โรแมนติกแฟนตาซี : อาเดรียน่า บทที่ 7

กระทู้สนทนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


  สามวันต่อมาเทเลอัสได้ไปร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำกับองค์กษัตริย์และพระราชินีดั่งที่เขาได้พูดไว้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือนหลังเกิดเหตุการณ์ช่วงชิงผลึกเทพธิดา ท่ามกลางสายตาของเหล่าข้าราชสำนักเมื่อเห็นเทเลอัสก้าวเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ข้างบารอนมิลานิออนผู้เป็นบิดาของเขา กษัตริย์และเจ้าชายรัชทายาทมีรับสั่งทักทายและสนทนาเกี่ยวกับเรื่องงานของเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปรับสั่งกับบรรดาเสนาบดีและบารอนคนอื่นๆ ตามธรรมเนียมปฏิบัติเช่นทุกครั้ง

“เกิดเบื่อรสชาติธรรมดาในโรงอาหารของพวกทหารหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้มานั่งร่วมโต๊ะเสวย”บารอนมิลานิออนทักทายบุตรชายที่กำลังหั่นชิ้นเนื้อแกะในจานอาหารของตน


“บารอนมูมานัส”


“เออ...”บารอนมิลานิออนพยักหน้ารับช้าๆ ถึงแม้บุตรชายจะเอ่ยกลับมาสั้นแสนสั้น หากแต่ผู้เป็นบิดาก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างแจ่มชัด “ยังไม่ทันได้พูดคุยทำความรู้จักก็จะตัดไมตรีแล้วรึ ใจร้ายไปหน่อยหรือเปล่า”


“ตอนนี้ข้าก็ขึ้นชื่อเรื่องใจร้ายอยู่แล้ว จะเพิ่มระดับไปอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป”เทเลอัสบอกกลับเสียงเรียบเช่นเคย


“งานก็เยอะจนไม่ค่อยมีเวลาว่าง ไม่สนใจใคร แล้วยังทำตัวใจร้ายอีก เช่นนี้แล้วการปฏิเสธบุตรสาวบารอนมูมานัสก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะต่อไปบารอนคืนอื่นก็ต้องเสนอบุตรสาวของตนให้เจ้าอีก”ผู้เป็นบิดาปรายตามองบุตรชายที่ยังคงนั่งนิ่งไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน “หรือเกิดเปลี่ยนใจคิดอยากจะรับไมตรีของเจ้าหญิงคัสซันดร้า”มุมปากของท่านบารอนกระตุกรอยยิ้มเมื่อเห็นเทเลอัสถอนหายใจเฮือกใหญ่ รวบมีดและช้อนซ้อมแล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วหล้าขึ้นดื่มจนเกือบหมด


“เอ่ยเหย้าข้าได้ แต่อย่าเผลอพูดให้ใครได้ยินเชียว ข้ายังไม่อยากมีชื่อเสียงโด่งดังในทางนี้”


บารอนมิลานิออนชูแก้วเหล้าของตนพร้อมด้วยรอยยิ้ม พลางมองเทเลอัสที่กลับไปนั่งปั้นหน้านิ่งเหมือนเดิมราวกับรูปสลักจากหิน



เมื่อหมดช่วงเวลาของการรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน โต๊ะเก้าอี้ทั้งหลายก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปสำหรับการเต้นรำ ซึ่งกษัตริย์และพระราชินีทรงเป็นคู่เปิดฟอร์ลเต้นรำดั่งเช่นทุกครั้ง ไม่นานนักคู่อื่นๆก็เริ่มตามมาสมทบ ซึ่งในเวลานั้นเองเทเลอัสที่มีความคล่องแคล่วว่องไวสูงจนน่าตกใจ ได้หลบเลี่ยงบรรดาหญิงสาวทั้งหลายที่ต้องการเต้นรำกับเขา ก่อนเข้าประชิดตัวบารอนมูมานัสที่กำลังส่งยิ้มกว้างอย่างกระตือรือร้นมาให้


“ท่านเสนาฯ นานแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นท่านร่วมโต๊ะเสวยมื้อค่ำ แหมดีจริง วันนี้บุตรสาวข้ามาด้วย มา...เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักกัน”


“อย่าเพิ่งเรียกนางมาตอนนี้เลยจะดีกว่า”เทเลอัสเอ่ยห้ามก่อนที่บารอนมูมานัสจะไปหันร้องเรียกบัตรสาวของตนได้สำเร็จ “ข้ามาร่วมโต๊ะเสวยในค่ำนี้ก็เพราะต้องการคุยเรื่องนี้กับท่าน”


ตลอดระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น สีหน้าของบารอนมูมานัสได้เปลี่ยนแปลงไปหลากหลายอารมณ์อย่างไม่น่าเชื่อ จากแรกเริ่มที่มีแต่รอยยิ้มกว้างก็ค่อยๆ กลายเป็นสีหน้าสงสัยงุนงง จนเมื่อเทเลอัสเอ่ยความประสงค์ออกไปจนหมดสิ้น ใบหน้าสุดท้ายของท่านบารอนก็มีเพียงแค่ความห่างเหินเย็นชา ซึ่งก็ไม่ได้อยู่เหนือการคาดเดาของเทเลอัสเลยสักนิด


“ท่านเสนาฯ กลาโหม”


เทเลอัสซึ่งกำลังก้าวออกจากซุ้มประตูห้องโถงใหญ่หลังหมดธุระกับบารอนมูมานัสต้องชะงักฝีเท้าลงในทันที เพื่อหันกลับไปก้มตัวทำความเคารพให้กับเจ้าชายรัชทายาทที่ทรงกำลังเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา


“ตะวันเพิ่งลับขอบฟ้าไปไม่ถึงชั่วโมงเองนะ จะกลับแล้วรึ”เจ้าชายเมสเตอร์ตรัส ดวงเนตรสีน้ำตาลแลเลยไปยังเจ้าหญิงคัสซันดร้าพระขนิษฐาของพระองค์ ที่กำลังยืนกระสับกระส่ายด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง “ได้ข่าวซุบซิบจากพวกนางข้าหลวงว่าสกุลมูมานัสอยากเกี่ยวดองกับสกุลมิลานิออน”


เทเลอัสค่อยๆ ผ่อนลมหายใจยาว ก่อนตอบกลับ “นั่นเป็นความประสงค์ของท่านบารอน แต่ไม่ใช่สำหรับกระหม่อม”


“ปฏิเสธไปแล้วสินะ”เจ้าชายตรัส “หมู่นี้เจ้างานยุ่งมากเสียด้วย บารอนมิลานิออนคงต้องรอไปอีกนานกว่าจะได้อุ้มหลานจากลูกชายคนโต ระวังนะ...จะมีลูกไม่ทันข้า”


เทเลอัสยิ้มให้กับเจ้าชายรัชทายาทที่พระชันษาอ่อนกว่าเขาสามปี แต่ทรงมีทั้งโอรสและพระธิดาแล้วถึงสองพระองค์ “กระหม่อมมิบังอาจ”


เจ้าชายทรงสรวลเบาๆ “ท่านพ่อรับสั่งอยู่เสมอว่าท่านเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของแคว้นเรา ดังนั้นก็อย่ามัวแต่ทำงานจนลืมพักผ่อน และอย่าลืมคิดถึงเรื่องตัวเองบ้าง -- ดูเหมือนมีรอพส์จะมีเรื่องคุยกับเจ้านะ”


เทเลอัสมองตามสายพระเนตรของเจ้าชายที่แลเลยไปด้านหลังตน จริงดั่งที่รับสั่ง มีรอพส์กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าท่าทางบ่งชัดว่าหากวิ่งพรวดพราดเข้ามาได้โดยที่ไม่โดนอาญาหรือทำให้ใครตื่นตกใจ เจ้าตัวคงทำไปนานแล้ว


“มีอะไร”


เทเลอัสถามหลังลูกน้องก้มตัวทำความเคารพเจ้าชาย เมื่อมองจากระยะใกล้เขาจึงได้เห็นว่าเนื้อตัวของมีรอพส์นั่นชุ่มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าและแววตาบอกเป็นนัยน์ว่าเรื่องที่เขากำลังจะได้ยินคงไม่ใช่เรื่องเล็กซะแล้ว


“คือว่า...”


เจ้าชายเมสเตอร์ซึ่งยังคงประทับอยู่ด้วยสังเกตทีท่าของเสนาบดีกลาโหมขณะฟังรายงาน ด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบของลูกน้องคนสนิท และเพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาใบหน้าที่นิ่งเฉยของเขาก็ขึงตึง นัยน์ตาสีฟ้าตวัดมองลูกน้องอย่างรวดเร็ว


“ข้าแจ้งให้ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ทราบแล้ว”มีรอพส์บอก พลางชี้นำให้เทเลอัสมองไปยังบรรดาราชองครักษ์ที่ตรึงกำลังไว้รอบห้องโถงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


“เจ้าชาย--”


“รีบไปเถอะท่านเสนาฯ อย่ามัวกังวลเรื่องพิธีรีตองกับข้าอยู่เลย”เจ้าชายเมสเตอร์รับสั่ง


เทเลอัสก้มตัวทำความเคารพเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงรีบรุดออกไปพร้อมมีรอพส์ในทันที


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่