[CR] จากบ้านไปไกล สู่ดินแดนอาทิตอุทัย ตอนที่ 1 เกียวโต เมืองหลวงเก่าโลกจารึก

**คำแนะนำ: รีวิวผมเป็นรีวิวกาก ๆ ที่ไม่ได้ใส่รายละเอียดหรือว่าหาข้อมูลแนะนำต่าง ๆ ใส่ไว้ให้นะครับ
เป็นเพียงแค่สิ่งที่ผมอยากเล่าให้ฟังกับประสบการณ์ที่ได้เดินทางไป ได้พบ ได้เจอเรื่องราวต่าง ๆ
แล้วก็อยากแชร์ภาพถ่ายให้ดู คิดซะว่าอ่านเล่น ๆ ยามว่างแล้วกันนะครับ
ภาษา คำพูด การเขียน ไม่ถูกตามอักขระ ความรุนแรง ไม่เหมาะแก่เยาวชน นะครับ กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับลม..เอ่ย..รับชม ด้วย



     การเดินทางครั้งนี้มันเป็นโอกาสอันดีโคตรๆ กับหนุ่มพนักงานออฟฟิตกะหล่งโป๊งคนนึง ผู้ซึ่งไม่เคยเดินทางไปอยู่ต่างแดนเป็นเวลานาน ๆ
ไม่เคยใช้ชีวิตลำพังต่างแดนในดินแดนที่แมร่งคุยกะใครก้อไม่รู้เรื่อง มีตัวหนังสือเชี่ยไรเต็มไปหมด แต่ความรู้สึกตัวเองกลับตรงข้าม ทั้งสนุก ทั้งลั๊นลา ในใจคิด ”นี่บริษัทส่งกรูมาทำงานรึมาเที่ยววะเนี่ย”
     พนักงานบริษัทญี่ปุ่นเงินเดือนต๊อกต๊อยคนหนึ่ง ถูกบริษัทส่งตัวไปบริษัทแม่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการเทสเสียงและการสั่นสะเทือน เป็นเวลา 61 วัน ก่อนไปก้อได้เรียนญี่ปุ่นพื้นฐานมินนะโน๊ะจบ 4 เล่ม ก้อพอจะเข้าใจอะไรงูๆ ปลาๆ ได้บ้าง ที่เหลือเค้าให้ไปตายเอาดาบหน้า 55+
     ออกจากกรุงเทพ มุ่งตรงสู่ สนามบินนาโกย่า ด้วยเวลา 6 ชั่วโมง ก้าวแรกที่ถึงญี่ปุ่น เดินเข้าประเทศด้วยความมั่นใจ ผ่านด่าน ตม แบบไม่สะถกสะท้าน กับหน้าตาที่ไว้หนวดเคร้าเฟิ้มเลย ไอ้เราก้ออุตสาห์รีบเดินออกมาเพราะคนที่เมืองใทยบอกว่าให้รีบออก เด๋วไม่ทันรถเมย์นะ ไอ้เราก้อจั้มเอาจั้มเอา เดินมาถามประชาสัมพันธ์ซะดิบดี
“เออ....ขอโทดด้วยคะ รถเมย์เพิ่งออกไปเมื่อ 5 นาทีที่แล้วเอง” อ้าวกรู..แล้วจะรีบจั้มมาทำไมฟระ นั่งหลับรอต่อไปอีกชั่วโมงครึ่ง

สนามบินนาโกย่า


     ในที่สุดก้อถึงโรงแรมที่เมืองคาริยะ เมืองเดียวกับบริษัทแม่ตั้งอยู่ ผมต้องเดินไปทำงานทุก ๆ เช้า ช่วงที่ผมไป เป็นช่วงเดือน มิถุนา ถึงสิงหา ซึ่งเป็นช่วงที่ร้อนเชี่ย ๆ ขนาดว่าเรามาจากเมืองไทย ยังรู้สึกว่าร้อนกว่าเมืองไทยเยอะอะ



     และแล้วเสาร์อาทิตย์แรกก้อมาถึง เยสสส ..ไปเกียวโตกันเรยค้าบ สัปดาห์แรก นึกไรไม่ออก เอาเกียวโตนี่แหละวะ ไม่ไกลมาก ที่เที่ยวเยอะดี เย็นวันศุกร์ซื้อตั๋วรถไฟไว้รอ เป็นตั๋วชิงคังเซ็นไปกลับ พอวันเสาร์รีบตื่นแต่เช้า เพราะต้องไปขึ้นรถไฟเที่ยวแรกที่ออกจากเมืองคาริยะตอนตีห้าครึ่งไปลงไปสถานีนาโกย่า จากนั้นต่อชิงคังเซ็นจากนาโกย่าถึงเกียวโต แบบชิว ๆ แต่ไอ้ตอนเปลี่ยนรถไฟเนี่ย ไม่ค่อยจะชิวเท่าไหร่ สถานีรถไฟที่ญี่ปุ่นแมร่งยังกะสนามบินบ้านเรา ลงจากชานชาลาที่ 2 วิ่งไปต่อชานชาลาที่ 20 ระยะทางซัก 200 เมตร คนยั้วเยี้ยยังกะรังมด มีเวลาวิ่งไป 5 นาที แทบตายอะ

ระหว่างรอรถไฟ ที่เห็นในภาพนี่ตีห้าสี่สิบนะครับ สว่างยังกะแปดโมงบ้านเรา


     ไปถึงเกียวโตตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า อะไร ๆ ก้อยังไม่เปิด .. อ้าวกรู แล้วจะไปเที่ยวไงอะ ไม่รู้ไรซ๊ากกาอย่าง กะว่าไปตายดาบหน้าอย่างเดียวเลย ต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ได้เตรียมว่าจะต้องไปไหน เพราะไม่รู้จักว่ามีไรบ้าง กะว่าไปถามเอาที่เซอร์วิสท่องเที่ยวเอา เนื่องจากที่ญี่ปุ่นเค้าดีมาก ตอบได้ทุกอย่าง มีแผนที่พร้อมทุกเมือง ไม่จำเป็นตรงเตรียมตัวก้อได้นะครับ สำหรับใครที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่นเอง เจ้าหน้าที่เค้าพูดภาษาอังกฤษได้ดี



     ลืมบอกไป ผมมาอยู่ญี่ปุ่นประมาณ 8 สัปดาห์ ก้อตั้งใจว่าต้องออกเที่ยวทุกสัปดาห์ครับ เพื่อไม่ให้เสียโอกาส บริษัทอุตสาห์ส่งผมมาตั้งไกล 55+ (แถมให้ตังค์ไว้เที่ยวซะเยอะเรย) ทางบริษัทจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ผมพอ ๆ กับเงินเดือนสตาร์ทของคนญี่ปุ่นครับ ด้วยเงินขนาดนี้ แน่นอน อยู่แบบราชาอะ ข้าวเช้ากินที่โรงแรม ข้าวแที่ยงสี่ร้อยเยนไม่เกิน
ข้าวเย็นซื้อข้าวลดราคาจากห้างข้างโรงแรม 100-200 เยน สัปดาห์นึงใช้เงินไปทำงานแค่สามพันกว่า ๆ เยน ที่เหลือก้อเปรมอ่าดิ
     ค่าครองชีพที่นี้ ถ้าเทียบเป็นเงินไทย ก้อถือว่าแพงอยู่ อย่างน้ำกดตู้ 600ซีซี ขวดละ 110 เยน (35 บาท) แต่จิง ๆ แล้ว เงินร้อยเยน ใช้เหมือนเงินสิบบาทบ้านเรานะครับ
จึงถือได้ว่าค่าครองชีพไม่แพงนะ ในความคิดผม ถูกกว่าอยู่เมืองไทยด้วยซ้ำ



     หลังจากได้แผนที่ ก้อพร้อมเดินทาง สู้เมืองมรดกโลกแล้วครับ ผมเลือกใช้บริการรถนำเที่ยวแบบวันเดียว ราคาประมาณ 2000 เยน เค้าจะไปส่งตามจุดไฮไลท์ต่าง ๆ ซึ่งแวะหลายที่มาก แต่ผมเลือกลงเฉพาะที่ที่เป็นมรดกโลกเท่านั้นครับ
ที่แรกเป็นวัดชื่ออะไรผมจำมะด้ายแล้ว ต้องขอโทษด้วย





เดินทางต่อเป็นปราสาทนิโจ เนื่องจากข้างในเค้าไม่ให้ถ่าย (แต่แอบได้นะ)
ที่นี้ผมได้เจอกับคนเปรู แบคแพคมาเที่ยวคนเดียว มาขอให้ถ่ายรูปให้เค้าหน่อย ผมก้อจัดให้ไป
ปราสาทนี้ข้างในสวยมากครับ อยากเอามาทำเป็นบ้านตัวเองเรย ทางเดินยังกะในการ์ตูนอิกคิวซัง





จากนั้น ต่อที่ปราสาททอง คิงคะคุจิ
ที่นี้หลายคนน่าจะรู้จักช่ายป่าว ถ่ายรูปตามมุมมหาชน (มันมีให้ถ่ายแค่นี้อะ) คนแมร่งเยอะตามเคย
ตอนกลับออกมารอรถ เจอไอ้คนเปรูนั้นอีก คราวนี้เลยตีซี้เลย เค้าบอกเดินทางไปเที่ยวมาแล้วทั่วเอเชีย (อิจฉาวะ) ไม่รุมันทำงานเชี่ยไร ถึงมีเงินเที่ยวได้ตลอดปี




จิง ๆ แล้วปราสาทเงิน กิงคะคุจิ ก้อไปนะครับ แต่ว่าฝนตกแรง เลยเก็บกล้อง เดินกางร่มอย่างเดียวเบย
ปราสาทเงินสร้างมาคู่กัน แต่ว่ายังสร้างไม่ทันเสร็จ เกิดเหตุการณ์อะไรซักกาอย่าง ทำให้หยุดการสร้างไป

ต่อไปที่วัดจีนจำชื่อมะด้ายอิกเหมือนกัน กะลังถ่ายรูปอยู่ดีดี มีคนทำพิธีแต่งงานเดินออกมากลุ้มใหญ่ ดีใจมาก
ได้เห็นอะไรแบบนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังจากนั้น ฝนก้อเริ่มตก แอบเซ็งนิดนึง เค้าว่ากันว่า ใครมาญี่ปุ่นแล้วไม่เจอฝนตกนี่ มาไม่ถึงนะค๊าบ แสดงว่ากรูนี่ก้อมาถึงแล้วซินะ






นั่งรถออกมาต่อกันที่วัดคิโยมิซึ คนไทยเรียกกันว่าวัดน้ำใส มีในโปรแกรมทัวร์ทุกทัวร์ครับ
ท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปราย (ลำบากจิง ๆ ) แต่ว่าเวลาเห็นสาวญี่ปุ่นใส่ชุดกิโมโนออกมาเดินเที่ยวตามสถานที่ประวัตศาสตร์
มันมีความสุขแปลก ๆ โผล่มาในหัวใจ ถ้าเมืองไทยมีคนแต่งชุดไทยเดินเที่ยวบ้างคงจะดีนะ




บางทีผมรู้สึกอิจฉาเด็กญี่ปุ่นนะ เค้ามีของดีดีอยู่เยอะแยะมากมาย ให้ได้ไป
คนอธิบายก้ออธิบายเด็ก ๆ อย่างสนุกสนาน ไม่มีท่าทางว่าเป็นแค่นักเรียนแล้วจะไม่อยากพูดเลย
เด๋วรีวิวต่อ ๆ ไปจะเล่าความอิจฉาของผมต่อเด็กญี่ปุ่นให้ฟังอิก





หมดวันแล้วครับ ตอนกางคืนเดินออกมาเล่น ๆ กะว่าจะถ่ายรูป แต่ว่าบรรยากาศมันไม่ให้แก่การถ่ายรูปเรยวะ เรยไม่ค่อยจะได้ถ่าย
เดิน ๆ ไปเจอเจ้าพ่อ นั่งรถลีมูซีนคันยาวมาจอดแถว ๆ ย่านเที่ยวผู้หญิง มีเด็กรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้ แมร่งโคตรไฮโซอะ
จะบอกว่าที่ญี่ปุ่น มีร้านออรัลเซ็กซ์เยอะมากนะครับ ราคาชั่วโมงนึงราวหมื่นห้าถึงหมื่นแปดพันเยน ส่วนร้านอย่างว่าเลยเนี่ยก้อมีทุกเมืองเหมือนกัน ราคาครึ่งชั่วโมงประมาณสองหมื่นเยน เรื่องหน้าตาไม่ต้องห่วง แค่เห็นก้ออยากจะฟินแล้วครับ เอวีโคตร ๆ หนุ่ม ๆ ท่านใดต้องการลายแทง เด๋วผมทิ้งไว้ให้ ตอนรีวิวตอนหน้าเมืองโอซาก้านะครับ



เช้าวันถัดมา ออกจากโฮสเทลแต่เช้า มาเก็บบรรยากาศเมือง เมืองเกียวโตเอง เป็นเมืองเล็ก ๆ มีรถเมย์ไม่กี่สาย ดูง่ายครับ แผนที่บอกไว้ให้เป็นสี ๆ ของสายรถเมย์เลย





อยู่ที่นี้ เวลาเห็นสาว ๆ ญี่ปุ่นแล้วอยากจะกรี๊ด นู๋อยากได้ นู๋จะอาววววว
ความคิดผุดถึงดาราเอวีในหนังผู้ใหญ่ที่ดูประจำ ๆ ทันทีเลยอะ งามขนาดเน้อ
ใครบอกสวยแต่ในหนัง ใครบอกสาวญี่ปุ่นขาใหญ่ ใครบอกว่าหน้าไม่สวย กลับไปดูใหม่เลยปะ





เช้านี้ผมเดินทางไปที่วัดฟูชิมิ สถานที่ที่มีเสาที่เรียกว่าโทเรอิ จำนวนมหาศาลเรียงรายตลอดทางเดินขึ้นเขา
หากใครมาที่นี้ ไม่ต้องเดินไปจุดสูงสุดนะครับ เหนื่อยป่าว ไม่มีวิวสวย มีแต่ความเหนื่อยยังกะขึ้นภูกระดึง เดิน ๆ ไป ก้อเหมือน ๆ กับตอนแรก ๆ นั้นแหละ








ต่อกันที่สุดท้าย ก่อนกลับนาโกย่า ไปวัดเซ็นโซ วัดนี้เป็นวัดไม้ห้าชั้น  มีสวนให้เดินเล่นด้วย แต่เสียดายเค้ามะให้ขึ้น


แค่ทริปแรกที่ออกเดินทางในญี่ปุ่น ผมบอกตัวเองเลย ว่ารักประเทศนี้จัง บ้านเมืองสะอาด ปลอดภัย อยู่ที่นี้สองเดือน ไม่เคยเจออุบัติเหตุนะ ผู้หญิงก้อน่ารัก ขาวทุกคนอะ มองไปทางไหนก้อขาว (หื่นเลย!!) เดินทางสะดวกฝุด ๆ อาหารก้อดี แหล่งอบายมุขก้อเยอะ
คนที่นี้ก้อดี ถึงไม่ค่อยยิ้ม แต่ถ้าเข้าไปทักเค้าคุยดีนะ กรูอิจฉาคนญี่ปุ่นวะ




โปรดติดตามเรื่องราวตอนต่อไปนะครับกับ จากบ้านไปไกล สู่ดินแดนอาทิตอุทัยตอนที่ 2 โอซาก้า เมืองหลวงแห่งคันไซ
http://pantip.com/topic/31243734
ชื่อสินค้า:   เกียวโต
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่