว เพราะว่าเพิ่งจะมีการรัฐประหารไป ก็เลยรีบเดินออกไปยังที่จุดรอรถ taxi ครับ ก็เลยไปยืนต่อแถวรอ ด้วยแถวที่ยาวครับ คนรอเยอะมาก ก็เลยจะหยิบ ipad ขึ้นมาเล่น พอเปิดกระเป๋าดูเท่านั้นแหละ กระเป๋าเหมือนถูกรื้อ สติ๊กเกอร์สีเหลืองขาดออก แทบเป็นลม ipad กับ โน๊ตบุ๊คหายไปครับ



ตอนนั้นเครียดเลย ก็เลยรีบเดินอกจากแถวไปหายเจ้าหน้าที่ของนกแอร์ แต่ด้วยเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วครับ เพราะเที่ยวบินที่บินมามันเป็นเที่ยวสุดท้าย พนักงานกราวด์ที่เคาว์เตอร์ก็ไม่มีใครอยู่แล้วครับ จะเข้าไปหาพนักงงานที่เคาว์เตอร์ข้างในก็ไม่ได้ เดินออกมาแล้ว ตอนนั้นไม่รู้ทำไงเลยโทรไปหาแฟนผมให้มาหาที่สนามบินหน่อย โดยกะว่าจะไปแจ้งความแล้วติดต่อกับพนักงงานกราวด์ของนกแอร์ในตอนเช้าเผื่อว่าจะมีทางช่วยเหลืออะไรผมได้บ้างครับ

โดยผมเองได้นั่งรอเวลาตั้งแต่เที่ยงคืน ตอนแรกในใจก็โมโหมากครับ โหของไม่ใช่ถูกๆ ต้องเอาคืนให้ได้ นึกครึ้ม ลองหาใน google ว่ามีเหตุการณืของหายแบบนี้บ้างไหม เผื่อเป็นแนวทาง search ไปเลย “ nok air ของหาย pantip “ พอเห็นผลลัพธ์เท่านั้นแหละ ถอดใจเลย ลองไป search ดูครับ 555 คงไม่ได้คืนแน่ๆ รอไปซะ ตีสาม มองหน้ากันกะแฟน กลับเหอะง่วง แต่ก็คิดว่าไหนๆก็รอแล้ว รอต่ออีกหน่อยจะเป็นไร พอ หกโมงเช้าจึงได้เข้าแจ้งความกับ สน.ดอนเมืองส่วนแยกท่าอากาศยานดอนเมือง ตรงใกล้ๆที่รอรถ taxi อ่ะครับ จึงได้บันทึกประจำวันมา



ผมจึงนำบันทึกประจำวันนี้ไปแจ้งกับพนักงานนกแอร์ครับ โดยพนักงานก็ได้ติดต่อประสานงานให้สามารถดูกล้องวงจรปิดที่สานมบินดอนเมืองได้ แต่ผมเองมั่นใจว่าของไม่น่าจะหายที่ดอนเมือง เพราะเวลาจากที่เครื่องลง กับที่กระเป๋าเดินทางมาถึงสายพานมันไม่นานครับไม่เดกินสิบนาทีแน่นอน เพราะเครื่องลงปุ๊บผมก็รีบจ้ำอ่าวมาที่สายพานเลย พบว่ากระเป่ามาถึงแล้วครับ ด้วยเวลาแค่นี้กระเป๋าไม่น่าจะโดนรื้อที่นี่ครับ ต่างกับที่สุราษ ผมได้โหลดกระเป๋าตั้งแต่สามทุ่ม กว่าเครื่องจะออกก็สี่ทุ่มครึ่ง ชั่วโมงกว่า สบายๆ ผมก็เลยไม่ไปดูกล้องที่ดอนเมืองครับเพราะตอนนั้นเองก็ง่วงมากด้วย อยากกลับไปนอนแล้วครับ ผมจึงให้พนักงงานช่วยประสานงานกับทางสุราษดูครับว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง โดยพนักงานบอกว่า มีการแจ้งของหายบ่อยมาก จะตามของกลับมาก็ยากเพราะ loader ของนกแอร์เป็น outsource!!!! (ถ้าคนที่ทำงานในสายการบินจะรู้ครับ ว่า loader ของนกแอร์เป็น outsource เสื้อส้มๆอ่ะครับ ของบริษัท panthai air)ได้แต่แนะนำให้ทางผู้โดยสารอย่านำของมีค่าใส่ไว้ในกระเป๋า โดยทางสุราษได้มีการติดกล้องวงจรปิดไว้ จะทำการตรวจสอบให้ และให้เบอร์ติดต่อของ duty manager มาให้ครับ ผมเองก็โอเคครับ เพราะก็อยากฝากเรื่องไว้ก็พอ เพราะดูๆแล้วคงไม่ได้คืน ก็เลยเดินทางกลับ กลายร่างเป็นหมีแพนด้ากันเลย

ตอนสายแฟนผมได้รับโทรศัพท์จากนกแอร์ครับ เพื่อแจ้งความคืบหน้า ตอนนั้นลุ้นๆครับ เผื่อจะได้ของคืน ให้ทายว่าเป็นไง แฮะๆ ทางสุราษได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติ ผมเองก็ทำใจครับ คงไม่ได้คืน
หลังจากนั้นผมก็แทบจะลืมไปแล้วล่ะครับ แต่ก็ยังจำเป็นจะต้องบินกับนกแอร์อยู่ เพราะผมต้องเดินทางไปกลับสุราษ กรุงเทพอยู่บ่อยๆ จริงๆผมทำงานอยู่กรุงเทพอ่ะครับ แต่พอดีมีงานที่สุราษ ก็ได้ไปประจำอยู่ตั้งแต่ต้นปีแล้วครับ แรกๆก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน นานๆไป ไม่ไหวครับ อยากกลับจะแย่ ปัจจัยในการเลือกสายการบินก็มาจาก ราคาล้วนๆครับ แล้วแต่โปรโมชั่นกะแอร์เอเชีย แต่ผมชอบนกแอร์ตรงที่มันไฟลท์เช้าวันจันทร์นี่แหละ ทำให้ไปทำงานทันเวลา ก็เลยยังบินอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ต้องระวังตัวแล้วครับ ผมจะพกของมีค่าติดตัวตลอดเวลา ไม่โหลดไปใต้เครื่องครับ ที่จริงตอนวันที่ของหายก็เพราะผมประมาทเองด้วย เพราะวันนั้นทำงานมาเหนื่อยๆครับ มีของก็ยัดๆใส่กระเป๋าหมด ไม่ได้ล็อคอีกตะหาก ก็สบายโจรล่ะครับ แต่ผมเคยบินกับไทยสมายนะ ก็โหลดไปเหมือนกันก็ไม่หาย อาจเพราะโชคดีล่ะมั้งครับ - -“

เวลาก็ผ่านๆไป อย่างที่บอกอ่ะครับ ผมลืมๆมันไปแล้วล่ะ แต่มันวันนึง วันที่ 17 กรกฎาคม ครับ วันนั้นทางบริษัทผมได้ส่งอะไหล่ ผ่านทางสายการบินนกแอร์มาจากดอนเมือง ส่งมาที่สุราษ จริงๆไม่ใช่หน้าที่ผมที่จะต้องไปรับอะไหล่หรอกครับ แต่วันนั้นของมาเยอะผมก็เลยได้ไปช่วยขนของ ตอนที่นั่งรถไป ไม่รู้ทำไม ความคิดมันแวปขึ้นมาในหัวว่า มีคนนั่งเล่นโน้ตบุ๊คของผมอยู่ที่บริเวณคลังสินค้า ก็คิดว่าแหมถ้าได้ของคืนก็คงดีเนาะ พอไปถึงก็ไปติดต่อรับของ ของก็ยังไม่มาก็เลยรออยู่ แต่เหลือไปเห็น ว่ามีพนักงานของคลังสินค้ารวมตัวนั่งเล่นโน้ตบุ๊คกันอยู่ เอ๊ะสีเทาๆ ยี่ห้อก็ใช่ คุ้นๆแฮะๆ ก็เลยสังเกตุตำหนิตรงใกล้ๆบานพับ



เพราะตัวโน้ตบ็คของผมจะมีรอยแตกอยู่ครับ พอสังเกตุก็ยังไม่แน่ใจ แต่เห็นแล้วแหละว่ามีรอยแตกอยู่แต่ยังเห็นไม่ชัด จะขอเข้าไปดูก็ไม่มีหลักฐาน เพราะกล่องที่ระบุ s/n มันอยู่ที่กรุงเทพ ก็เลยให้แฟนผมรีบกลับจากที่ทำงานไปเอาเลข s/n มาเพื่อจะเทียบกับดูว่าใช่ของผมหรือป่าว แล้วได้ปรึกษากับพี่ที่ไปด้วยกัน เค้าก็เลยจัดการให้ พี่เค้าเข้าไปก่อนเพื่อขอดูสภาพเครื่องกับ s/n ทางเจ้าของเครื่องตอนนั้นก็ยืนยันว่าเป็นของๆเค้า เค้าซื้อมา แล้วทำท่าฮึดฮัด ปิดเครื่องเก็บของใส่กระเป๋า พอผมเข้าไปยืนยัน  ผมเข้าไปดูก็ โอเค ใช่เลยเครื่องของผมแน่แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ s/n จากแฟนผม มายืนยัง เพราะระยะทางจากที่ทำงานกลับห้องมันค่อนข้างไกล ไอ้ตัวเจ้าจองเครื่องก็ฮึดฮัดว่าอีกนานไหม จะขึ้นไปข้างบนอาคารผู้โดยสาร  ก็เลยทำไรไม่ได้ ได้แต่ถ่ารูปเครื่องกับ s/n เอาไว้ก่อน แล้วออกมาก่อนออกมาก็เห็นละว่าเค้าเอาใส่กระเป๋าเข้าไปเก็บในห้อง ตอนนั้นผมนี่แทบบ้าเลย เพราะถ้าเกิดมันลบเลขทิ้งแล้วบอกว่าไม่รู้เรื่องจะทำไง
ต่อมาซักพักแฟนผมก็โทรมาบอกว่าที่กล่อง ไม่มีเลข s/n เหมือนโดนตัดออกไปตอนซื้อ ผมนี่ใจแป๊วเลย แต่นึกขึ้นได้ว่ามีใบเสร็จเก็บไว้ ก็เลยให้ดูที่ใบเสร็จ โชคยังเข้าข้างเพราะในใบเสร็จมีเลข s/n อยู่



อยู่ ก็เลยทำการแจ้งตำรวจ แล้วนัดพบกันที่สนามบิน แล้วจะเข้าไปพร้อมกัน พอเข้าไปเจ้าตัวก็ยังอยู่ครับ ตัวเครื่องก็อยู่ข้างนอกละ เอ๊ะตอนก่อนไปเก็บไปแล้วไม่ใช่เหรอ พอเอาเครื่องมาดูก็พบว่าสติ๊กเกอร์มีการขูดบริเวณเลข s/n แต่ยังดีที่ยังเห็นเลขอยู่



พอเห็นตำรวจ แล้วผมเองก็ยืนยันว่าใช่ของผม ก็เปลี่ยนคำพูดเป็นว่า ยืมของเพื่อนที่ทำงานเป็น loader ของนกแอร์อยู่มา ชื่อว่าเบ็นซ์ (ตัวเค้าเองเป็นพนักงานคลังสินค้า ) ตำรวจจึงให้ติดต่อนายเบ็นซ์ให้ได้ แต่เค้าก็บอกโทรไม่ติด วันนี้ไม่ได้มาทำงาน จึงได้ขึ้นไปบนอาคารผู้โดยสารเพื่อติดต่อกับพนักงานกราวด์ของนกแอร์ ให้ตามหานายเบ็นซ์ให้ ทางพนักงานที่ดูแลอยู่ก็มารับเรื่อง แล้วบอกว่าวันนี้นายเบ็นซ์ไม่ได้มาทำงาน  ทางตำรวจจึงได้พาคนที่ใช้งานโน้ตบ็คของผมไปที่ สภ.พุนพิน และได้ทำการสอบปากคำและกันไว้เป็นพยาน ตอนนี้ก็รู้ชื่อกับประวัติของนายเบ็นซืแล้ว ทางตำรวจก็ได้ทำบันทึกการตรวจยึดแล้วส่งมอบโน้ตบ็คไว้ให้ผมเป็นคนดูแลไว้ (ipad ไม่ได้คืนครับ) แล้วให้ผมนำเอกสารส่งเรื่องให้กับทาง สน.ดอนเมืองเป็นผู้ดำเนินคดีต่อไปครับ ผมจึงได้นำส่งเอกสารให้กับ ร้อยเวร ที่สน.ดอนเมือง ในสัปดาห์ต่มา

หลังจากนี้ก็คงให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แหละครับ เพราะผมเองก็ขี้เกียจจะตามเรื่อง ถือว่าผมเองก็ได้ทำหน้าที่แล้ว ในตอนแรกเองทางตำรวจก็ยังไม่แน่นอนเลยว่าตกลงจะให้ที่ไหนเป็นผู้ทำคดี แต่สุดท้ายทาง ดอนเมืองก็ต้องทำ ผมเคยคุยกับทางร้อยเวรเค้าก็บอกว่าการดำเนินเรื่องจะช้าหน่อยเพราะต้องส่งเรื่องไปทางสุราษ กว่าจะส่งกลับมาดอนเมือง ไหนจะต้องสอบปากคำเพิ่ม ผมก็เลยไม่ตามเรื่องดีกว่า ขี้เกียจ ผ่านมาสองเดือนไม่รู้เรื่องไปถึงไหนแล้วตอนนี้

ทางพนักงงานนกแอร์ที่สุราษก็บอกว่า มีเรื่องของหายบ่อยมาก แต่จับไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน รวมทั้งไม่มีเจ้าทุกข์ ได้มีการติดกล้องวงจรปิดก็จับภาพไม่ได้  ทำกันเป็นขบวนการ  เพิ่งจะมีการณีของผมเนี่ยที่จับได้ ไอ้ผู้ต้องสงสัยมันก็ไม่มาทำงานแล้ว ทางนกแอร์ก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะได้มีการบันทึกการเข้าออกของพนักงานไว้ด้วย

จริงๆก็อยากเอามาโพสต์นานแล้วครับ ไม่อยากให้เรื่องเงียบหาย ช่วงนี้ว่างๆก็เลยได้โพสต์ซะที ก็อยากจะฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าใครที่เดินทางโดยเครื่องบินก็ให้นำของมีค่าติดตัวไว้ตลอดครับ ใครที่เคยบินจากสุราษแล้วของหายก็ลองติดต่อที่ สน.ดอนเมือง หรือ สภ.พุนพิน ดูครับหวังว่าข้อมูลของผมคงจะเป็นประโยชน์บ้าง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่