Glass @ School : โรงเรียนนี้มีแต่(สาว)แว่น บทนำ

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ  ผมเป็นสมาชิกใหม่(แต่สร้างบัตรผ่านมาได้ซักพักใหญ่แล้ว)ของพันทิปครับ  อยากหาช่องทางในการเผยแพร่นิยายแฟนตาซีที่มีธีมเป็นสาวแว่นเรื่องนี้อีก 1 ช่องทางครับ (ผมเคยนำเรื่องนี้ลงในเว็บไซต์เด็กดีแล้ว) อยากให้ทุกท่านในห้องนักเขียน  ช่วยเปิดใจอ่านนิยายเรื่องนี้กันครับ  ถ้าติชมจักเป็นพระคุณยิ่ง  สุดท้ายขอขอบคุณล่วงหน้าที่เปิดเข้ามาอ่านกันนะครับ ยิ้ม
ปล. ยังค้างเรื่องยัยขี้เซาฯ ไว้อยู่ขอบอกว่าอีกสักพักได่อ่านกันแน่นอนครับ  
Rikuro.

....................................................

          นายชอบสาวแว่นหรือเปล่า?

          ถ้าหากเจอคำถามนี้  สำหรับผมคงตอบได้ว่า  รู้สึกเฉย ๆ  ก็เหมือนมองสาว ๆ  ธรรมดาทั่วไปที่มีอยู่บนโลกในเส้นที่ผมเดินอยู่นี้  ไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่ได้คลั่งถึงขนาดจะตั้งลัทธิประหลาด ๆ  เพราะผมก็เป็นคนธรรมดาสามัญที่หาได้ทั่วไปตามท้องถนนเท่านั้น  จะมีก็แต่ผลการเรียนที่ออกนอกหน้านิดหน่อยเพราะจัดในระดับติด 1 ใน 10 ของชั้นปีตลอด

          พอจบม.3 ที่โรงเรียนบดินทร์วุฒิชัย  พ่อกับแม่ก็ย้ายบ้านออกมาโดยให้เหตุผลว่าจะหาบ้านมาอยู่ใกล้ที่ทำงาน  ผมเองก็ไม่ได้ติดขัดอะไร  ในที่สุด  ก็ย้ายมาบ้านใหม่ได้โดยสวัสดิภาพ  ในครอบครัวผมก็ประกอบไปด้วยพ่อ  แม่  และเจ้าเร็นน้องชายของผม  ซึ่งครอบครัวของเราก็รักใคร่กันดี  ไม่เคยมีทะเลาะหรือความรุนแรงต่อกัน

          ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา  และคงเป็นชีวิตประจำวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ

          ทว่า

          ชีวิตของผมก็ได้พลิกผันนับตั้งแต่ที่...

          “นี่จ้ะลูก  ใบสมัครเรียนโรงเรียนเนตรนภัทร”

          แม่ของผมยื่นสมุดขนาดA4ที่เขียนไว้ตรงกลางอย่างเด่นหราว่าใบสมัครให้ผมพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

          “ลูกเองก็โตแล้วนะ  แหม ๆๆ  รู้สึกเริ่มห่างไกลลูกไปทุกที ๆ  แล้วสิ  แล้วก็...”

          หลังจากนั้นแม่ก็สาธยายเรื่องไม่เป็นเรื่องจนยืดยาว  ผมจึงไม่ได้ใส่ใจฟังและอ่านรายละเอียดแบบผ่าน ๆ  ตา  เกณฑ์การรับสมัครก็แอบแปลก ๆ  อยู่บ้างที่มีแยกชายหญิงอย่างชัดเจน  แต่ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร  ผมลองอ่านเกณฑ์รับสมัครของผู้ชายดู

-           ผลการเรียน 3.90 ขึ้นไป

-           ไม่เคยก่อประวัติอันเสื่อมเสียสถาบันศึกษาเก่า

-           มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม

          หลังจากที่ได้อ่าน  ก็รู้สึกว่า  เอ...เกณฑ์รับสมัครนี่เคี่ยวจังนะ  และได้ข่าวแว่ว ๆ  มาว่าเด็กนักเรียนชายในละแวกนี้มีแต่คนที่ผลการเรียนไม่ถึงกันแทบทั้งนั้นด้วยสิ  ถ้าเราเข้าไปที่นี่ก็เท่ากับว่าจะได้เจอผู้ชายน้อยลงสินะ  ไม่อยากเลยแฮะ  แต่ก็ไม่ขัดข้องหรอก  คราวนี้ผมลองไปเปิดเกณฑ์รับสมัครนักเรียนอ่านดูบ้าง

-           ผลการเรียน 2.50 ขึ้นไป

-           ต้องใส่แว่นเนื่องจากมีความผิดปกติทางด้านสายตา  เช่น  สายตาสั้น  สายตายาว  สายตาเอียง  เป็นต้น  และถ้าหากมาเป็นนักเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้  จะไม่อนุญาตให้ถอดแว่นออกไม่ว่าจะกรณีใด ๆ  ทั้งสิ้น (ยกเว้นล้างหน้าหรือทำกิจส่วนตัว) ถ้าฝ่าฝืนจะสั่งย้ายสถานศึกษาทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข

-           ไม่เคยก่อประวัติอันเสื่อมเสียสถาบันศึกษาเก่า

          ไอ้ข้อแรกกับข้อ 3 ไม่ได้ติดใจอะไรเท่าไหร่  แต่ไอ้ข้อ 2 เนี่ยสิ  มันยังไงกันแน่  ทำไมต้องใส่แว่นด้วยหว่า  ผอ. โรงเรียนนี้เป็นพวกนิยมสาวแว่นหรือไงเนี่ย  และผมคิดถึงสภาพที่มีแต่ผู้หญิงใส่แว่นอยู่เต็มไปหมดมันก็รู้สึกแปลก ๆ  ยังไงชอบกล

          “เป็นยังไงมั่งลูก” แม่จ้องหน้าผมเขม็งด้วยใบหน้าแห่งความคาดหวัง

          “เอ่อ...ครับ  ก็น่าสนใจดี”

          “งั้นก็ดีจ้ะลูกรัก  เอ้า  เซ็นเลย!”

          แม่ยื่นปากกาให้ผม  ผมรับปากกามาและกรอกใบสมัคร  ส่วนแม่ก็คอยปลดปล่อยออร่าแห่งความหวังคอยจ้องมาที่ผม  พอเขียนเสร็จแม่ก็หยิบใบสมัครทันที

          “เปิดเทอม 16 พฤษภาฯ  นะลูก”

          แม่พูดแค่นั้นและถือใบสมัครด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น



          หลังจากนั้นผมก็ใช้ชีวิตปิดเทอมที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งไปอย่างเรื่อยเปื่อย  เล่นเกมส์กับน้องบ้าง  อ่านหนังสือบ้าง  เวลาในช่วงปิดเทอมไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว  หนึ่งสัปดาห์เข้าก่อนเปิดเทอมแม่ก็พาไปซื้อชุดนักเรียน



          10 พฤษภาคม  วันนัดพบผู้ปกครอง

          เนื่องจากผมโรงเรียนนี้ประกาศวันนัดประชุมผู้ปกครองไว้ว่าผู้ชายจะมาวันที่ 10  ส่วนผู้หญิงจะมาวันที่ 11  ผมจึงยังไม่ได้มีโอกาสได้เห็นนักเรียนหญิงที่ได้เข้ามาที่นี่แม้แต่คนเดียว  ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายหรอก  แต่รู้สึกอึดอัดตรงที่นักเรียนผู้ชายที่มาประชุมผู้ปกครองนั้น...

          มีแต่ผมคนเดียว!

          เฮ้ ๆ  ถึงจะหัวทึบแต่ก็น่าจะมีหลงมาซักคนสองคนมั่งสิ  นี่มันทำร้ายกันชัด ๆ  แต่ไม่ว่าจะยังไง  ผมก็ต้องเข้าโรงเรียนนี้แบบไม่มีทางเลือก  เพราะผมเองก็ไม่ได้ไปสมัครที่อื่นซะด้วยสิ  แถมถ้ามาโรงเรียนนี้ก็เดินมาก็ได้  เพราะระยะทางก็ไม่ได้ไกลจากตัวบ้านผมมากนัก  นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง  ที่แม่คงเลือกให้ผมสมัครที่นี่ละมั้ง

          วันก่อนที่จะเปิดเทอม  ผมก็ทำกิจวัตรปกติ  อ่านหนังสิอ  พอเจ้าเร็นชวนไปเล่นเกมที่ห้องก็ไป  ทำเรื่องปกติที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ  ตอนนอนนั้นอาจจะข่มตาให้หลับยาก  แต่ก็ผลอยหลับไปแต่โดยดี  เพราะยังมีเรื่องที่ให้คิดอยู่หลายอย่าง  เช่น  พรุ่งนี้จะเป็นยังไงมั่งน้า  ทำนองนั้น

          ตอนนั้นไม่เคยรู้สึกเลย



          ว่าโรงเรียนนี้จะมีอะไรประหลาด ๆ  เกิดขึ้น

(ติดตามต่อพรุ่งนี้)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่