ธ. มักบอกว่า "ออมเงิน" พร้อมได้ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ได้ลดหย่อนภาษี ครบระยะเวลาตามกำหนด มีเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย..
หากตายในระหว่างสัญญา ลูกหลานได้รับเงินก้อน..บลาๆๆๆ
ฟังดูดีแฮะ.... แต่
ชาวบ้านได้ยินคำว่า "ออมเงิน" ก็เข้าใจในเบื้องต้นว่า... " มันคือการฝากเงิน " ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
จริงๆแล้ว ธ. ไม่ควรใช้คำว่า "ออมเงิน" อย่างยิ่ง และยิ่งไปกว่านั้น สคบ. ควรเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากเป็นการให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนสับสน
การออมเงิน มันควรจะใช้กับการฝากเงินเท่านั้น ดังนั้นการฝากเงิน ไม่ว่าจะฝากตอนไหนอย่างไร ก็สามารถถอนได้ทุกขณะ
และก็จะได้จำนวนเงินที่เราฝากไว้คืนทั้งหมด..จริงมั้ย
แต่ ธ.ใช้คำว่า "ออมเงิน" กับการรับประกันชีวิต ที่แฝงตัวให้ชาวบ้านสับสน
เมื่อเป็นการประกัน หรือ ทำประกันชีวิต คุณจึงต้องส่งเบี้ยประกัน เป็นรายเดือน หรือ รายปี แล้วแต่ข้อตกลงในกรมธรรม์
เมื่อเป็นการประกัน คุณส่งเงินไปแล้ว หากต้องการยกเลิก เอาเงินคืน เพราะคิดว่าเป็นการออมเงิน
แต่ ธ.กลับไม่คืนเงินที่คุณส่งไป และอ้างว่าคุณส่งเงินไม่ครบสัญญา ดังนั้นเงินที่จะคืนทั้งหมดที่ส่งไป จึงไม่อาจคืนได้
แต่จะเวรคืนกรมธรรม์ แทน หรือ จ่ายเป็นเงินบางส่วน ในสัดส่วนที่ทำประกัน และมีการยกเลิกสัญญา เช่น
จ่ายไปรายปี ๆ ละ 2000 บาท โดยจ่ายไป 5 ปีแล้ว อยากยกเลิก
ชาวบ้านๆ เข้าใจว่าฝากเงินมาแล้ว 10,000 บาท เลยอยากยกเลิกและถอนเงินคืน
แต่ ธ.บอกว่า ไม่อาจคืน 10,000 บาท ได้ เพราะไม่ครบอายุสัญญา และเป็นการยกเลิกประกันก่อนครบกำหนด
แต่จะมีเงินคืนให้เพียง 2000 บาท (สมมุติตัวเลข) เท่านั้น
คราวนี้ ชาวบ้านก็ถึงบางอ้อก็คือ คำว่า "ออมเงิน" มันคือการทำประกัน ที่ไม่ต่างอะไรกับ บริษัทรับประกันชีวิตทั่วๆไปนั้นเอง
แต่ ธ.เล่นลิ้น ใช้คำว่า "ออมเงิน"
ผมเชื่อว่ามีชาวบ้านหลายๆ คนตกหลุมพรางนี้มาแล้วหลายราย
จะมีหน่วยงานไหนมั้ยที่จะเข้ามาจัดการตรงนี้
ธ.แห่งประเทศไทย คุณทำอะไรอยู่
สถาบันการเงิน แต่มาเปิดรับทำประกันด้วย เอาไงล่ะคราวนี้ ตกลงธุรกิจการธนาคาร คืออะไร
แถมการโฆษณาในสื่อต่างๆ ก็ยังใช้คำว่า "ออมเงิน" โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย
ที่ร้ายไปกว่านั้น พอถึงเวลาที่จะจ่ายขึ้นมาจริงๆ (หากตาย) กลับไม่จ่าย
เพราะอ้างว่า คนทำประกันปกปิดข้อมูล เช่น เป็นเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ...
สรุป มันคือการออมเงินอย่างที่พวกคุณบอก จริงๆหรือ ผมแค่อยากรู้
++ทำประกันกับธนาคาร อีกหนึ่งมุมมองที่คุณยังไม่รู้...++
หากตายในระหว่างสัญญา ลูกหลานได้รับเงินก้อน..บลาๆๆๆ
ฟังดูดีแฮะ.... แต่
ชาวบ้านได้ยินคำว่า "ออมเงิน" ก็เข้าใจในเบื้องต้นว่า... " มันคือการฝากเงิน " ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
จริงๆแล้ว ธ. ไม่ควรใช้คำว่า "ออมเงิน" อย่างยิ่ง และยิ่งไปกว่านั้น สคบ. ควรเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากเป็นการให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนสับสน
การออมเงิน มันควรจะใช้กับการฝากเงินเท่านั้น ดังนั้นการฝากเงิน ไม่ว่าจะฝากตอนไหนอย่างไร ก็สามารถถอนได้ทุกขณะ
และก็จะได้จำนวนเงินที่เราฝากไว้คืนทั้งหมด..จริงมั้ย
แต่ ธ.ใช้คำว่า "ออมเงิน" กับการรับประกันชีวิต ที่แฝงตัวให้ชาวบ้านสับสน
เมื่อเป็นการประกัน หรือ ทำประกันชีวิต คุณจึงต้องส่งเบี้ยประกัน เป็นรายเดือน หรือ รายปี แล้วแต่ข้อตกลงในกรมธรรม์
เมื่อเป็นการประกัน คุณส่งเงินไปแล้ว หากต้องการยกเลิก เอาเงินคืน เพราะคิดว่าเป็นการออมเงิน
แต่ ธ.กลับไม่คืนเงินที่คุณส่งไป และอ้างว่าคุณส่งเงินไม่ครบสัญญา ดังนั้นเงินที่จะคืนทั้งหมดที่ส่งไป จึงไม่อาจคืนได้
แต่จะเวรคืนกรมธรรม์ แทน หรือ จ่ายเป็นเงินบางส่วน ในสัดส่วนที่ทำประกัน และมีการยกเลิกสัญญา เช่น
จ่ายไปรายปี ๆ ละ 2000 บาท โดยจ่ายไป 5 ปีแล้ว อยากยกเลิก
ชาวบ้านๆ เข้าใจว่าฝากเงินมาแล้ว 10,000 บาท เลยอยากยกเลิกและถอนเงินคืน
แต่ ธ.บอกว่า ไม่อาจคืน 10,000 บาท ได้ เพราะไม่ครบอายุสัญญา และเป็นการยกเลิกประกันก่อนครบกำหนด
แต่จะมีเงินคืนให้เพียง 2000 บาท (สมมุติตัวเลข) เท่านั้น
คราวนี้ ชาวบ้านก็ถึงบางอ้อก็คือ คำว่า "ออมเงิน" มันคือการทำประกัน ที่ไม่ต่างอะไรกับ บริษัทรับประกันชีวิตทั่วๆไปนั้นเอง
แต่ ธ.เล่นลิ้น ใช้คำว่า "ออมเงิน"
ผมเชื่อว่ามีชาวบ้านหลายๆ คนตกหลุมพรางนี้มาแล้วหลายราย
จะมีหน่วยงานไหนมั้ยที่จะเข้ามาจัดการตรงนี้
ธ.แห่งประเทศไทย คุณทำอะไรอยู่
สถาบันการเงิน แต่มาเปิดรับทำประกันด้วย เอาไงล่ะคราวนี้ ตกลงธุรกิจการธนาคาร คืออะไร
แถมการโฆษณาในสื่อต่างๆ ก็ยังใช้คำว่า "ออมเงิน" โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย
ที่ร้ายไปกว่านั้น พอถึงเวลาที่จะจ่ายขึ้นมาจริงๆ (หากตาย) กลับไม่จ่าย
เพราะอ้างว่า คนทำประกันปกปิดข้อมูล เช่น เป็นเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ...
สรุป มันคือการออมเงินอย่างที่พวกคุณบอก จริงๆหรือ ผมแค่อยากรู้