☻ รักสับสน .... ในห้องถนนนักเขียน (2)☻

กระทู้สนทนา
ความเดิมตอนที่แล้วครับ
http://pantip.com/topic/32603632


                  ผมเสร็จภารกิจเสนอหน้าที่ร้านขายของชำเมื่อตอนบ่ายแก่ๆ  เสร็จโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตา'เจ๊ฮัน'ของอาฮัวอีกเลย  ดีแล้วล่ะ เพราะมันทำให้ผมโล่งอกราวกับหลุดออกมาจากวัดจีนได้ โดยยังมีชีวิตอยู่

                  แวะกินข้าวกลางวันแถวนั้นเสร็จ  ต่อด้วยการเข้าร้านตัดผม นึกเสียดายที่วันนี้ตัดผมเผ้าช้าไป ถ้านัดสอนหนังสืออาฮัวกับตาลตั้นเป็นตอนบ่าย ป่านนี้คงหล่อเรี่ยมมาตั้งแต่เช้าแล้ว หนวดเคราเขียวครื้มก็คงโกนเกลี้ยงเกลาไปแล้วด้วย  คงไม่ถูกใครหาว่าเป็นโจรห้าร้อยหรอก

                  นึกขึ้นมาแล้ว  ได้แต่มันเขี้ยวอยู่คนเดียว

                  ผมเดินจากบ้านมาที่ร้านอาหมวยฮัวตั้งแต่สิบโมงเช้าโดยไม่ได้ขับรถมา ด้วยความตั้งใจเอาไว้ว่า ตอนเย็นจะเลยไปทำธุระสำคัญต่ออีกเรื่องด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส  วันนี้เลยเป็นรายการเดินและเดินเป็นหลัก ดีเหมือนกัน แข้งขาจะได้แข็งแรง ไม่ตุปัดตุเป๋กลับบ้านยามดึก เวลาเผลอล่อเบียร์เกิน
ลิมิตที่ร้านอาฮัว

                  เดินไปเดินมาจนมาถึงสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง แล้วผมก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปยังจุดหมายที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่เมื่อตอนตื่นเช้า

                  'สวนเบญจสิริ'

                  ลงรถไฟฟ้าที่สถานีพร้อมพงษ์ เดินเล่นไปคนเดียวแบบไม่ต้องรีบร้อน ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีผมก็ทะลุเข้าสู่สวนเบญจสิริ สูดอากาศสดชื่นไป เดินไป นึกขึ้นได้ว่านัดลูกน้องเอาไว้คนหนึ่ง เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือ ไม่เป็นไร ยังเหลือเวลานัดอีกเกือบครึ่งชั่วโมง

                  ผมย่ำต๊อกไปตามทางเดินสะอาดสะอ้าน ผ่านไม้พุ่มใบเขียว ผ่านไม้ดอกมีสีบ้างไม่มีสีบ้าง ผ่านม้านั่งซึ่งวางไว้ให้ผู้คนได้นั่งพักเป็นระยะ จนในที่สุด ก็ถึงลานกว้างซึ่งมีม้านั่งวางเรียงกันยาวเหยียด

                  นึกเห็นภาพวันโน้นขึ้นมาเลาๆ

                  ภาพผู้คนที่นั่งอยู่ตามม้านั่งวันนั้น ไม่ได้ต่างกันเลยกับเย็นวันนี้ ม้ายาวหลายตัวถูกยึดครองไปเกือบหมด เหลืออยู่ตัวเดียวซึ่งติดกับม้านั่งป้าคนหนึ่ง ผู้กำลังหลงใหลกับบรรยากาศสวนอุทยานยามเย็น

                  กำลังจะหย่อนก้นลงนั่ง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีของสำคัญในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ผมเลยค่อยๆล้วงกระดาษพับครึ่งแผ่นนั้นออกมาคลี่ดู  แล้วค่อยนั่งลง



                  ภาพวาดธรรมดาๆใบหนึ่ง

                  ถึงใบหน้าในภาพจะดูออกไปทางสาวน้อยเพราะคนวาดคงจะคิดถึงอาฮัวไปหน่อย แต่ความรู้สึกของสาวน้อยในภาพ นั่นล่ะใช่เลย วันนั้น ถึงแม้ผมจะแอบซุ่มดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ แต่ผมก็พอมองเห็นสีหน้าเหงาเศร้าของผู้หญิงคนนั้นได้  ภาพที่ตาลตั้นบรรจงวาดมาให้ มันช่างสื่อได้โดนใจผมเสียจริงๆ สายตาในภาพวาด มันเหมือนกับมีอะไรซ่อนอยู่ในแววตานั้นเต็มไปหมด และตรงนี้ล่ะ  ที่มันชวนให้น่าค้นหาจับใจ

                  เมื่อซักสองอาทิตย์ที่แล้ว อาฮัวเคยเอาภาพที่ตาลตั้นวาดลงในเฟซบุ๊คให้ดู ผมถึงได้รู้ตอนนั้นว่าตาลตั้นเป็นคนชอบวาดภาพคนหนึ่ง ฝีมือของตาลตั้นใช้ได้เลยทีเดียว ผมได้ไอเดียตั้งแต่วันนั้นมา เลยลองถามตาลตั้นว่าวาดภาพจากความทรงจำได้หรือเปล่า  สุภาพบุรุษของอาฮัวบอกว่าได้  เท่านั้นล่ะ ผมก็เลยวานให้ตาลตั้นวาดภาพผู้หญิงคนหนึ่งให้  ผู้หญิงที่เราเคยแอบมองด้วยกันที่สวนเบญจสิริ  ในยามเย็นวันหนึ่ง

                  วันนี้ หลังจากการติวหนังสือเสร็จสิ้นลง ตาลตั้นนำภาพมานั้นมาให้ผมตามที่ได้รับปากไว้  ผมทึ่งในความสามารถพิเศษของเด็กสาวคนนี้จริงๆ ใครก็ตามที่มีความเป็นผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ในตัวด้วยกัน ผมเห็นมานักต่อนักแล้วว่า เวลาที่พวกคุณเธอทำงานฝีมืออะไรสักอย่าง  ผลงานของพวกคุณเธอมักจะออกมาแบบแกร่งผสมนุ่มนวล ห้าวแต่อ่อนโยนเสมอ  ตาลตั้นก็เป็นหนึ่งในนั้น

                  ตอนแรกที่ได้เห็นภาพของตาลตั้น ภาพใบหน้าผู้หญิงคนหนึ่งในภวังค์ ก็ค่อยๆซ้อนทับเข้ามาในภาพวาด มองเห็นแล้วได้แต่นึกถึงชื่อของเจ้าของภาพที่อยู่ในมือ

                  น้ำค้าง

                  คุณน้ำค้างคร๊าบ...
                  ตอนนี้ผมคิดถึงคุณอีกแล้ว
                  คุณอยู่ไหนคร๊าบ...

                  "ภาพแฟนเหรอจ๊ะ? พ่อหนุ่ม" เสียงใครคนหนึ่งดังแว่วอยู่ด้านข้าง

                  ผมหันไปสบตากับป้าที่ม้านั่งข้างเคียง ไม่ต้องเก็บภาพหลบแล้วล่ะ เพราะยังไงแกก็คงก็อปปี้ใส่ไว้ในหัวเรียบร้อยแล้วแน่นอน
                  "เอ่อ.... ครับ !" ผมตามน้ำไปซะเลย
                  "เดี๋ยวนี้โลกเค้าไฮเทคแล้ว  ถ่ายรูปจากมือถือก็ได้ ทำไมยังวาดภาพแฟนด้วยดินสออยู่ล่ะ" ป้านิรนามเอ่ยมาอีก
                  ผมเกือบจะหลุดปาก ... ' แล้วมันกงการอะไรของป้าล่ะ '  ซะแล้วเชียว

                  แต่ที่พูดออกไป กลับนอบน้อมถ่อมตน น่ารักน่าสงสารเสียยิ่งนัก

                  "ผมไม่ได้ถ่ายภาพเธอไว้ครับ พอถึงคราวต้องพรากจากกัน เลยไม่มีรูปถ่ายซักใบ โชคดีที่หลานวาดภาพนี้ให้ ผมได้แต่บอกรูปทรงเค้าหน้าให้หลานวาดตาม  แล้วก็ได้ภาพวาดใบนี้ล่ะครับไว้ตามหาเธอ แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะผมติดต่อกับเธอไม่ได้เลย"
                  แววตาของป้าที่มองมา เหมือนกับกำลังจ้องหน้าไอ้ขวัญไม่มีผิด
                  "โอ๊... เหรอจ๊ะ น่าเอ็นดูจัง" ป้ามองหน้าผมล่อกแล่ก "คงตามหาไม่ยากหรอกจ้ะ เห็นดูเอาจริงเอาจังอย่างนี้เดี๋ยวก็คงได้เจอกัน ป้าเอาใจช่วยนะ" แล้วแกก็อวยพรให้ผมได้เจอกับอีเรียม

                  ผมหันกลับมาพึมพัมกับตัวเอง
                  เอาเข้าไป  วันนี้หลบออกมาจากสวนดอกเหมยในวัดจีนได้แล้วยังไม่พอ ยังต้องได้ออกมาขอพรจากเจ้าสำนักง้อไบ๊ด้วยแฮะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่