กระทู้นี้มาด้วยอารมณ์เต็มๆล้วนๆ อย่างที่เราๆท่านๆได้เห็นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับ แมนยูไนเต็ด ที่พวกเราเชียร์กันมา
เกมส์กับเซาท์แธมตันวันนี้ ถ้าเป็นปกติ การเล่นกับทีมระดับกลางถ้าว่ากันตามตรง(แต่อันดับเค้าเหนือกว่าเรานะ หึหึ)
ถ้าเป็นปกติ อย่างเซาธ์ อย่างเวสบรอมพวกนี้ ถ้าเราเล่นในบ้าน อย่างน้อยๆแต้มในตารางคะแนนต้องรอใส่แล้ว 3 แต้มเต็ม
คือไม่ว่าจะไปกากนอกบ้าน หรือไปแพ้ทีมใหญ่ๆอย่างซิตี้ เชลซี อาร์เซนอล ลิเวอร์พูลก็ตาม ผมถือว่าเป็นเรื่องปกติของแมนยูไนเต็ด
เพราะตอนป๋าอยู่ สภาพก็ไม่ต่างกันต้องลุ้นเป็นนัดๆ
แต่สิ่งที่แมนยูไนเต็ดทำได้มาตลอดร่วม2ทศวรรษตั้งแต่ป๋าทำทีมได้แชมป์ลีกครั้งแรก นั่นคือการ "ตบเด็ก"
อันเป็นสิ่งที่แมนยูไนเต็ดสามารถทำได้ดีมาตลอด การเก็บแต้มจากทีมที่เล็กกว่าอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้เราเป็นแชมป์ได้
แม้จะโดนทีมเก่งๆทีมอื่นถลุงคาบ้าน หรือบุกไปโดนเค้ายัดเยียดความปราชัยให้ก็ตาม มันเป็นแค่ 1 ใน 38 นัดเท่านั้น
เราผ่านกันมาด้วยสิ่งนี้โดยตลอด
แต่ฤดูกาลนี้ ผมเฝ้ามองมาหลายนัดแล้ว สิ่งที่เดวิด มอยส์ ทำให้แมนยูไนเต็ดมีปัญหา มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
นั่นก็คือ แม้กระทั่งในบ้านตัวเอง เรายังไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนเต็มจากทีมที่มีขนาดเล็กกว่าได้
ดังนั้นไม่ต้องไปพูดถึงการไปบุกทีมใหญ่ หรือการมีทีมใหญ่มาเยือนแน่นอน
และผมเชื่อว่า นี่เป็นปัญหาหนักระดับที่ต้องเรียกว่า Seriously ได้แล้วในตอนนี้ หลังจากเฝ้าดูมาหลายๆเกมส์ รวมถึงในUCLด้วย
สิ่งที่มอยส์ทำให้แมนยูไนเต็ดหายไป และเป็นสิ่งเดียวกับที่พวกเราเคยเห็นจากยูไนเต็ดและเรียกว่า
สปิริตนักสู้ ที่สู้จนวินาทีสุดท้าย
วันนี้แมรร่งก็ได้เห็นมาเพิ่มอีกอย่าง สิ่งที่เป็นความ"บกพร่องงงงง" ขั้นรุนแรงอีกอย่างนึงของมอยส์ นั่นก็คือ
Philosophy หรือ ปรัชญาในการควบคุมทิศทางของทีมในการแข่งขัน
ถ้าใครเล่นเกมส์คุมทีมสมัยใหม่อย่างFMเป็นต้น อาจจะคุ้นเคยกับการเลือกให้ทีมบุก ตั้งรับ รอสวน สแตนดาร์ด บุกกระหน่ำ รถบัสขวาง ฯลฯ
ไอ้ตรงนั้นแหละครับคือ Strategyของทีม คือแกนของแผนการเล่นที่จะเลือกว่า จะบุก หรือจะรับนั่นแหละ
ปรัชญาของมอยส์นั้น นอกจากจะไม่มีความเป็นนักสู้ที่ต้องบุกเพื่อทวงคืน นั่นก็ขี้แพ้มากพออยู่แล้ว
แต่สิ่งที่มอยส์ไม่มีเลยนั่นคือ "จิตใจที่อยากจะเอาชนะ" นั่นแหละ เรียกว่าความกระหายที่ไม่รู้จักพอนั่นเอง
ตลอด20ปีที่ผมดูทีมของเซอร์อเล็กซ์มา แฟนบอลรู้สึกได้มาตลอดว่า ทีมเรามันเป็นทีม"บุก" ที่ไม่ว่าจะเยือนหรือบ้าน
มันจะขึ้นคำว่า Attacking อยู่เสมอๆตลอดเวลา การผ่อนเกมส์บ้างบางครั้งนั่นคือจังหวะของเกมส์ แต่บอกตามตรงว่า
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ดูแมนยูไนเต็ดแล้วรู้สึกว่า Attacking ที่ว่านี่มันจะหายไปเลย อยู่กับป๋ารู้สึกตลอดว่า ทีมเรามันไม่เคยพอหรอก
ถ้าบุกก็ต้องบุกต่อไปเรื่อยๆ ป๋าเองก็มีประสบการณ์มาแล้ว ช่วงต้นศตวรรษที่21 ปี 2001-2005 ช่วงนั้นมีอยู่บ้างที่ พอนำ1-0 แล้วเลิกบุก
สุดท้ายก็โดนจนได้ ไอ้ประเภทเล่นเกมส์รับกันหนาแน่นได้ครบ 90 นาทีแบบเป๊ะๆนี่ แทบจะนับได้นัดต่อนัด
ดังนั้นป๋าเห็นจุดอ่อน ปีหลังๆมาป๋าก็ไม่เคยทำแบบนั้นกับทีมอีกเลย
นั่นแหละครับ คือปรัชญาการทำทีมของป๋า ที่แฟนแมนยูไนเต็ดรู้สึกได้มาโดยตลอดว่า ทีมเราเหนือกว่า ต้องบุก และ
ต้องชนะเท่านั้น
แต่เดวิดมอยส์ มันไม่มีสิ่งนี้ให้เห็นเลย ปรัชญาของมอยส์คือการ "เสมอตัว" และ
ขาดความทะยานอยากในเชิงฟุตบอลอย่างแท้จริง
นำ1ลูก มีโอกาสบดขยี้เพื่อความชัวร์ ไม่ทำ แต่ไม่รู้ใช้ส่วนไหนคิดกับการปรับแทคติคที่คิดแต่ว่า "กรูจะเอาแค่1-0" นี่แหละ
มันทำให้โมเมนตัมของทีมเราที่กำลังบุก กำลังไหลอยู่ มันหยุดชะงักไปจริงๆ รอบนี้เป็นที่ managerโดยตรงไม่ใช่ที่นักเตะ
เพราะการพอใจแค่นั้น นอกจากมันจะไม่ใช่แมนยูไนเต็ดแล้ว มันจะทำให้ทีมรวนแล้วอีกฝ่ายก็หันมาแว้งเขี้ยวกัดได้โดยตรง
เพราะไอ้ที่คิดว่า กรูจะเอาแค่นี้แหละ มันถึงกลายเป็นการเล่นรอเวลาโดนเท่านั้น..
นี่ผมด่าแค่เรื่องphilosophyล้วนๆเลยนะครับ
ยังไม่ต้องด่าไปถึงขั้นตอนต่อไปคือการปรับแทคติกอย่างโง่ๆ เรื่องการส่งเวลบ์ลงมานั้น ถูกครึ่งผิดครึ่ง
ถูกคือ ตามตำแหน่ง ใช่ เวลเบ็คเล่นหน้าข้างได้ในตำแหน่ง winger หรือ inside forward ก็ตามแต่ คุณถูก
แต่ที่ผิดคือ เพราะมันเป็น "เวลเบ็ค" นี่แหละ หลายคนอาจจะขำ ผมไม่ได้ขำ
เวลเบ็คคือนักเตะที่เหมือนเป็นลูกระเบิดของทีมๆนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในยามที่เค้าเล่นดี เค้าจะระเบิดคู่ต่อสู้กระจุยเป็นชิ้นๆได้จริงๆ
เหมือนที่เราดูฟอร์มในทีมชาติอังกฤษ มร่ามขยันยิงจริงๆ ตรงด้วย กดแต่ละลูกนี่เข้าข้อเต็มตรีนทั้งนั้น
แต่ในบางครั้ง ความขาดๆเกินๆของเวลบ์ มันก็ทำให้ทีมตัวเองล่มได้เหมือนกัน เคยจำได้ใช่ไหมที่มันเสียบอลหน้าแผงหลัง
แล้วทีมเราก็โดนสำเร็จโทษ เคยเห็นไหมที่เกมส์บุกจบเพราะเวลบ์ แล้วโดนสวนเป็นประตู บ่อยมาก
ดังนั้น การส่งลงไป ในเกมส์ตึงเครียดที่ "ทุกอย่างยังไม่แน่นอน" แบบนี้ เวลบ์เป็นได้ทั้งข้อเสียและข้อดี
แต่วันนี้เห็นแล้วว่า ระเบิดคาอกตัวเอง ชัดเจน ไม่มีประโยชน์ในเกมส์บุก เก็บบอลไม่ได้ ..
ต้องพูดคุยกับนักเตะคนนี้แล้วว่า ทำไมเล่นให้สโมสรเป็นแบบนี้ เล่นให้ทีมชาติเป็นอีกแบบ ผิดที่รูปแบบทีมของสโมสรรึเปล่า
ต้องดูกันอีกที
อีกดอกที่ผมแมรร่งโคตรเซ็งที่สุดนอกจากเรื่องไม่ได้สามแต้มแล้ว คือการเปลี่ยนที่โง่ที่สุดอีกครั้งนึงด้วยการถอดรูนีย์ออก แล้วส่งเซนเตอร์ตัวที่สามลงไปในสนามนั่นแหละ .. คุณทำให้สมดุลทีมเสียอย่างรุนแรงด้วยการเอาตัวรับไปกองกันด้านหลังอย่างเดียว
แล้วพื้นที่อื่นในสนาม???? ได้คิดบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะแน่นอนว่า ถึงแม้คุณจะมีกำแพงที่หนาแน่นตั้งตระหง่านขนาดไหน
แต่พื้นที่อื่นๆในสนามเป็นของเค้าหมด เตะบอลออกมาเค้าก็เก็บได้หมดและหาทางบุกเราเรื่อยๆ
นี่คือจุดล่มสลายเดียวกับการที่มีกำแพงหนา แต่คู่ต่อสู้สามารถบุกยิงได้จากทุกๆจุด จนกระทั่งกำแพงที่ว่ามันก็เอาไม่อยู่
เพราะโดนทุกทิศทางแบบนี้ไง
เช่นกัน การเอากองหลังตัวที่3ไปกองแบบนี้ ผมไม่เคยเห็นเฟอร์กี้ทำ
และเป็นการเปลี่ยนตัวที่เลวร้ายที่สุดจริงๆที่ผมต้องทนเห็นแมนยูไนเต็ดเป็นอยู่ในทุกวันนี้
จริงๆก็คิดในใจเล่นๆตอนเวลบ์ลงมาแล้วว่า เอาวะ ถ้าวันนี้กุเสมอ มีแพะละ คิดเล่นๆฮาๆ
แต่ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้วว่า 2คะแนนที่หายไปวันนี้ คือความรับผิดชอบของคุณเต็มๆ เดวิด มอยส์
ในวันนี้ผมยังไม่ไล่คุณหรอก ผมจะอดทนดูต่อๆไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเริ่มนานวัน แล้วผมมั่นใจว่า ทรงของแมนยูไนเต็ดจะไม่มีทางคว้าแชมป์ได้เลย
ด้วยทัศนคติแบบคนทำทีม"สไตล์ช้า" เน้นเอาเสมอตัวเมื่อไหร่ เมื่อนั้นผมจะออกมาพูดคำว่า "

ออกไปเหอะ" แน่นอน
และช่วยเลิกยึดติดกับเอฟเวอร์ตันสักทีนะครับคุณ ไม่ต้องไปสอยเด็กเก่าสอยสตาฟฟ์มาแล้ว ตอนนี้คุณคือคนของunitedแล้ว
scout rangeของทีมใช่ว่าจะกากๆ ช่วยใช้หน่อย ไม่ใช่เอะอะก็มีข่าวจะดึงจากเอฟฯมา ขอเหอะ เหนื่อยใจ-/\-
ใช้เวลาปรับทีมไม่ว่ากัน แต่ช่วยกรุณาปรับปรัชญาการทำทีมหน่อย(โว้ย)ครับ
เซ็ง..
และดูแล้ว ไอ้สิ่งที่เรียกว่าทรงบอลและจิตวิญญาณเก่าๆของทีม คงไม่คืนมาแน่ๆ เพราะงั้น บอกตามตรงเหมือนหัวกระทู้เลยว่า
ปีนี้ผมไม่คิดว่าเราจะได้แชมป์อะไรเลย แม้แต่รายการเดียว
การเล่นกีฬา คนที่จะเป็นผู้ชนะได้ มันต้องมีอีโก้อะไรเล็กๆอยู่ในหัวตลอดเวลาว่า กุเจ๋ง กุเหนือกว่า และกุต้องชนะ ต้องชนะๆๆๆๆ
ซึ่งเดวิดมอยส์ ทำทีมโดยที่ไม่ได้มีความคิดที่ว่า "กุจะต้องชนะเท่านั้น" เลยในหัว อย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว..
ถ้าไม่รีบปรับทัศนคติการทำทีม คนที่แมรร่งพอใจกับการเสมอตัวแบบมอยส์ มันก็เหมาะกับการประคองทีมกลางตารางไม่ให้ตกชั้น
แต่ไม่มีทางที่จะได้ถ้วยแชมป์มาครองหรอกครับ
[แมนฯยูไนเต็ด] แทคติกป่วยๆกับการทำทีมอันห่วยแตก ปีนี้คงเลิกหวังแชมป์รายการต่างๆได้แล้ว
เกมส์กับเซาท์แธมตันวันนี้ ถ้าเป็นปกติ การเล่นกับทีมระดับกลางถ้าว่ากันตามตรง(แต่อันดับเค้าเหนือกว่าเรานะ หึหึ)
ถ้าเป็นปกติ อย่างเซาธ์ อย่างเวสบรอมพวกนี้ ถ้าเราเล่นในบ้าน อย่างน้อยๆแต้มในตารางคะแนนต้องรอใส่แล้ว 3 แต้มเต็ม
คือไม่ว่าจะไปกากนอกบ้าน หรือไปแพ้ทีมใหญ่ๆอย่างซิตี้ เชลซี อาร์เซนอล ลิเวอร์พูลก็ตาม ผมถือว่าเป็นเรื่องปกติของแมนยูไนเต็ด
เพราะตอนป๋าอยู่ สภาพก็ไม่ต่างกันต้องลุ้นเป็นนัดๆ
แต่สิ่งที่แมนยูไนเต็ดทำได้มาตลอดร่วม2ทศวรรษตั้งแต่ป๋าทำทีมได้แชมป์ลีกครั้งแรก นั่นคือการ "ตบเด็ก"
อันเป็นสิ่งที่แมนยูไนเต็ดสามารถทำได้ดีมาตลอด การเก็บแต้มจากทีมที่เล็กกว่าอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้เราเป็นแชมป์ได้
แม้จะโดนทีมเก่งๆทีมอื่นถลุงคาบ้าน หรือบุกไปโดนเค้ายัดเยียดความปราชัยให้ก็ตาม มันเป็นแค่ 1 ใน 38 นัดเท่านั้น
เราผ่านกันมาด้วยสิ่งนี้โดยตลอด
แต่ฤดูกาลนี้ ผมเฝ้ามองมาหลายนัดแล้ว สิ่งที่เดวิด มอยส์ ทำให้แมนยูไนเต็ดมีปัญหา มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
นั่นก็คือ แม้กระทั่งในบ้านตัวเอง เรายังไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนเต็มจากทีมที่มีขนาดเล็กกว่าได้
ดังนั้นไม่ต้องไปพูดถึงการไปบุกทีมใหญ่ หรือการมีทีมใหญ่มาเยือนแน่นอน
และผมเชื่อว่า นี่เป็นปัญหาหนักระดับที่ต้องเรียกว่า Seriously ได้แล้วในตอนนี้ หลังจากเฝ้าดูมาหลายๆเกมส์ รวมถึงในUCLด้วย
สิ่งที่มอยส์ทำให้แมนยูไนเต็ดหายไป และเป็นสิ่งเดียวกับที่พวกเราเคยเห็นจากยูไนเต็ดและเรียกว่า สปิริตนักสู้ ที่สู้จนวินาทีสุดท้าย
วันนี้แมรร่งก็ได้เห็นมาเพิ่มอีกอย่าง สิ่งที่เป็นความ"บกพร่องงงงง" ขั้นรุนแรงอีกอย่างนึงของมอยส์ นั่นก็คือ
Philosophy หรือ ปรัชญาในการควบคุมทิศทางของทีมในการแข่งขัน
ถ้าใครเล่นเกมส์คุมทีมสมัยใหม่อย่างFMเป็นต้น อาจจะคุ้นเคยกับการเลือกให้ทีมบุก ตั้งรับ รอสวน สแตนดาร์ด บุกกระหน่ำ รถบัสขวาง ฯลฯ
ไอ้ตรงนั้นแหละครับคือ Strategyของทีม คือแกนของแผนการเล่นที่จะเลือกว่า จะบุก หรือจะรับนั่นแหละ
ปรัชญาของมอยส์นั้น นอกจากจะไม่มีความเป็นนักสู้ที่ต้องบุกเพื่อทวงคืน นั่นก็ขี้แพ้มากพออยู่แล้ว
แต่สิ่งที่มอยส์ไม่มีเลยนั่นคือ "จิตใจที่อยากจะเอาชนะ" นั่นแหละ เรียกว่าความกระหายที่ไม่รู้จักพอนั่นเอง
ตลอด20ปีที่ผมดูทีมของเซอร์อเล็กซ์มา แฟนบอลรู้สึกได้มาตลอดว่า ทีมเรามันเป็นทีม"บุก" ที่ไม่ว่าจะเยือนหรือบ้าน
มันจะขึ้นคำว่า Attacking อยู่เสมอๆตลอดเวลา การผ่อนเกมส์บ้างบางครั้งนั่นคือจังหวะของเกมส์ แต่บอกตามตรงว่า
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ดูแมนยูไนเต็ดแล้วรู้สึกว่า Attacking ที่ว่านี่มันจะหายไปเลย อยู่กับป๋ารู้สึกตลอดว่า ทีมเรามันไม่เคยพอหรอก
ถ้าบุกก็ต้องบุกต่อไปเรื่อยๆ ป๋าเองก็มีประสบการณ์มาแล้ว ช่วงต้นศตวรรษที่21 ปี 2001-2005 ช่วงนั้นมีอยู่บ้างที่ พอนำ1-0 แล้วเลิกบุก
สุดท้ายก็โดนจนได้ ไอ้ประเภทเล่นเกมส์รับกันหนาแน่นได้ครบ 90 นาทีแบบเป๊ะๆนี่ แทบจะนับได้นัดต่อนัด
ดังนั้นป๋าเห็นจุดอ่อน ปีหลังๆมาป๋าก็ไม่เคยทำแบบนั้นกับทีมอีกเลย
นั่นแหละครับ คือปรัชญาการทำทีมของป๋า ที่แฟนแมนยูไนเต็ดรู้สึกได้มาโดยตลอดว่า ทีมเราเหนือกว่า ต้องบุก และต้องชนะเท่านั้น
แต่เดวิดมอยส์ มันไม่มีสิ่งนี้ให้เห็นเลย ปรัชญาของมอยส์คือการ "เสมอตัว" และขาดความทะยานอยากในเชิงฟุตบอลอย่างแท้จริง
นำ1ลูก มีโอกาสบดขยี้เพื่อความชัวร์ ไม่ทำ แต่ไม่รู้ใช้ส่วนไหนคิดกับการปรับแทคติคที่คิดแต่ว่า "กรูจะเอาแค่1-0" นี่แหละ
มันทำให้โมเมนตัมของทีมเราที่กำลังบุก กำลังไหลอยู่ มันหยุดชะงักไปจริงๆ รอบนี้เป็นที่ managerโดยตรงไม่ใช่ที่นักเตะ
เพราะการพอใจแค่นั้น นอกจากมันจะไม่ใช่แมนยูไนเต็ดแล้ว มันจะทำให้ทีมรวนแล้วอีกฝ่ายก็หันมาแว้งเขี้ยวกัดได้โดยตรง
เพราะไอ้ที่คิดว่า กรูจะเอาแค่นี้แหละ มันถึงกลายเป็นการเล่นรอเวลาโดนเท่านั้น..
นี่ผมด่าแค่เรื่องphilosophyล้วนๆเลยนะครับ
ยังไม่ต้องด่าไปถึงขั้นตอนต่อไปคือการปรับแทคติกอย่างโง่ๆ เรื่องการส่งเวลบ์ลงมานั้น ถูกครึ่งผิดครึ่ง
ถูกคือ ตามตำแหน่ง ใช่ เวลเบ็คเล่นหน้าข้างได้ในตำแหน่ง winger หรือ inside forward ก็ตามแต่ คุณถูก
แต่ที่ผิดคือ เพราะมันเป็น "เวลเบ็ค" นี่แหละ หลายคนอาจจะขำ ผมไม่ได้ขำ
เวลเบ็คคือนักเตะที่เหมือนเป็นลูกระเบิดของทีมๆนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในยามที่เค้าเล่นดี เค้าจะระเบิดคู่ต่อสู้กระจุยเป็นชิ้นๆได้จริงๆ
เหมือนที่เราดูฟอร์มในทีมชาติอังกฤษ มร่ามขยันยิงจริงๆ ตรงด้วย กดแต่ละลูกนี่เข้าข้อเต็มตรีนทั้งนั้น
แต่ในบางครั้ง ความขาดๆเกินๆของเวลบ์ มันก็ทำให้ทีมตัวเองล่มได้เหมือนกัน เคยจำได้ใช่ไหมที่มันเสียบอลหน้าแผงหลัง
แล้วทีมเราก็โดนสำเร็จโทษ เคยเห็นไหมที่เกมส์บุกจบเพราะเวลบ์ แล้วโดนสวนเป็นประตู บ่อยมาก
ดังนั้น การส่งลงไป ในเกมส์ตึงเครียดที่ "ทุกอย่างยังไม่แน่นอน" แบบนี้ เวลบ์เป็นได้ทั้งข้อเสียและข้อดี
แต่วันนี้เห็นแล้วว่า ระเบิดคาอกตัวเอง ชัดเจน ไม่มีประโยชน์ในเกมส์บุก เก็บบอลไม่ได้ ..
ต้องพูดคุยกับนักเตะคนนี้แล้วว่า ทำไมเล่นให้สโมสรเป็นแบบนี้ เล่นให้ทีมชาติเป็นอีกแบบ ผิดที่รูปแบบทีมของสโมสรรึเปล่า
ต้องดูกันอีกที
อีกดอกที่ผมแมรร่งโคตรเซ็งที่สุดนอกจากเรื่องไม่ได้สามแต้มแล้ว คือการเปลี่ยนที่โง่ที่สุดอีกครั้งนึงด้วยการถอดรูนีย์ออก แล้วส่งเซนเตอร์ตัวที่สามลงไปในสนามนั่นแหละ .. คุณทำให้สมดุลทีมเสียอย่างรุนแรงด้วยการเอาตัวรับไปกองกันด้านหลังอย่างเดียว
แล้วพื้นที่อื่นในสนาม???? ได้คิดบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะแน่นอนว่า ถึงแม้คุณจะมีกำแพงที่หนาแน่นตั้งตระหง่านขนาดไหน
แต่พื้นที่อื่นๆในสนามเป็นของเค้าหมด เตะบอลออกมาเค้าก็เก็บได้หมดและหาทางบุกเราเรื่อยๆ
นี่คือจุดล่มสลายเดียวกับการที่มีกำแพงหนา แต่คู่ต่อสู้สามารถบุกยิงได้จากทุกๆจุด จนกระทั่งกำแพงที่ว่ามันก็เอาไม่อยู่
เพราะโดนทุกทิศทางแบบนี้ไง
เช่นกัน การเอากองหลังตัวที่3ไปกองแบบนี้ ผมไม่เคยเห็นเฟอร์กี้ทำ
และเป็นการเปลี่ยนตัวที่เลวร้ายที่สุดจริงๆที่ผมต้องทนเห็นแมนยูไนเต็ดเป็นอยู่ในทุกวันนี้
จริงๆก็คิดในใจเล่นๆตอนเวลบ์ลงมาแล้วว่า เอาวะ ถ้าวันนี้กุเสมอ มีแพะละ คิดเล่นๆฮาๆ
แต่ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้วว่า 2คะแนนที่หายไปวันนี้ คือความรับผิดชอบของคุณเต็มๆ เดวิด มอยส์
ในวันนี้ผมยังไม่ไล่คุณหรอก ผมจะอดทนดูต่อๆไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเริ่มนานวัน แล้วผมมั่นใจว่า ทรงของแมนยูไนเต็ดจะไม่มีทางคว้าแชมป์ได้เลย
ด้วยทัศนคติแบบคนทำทีม"สไตล์ช้า" เน้นเอาเสมอตัวเมื่อไหร่ เมื่อนั้นผมจะออกมาพูดคำว่า "
และช่วยเลิกยึดติดกับเอฟเวอร์ตันสักทีนะครับคุณ ไม่ต้องไปสอยเด็กเก่าสอยสตาฟฟ์มาแล้ว ตอนนี้คุณคือคนของunitedแล้ว
scout rangeของทีมใช่ว่าจะกากๆ ช่วยใช้หน่อย ไม่ใช่เอะอะก็มีข่าวจะดึงจากเอฟฯมา ขอเหอะ เหนื่อยใจ-/\-
ใช้เวลาปรับทีมไม่ว่ากัน แต่ช่วยกรุณาปรับปรัชญาการทำทีมหน่อย(โว้ย)ครับ
เซ็ง..
และดูแล้ว ไอ้สิ่งที่เรียกว่าทรงบอลและจิตวิญญาณเก่าๆของทีม คงไม่คืนมาแน่ๆ เพราะงั้น บอกตามตรงเหมือนหัวกระทู้เลยว่า
ปีนี้ผมไม่คิดว่าเราจะได้แชมป์อะไรเลย แม้แต่รายการเดียว
การเล่นกีฬา คนที่จะเป็นผู้ชนะได้ มันต้องมีอีโก้อะไรเล็กๆอยู่ในหัวตลอดเวลาว่า กุเจ๋ง กุเหนือกว่า และกุต้องชนะ ต้องชนะๆๆๆๆ
ซึ่งเดวิดมอยส์ ทำทีมโดยที่ไม่ได้มีความคิดที่ว่า "กุจะต้องชนะเท่านั้น" เลยในหัว อย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว..
ถ้าไม่รีบปรับทัศนคติการทำทีม คนที่แมรร่งพอใจกับการเสมอตัวแบบมอยส์ มันก็เหมาะกับการประคองทีมกลางตารางไม่ให้ตกชั้น
แต่ไม่มีทางที่จะได้ถ้วยแชมป์มาครองหรอกครับ