ทาง2สายที่เลือกเดิน

ผมต้องนำเรื่องนี้มาขยายให้เข้าใจตรงกัน กับเรื่องของ ลักษณะ ของสมาธิที่ มีความระเอียด ปราณีตที่เเตกต่าง
คือ รูปสัญญา4(รูปฌาน4) กับ อัปปมัญญา4(เมตตาภาวนา)
ทำไม ผมถึงต้องออกมาพูดมาบ่น หลายๆกระทู้ เป็นการสร้างภาพอะไร หรือ โชวอะไรหรือ
เปล่าเลย ไม่ได้มีเจตนาอื่นนอกจากกำลังมาเเสดงธรรมที่ คนส่วนใหญ่ยอมๆตามๆกัน ยอมเค้า ฟังตามๆ นี้เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่ายังมีข้อบกพร่องใหญ่หลวงของคนส่วนมาก  สอนทุกวันกาลสูตร เเต่ไม่เคยนำไปไปสมาทานหรอก
สำหรับผมคือ แปลกกว่าคนอื่นๆหรอ ที่มาบอกธรรมเเท้ๆ เป็น คนไม่ยอมรับ มติธรรมหรอถึงเข้าใจแปลกกว่าคนอื่น ไม่ใช่อย่างนี่น

ผมกำลังจะบอกว่าสมาธิ อย่างไหนมีความหยาบเเละระเอียดกว่ากัน..... เเต่ต้องยอมรับก่อนว่ามันต่างกัน

คนนส่วนใหญ่เข้าใจว่าอะไรกัน.... ต้องใช้ฌาน4เท่านั่น ถึงจะเเผ่เมตตาได้สมบูรณ์ ทำไมต้องฌาน4..
มันเป็นทฤษฏี สมมุติฐาน มากกว่าความจริง เพราะ  คิดว่าต้องฌาน4 นี่ก็ผิด เเค่อ้าปากก็ผิดละ เเละไม่น่าจะแปลกหากคิดว่า การเเผ่เมตตาเป็นเพียงของเล่นในสมาธิ  ด้วยซ้ำ ไม่ใช่ตัวสมาธิ น่าจะคิดในลักษณะนี้
ผมพอเข้าใจอยู่ ว่าเจตนาคืออะไร ซึ่งถ้าพูดให้ถูกคือ เปรียบรูปฌาน เป็นสมาธิที่1
ส่วน อัปปมัญญาเป็นสมาธิที่2  ต้องเเยกเเยะอย่างนี้ เเยกให้ออกจากกันไม่ใช่เอาไป ชน กัน หรือ รวมกัน เป็นสมาธิ2 สาย เเต่อาจจะสลับใช้ได้

ถ้าจะบอกให้ชัดเจนกว่านั่น มีเคสตัวอย่าง ผม เห็นหลายคน ชอบพูดบ่อยๆ ว่า ขณะทรงรูปฌาน4 อยู่หากตายในขณะนั่นเเล้วไปเป็นพรหม
อันนี้ผมเห็นด้วย เคยอ่านเจอ เเต่ถ้า ไม่ได้ทรงฌานหล่ะ ตายไปไหน อันนี่ละคนจะประมาท คือเข้าใจว่าตัวเองจะทรงฌานไปตลอดเวลา หรือ เคยทรงฌานเเล้วผลกรรมจะทำให้ไปเป็นพรหม ซึ่งในความจริง ชีวิตฆราวาสคุณเอาเวลาไหนไปทรงฌานตลอดเวลา หากคุณตายไปขณะไม่ทรงฌาน ตรงนี้ มันจะไปรองรับกับสูตรนี่เเน่นอน

--------ผู้ที่ตายขณะไม่ทรงฌาน โอกาส คือความเป็นเทพ เท่านั่น

สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์
และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ เธอ
เจริญฌานทั้ง ๔ ประการนี้แล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

เเต่มันมีสมาธิที่ผมกำลังจะบอก เป็นสมาธิที่มีระเอียดสูงกว่ารูปฌาน ระเอียดปราณีตกว่า โดยดูจาก บทนี้
อนิสงส์คือคุณไม่หลงลืมทำกาละเเน่ๆ ถึงเเม้จะไม่ได้ทรงเอาไว้
หากตายไป โอกาศที่จะไปเป็นพรหม สถานเดียว
พรหมเป็นสถานที่สูงกว่าเทพ เเละ  นี่เเหละ ก็คือทางไปพรหมโลกที่ได้มีการสอนมา ที่ถูกต้อง เป็นคำสอนเก่าเเก่ที่ไม่ใช่ก็หยิบมาบอกกกันได้ง่ายๆ


-----นี่คือความเป็นพรหม(อัปปมัญญา)

ใจประกอบด้วยเมตตาแผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้
ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุก
สถาน ด้วยใจประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณ
มิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ ฯ
             มีใจประกอบด้วยกรุณา ... ประกอบด้วยมุทิตา ... ประกอบด้วยอุเบกขา
แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้อง
บน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน
ด้วยใจประกอบด้วยอุเบกขา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้
ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ เธอเจริญพรหมวิหาร ๔ ประการนี้แล้ว เมื่อ
ตายไปย่อมเข้าถึงสุคติพรหมโลก -
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่