ตอนนี้เป็นช่วงเปิดภาคเรียนภาคการศึกษาทั่วโลก
เด็กนักเรียนจำนวนหลายล้านคนในหลายประเทศ
ต่างต้องเดินทางออกจากบ้านไปโรงเรียน
แต่เรื่องที่สำคัญที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ
ยังมีโรงเรียนอีกหลายแห่งในบางพื้นที่ของประเทศต่าง ๆ
ที่เส้นทางที่จะไปโรงเรียนอยู่ในถิ่นทุรกันดารมาก
นักเรียนต้องเสี่ยงภัยกับการเดินทางไปโรงเรียน
แทบเป็นเรื่องเหลือเชื่อกับความพยายามของเด็กนักเรียน
แม้ว่า UNESCO จะประกาศว่าเด็กได้ไปโรงเรียนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ห้าปีก่อน
แต่ยังมีพื้นที่บางแห่งที่กันดารมากหรือประสบภัยน้ำท่วมเป็นประจำ
ทำให้เป็นเส้นทางที่ยากลำบากสำหรับนักเรียนจะไปโรงเรียน
เส้นทางที่อันตรายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักเรียนต้องเลิกเรียนกลางคัน
ทางแก้ไขแม้ว่าดูจะง่ายคือ สร้างถนน สร้างสะพาน มีรถประจำทาง หรือ หาคนขับ
แต่การขาดแคลนเงินลงทุนของรัฐบาลและการต้องฟันฝ่าพื้นที่อันตรายทางภูมิศาสตร์
ยังเป็นข้อจำกัดสำหรับอีกหลายแห่งในเรื่องนี้ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับเด็กนักเรียน
ที่มา
http://goo.gl/StxJtA
เชิญชมเส้นทางไปโรงเรียนของเด็กนักเรียน
1. 5 ชั่วโมงกับการเดินทางผ่านภูเขาที่ทางเดินกว้างประมาณ 1 ฟุตเศษ
น่าจะเป็นโรงเรียน Bango ที่กันดารที่สุดในโลกที่ Chen kitsch Gulu
มีนักเรียนที่เดินทางไปเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 49 คน
ตั้งอยู่กึ่งกลางเขต Bizhie มณฑล Guizhou ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
(นักเรียนคงจะพักที่โรงเรียนแล้วกลับบ้านช่วงวันหยุดยาวมากกว่าการเดินไปกลับ)
Credits: Sipa Press
http://goo.gl/5hk4Ja
Credits: HAP/Quirky China News / Rex Features
http://goo.gl/r0TC1g
2. นักเรียนปีนบันไดไม้ไผ่ที่น่าจะอันตรายเพื่อไปโรงเรียน
ที่หมู่บ้าน Zhang Jiawan อยู่ในแถบเทือกเขา Badagong
เขต Sangzhi มณฑล Hunan ตอนใต้ประเทศจีน
ถ้าไม่ใช้เส้นทางนี้ไปโรงเรียนต้องเดินทางเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง
Credits: Imaginachina/Rex Features
http://goo.gl/XOnGqP
3. นักเรียนกำลังเดินทางไปโรงเรียนไม้ฝากระดาน
ผ่านเทือกเขาหิมาลัย ที่ Zanskar หิมาลัยฝั่งอินเดีย
Credits: Timothy Allen
4. นักเรียนกำลังไต่ไปตามสะพานข้ามแม่น้ำ Ciberang ที่สลักหักพัง เพื่อไปโรงเรียน
สะพานนี้ถูกพายุฝนและน้ำท่วมอย่างหนักทำให้เสียหายลงยากจะซ่อมแซม
ใน Sanghiang Tanjung เขต Lebak อินโดนีเซีย ห่างจากกรุงจาร์กาต้า 130 กิโลเมตร
การใช้สะพานนี้ข้ามแม่น้ำไปโรงเรียนจะใช้เวลาเพียง 10 นาที
แต่ถ้าไปใช้สะพานอีกเส้นหนึ่งที่อ้อมไกลกว่าต้องใช้เวลาถึง 30 นาที
Credits: Reuters
http://goo.gl/l6sYPj
Source :
http://goo.gl/wafUV5
Credits: Reuters
http://goo.gl/l6sYPj
หลังจากข่าวเรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว
บริษัทเหล็กรายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย PT Krakatau Steel
ได้สร้างสะพานใหม่ขึ้นมาทดแทนในเดือนมกราคมปี 2012
ทำให้เด็กนักเรียนสามารถข้ามแม่น้ำได้อย่างปลอดภัย
Credits: Reuters
http://goo.gl/l6sYPj
5. นักเรียนแขวนตัวกับสายเคเบิลยาว 800 เมตรสูง 400 เมตร เหนือแม่น้ำ Rio Negro
ในโคลอมเบีย(ดินแดนนางงาม/โคเคน) ใช้เส้นทางนี้ไปโรงเรียน
Daisy Mora ในกระสอบมี Jamid น้องชายวัย 5 ขวบร่วมเดินทางไปด้วย
เส้นทางนี้ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 นาทีด้วยความเร็ว 50 ไมล์/ชั่วโมง ง่ามไม้ไว้ชะลอความเร็ว
และมีนักเรียนอีก 11 คนที่ใช้เส้นทางนี้ ช่วงพายุ/ฝนตกหนักต้องงดใช้งาน
เส้นทางนี้ชาวบ้านใช้ขนพืชไร่ เช่น มันพื้นเมือง ข้าวโพด ใบโคคา และปศุสัตว์ (หมู เป็ด ไก่ วัว)
การใช้เคเบิลบางครั้งก็เกิดอุบัติเหตุทำให้แขน ขา หรือ หัวเข่า ได้รับบาดเจ็บ
จากการกระแทกพื้นดินเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง(เบรคไม่ทัน)
บางครั้งวัวที่ขนส่งกับสายเคเบิลนี้ ก็ตาย/บาดเจ็บ
เพราะตกใจกลัว/กระแทกพื้นเมื่อถึงที่หมาย
เส้นทางนี้แย่งกันอ้างว่าเป็นฝีมือสร้างของ กองทัพบกโคลัมเบีย หรือ
กองทัพปฏิวัติโคลัมเบีย Farc (Revolutionary Armed Forces of Colombia)
Credits: Christoph Otto
http://goo.gl/WX6Zq4
6. เด็กนักเรียนกำลังพายเรือไปโรงเรียน ที่ Riau อินโดนีเซีย
Credits: Nico Fredia
http://goo.gl/NuUxcl
7. เด็กนักเรียนกำลังเดินบนสะพานที่ถักทอจากต้นไม้(น่าจะเป็นต้นไทร)
ในหมู่บ้าน Nongsohphan เขต Meghalaya อินเดีย
อยู่ทางภาคอิสาณของอินเดีย เป็นชาว Khasi มีประมาณ 1.2 ล้านคน
(ชาวบ้านที่นี่นับถือคริสต์โรมันคาทอลิคเกินกว่าร้อยละ 70)
ชาวบ้านได้ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านถักทอสะพานขึ้นมา
ในเขตนี้มีปริมาณฝนตกหนาแน่นที่สุดในอินเดียและติดอันดับโลก
ชาวบ้านจะใช้ไม้ไผ่กับใบตอง(กล้วย) ในการทำที่กันฝน
ชาวบ้านกำลังชักนำผูกมัดรากต้นไม้/รากอากาศต้นไม้
เพื่อเตรียมขึ้นรูปถักทอเป็นสะพานใหม่ทดแทนสะพานเก่า
ข้ามลำธารที่ไหลเชี่ยวและลึกในป่าใกล้ Mawsynram
ตัวอย่างรากต้นไม้/รากอากาศที่ชาวบ้านถักทอรูปร่างไว้
เพื่อให้เติบใหญ่เป็นสะพานหรือบันไดต่อไปในอนาคต
ในสภาพแวดล้อมของพื้นที่ฝนตกชุกใน Meghalaya
ลำธารเบื้องล่างที่ Mawsynram หมู่บ้าน Nongriat รู้จักกันดีในเรื่องการสร้าง
สะพานที่มีชีวิต มีการใช้งานได้มาหลายศตวรรษแล้วในเขตพื้นที่แห่งนี้
เช่นเดียวกับสะพาน ด้านล่างป่าไม้ของ Mawsynram ยังมีบันไดที่มีชีวิต
ถักทอรูปร่างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในการดำรงชีพในเขตภูเขา Khasi
เด็กชายชาวประมงกำลังเดินใต้สะพานต้นไม้โบราณในหมู่บ้าน Mawlynnong
หมู่บ้าน Mawsynram ได้รับการบันทึกว่ามีปริมาณฝนตกเฉลี่ยมากที่สุดในโลก
ผลจากการหมู่บ้านตั้งอยู่บนยอดเขา Khasi Hills ทางภาคอิสาณของอินเดีย
มีปริมาณฝนตกถึง 467 นิ้วต่อปี การที่มีฝนตกหนักเพราะลมมรสุมในฤดูร้อน
ที่พัดผ่านพื้นที่ราบของบังคลาเทศ หอบเอาความชื้นที่กลายเป็นเมฆขึ้นมาทางตอนเหนือ
และเมื่อก้อนเมฆชนกับยอดเขา Meghalaya ที่เป็นช่องแคบที่รีดอากาศ
จนทำให้กลุ่มเมฆรักษาสภาพไม่ได้จึงเกิดเป็นฝนตกหนักในหมู่บ้านนี้
สถานีวัดอากาศ/ปริมาณฝนตกที่ Mawsynram ข้อมูลจากสถานีที่จดบันทึกด้วยคน
จะต้องนำส่งทุกเดือน แต่ในสิ้นปี 2014 ระบบวัดแบบดิจิตอลอัตโนมัติจะเข้ามาแทนที่สถานีแห่งนี้
กรรรมกรสามคนกำลังเดินเข้าหมู่บ้าน Mawsynram พร้อมครอบที่กันฝนดั้งเดิมของชาว Khasi
หรือรู้จักกันว่า knups ทำจากไม้ไผ่และใบตอง(กล้วย) ใช้สองมือจับที่ครอบกันฝนได้
ใช้ได้ดีช่วงฝนตกหนักและลมพายุกรรโชกแรงในช่วงฤดูฝน
กรรมกรครอบที่กันฝน knups ขนหินข้างทางที่ตกลงมาบนถนนหลังจากคืนฝนตกหนักใน Mawsynram
เพื่อให้ถนนใช้การได้เท่าที่จะทำได้ เพราะการซ่อมครั้งใหญ่ยังจะทำไม่ได้เลย
จนกว่าฤดูมรสุมจะผ่านพ้นไปประมาณเดือนตุลาคม หลังจากที่ฤดูฝนจะผ่านพ้นไปแล้ว
ผู้รับเหมาจึงจะนำรถเครื่องกลหนักเข้ามาในพื้นที่เพื่อซ่อมบำรุงทางถนนได้
ค่าแรงงานกรรมกรที่นี่จะได้วันละ 2.60 เหรียญสหรัฐ(ประมาณ 78.-บาทต่อวัน)
หญิงชราชาว Khasi เป็นคนแรกที่มาถึงโบสถ์เพื่อทำพิธีมิสซาในวันอาทิตย์
ในโบสถ์ Mawsynram's Catholic church ประมาณ 70% ชาว Khasi นับถือคริสต์
เพราะบาทหลวง Thomas Jones ในปี 1841 ได้ขึ้นมาที่แห่งนี้จากที่ราบของบังคลาเทศ
และตั้งโบสถ์หลังแรกในพื้นที่แห่งนี้ใกล้ ๆ กับเมือง Cherrapunji
กลุ่มเมฆที่ขดตัวเหนือขอบฟ้าตะวันออกของหมู่บ้าน
แต่ที่หน้าผาใกล้หมู่บ้านมีลักษณะเป็นภูเขาหักศอกเกือบเป็นแนวตั้ง
ทำให้น้ำฝน/น้ำท่วมไหลลงไปสู่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว
Winchester Lyngkhoi ชายวัย 26 ปี กำลังแบกเนื้อสดไปยังร้านขายเนื้อที่เปิดที่ตลาดสดทั้งวัน
เมื่อถามว่าลำบากไหมกับการอยู่ในเขตที่ฝนตกหนักมาก กลับตอบว่า
" พวกเราไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่นี่มีฝนตกเป็นประจำ แต่เรามีงานต้องทำ ทำไมต้องไปวิตกกังวลกับฝนละ "
ทางเข้าหมู่บ้าน Mawsynram Village
เหมือนกับหมู่บ้านส่วนมากในเขต Meghalaya
ภาคอีสาณของอินเดีย แต่ชาวบ้านที่นี่เป็นชนเผ่า Khasi
ชนกลุ่มน้อยที่เป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิม มีประมาณ 1.2 ล้านคนในอินเดีย
แพะหลบฝนในที่รอรถยนต์โดยสาร ช่วงฝนตกหนักกลางวัน
แม้ว่าฝนจะไม่ตกทั้งวันในช่วงฤดูมรสุม แต่จะมีฝนตกทุกวัน
ฝนจะตกหนักมากในช่วงกลางคืน
น้ำฝนที่ไหลผ่านหมู่บ้าน Mawsynram ช่วงฝนตกหนัก
ที่มา The Atlantic
http://goo.gl/41w8oZ
http://pantip.com/topic/32536134 โรงเรียนในถิ่นธุรกันดารตอนจบ
โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร (ภาคแรก)
เด็กนักเรียนจำนวนหลายล้านคนในหลายประเทศ
ต่างต้องเดินทางออกจากบ้านไปโรงเรียน
แต่เรื่องที่สำคัญที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ
ยังมีโรงเรียนอีกหลายแห่งในบางพื้นที่ของประเทศต่าง ๆ
ที่เส้นทางที่จะไปโรงเรียนอยู่ในถิ่นทุรกันดารมาก
นักเรียนต้องเสี่ยงภัยกับการเดินทางไปโรงเรียน
แทบเป็นเรื่องเหลือเชื่อกับความพยายามของเด็กนักเรียน
แม้ว่า UNESCO จะประกาศว่าเด็กได้ไปโรงเรียนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ห้าปีก่อน
แต่ยังมีพื้นที่บางแห่งที่กันดารมากหรือประสบภัยน้ำท่วมเป็นประจำ
ทำให้เป็นเส้นทางที่ยากลำบากสำหรับนักเรียนจะไปโรงเรียน
เส้นทางที่อันตรายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักเรียนต้องเลิกเรียนกลางคัน
ทางแก้ไขแม้ว่าดูจะง่ายคือ สร้างถนน สร้างสะพาน มีรถประจำทาง หรือ หาคนขับ
แต่การขาดแคลนเงินลงทุนของรัฐบาลและการต้องฟันฝ่าพื้นที่อันตรายทางภูมิศาสตร์
ยังเป็นข้อจำกัดสำหรับอีกหลายแห่งในเรื่องนี้ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับเด็กนักเรียน
ที่มา http://goo.gl/StxJtA
เชิญชมเส้นทางไปโรงเรียนของเด็กนักเรียน
1. 5 ชั่วโมงกับการเดินทางผ่านภูเขาที่ทางเดินกว้างประมาณ 1 ฟุตเศษ
น่าจะเป็นโรงเรียน Bango ที่กันดารที่สุดในโลกที่ Chen kitsch Gulu
มีนักเรียนที่เดินทางไปเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 49 คน
ตั้งอยู่กึ่งกลางเขต Bizhie มณฑล Guizhou ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
(นักเรียนคงจะพักที่โรงเรียนแล้วกลับบ้านช่วงวันหยุดยาวมากกว่าการเดินไปกลับ)
Credits: Sipa Press http://goo.gl/5hk4Ja
Credits: HAP/Quirky China News / Rex Features http://goo.gl/r0TC1g
2. นักเรียนปีนบันไดไม้ไผ่ที่น่าจะอันตรายเพื่อไปโรงเรียน
ที่หมู่บ้าน Zhang Jiawan อยู่ในแถบเทือกเขา Badagong
เขต Sangzhi มณฑล Hunan ตอนใต้ประเทศจีน
ถ้าไม่ใช้เส้นทางนี้ไปโรงเรียนต้องเดินทางเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง
Credits: Imaginachina/Rex Features http://goo.gl/XOnGqP
3. นักเรียนกำลังเดินทางไปโรงเรียนไม้ฝากระดาน
ผ่านเทือกเขาหิมาลัย ที่ Zanskar หิมาลัยฝั่งอินเดีย
Credits: Timothy Allen
4. นักเรียนกำลังไต่ไปตามสะพานข้ามแม่น้ำ Ciberang ที่สลักหักพัง เพื่อไปโรงเรียน
สะพานนี้ถูกพายุฝนและน้ำท่วมอย่างหนักทำให้เสียหายลงยากจะซ่อมแซม
ใน Sanghiang Tanjung เขต Lebak อินโดนีเซีย ห่างจากกรุงจาร์กาต้า 130 กิโลเมตร
การใช้สะพานนี้ข้ามแม่น้ำไปโรงเรียนจะใช้เวลาเพียง 10 นาที
แต่ถ้าไปใช้สะพานอีกเส้นหนึ่งที่อ้อมไกลกว่าต้องใช้เวลาถึง 30 นาที
Credits: Reuters http://goo.gl/l6sYPj
Source : http://goo.gl/wafUV5
Credits: Reuters http://goo.gl/l6sYPj
หลังจากข่าวเรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว
บริษัทเหล็กรายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย PT Krakatau Steel
ได้สร้างสะพานใหม่ขึ้นมาทดแทนในเดือนมกราคมปี 2012
ทำให้เด็กนักเรียนสามารถข้ามแม่น้ำได้อย่างปลอดภัย
Credits: Reuters http://goo.gl/l6sYPj
5. นักเรียนแขวนตัวกับสายเคเบิลยาว 800 เมตรสูง 400 เมตร เหนือแม่น้ำ Rio Negro
ในโคลอมเบีย(ดินแดนนางงาม/โคเคน) ใช้เส้นทางนี้ไปโรงเรียน
Daisy Mora ในกระสอบมี Jamid น้องชายวัย 5 ขวบร่วมเดินทางไปด้วย
เส้นทางนี้ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 นาทีด้วยความเร็ว 50 ไมล์/ชั่วโมง ง่ามไม้ไว้ชะลอความเร็ว
และมีนักเรียนอีก 11 คนที่ใช้เส้นทางนี้ ช่วงพายุ/ฝนตกหนักต้องงดใช้งาน
เส้นทางนี้ชาวบ้านใช้ขนพืชไร่ เช่น มันพื้นเมือง ข้าวโพด ใบโคคา และปศุสัตว์ (หมู เป็ด ไก่ วัว)
การใช้เคเบิลบางครั้งก็เกิดอุบัติเหตุทำให้แขน ขา หรือ หัวเข่า ได้รับบาดเจ็บ
จากการกระแทกพื้นดินเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง(เบรคไม่ทัน)
บางครั้งวัวที่ขนส่งกับสายเคเบิลนี้ ก็ตาย/บาดเจ็บ
เพราะตกใจกลัว/กระแทกพื้นเมื่อถึงที่หมาย
เส้นทางนี้แย่งกันอ้างว่าเป็นฝีมือสร้างของ กองทัพบกโคลัมเบีย หรือ
กองทัพปฏิวัติโคลัมเบีย Farc (Revolutionary Armed Forces of Colombia)
Credits: Christoph Otto http://goo.gl/WX6Zq4
6. เด็กนักเรียนกำลังพายเรือไปโรงเรียน ที่ Riau อินโดนีเซีย
Credits: Nico Fredia http://goo.gl/NuUxcl
7. เด็กนักเรียนกำลังเดินบนสะพานที่ถักทอจากต้นไม้(น่าจะเป็นต้นไทร)
ในหมู่บ้าน Nongsohphan เขต Meghalaya อินเดีย
อยู่ทางภาคอิสาณของอินเดีย เป็นชาว Khasi มีประมาณ 1.2 ล้านคน
(ชาวบ้านที่นี่นับถือคริสต์โรมันคาทอลิคเกินกว่าร้อยละ 70)
ชาวบ้านได้ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านถักทอสะพานขึ้นมา
ในเขตนี้มีปริมาณฝนตกหนาแน่นที่สุดในอินเดียและติดอันดับโลก
ชาวบ้านจะใช้ไม้ไผ่กับใบตอง(กล้วย) ในการทำที่กันฝน
ชาวบ้านกำลังชักนำผูกมัดรากต้นไม้/รากอากาศต้นไม้
เพื่อเตรียมขึ้นรูปถักทอเป็นสะพานใหม่ทดแทนสะพานเก่า
ข้ามลำธารที่ไหลเชี่ยวและลึกในป่าใกล้ Mawsynram
ตัวอย่างรากต้นไม้/รากอากาศที่ชาวบ้านถักทอรูปร่างไว้
เพื่อให้เติบใหญ่เป็นสะพานหรือบันไดต่อไปในอนาคต
ในสภาพแวดล้อมของพื้นที่ฝนตกชุกใน Meghalaya
ลำธารเบื้องล่างที่ Mawsynram หมู่บ้าน Nongriat รู้จักกันดีในเรื่องการสร้าง
สะพานที่มีชีวิต มีการใช้งานได้มาหลายศตวรรษแล้วในเขตพื้นที่แห่งนี้
เช่นเดียวกับสะพาน ด้านล่างป่าไม้ของ Mawsynram ยังมีบันไดที่มีชีวิต
ถักทอรูปร่างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในการดำรงชีพในเขตภูเขา Khasi
เด็กชายชาวประมงกำลังเดินใต้สะพานต้นไม้โบราณในหมู่บ้าน Mawlynnong
หมู่บ้าน Mawsynram ได้รับการบันทึกว่ามีปริมาณฝนตกเฉลี่ยมากที่สุดในโลก
ผลจากการหมู่บ้านตั้งอยู่บนยอดเขา Khasi Hills ทางภาคอิสาณของอินเดีย
มีปริมาณฝนตกถึง 467 นิ้วต่อปี การที่มีฝนตกหนักเพราะลมมรสุมในฤดูร้อน
ที่พัดผ่านพื้นที่ราบของบังคลาเทศ หอบเอาความชื้นที่กลายเป็นเมฆขึ้นมาทางตอนเหนือ
และเมื่อก้อนเมฆชนกับยอดเขา Meghalaya ที่เป็นช่องแคบที่รีดอากาศ
จนทำให้กลุ่มเมฆรักษาสภาพไม่ได้จึงเกิดเป็นฝนตกหนักในหมู่บ้านนี้
สถานีวัดอากาศ/ปริมาณฝนตกที่ Mawsynram ข้อมูลจากสถานีที่จดบันทึกด้วยคน
จะต้องนำส่งทุกเดือน แต่ในสิ้นปี 2014 ระบบวัดแบบดิจิตอลอัตโนมัติจะเข้ามาแทนที่สถานีแห่งนี้
กรรรมกรสามคนกำลังเดินเข้าหมู่บ้าน Mawsynram พร้อมครอบที่กันฝนดั้งเดิมของชาว Khasi
หรือรู้จักกันว่า knups ทำจากไม้ไผ่และใบตอง(กล้วย) ใช้สองมือจับที่ครอบกันฝนได้
ใช้ได้ดีช่วงฝนตกหนักและลมพายุกรรโชกแรงในช่วงฤดูฝน
กรรมกรครอบที่กันฝน knups ขนหินข้างทางที่ตกลงมาบนถนนหลังจากคืนฝนตกหนักใน Mawsynram
เพื่อให้ถนนใช้การได้เท่าที่จะทำได้ เพราะการซ่อมครั้งใหญ่ยังจะทำไม่ได้เลย
จนกว่าฤดูมรสุมจะผ่านพ้นไปประมาณเดือนตุลาคม หลังจากที่ฤดูฝนจะผ่านพ้นไปแล้ว
ผู้รับเหมาจึงจะนำรถเครื่องกลหนักเข้ามาในพื้นที่เพื่อซ่อมบำรุงทางถนนได้
ค่าแรงงานกรรมกรที่นี่จะได้วันละ 2.60 เหรียญสหรัฐ(ประมาณ 78.-บาทต่อวัน)
หญิงชราชาว Khasi เป็นคนแรกที่มาถึงโบสถ์เพื่อทำพิธีมิสซาในวันอาทิตย์
ในโบสถ์ Mawsynram's Catholic church ประมาณ 70% ชาว Khasi นับถือคริสต์
เพราะบาทหลวง Thomas Jones ในปี 1841 ได้ขึ้นมาที่แห่งนี้จากที่ราบของบังคลาเทศ
และตั้งโบสถ์หลังแรกในพื้นที่แห่งนี้ใกล้ ๆ กับเมือง Cherrapunji
กลุ่มเมฆที่ขดตัวเหนือขอบฟ้าตะวันออกของหมู่บ้าน
แต่ที่หน้าผาใกล้หมู่บ้านมีลักษณะเป็นภูเขาหักศอกเกือบเป็นแนวตั้ง
ทำให้น้ำฝน/น้ำท่วมไหลลงไปสู่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว
Winchester Lyngkhoi ชายวัย 26 ปี กำลังแบกเนื้อสดไปยังร้านขายเนื้อที่เปิดที่ตลาดสดทั้งวัน
เมื่อถามว่าลำบากไหมกับการอยู่ในเขตที่ฝนตกหนักมาก กลับตอบว่า
" พวกเราไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่นี่มีฝนตกเป็นประจำ แต่เรามีงานต้องทำ ทำไมต้องไปวิตกกังวลกับฝนละ "
ทางเข้าหมู่บ้าน Mawsynram Village
เหมือนกับหมู่บ้านส่วนมากในเขต Meghalaya
ภาคอีสาณของอินเดีย แต่ชาวบ้านที่นี่เป็นชนเผ่า Khasi
ชนกลุ่มน้อยที่เป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิม มีประมาณ 1.2 ล้านคนในอินเดีย
แพะหลบฝนในที่รอรถยนต์โดยสาร ช่วงฝนตกหนักกลางวัน
แม้ว่าฝนจะไม่ตกทั้งวันในช่วงฤดูมรสุม แต่จะมีฝนตกทุกวัน
ฝนจะตกหนักมากในช่วงกลางคืน
น้ำฝนที่ไหลผ่านหมู่บ้าน Mawsynram ช่วงฝนตกหนัก
ที่มา The Atlantic http://goo.gl/41w8oZ
http://pantip.com/topic/32536134 โรงเรียนในถิ่นธุรกันดารตอนจบ