"ดีแทค" กับเป้าหมาย 2014 "สิ่งที่เราอยากทำให้ได้ คือเป็นที่รักของลูกค้า

กระทู้ข่าว
เวลาผ่านไปเร็วราวกับติดปีก เผลอแผล็บเดียว "จอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์" นั่งเก้าอี้ "ซีอีโอ" บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทคมานานถึง 3 ปีแล้

ในวันนี้หลายคนคงพอจะเห็นภาพชัดเจนแล้วว่า "ดีแทค" ยุคนี้แตกต่างไปจากยุคก่อนหน้านี้มาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสมัยแรกที่ยังคงเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ถือหุ้น 2 ฝ่าย ไทย-เทศ ระหว่างตระกูลเบญจรงคกุล และ "เทเลนอร์"

ถ้าเทียบยุคของ "ซิคเว่ เบรคเก้" เป็นยุคของการก่อร่างสร้างชื่อ พลิกฟื้นองค์กร ยุคนี้ก็น่าจะเป็นการสานต่อเพื่อรักษาและแสวงหาโอกาสใหม่ ทั้งในแง่พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าที่ก้าวเข้าสู่ยุคดาต้าเต็มรูปแบบ และรอยต่อของการปลดแอกจากระบบสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาตช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งไม่นานนัก

"ดีแทค" ประสบปัญหาเรื่องคุณภาพสัญญาณ เพราะเน็ตเวิร์กล่มหลายครั้งติด ๆ กัน ไม่ว่าจะเกิดจากความผิดพลาดของ "คน" หรือ "อุบัติเหตุ" แต่ก็ผ่านมาได้

"ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสพูดคุยกับแม่ทัพค่ายมือถือมือวางอันดับ 2 ในปัจจุบัน ลองมาฟังพร้อม ๆ กันดีกว่าว่า เขาทำอะไรไปบ้าง และมีมุมมองอย่างไรต่อองค์กร คู่แข่ง และอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย



จอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์


@ อะไรคือผลงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ผลงานแรกที่ทำเสร็จและทำได้ดี คือ การเปลี่ยนดีแทคจากบริษัทที่เน้นวอยซ์และเอสเอ็มเอสมาเป็นบริษัทที่เน้นการให้บริการดาต้า ตอนที่ผมเข้ามา เราเริ่มจากการเป็นโอเปอเรเตอร์อันดับ 3 ในประเทศไทย ในแง่ที่ว่ามีแชร์รายได้รวมต่ำที่สุด แต่ตอนนี้ดีแทคกลายเป็นอันดับ 2 และมีอัตราการเติบโตสูงมากทั้งในส่วนของบริการวอยซ์และดาต้า

เรายังมีแชร์ในการใช้งานเฟซบุ๊กและแอปพลิเคชั่นไลน์มากถึง 50% ของทั้งตลาด

ผลงานชิ้นที่ 2 เกี่ยวโยงกับเรื่องแรก เพราะการจะทำดาต้าให้ดีต้องรื้อโครงสร้างองค์กรใหม่ และปรับจุดยืนบริษัทให้หันมาเน้นการแข่งขันด้านดาต้า เรื่องนี้เราจัดการเรื่องการฝึกอบรมบุคลากรตั้งแต่ระดับผู้นำ มีการจ้างพนักงานใหม่จากบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตและโฆษณา รวมถึงจัดคนให้ทำงานในตำแหน่งที่ตรงความถนัดของตนเองมากขึ้น

ผลงานชิ้นที่ 3 คือ การเปิดบริการ 3G ตอนที่ผมเข้ามาในประเทศไทยยังอยู่ในขั้นตอนการคุยเรื่องบริการ 3G แต่ตอนนี้เรามีใบอนุญาตการให้บริการบนคลื่น 2.1 GHz แล้ว

@ คิดอย่างไรกับการที่มักโดนนำไปเทียบกับซิคเว่ เบรคเก้

มันเป็นช่วงเวลาที่ต่างกันของบริษัท คงเอามาเทียบกันยาก ตอนที่คุณซิคเว่เข้ามาบริหาร อัตราการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 10% และเติบโตขึ้นไปถึง 80% เรียกได้ว่าตลาดโตรวดเร็วมากจนดีแทคต้องตามกระแสให้ทัน แต่ตอนที่ผมเข้ามา การเติบโตตรงนี้จบไปแล้ว แนวโน้มตลาดกลายเป็นการเปลี่ยนจากบริการวอยซ์มาเป็นบริการด้านดาต้าแทน

ในยุคคุณซิคเว่ดีแทคเติบโตเร็วเกินไปจนบริการบางอย่างทำได้ไม่ดี แต่ในยุคอินเทอร์เน็ต ทุกอย่างของดีแทคต้องเติบโตและทำงานได้ดีไปพร้อมกัน เนื่องจากลูกค้าในยุคนี้มีความคาดหวังมาก

เราอาจเหมือนกันในแง่โปรไฟล์ผลงาน แต่วิธีบริหารต่างกันตามสถานการณ์ตลาด

คติประจำใจของผมคือ สอน ฝึก และสร้างทักษะให้บุคลากรที่มีความสามารถ คือเน้นเรื่องภายใน สร้างความเข้มแข็งขององค์กรด้วยการสร้างผู้นำและผู้เชี่ยวชาญ ในขณะที่การทำงานของคุณซิคเว่เน้นไปที่เรื่องภายนอกเป็นหลัก

ผมทำงานเกี่ยวกับด้านในองค์กรมาเยอะแล้วจึงอยากออกไปทำข้างนอกบ้าง อยากออกไปใช้เวลากับลูกค้า ไปดูตลาดต่างจังหวัด ปี 2014 จะเป็นปีที่ดีแทคเน้นทั้งเรื่องภายในและภายนอกองค์กร เมื่อองค์กรเข้มแข็ง จุดที่จะเน้นต่อไปจะเป็นเรื่องการมองลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง

@ มีเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดไทยไหม

ต้องยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะปัจจุบันเอไอเอสมีแชร์รายได้ประมาณ 51% จากทั้งตลาด ขณะที่เรามีแชร์ที่ 32% ช่องว่างตรงนี้เราไม่สามารถไล่ตามทันได้ หรือหากทำได้ก็จะเป็นการทำลายสภาพการแข่งขันในตลาด

ดังนั้นเป้าหมายของเราคือการเข้าไปเป็นเบอร์ 1 ในพื้นที่ตลาดย่อย ๆ แยกกันไป เช่น เป็นที่ 1 ในบริการดาต้า เป็นที่ 1 ในแง่การขายดีไวซ์ หรือเป็นที่ 1 ในตลาดบริการโพสต์เพด (รายเดือน) เป็นต้น เราต้องการเข้าไปเป็นเบอร์ 1 ในตลาดที่สามารถช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้

@ เปิดตัว 3G ช้ากว่าคู่แข่ง มีผลกระทบอย่างไรบ้าง

สำหรับผม การเป็นคนแรกไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนที่ทำได้ดีที่สุด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือแอปเปิลไม่ได้เป็นคนแรกที่ทำเครื่องเล่นเอ็มพี 3 หรือแท็บเลต แต่เพราะทำได้ดีกว่าจากไอพอดและไอแพดจึงประสบความสำเร็จ

บางครั้งการเป็นคนแรกในตลาดหมายความว่า คุณต้องใช้เงินลงทุนมาก เพราะต้องให้ข้อมูลกับตลาด

ดังนั้นจุดยืนของเราคือการออกบริการที่ดี ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ผู้บริโภค แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนแรกเสมอไป ถ้าเราทำได้กับทุกบริการคนก็คงหันมาใช้ของเรา

@ แผนงานปี 2014

แผนคร่าว ๆ ดีแทคคงออกบริการไตรเน็ตที่มีความเร็วสูงขึ้น ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการไปในต่างจังหวัด นอกจากนี้จะมีไตรเน็ตโฟนรุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 ที่รองรับเทคโนโลยี 4G เปิดตัวบริการรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมไปถึงบริการด้านการเงิน

ส่วนงบประมาณการตลาดก็คงจะปรับตามสถานการณ์ตลาด ซึ่งปกติเราจะใช้ประมาณ 4% ของยอดรายได้รวม

สิ่งที่เราอยากทำให้ได้ คือ การเป็นที่รักของลูกค้า อยากให้ผู้บริโภคมีความผูกพันกับแบรนด์ดีแทค ถึงตอนนี้จะมีฐานลูกค้าที่รักเราเป็นจำนวนพอสมควรแล้ว แต่คิดว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่สามารถทำได้ดีกว่านี้

ส่วนเรื่องปัญหาที่เกี่ยวกับเครือข่าย คงสัญญาไม่ได้ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไป แต่ดีแทคเน้นวางแผนสำรองป้องกันปัญหาเครือข่ายเอาไว้แล้ว ดังนั้นการล่มครั้งใหญ่คงเกิดขึ้นอีกได้ยาก

@ มี 4G ในไทยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ปี 2014 คงยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรให้เห็น แต่คงเห็นผลชัดเจนช่วงปี 2015 ในพื้นที่ 10 เมืองใหญ่ของประเทศไทย ความเปลี่ยนแปลงเรื่องแรกคือผู้บริโภคที่มีมือถือรองรับเทคโนโลยี 4G จะรับรู้ถึงความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เรื่องที่สอง คือ ผู้บริโภคที่ใช้ 3G ในไทยจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และยังได้ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้นด้วย เพราะคนส่วนหนึ่งจะย้ายไปใช้บริการ 4G

สำหรับระดับราคาค่าบริการน่าจะเท่าเดิม แต่จะได้ปริมาณดาต้าสำหรับการใช้งานเพิ่มขึ้น ส่วนอัตรารายได้ต่อหัวของฐานลูกค้าจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย สาเหตุที่โอเปอเรเตอร์จะยังสามารถทำกำไรได้ มาจากประสิทธิภาพของเทคโนโลยี 4G ที่ช่วยลดต้นทุนให้ได้




ที่มา : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่