ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะตั้งกระทู้เท่าไหร่ จะอ่านซะเป็นส่วนใหญ่
แต่วันนี้ผมรู้สึกถึงทางตันและไม่รู้จะไประบายกับใครแล้ว..
ผมกำลังคุยผู้หญิงคนๆนึงอยู่ซึ่งรู้จักกันเพราะเป็นเพื่อนของเพื่อน
ผมเริ่มคุยกับเค้าตอนไกล้ที่จะจบปี 4 ด้วยความที่เราชอบเค้าเป็นทุนเดิม + เค้าเลิกกับแฟนมาซักพัก เลยตัดสินใจที่จะเข้าไปคุย
เพื่อนได้เล่าเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ว่า เค้าเป็นคนที่ขี้อาย พึ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมานาน และเป็นคนที่ใช้เวลากับตัวเองมากกว่าจะสนใจเรื่องความรัก (โลกส่วนตัวสูงมากๆ)
ช่วงที่คุยแรกๆก็พอได้ มีชวนคุยนู่นนี่ แต่ก็ไม่ได้คุยกันบ่อยเพราะคนนั้นไม่ได้เป็นคนที่ติดโทรศัพท์มือถือ
หลังจากคุยกันประมาณ 2-3 เดือน เพื่อนที่เป็นคนแนะนำ ก็เป็นคนชวนนัดกันไปกินข้าวอยู่ 2-3 ครั้ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และผมคิดว่าความรักครั้งนี้คงจะเป็นความรักที่ยาวนานแน่ๆ
ผมเคยที่จะชวนเค้าไปกินข้าว แต่เค้าปฎิเสธเพราะรู้สึกว่ามันยังเร็วเกินไป ซึ่งผมก็เข้าใจในส่วนนี้
หลังจากนั้นเพื่อนคนเดิมก็ชวนกันไปเที่ยว ตจว ซึ่งผมและเค้าก็ตกลงไปกัน
ช่วงเวลาที่อยู่ ตจว มันเหมือนกับอยู่ในฝันจริงๆ ได้อยู่ไกล้ๆคนที่เราชอบ ถึงแม้จะไปในฐานะเพื่อนไม่มีการล่วงเกินกัน แต่แค่นั้นมันก็เกินพอสำหรับผมแล้ว
จนคืนก่อนที่จะกลับ ผมได้ตัดสินใจเล่นเพลงนึงให้เค้าฟัง และบอกว่า เราชอบเค้าและถามว่าคบกันมั้ย ค่อยๆดูใจกันไปก็ได้
คำตอบที่เค้าตอบกลับมาคือ มันยังเร็วไปและควรรู้จักกันให้มากกว่านี้ก่อน
คำตอบที่เค้าตอบมาผมโอเคกับมันและตกลงที่จะคุยกันแบบนี้ไปก่อน ทุกอย่างดูราบรื่นเหมือนไม่มีอะไรแย่ๆจะเกิดขึ้น จนกระทั่งหลังจากกลับมาจาก ตจว.
การคุยกันมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะคุยกันน้อย แต่ก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เป็นฝ่ายถาม
จากที่โทรไปหาแล้วเค้ายังพอรับบ้าง จนถึงตอนนี้แทบจะไม่ได้คุยกันในโทรศัพท์แล้ว
วันนึงเราคุยกันอยู่แค่ประมาณไม่เกิน 20 บรรทัดในไลน์เลยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลที่ผมพอรู้ว่า เธอใช้เวลาไปกับการอ่านนิยาย ดูหนัง และอยู่กับครอบครัวซะเป็นส่วนใหญ่ จนแทบไม่ได้ใช้โทรศัพท์
นี่ไกล้เข้าเดือนที่ 5 แล้วนับตั้งแต่ที่เริ่มคุยกัน..
ตอนนี้การคุยกันผมจะพยายามชวนคุยสนุกและถามเป็นระยะๆ แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมามันสั้นเสียจนเหมือนว่าตอบให้มันผ่านๆไป ไม่ต่างอะไรกับคุยกับกระจกก็ว่าได้
เริ่มท้อ เริ่มหมดหวัง และหมดแรง แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะคุยกับผู้หญิงตรงๆว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะผมไม่ได้เป็นอะไรกับเค้า และก็ไม่ได้อยากให้เค้ารู้สึกรำคาญ
จนพักหลังที่นอกจากจะตอบสั้นๆเหมือนส่งๆไป บางครั้งเธอก็อ่านแล้วเลือกที่จะไม่ตอบ จนคิดว่าถ้าหายไปเธอก็คงไม่ได้สนใจ..
หากการจีบเธอต้องใช้เวลาเป็นปี มันไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ระยะทางระหว่างนั้นมันช่างโหดร้ายและบั่นทอนจิตใจจริงๆ
ผมคิดที่จะหายไปจากชีวิตซึ่งก็คิดว่าเธออาจจะไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วก็ได้ แต่ด้วยความที่เธอต่างจากคนอื่นในหลายๆอย่างและด้วยความรักเดียวใจเดียว
ผมก็เลือกที่จะยังอดทนต่อถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆก็ตาม หลายๆครั้งก็คิดว่า ที่เราทำดีไปมันไม่ได้แปลว่าเค้าจะชอบ คนดีกับคนที่รักมันไม่ใช่คนเดียวกัน
อนาคต ไม่รู้ว่าเค้าจะหันมาสนใจคนๆนี้บ้างมั้ย แต่ก็จะรอ จะพยายามจนถึงที่สุด ถึงแม้ว่าตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ต่างอะไรกับ "มนุษย์ล่องหน" ที่เธอไม่เคยเหลียวแลและสนใจ..
ผู้ชายคนนึงกำลังจะหมดแรง..
แต่วันนี้ผมรู้สึกถึงทางตันและไม่รู้จะไประบายกับใครแล้ว..
ผมกำลังคุยผู้หญิงคนๆนึงอยู่ซึ่งรู้จักกันเพราะเป็นเพื่อนของเพื่อน
ผมเริ่มคุยกับเค้าตอนไกล้ที่จะจบปี 4 ด้วยความที่เราชอบเค้าเป็นทุนเดิม + เค้าเลิกกับแฟนมาซักพัก เลยตัดสินใจที่จะเข้าไปคุย
เพื่อนได้เล่าเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ว่า เค้าเป็นคนที่ขี้อาย พึ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมานาน และเป็นคนที่ใช้เวลากับตัวเองมากกว่าจะสนใจเรื่องความรัก (โลกส่วนตัวสูงมากๆ)
ช่วงที่คุยแรกๆก็พอได้ มีชวนคุยนู่นนี่ แต่ก็ไม่ได้คุยกันบ่อยเพราะคนนั้นไม่ได้เป็นคนที่ติดโทรศัพท์มือถือ
หลังจากคุยกันประมาณ 2-3 เดือน เพื่อนที่เป็นคนแนะนำ ก็เป็นคนชวนนัดกันไปกินข้าวอยู่ 2-3 ครั้ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และผมคิดว่าความรักครั้งนี้คงจะเป็นความรักที่ยาวนานแน่ๆ
ผมเคยที่จะชวนเค้าไปกินข้าว แต่เค้าปฎิเสธเพราะรู้สึกว่ามันยังเร็วเกินไป ซึ่งผมก็เข้าใจในส่วนนี้
หลังจากนั้นเพื่อนคนเดิมก็ชวนกันไปเที่ยว ตจว ซึ่งผมและเค้าก็ตกลงไปกัน
ช่วงเวลาที่อยู่ ตจว มันเหมือนกับอยู่ในฝันจริงๆ ได้อยู่ไกล้ๆคนที่เราชอบ ถึงแม้จะไปในฐานะเพื่อนไม่มีการล่วงเกินกัน แต่แค่นั้นมันก็เกินพอสำหรับผมแล้ว
จนคืนก่อนที่จะกลับ ผมได้ตัดสินใจเล่นเพลงนึงให้เค้าฟัง และบอกว่า เราชอบเค้าและถามว่าคบกันมั้ย ค่อยๆดูใจกันไปก็ได้
คำตอบที่เค้าตอบกลับมาคือ มันยังเร็วไปและควรรู้จักกันให้มากกว่านี้ก่อน
คำตอบที่เค้าตอบมาผมโอเคกับมันและตกลงที่จะคุยกันแบบนี้ไปก่อน ทุกอย่างดูราบรื่นเหมือนไม่มีอะไรแย่ๆจะเกิดขึ้น จนกระทั่งหลังจากกลับมาจาก ตจว.
การคุยกันมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะคุยกันน้อย แต่ก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เป็นฝ่ายถาม
จากที่โทรไปหาแล้วเค้ายังพอรับบ้าง จนถึงตอนนี้แทบจะไม่ได้คุยกันในโทรศัพท์แล้ว
วันนึงเราคุยกันอยู่แค่ประมาณไม่เกิน 20 บรรทัดในไลน์เลยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลที่ผมพอรู้ว่า เธอใช้เวลาไปกับการอ่านนิยาย ดูหนัง และอยู่กับครอบครัวซะเป็นส่วนใหญ่ จนแทบไม่ได้ใช้โทรศัพท์
นี่ไกล้เข้าเดือนที่ 5 แล้วนับตั้งแต่ที่เริ่มคุยกัน..
ตอนนี้การคุยกันผมจะพยายามชวนคุยสนุกและถามเป็นระยะๆ แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมามันสั้นเสียจนเหมือนว่าตอบให้มันผ่านๆไป ไม่ต่างอะไรกับคุยกับกระจกก็ว่าได้
เริ่มท้อ เริ่มหมดหวัง และหมดแรง แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะคุยกับผู้หญิงตรงๆว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะผมไม่ได้เป็นอะไรกับเค้า และก็ไม่ได้อยากให้เค้ารู้สึกรำคาญ
จนพักหลังที่นอกจากจะตอบสั้นๆเหมือนส่งๆไป บางครั้งเธอก็อ่านแล้วเลือกที่จะไม่ตอบ จนคิดว่าถ้าหายไปเธอก็คงไม่ได้สนใจ..
หากการจีบเธอต้องใช้เวลาเป็นปี มันไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ระยะทางระหว่างนั้นมันช่างโหดร้ายและบั่นทอนจิตใจจริงๆ
ผมคิดที่จะหายไปจากชีวิตซึ่งก็คิดว่าเธออาจจะไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วก็ได้ แต่ด้วยความที่เธอต่างจากคนอื่นในหลายๆอย่างและด้วยความรักเดียวใจเดียว
ผมก็เลือกที่จะยังอดทนต่อถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆก็ตาม หลายๆครั้งก็คิดว่า ที่เราทำดีไปมันไม่ได้แปลว่าเค้าจะชอบ คนดีกับคนที่รักมันไม่ใช่คนเดียวกัน
อนาคต ไม่รู้ว่าเค้าจะหันมาสนใจคนๆนี้บ้างมั้ย แต่ก็จะรอ จะพยายามจนถึงที่สุด ถึงแม้ว่าตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ต่างอะไรกับ "มนุษย์ล่องหน" ที่เธอไม่เคยเหลียวแลและสนใจ..